หลอน.........แพรวดาว บทสุดท้าย

กระทู้สนทนา
บทที่แล้ว
https://pantip.com/topic/36122671



....

             “คนไข้เป็นยังไงบ้างคะ”

             พยาบาลสาวถามคุณหมอ ขณะพากันยืนมองคนไข้บนเตียงคนไข้ซึ่งหลับใหลไม่ได้สติ บรรดาเพื่อนๆสามสี่คนนั่งล้อมรอบเตียงด้วยสีหน้าบ่งบอกความกังวลห่วงไย

             “ปลอดภัยแล้วครับ”   คุณหมอหนุ่มรูปหล่อพูดเรียบๆ ละสายตาจากแฟ้มระบุรายละเอียดในการรักษาคนไข้ในมือ สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกตามแบบฉบับคุณหมอมาตรฐาน ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาครู่หนึ่งแล้วบอกต่อไปว่า

             “คุณแพรวดาวนอนหมดสติไปได้สองวันแล้ว บางทีการบาดเจ็บครั้งนี้ น่าจะทำให้เธอหายเป็นปกติก็เป็นได้นะครับ”

             “เอ้อ...ดูเวลาสองวันนี่ต้องดูจากนาฬิกาด้วยหรือคะ”   เพื่อนสาวคนหนึ่งมองหน้าคุณหมอแล้วถามด้วยความสงสัย หมอหนุ่มขบกรามเล็กน้อยหันมาจ้องคนถามด้วยสายตาเยียบเย็น อธิบายช้าๆว่า

             “นี่คุณ...ในห้องนี้ไม่มีปฏิทินนะครับ เพื่อให้แน่ใจผมเลยต้องดูนาฬิกา นาฬิกามีไว้บอกเวลา ไม่ใช่มีไว้ชงกาแฟ  หรือบ้านคุณเอานาฬิกาชงกาแฟ หรือเอาไว้บูชาหาหวย ไม่แน่นะ...ตอนนี้มันอาจจะมีเอาไว้สำหรับปาหัวคนช่างถามก็ได้นะครับ”

             หญิงสาวเจ้าของคำถามทำคอย่นกลืนน้ำลายลงคออย่างสยองจิต หมอบ้าอะไร พูดจากวนสุภาพเหลือเกิน แล้วเหตุผลบ้าบอแบบนั้นฟังได้ที่ไหน  หมอคนนี้ดีหรือบ้ากันแน่

             “เธอเป็นอะไรไปคะ” เพื่อนสาวอีกคนรีบเปลี่ยนเรื่องถามเพื่อปรับเปลี่ยนสภาพบรรยากาศ ก่อนจะมีใครโดนนาฬิกาปาหัว

             “อ้อ..เธอเป็นโรค หลอนอ้วนพารานอยด์ ครับ”

             หลอนอ้วนพารานอยด์...คราวนี้เป็นนางพยาบาลสาวมองหน้าหมออย่างพิศวง เพราะตั้งแต่เรียนมายังไม่เคยได้ยินชื่อโรคแปลกประหลาดแบบนี้มาก่อน เพื่อนๆ ของแพรวดาวต่างก็พลอยมองหน้าคุณหมอไปด้วย ถ้าเป็นมนุษย์หล่อบ้าอย่างไรก็ยังดูดี คุณหมอเริ่มเขินอายขึ้นมาทันที  เพราะถูกสาวสวยหลายคนมองหน้าอย่างไม่เกรงใจความหล่อ

             “คือว่ามันเป็นแบบนี้นะครับ” คุณหมอหนุ่มเริ่มอธิบายวิชาการเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยความอุทธัจ “โรคที่ว่านี่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า โรค Fatty Boom Boom  crazy paranoid   อ้อ...  พวกคุณทั้งหลายไม่ต้องไปค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตให้เสียเวลาหรอกครับ จ้างให้แสนหนึ่งก็ไม่มีปัญญาเจอ เพราะผมตั้งชื่อแบบมั่วๆ เอาเอง ใครจะทำไม สงสัยข้องใจอะไรไหมครับ”

