แชร์ประสบการณ์ แต่งงานใช้ชีวิตกับภรรยาที่อายุมากกว่าผม7ปี

วันนี้จะมาขอแชร์เรื่องภรรยาของผมบ้างนะครับ ^^

เรื่องนี้จริงๆมันเป็นเรื่องคู่ขนานกันกับกระทู้ล่าสุดของผม แต่ผมจะไม่ได้เล่าเป็นเนื้อเรื่องแบบประทู้ก่อนๆนะครับ เพราะผมจะรู้สึกผิดมากแน่ๆ จะขอแค่เกริ่นนำ และพูดถึงปัญหา อุปสรรค ข้อดี ข้อเสีย วิธีการปรับแก้ปัญหานะครับ

อย่างที่ผมเคยตอบหลายๆกระทู้ไว้ ผมมีภรรยาที่แก่กว่าผมถึง7ปี...
จริงๆมันเป็นความรู้สึกส่วนตัวครับ ตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยปี1 ใช้ชีวิตเสเพลไปทั่ว เคยคบกับสาว อายุมากสุด35ปี ขณะนั้นผม18 ผมจีบก่อนด้วย รู้สึก สาวอายุประมาณนี้ มีเสน่ห์มากครับ แต่ตอนนี้เริ่มรู้ใจตัวเองแล้ว เราไม่ได้ชอบคนแก่กว่าหรอก เพราะตอนนี้ 30แล้ว ก็ยังชอบคนอายุ 30หน่อยๆอยู่ คาดว่า ตอนตัวเอง 40-50 ก็จะยังชอบผู้หญิงอายุเท่านี้ 555555
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะครับ อย่างที่เคยบอกไว้ในกระทู้ที่แล้ว ผมเองมีธุรกิจของคุณพ่อคุณแม่ครับ จริงๆเรียนจบปุ้บ ผมก็ควรจะกลับมาช่วยเขาเต็มตัว แต่ตอนนั้น ผมเองโดยบรรดาญาติๆดูถูกมากๆครับ(ทั้งๆที่ไม่ได้มีส่วนกับธุรกิจเรา) ว่า
“เรียนจบมาแล้วไง เรียนเก่งเหลือเกิน ไปจบม.ดังมา สุดท้ายก็มาเกาะพ่อแม่กิน”
“จบวิศวะเดี๋ยวนี้ทำไรกินวะ วิศวกรแถวนี้กูเห็นเงินเดือนน้อยกว่าช่างแอร์ที่บ้านกูอีก”
ผมเจอประโยคพวกนี้บ่อยๆ ผมไม่ได้แคร์พวกเขาหรอก ผมรู้ว่ามันมาจากการที่ ลูกพี่ลูกน้องผม ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเอาดีทางเรียนครับ คือ ถ้าดีนะก็ปังเลย สอบชิงทุน จบดร.จากนอก ไม่ขอเงินแม่ซักบาทไรงี้ครับ แต่ส่วนใหญ่ จบม.6หรือปวช.นี่แทบจะต้องไปบนบานกันเลย ถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็เลือกจะขอออกมาทำงาน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ครับ จริงๆก็คือร้อนวิชานั่นแหละ เรียนจบมาก็อยากใช้ครับ...

