[CR] " ไ ป แ พ ร่ กั น " , , , 2 วั น 1 คื น

ไ ป แ พ ร่ กั น


         จริงๆแล้วทริปนี้ควรจะเป็น เ ชี ย ง ร า ย เสียมากว่า เพราะเราตั้งใจไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แล้วว่าอยากไปดูงานบอลลูนที่ไร่สิงห์ปาร์ค แต่เนื่องด้วยแผน 1 ล่ม แผน 2 ล่ม เลยมาจบที่แผน 3 ทำให้เกิด ท ริ ป ไ ป แ พ ร่ กั น,,,2 วั น 1 คื น คราวนี้ด้วยงบที่มีอยู่อย่างจำกัดและ เวลาไม่มากพอเหมือนทริปเชียงใหม่หน้าฝนปีที่แล้ว เลยได้ค้างที่แพร่แค่คืนเดียว แต่ทริปนี้เป็นทริปที่ได้นอนโฮมสเตย์ครั้งแรก ได้กินอาการเช้าคลีนๆ ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆกับชาวต่างชาติ ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ เหมือนได้รับอะไรใหม่ๆเข้ามาในชีวิตเลย รักคุณ


วั น ที่ 1
1 3 กุ ม ภ า พั น ธ์ 2 5 6 0

          ทริปแพร่นี้เราเริ่มจากการขึ้นรถตู้ที่หน้าม.พะเยา เพราะเนื่องจากเรามางานรับปริญญาเพื่อน ตอนแรกถามเพื่อนว่าขึ้นรถตู้ได้ตรงไหนถ้าจะไปแพร่ เพื่อนก็ไม่สามารถให้คำตอบได้เพื่อนตอบเราแค่ว่าไม่รู้เหมือนกันไม่ค่อยได้ไปไหน TT คงต้องขอบคุณโลกนี้ที่มีอากู๋ให้เราได้เสิร์ชหาข้อมูลกันอีกแล้ว รถตู้ที่ผ่านหน้าม.พะเยาไปแพร่ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง เราได้รถรอบ 8.50 น.พอซื้อตั๋วเสร็จก็ข้ามถนนมารอรถ คนขายตั๋วบอกกับเราว่ารถตู้จะมาจอดตอน 08.46 น. และรถจะออก 08.50 น. ตอนแรกเราคิดว่ายังไงก็มาเลทชัวร์ แต่พอรถตู้มาถึง เราก้มดูเวลา 08.46น. เออ!! มาตรงเวลาเป๊ะแอบประทับใจเบาๆ และรถออกในเวลา 08.51 น.
          เราถึงบขส.แพร่ประมาณ 10 โมงกว่าๆ แต่ยังเข้าที่พักไม่ได้เพราะที่พักให้เช็คอินเข้าตอนบ่ายโมง เราเลยนั่งรถ 2 แถวมาลงตลาดเพื่อหาอะไรกินรองท้อง ตอนแรกอยากกินโจ๊กพอมาถึงร้านเค้าก็เก็บหมดแล้ว มองไปเห็นร้านข้าวหมูแดงเปิดอยู่มีก๋วยเตี๋ยวด้วย เลยจัดข้าวหมูกรอบกับบะหมี่เกี๊ยวหมูแดง มากันคนละอย่าง ตอนนั่งกินก็นั่งคุยกันว่าหมูเค้าอร่อยจังเลยเนอะ กินเสร็จจ่ายเงินแล้วก็เดินออกมา เพิ่งมารู้ชื่อร้านทีหลังว่าคือ ร้านราชาลอย เค้าขึ้นชื่อเรื่องหมูหมักอยู่แล้ว ราคาชามละ 30 บาทเองอ่ะ อร่อยเว่อร์วังแบบหมูละลายในปากกันเลยทีเดียว


          พออิ่มท้องแล้วกองทัพก็ใช้กำลังขา เพื่อเดินไปยังที่พักซึ่งใน booking บอกเราว่าจากที่พักเราสามารถเดินเล่นมายังประตูชัยได้ แล้วเราอยู่ประตูชัยทำไมจะเดินไปที่พักไม่ได้ล่ะ,,,,,, เอ้าาาเริ่มเดินเปิด google map ไปด้วย เดินไปซักพักแม่มมมม ทำไมมันไกลจังกระเป๋าก็หนักชิปเป๋ง นี่เราทำอะไรอยู่เนี่ยยยยยยยย เราเริ่มเดินจากร้านราชาลอยไปสี่แยกประตูชัยเลี้ยวซ้ายตรงไปนิดนึง เลี้ยวขวาเข้าถนนร่องซ้อก่อนผ่านสถานีตำรวจ แล้วก้อเดินยาวไปเลย เข้าถนนวิชัยราชา  เดินกันยาวๆไปจนถึงแยกวัดพระนอนเราก็เลี้ยวซ้าย เข้าถนนคำลือ ผ่านกาดกองเก่าที่วันเสาร์มีถนนคนเดิน(คราวหน้าจะมาเดินให้ได้เลย ) เดินยาวๆไป แล้วค่อยเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเชตวัน อีก50เมตรเลี้ยวซ้ายเข้าที่พัก (เดินหลายยาวจังจะบรรยายทำไมไม่รู้ รู้แต่กระเป๋าหนักมากกกก TT) ในการเดินวันนั้นใช้เวลาเดินไปเกือบๆ 40 นาที มาถึงก็ใกล้เวลาเช็คอินพอดีเลย เย้ เย้