             พูดจบก็ยิ้มหมิ่นมุมปากสังเกตท่าทีของผู้ฟัง เห็นทุกคนทำหน้าสับสนไม่เข้าใจชีวิต คุณหมอจึงบรรยายต่อไป

            “โรคนี้เกิดจากคนไข้ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงระดับสิบแมนติจูด หรือที่เราเรียกกันว่าริกเตอร์นั่นล่ะครับ อ๊ะๆ ...อย่าทำหน้ามึนสิครับ คุณหมอขอร้อง.... ความรู้สึกคนเราสามารถสั่นสะเทือนได้แบบแผ่นดินไหว คุณแพรวดาวได้รับความกระทบกระเทือนใจอย่างหนักหนาสาหัส ทำให้ตัวเองคิดว่าตัวเองอ้วน มองเห็นภาพตัวเองว่าอ้วน ทั้งที่ไม่ได้อ้วน ถ้าอาการโรคนี้มีเพียงเล็กน้อยก็จะคิดว่าอ้วนน้อย ถ้าเป็นมากก็จะคิดว่าตัวเองอ้วนมาก หรืออาการหนักภาพในหัวยิ่งจะอ้วนทบเท่าทวีคูณ  ผมเคยเห็นคนไข้บางคนคิดว่าตัวเองกำลังอ้วนออกไปทุกทิศทางด้วยความเร็วแสง จนทำลายโลก ทำลายจักรวาล  ทำลายโครงสร้างของมิติต่างๆ คนไข้เลยพยายามฆ่าตัวตาย เพื่อหลุดยั้งตัวเองจากการเป็นผู้ทำลายจักรวาลเพราะความอ้วน”

             “ฟังดูแปลกๆบ้าๆนะคะ”   เสียงใครบางคนพึมพำอย่างประหลาดใจ หลายคนไม่กล้าถามอะไรเพราะรู้สึกว่าคุณหมอเองก็ดูบ้าแปลกๆเหมือนกัน

             “ไม่แปลกหรอกครับ  อาการแบบนี้เกิดได้กับทุกคน  หรือจะบอกว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะบ้าได้เสมอ  เพียงแต่บ้าไปคนละแบบเท่านั้น  ถ้าคุณบ้าเหมือนชาวบ้านทั่วไปคุณก็จะดูเหมือนกลายเป็นคนปกติโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าคุณบ้าผิดมาตรฐานสากลของสังคม คุณก็จะกลายเป็นคนบ้าสมบูรณ์แบบไปโดยอัตโนมัติเช่นกัน ดังนั้นก่อนจะบ้าก็ขอให้คิดดูดีๆนะครับ ให้ถูกทิศถูกทางถูกที่ถูกเวลา  บางทีโลกของความฝันกับโลกของความจริงก็เคลื่อนตัวเข้าปะทะกัน ทำให้เกิดจักรวาลใหม่ขึ้นมา  เอาล่ะ...ผมจะไปดูคนไข้คนอื่น คุณสโรชินฝากดูแลทางนี้ด้วย”

             หลังจากหันมาบอกกับนางพยาบาล คุณหมอก็เดินจากไปด้วยอาการโยกย้ายส่ายหัวแบบคนมีดนตรีในหัวใจ พร้อมกับอาการฮัมเพลง  Fatty boom boom ไปด้วยอย่างสบายใจ มีเศษใบเลื่อยไฟฟ้าสองสามชิ้นหล่นลงจากเสื้อผ้า คุณหมอชะงักมองซ้ายขวาเพื่อความแน่ใจ รีบก้มตัวลงไปเก็บเศษใบเลื่อยก่อนใครจะสังเกตเห็น



             คุณนายดวงเดือน คุณแม่ของแพรวดาว  นึกเสียใจกรณีแอบมาเยี่ยมลูกสาวโดยไม่บอกล่วงหน้า เพราะต้องการให้ลูกสาวตื่นเต้นดีใจ ไม่คิดว่าเป็นสาเหตุทำให้ลูกสาวมีอันเป็นไปกะทันหันขนาดนั้น แค่ทำข้าวขาหมูพะโล้วางโชว์บนโต๊ะอาหารเท่านั้น เพียงให้ดูเป็นขวัญตา ก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุของแรงจูงใจเร้นลับทำให้สติแตก จะต้องมีอะไรบางอย่าง กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรงนอกเหนือการคาดเดา

             แต่เพราะการงานยังเป็นภาระหน้าที่สำคัญ ไม่มีเวลารอดูอาการของลูกสาว  คุณแม่จึงให้ป้าแช่มแม่บ้านคนเก่าแก่ไว้ใจได้ มาดูแลบ้านคอยรายงานข่าวแทน ซึ่งป้าแช่มก็รีบตกลงรับปากทันที เพราะจะได้ถือโอกาสเปิดหูเปิดตาไปในตัว

             เย็นวันนั้น ...ขณะเก็บกวาดห้อง ป้าแช่มสังเกตเห็นแผ่นกระดาษเล็กๆ ตกอยู่ใต้เตียง สงสัยว่าลูกสาวคุณนายดวงเดือนคงไม่ได้อ่าน เพราะถ้าอ่านเธอจะต้องเก็บไว้ลิ้นชักหัวเตียง  ดูแล้วเหมือนเป็นลายมือผู้ชายหน้าตาดี หุ่นเท่ ร่ำรวย ความอยากรู้อยากเห็นตามประสาทำให้หยิบมาอ่าน  ได้ใจความว่า


             “แพรวดาวแม่ยอดขมองอิ่ม.......ผมทำงานอยู่ต่างประเทศ มีโอกาสซื้อชุดใหม่ส่งมาให้ทดลอง วันคล้ายวันเกิดของคุณ ใกล้เข้ามาเหลือเวลาอีกแค่ 7 – 8  เดือนเท่านั้น มันเป็นชุดพิเศษ สร้างโดยใช้เทคโนโลยีไบโอควอนต้ามินินาโนพิเศษ ขายถูกมาก แค่สองแสนเหรียญเอง ใส่แล้วจะทำให้กระบวนการเมตาโบลิซึมในร่างกายปรับเปลี่ยนให้คนสวมใส่เป็นประจำกลายเป็นคนหุ่นสวยหุ่นดีในเวลาไม่เกินสัปดาห์ทันที ไม่ว่าจะกินหนักขนาดไหน ต่อให้คุณกินช้างทั้งฝูงก็ตาม หรือนอนกินบ้านกินเมืองทั้งวันทั้งคืนก็ไม่เป็นไร  แต่มันมีข้อเสียเล็กน้อยคือหลังจากคุณลองใส่มันครั้งแรก จะใช้เวลาปรับตัวสองสามวัน ช่วงนี้คุณไม่ต้องสติแตก เพราะมันจะหดเล็กลงเพื่อปรับสภาพแต่หลังจากนั้นมันจะปรับกลับคืนสภาพใส่ได้พอดีตลอดไป ขอให้หุ่นดีมีความสุขกับชุดพิเศษนี้นะครับ จุ๊บๆ..”

             เป็นลายมือของคนรักคุณแพรวดาวแน่นอน เธอคงทำจดหมายน้อยฉบับนี้หล่นไปเสียก่อนโดยไม่ได้อ่าน…โถ...คุณแพรวดาวผู้น่าสงสารและน่าสงสัย   ชุดเทคโนโลยีไบโอควอนต้ามินินาโนพิเศษ...เปล่า  ป้าแช่มไม่ได้สนใจชื่อแปลกๆอะไรนั่นหรอก ถึงสนใจก็ไม่รู้ความหมาย  แต่สนใจชุดต่างหาก  เพราะมันคือชุดในฝันของคุณผู้หญิงทั้งหลายเลย  อะไรจะวิเศษขนาดนั้น การที่สามารถกินสะบั้นหั่นแหลก ชนิดตามใจปากได้แบบไร้ขีดจำกัด โดยร่างกายไม่มีวี่แววแห่งความอ้วนท้วน เป็นความฝันสูงสุดของมนุษยชาติประการหนึ่ง  ว่าแต่ชุดดังกล่าวอยู่ไหนกันแน่  ถึงแก่แล้วก็อยากจะหุ่นดีมีหวิวดูสักครั้ง หวังว่าลูกสาวคุณนายคงไม่สวมใส่ไปแล้วนะ  คิดพลางหญิงสูงวัยเริ่มรื้อค้นดูตามชั้นวางของในตู้เสื้อผ้าเป็นการใหญ่