ผมได้งานก่อนเรียนจบนะ ผมจำได้ว่า พอใกล้ๆจะจบ ก็เริ่มมีบริษัทมาเปิดบูธหาวิศวกรจบใหม่แล้ว ผมเองก็ไม่ได้สนใจ เพราะอยากได้ใกล้บ้าน ถึงจะทำงานข้างนอก แต่ถ้าอยู่ใกล้บ้าน ก็จะช่วยพ่อแม่หยิบจับได้บ้าง(ตอนนั้นไม่ได้กตัญญูหรอกครับ กลัวโดนตัดกงสี 5555) ก็ไปเจอบริษัทนึง อยู่ไม่ไกลบ้านครับ เป็นบริษัท ญี่ปุ่น เงินเดือนรวมสวัสดิการ ไม่เยอะมากครับ แต่พอรับได้ เพราะโบนัสพ่อฉีดกระจายมากๆจำได้ว่า ตอนนั้นเขาบอกว่าขาดคนมากและอยากได้ผมมาก ในบรรดาตัวเลือกทั้งหมด ถึงขนาดเริ่มงานสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ไม่เริ่มต้นเดือนต่อไป พร้อมทั้งเสนอคุยและออกเอกสารให้ผม เพื่อให้สอบตัวสุดท้ายในวันเสาร์-อาทิตย์แทน ตอนนั้นจำได้ว่าโชคดีว่าวิชาสุดท้ายเป็นวิชาเลือก จึงทำได้ครับ ผมก็ไปเริ่มงาน เรื่องของงานผมขอไม่พูดละกันนะครับ เพราะมันจะเข้มข้นกว่าเรื่องภรรยาผมแน่นอน 5555
ผมเข้าไปเป็นวิศวกรจบใหม่ครับ  น่าเคี้ยวเลยล่ะตอนนั้น สาวๆออฟฟิศมารุมจีบจริงๆนะครับ ขนมเต็มโต๊ะทุกวัน 55555 พวงกุญแจเอย กับข้าวเอย ทุกอย่าง เต็มครับ ผมทำงานโดยใช้รถญี่ปุ่นคันเก่าอยู่ ตอนนั้น เป็นรถที่ซื้อมาหลังจากตอนที่เจ้ารถซิ่งคันเก่าของผม(จากตอนมีแฟนเป็นSL คลิกดูในชื่อผมได้ครับ) ก็ใช้มาได้ปีนึงได้ ก็พยายามทำตัวลึกลับครับ ไม่อยากให้รู้ว่าที่บ้านทำอะไร บอกตามตรง กลัวโดนเกาะกลัวเจอเพื่อนกิน ผมทำงานไปซักเดือนนึง น้ำหนักผมขึ้นมา 5 กิโลกรัม จากขนมแม่ยก 555555 พอเข้าเดือนที่ 2 ผมจึงเลือกไม่ไปกินข้าวเที่ยง เพราะยังไงตอนเย็นก็ไปร้านเหล้า ก็คงกินไม่ค่อยลงแน่นอนอยู่แล้ว ก็ลดข้าวเที่ยงลงหน่อยละกัน พอผมไม่กินข้าวเที่ยงวันนั้น ตอนบ่ายโมงตรง ผมก็ได้รับEmailฉบับนึง เด้งเข้าคอมบริษัท
“เที่ยงไม่ทานข้าวหรอ ไม่เห็นที่โรงอาหารอ่า”
เมลฉบับนั้นไม่ได้เป็นชื่อจริงของตัวพนักงาน แต่เป็นชื่อตำแหน่ง”ล่าม” ผมเองก็มาได้เดือนกว่าๆ  ตัวล่ามมีกี่คนก็ไม่รู้ ใช้ล่ามจริงๆแค่2-3ครั้งซึ่งล่ามเจ้าของProjectเราก็เป็นผู้ชาย แต่ก็ตอบไว้เชิงไปว่า
“อ่อ ไม่ล่ะครับ ช่วงนี้น้ำหนักขึ้น พี่ๆในออฟฟิศใจดีให้ขนมมาเยอะ เลยต้องลดข้าวบ้าง” ผมส่งเมลฉบับนี้กลับไป...
“ง่า แย่เลย อุตส่าห์ซื้อโยเกิร์ตกับแซนวิชไว้ให้อยู่ในตู้เย็นช่องล่าง ถ้าหิวไปหยิบกินได้นะ” ส่งเมลกลับไปไม่ถึง 5 นาทีก็เด้งกลับมาแล้ว
ในนาทีนั้น ผมเองไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ไม่รู้ใคร เก้งรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมไม่ได้หยิบโยเกิร์ตกับแซนวิชมากิน วันรุ่งขึ้น ตอนประมาณ9.30 น. มีเมลเด้งขึ้นมา
“เมื่อวานไม่เห็นกินโยเกิร์ตกับแซนวิชเสียเลย”
“อ่อ พอดีไม่ค่อยหิวน่ะครับ ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับ”
“รู้มั้ยนี่ใครพิมมา”
“ตรงๆนะครับ ไม่รู้”
“ก็แน่ล่ะสิ จะรู้ได้ไงล่ะ เมลไม่มีชื่อนี่ นกหัวขวาน” คือ คำว่านกหัวขวาน มันมาจากทรงผมสมัยนั้น คือซัก8ปีก่อน กระแสเกาหลีมันพึ่งซา ผมก็กลับมาตัดผมสั้น ไม่รู้จะเซ็ทผมยังไง ก็ย้อนกลับไปหาIdol พี่แบงค์วงแคลชครับ 5555 ซึ่ง ทำให้ผมรู้เลยว่าใคร มีผู้หญิง 2 คน ที่มาเรียกผมแบบนี้ เขาเป็นเพื่อนกัน คนนึงตั้งท้อง อีกคน ตัวเล็กๆ ผมยาวๆ หน้าออกญี่ปุ่นๆ ก็ต้องเป็นคนนี้ล่ะครับแน่นอนละแหละ ผมสมมติว่าเธอชื่อดาแล้วกันนะครับ หลังจากนั้นเราก็คุยกันมาทางE-mail หลายเดือนครับเมลเป็นพันฉบับเลย อาจด้วยว่าตอนนั้น ผมก็คุยกับสาวๆ PRร้านเหล้าไม่ขาดสาย แต่ยังโชคดีครับ ชื่อเสียงทางนั้นของผม ไม่ได้กระพือมาถึงบริษัท เลยรอดตัวผมคุยเมลกับดาเป็นร้อยฉบับเลยครับ เราคุยกันแบบนี้นานมากนะครับ เกือบปีกับความสัมพันธ์แบบอธิบายไม่ได้ จนเราเป็นแฟนกันครับ ระยะเวลาที่คุยกัน ผมไม่เคยรู้อายุเธอเลยครับ กว่าจะคบกัน ผมก็จะ 23แล้ว ในตอนนั้น พอคบกันได้ซักพัก ผมถึงรู้อายุเธอ แก่กว่าผม 7 ปีแน่ะ แต่หน้าเธออ่อนนะครับ ตอนนี้ผม30แล้ว ผมว่าเธอหน้าอ่อนกว่าผมอีกเนี่ย ทั้งๆที่เธอ37แล้ว เราก็คบๆเลิกๆกันมาตลอดครับ จนเราแต่งงานกันเมื่อปีก่อน...

เดี๋ยวมาต่อนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่