             ชุดจ๋าอยู่ไหนนะ

             นั่นไง  เจอจนได้.....อยู่ในกล่องกระดาษซุกไว้ใต้เตียงนี่เอง กล่องมีรอยถูกแกะแต่เหมือนว่าลูกสาวของคุณนายจะไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะแม้แต่จดหมายน้อยยังหล่นอยู่บนพื้นอย่างไม่ใส่ใจ หยิบชุดมาตรวจดู พบว่าเป็นชุดว่ายน้ำสีแดงสดใส อยู่ในสภาพเรียบร้อย เหมือนไม่ได้ถูกสวมใส่มาก่อน

             ชุดจ๋า...แช่มมาแล้วจ๊ะ....ตอบหน่อยสิจ๊ะ จ๊ะเอ๋ จ๊ะเอ๋... ใส่ลองดูดีไหมนะ....
             ใส่เข้าไปเลย ไม่ต้องลังเล....  เสียงในความรู้สึกดังกังวานสะท้านใจ
             ไม่นะ...อย่าไปยุ่งสิ่งของของคนอื่น...
             จะไปกลัวอะไร ไม่มีใครเห็นหรอก  เกิดมาทั้งทีน่าจะลองใส่ชุดว่ายน้ำดูบ้างนะ  ใส่แต่กระโจมอกผ้าถุงมาทั้งชีวิตแล้ว.....ลองดูสักนิดไม่เป็นไรน่า...

             เสียงฝ่ายดีและฝ่ายร้ายต่อสู่กันไปมาอย่างไม่ยอมลดราวาศอก ท้ายที่สุดพลังฝ่ายมารเหนือกว่า แสงสว่างเป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราว ความมืดดำต่างหากเป็นอมตะชั่วกัปชั่วกัลป์   อย่างกระนั้นเลย ให้ป้าลองสวมดูสักนิดนะคะ ถึงแก่ก็ยังอยากหุ่นดี วันนี้ขอผิดจริยธรรมแม่บ้านดูสักครั้ง

             ป้าแช่มหลับตาเพราะความอายเกินวัย ถอดชุดผ้าซิ่นเสื้อคอกระเช้าลายดอกออกจากตัว บรรจงสวมชุดพิเศษด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าจะจริงแท้แน่นอนขนาดไหน

             ยังไม่ทันจะได้สวมเสื้อผ้าชุดเดิมปิดทับ ป้าแช่มก็รู้สึกร้อนวูบวาบขนลุกซู่ไปทั้งตัว ชุดสีแดงดูรัดรูปจนอึดอัด อยากจะถอดก็ถอดไม่ได้เพราะมันแนบเนื้อเหลือเกิน และยังเริ่มมีอาการคันระคายตามเนื้อตัวทีละน้อยทำเอาเริ่มใจเสีย หรือว่าจะเป็นเพราะการผิดบาปอันเกิดจากขัดจริยธรรมของแม่บ้าน

             อาการคันมากขึ้นทุกที ความร้อนวิ่งวูบวาบไปทั่วตัวใจสั่นระริกเหมือนจะกระโดดออกมาจากทรวงอก ป้าแช่มหันซ้ายหันขวา ความรู้สึกว่าชุดสวยทำให้ระคายเคืองคันคะเยอจนอยากถอดทิ้งสิ่งแปลกปลอมตามร่างกายให้หมด แต่จนใจว่าทำไม่ได้เสียแล้ว ชุดพิเศษเหมือนหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกับผิวหนัง ซวยล่ะคราวนี้...

             วูบนั้นแม่บ้านวัยดึกนึกถึงลุงบุญมี ผู้เป็นสามีกำลังนั่งดื่มเหล้าขาวอยู่แถวร้านส้มตำกับเพื่อนฝูงไม่ไกลออกไปเท่าไร แกคงช่วยได้ คุณป้าพอคิดได้จึงรีบเผ่นตัวปลิวออกจากบ้านทันทีในชุดอาบน้ำสีแดงสดใสบาดใจบาดตา วิ่งไปเกาคันไปกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนกับภาพพิสดารพันลึกชนิดไม่เคยแม้แต่จะจินตนาการ

             จะมีสักกี่ครั้งในชีวิตกับการเห็นคุณป้าสูงวัยในชุดว่ายน้ำแบบประกวดนางสาวจักรวาลเขาใส่กัน แถมวิ่งตามถนนอย่างไม่อายใคร ตายแล้วเกิดใหม่กี่รอบก็ไม่รู้ว่าจะเจอหรือเปล่า

             นั่นไง....วงเหล้าในร้านส้มตำ

             ฝ่ายลุงบุญมีกำลังสวนเสเฮฮากับผองเพื่อน ได้ยินเสียงผู้คนร้องเสียงเซ็งแซ่ผิดปกติ จึงหันไปมองตามทิศทางของเสียงแล้วตกตะลึงตาเหลือก เมื่อเห็นผู้เป็นภรรยาใส่ชุดอาบน้ำสีแดงแรงฤทธิ์วิ่งตรงเข้ามาหาด้วยอากัปกิริยาประหลาด

             “แช่ม.....แกเป็นอะไรไป”   

            พูดยังไม่ทันขาดคำ ป้าแช่มก็โถมผ่าโครมเข้ามากลางวงเหล้าจนหงายหลังล้มกลิ้งลงไปบนพื้นด้วยกัน สมาชิกวงเหล้ากระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทาง ป้าแช่มผู้มีเรี่ยวแรงมหาศาลผิดธรรมดานั่งคร่อมร่างของสามีมือทั้งสองจับบ่าเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน

             “ถอด...ถอดชุดให้เดี่ยวนี้”     เสียงร้องตะโกนกรอกหูแทบแตก หลายคนมุงดูอยู่เริ่มเข้าใจอะไรทันที พากันส่งเสียงเฮลั่น
             “โห..คุณป้า ไปกินอะไรมาถึงได้คึกขนาดนี้”
             “ถอดเลย..ถอดเลย”
             “ลุงบุญมีสู้ๆ ลุงบุญมีสู้ตาย ไว้ลายสู้ๆ  ซ้ายสู้ ขวาสู้ สู้ๆ”

             ไม่สู้ ตูก็จะตายแล้วโว้ย....คุณลุงคร่ำครวญในใจพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดแกะมือตุ๊กแกของคู่ชีวิตเต็มที่ ไม่รู้ว่าเกิดอาเพศอะไรขึ้น หรือจะเป็นผลแห่งบาปกรรมเพราะขนาดวันพระยังพากันมานั่งดื่มเหล้า เทวดาฟ้าดินเลยลงโทษ เพื่อนฝูงก็ช่างกระไร ไม่มีน้ำใจมาช่วยเหลือเลย กลับพากันร้องเชียร์อย่างสนุกสนาน

             ลุงบุญมีอาศัยจังหวะที่ป้าแช่มวางมือหันไปเกาเนื้อตัวจากอาการคันชวนน้ำลายไหล กระแด่วดิ้นหนีรอดพ้นอุ้งมือเมียไปได้อย่างหวุดหวิด โดยมือหัตถ์พิฆาตตวัดวูบเฉียดกกหูไปเพียงนิดเดียว ชายชราหายเมาเป็นปลิดทิ้งลุกขึ้นวิ่งสุดชีวิตด้วยความอกสั่นขวัญหาย บรรดาท่านผู้ชมทั้งหลายไม่มีใครย่อท้อต่างร่วมแรงร่วมใจวิ่งตามมาอย่างไม่ยอมลดละเพราะไม่เคยเห็นอะไรมหัศจรรย์แบบนี้มาก่อน  ไม่ต้องทายก็พอเดาได้ว่าป้าแช่มต้องลุกขึ้นไล่ตามติดมาด้วยอย่างแน่นอน คงไม่ยอมให้คนอื่นถอดเสื้อผ้าให้เป็นแน่แท้



.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่