ถึงแล้วจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา " เ ช ต วั น โ ฮ ม ส เ  ตย์ " ที่พักสำหรับเราในค่ำคืนนี้



          เราได้รับ welcome drink ด้วยน้ำเย็นแสนชื่นใจ แต่ยังเช็คอินไม่ได้เพราะป้าตู่ยังทำห้องไม่เสร็จ แต่มันก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น คือเรายังไม่ทันจะหายเหนื่อยจากการเดินทางไกล กำลังจะหยิบน้ำมาดื่ม  ป้าตู่เจ้าของที่พักถามเราว่าพรุ่งนี้ลูกกลับกันยังไง เราเลยบอกว่าเรากลับรถไฟค่ะป้า ป้าถามว่าเรามีตั๋วหรือยังเราก็บอกว่าพวกเรามีตั๋วมาแล้วจากกรุงเทพ ป้าบอกว่างั้นดีเลยหนูช่วยคุยกับฝรั่งให้ป้าหน่อยพอดีเขาจะกลับรถไฟพรุ่งนี้แต่ยังไม่มีตั๋ว ป้าโทรไปสถานีเขาก็ไม่รับ หนูช่วยพูดกับเขาทีนะว่าต้องไปซื้อตั๋วรถไฟที่เด่นชัยเพื่อที่จะกลับพรุ่งนี้ นะลูกนะ ช่วยป้าหน่อยนะลูก จย้าาาาาาโหดฉัดรัสเซียทำไงเนี่ยหนูด็อกอิ้งมาาาาา  ป้าไม่ถามหนูซักคำเลยง่ะ แต่สรุปแล้วคือเราก็ช่วยกันพูดแบบงูงู ปลาปลา หมาหมา แมวแมว ฝรั่งเค้าก็น่ารักนะพยายามจะฟังเราให้ออกเราก็พยายามจะพูดให้เขารู้เรื่องแหละว่าเดี๋ยวเราจะเช่ามอร์ไซค์แล้วเอาไปส่งยู ที่ท่ารถสองแถวหน้าอาชีวะเพื่อไปเด่นชัย พอยูซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วยูก็ขึ้นรถสองแถวกลับมานะ โอเคนะ ป้าตู่ก็จัดแจ้งโทรเรียกมอร์ไซค์มาให้เราจ่ายเงินเช็ครถเสร็จก็พาฝรั่ง 2 นางไปขึ้นรถ ทำเอาเหงื่อตกกันเลยทีเดียวกว่าจะได้เช็คอินเข้าที่พัก

          ในที่สุดก็ได้เข้าห้องแล้วจ้าาาาาา พอได้เข้ามาเรารู้สึกตกหลุมรักห้องพักจัง อากาศถ่ายเทสะดวก มีแสงแดรำไรๆ ได้ยินเสียงนกร้อง มันรู้สึกแบบสบายอย่างบอกไม่ถูกอยากจะนอนอยู่แต่ในห้องไม่ต้องออกไปไหนเลย แต่ทำไม่ได้ด้วยเวลาที่เรามีอย่างจำกัด เราต้องออกไปเที่ยวววววว เที่ยว เที่ยว !

ห้องน้ำเป็นแบบเปิดมากกก ไฟในห้องน้ำเสียช่างไม่ยอมมาซ่อมนานแล้วบวกกับลูกค้าป้าตู่บอกว่าไม่ต้องซ่อมแล้วชอบแบบจุดเทียนอาบน้ำมันคลาสสิคดี
พักล้างหน้าล้างตาหายเหนื่อยแล้วเราก็เตรียมตัวจะออกไปเที่ยวเมืองแพร่กัน^^

    
         พอจะออกเดินทางท้องก็ร้องอีกแล้วเพราะได้กลิ่นชีสลอยมาตามลม อิอิ ป้าตู่บอกว่ามีคาเฟ่อยู่หน้าที่พักเราเนี่ย ลองไปทานดูสิมีมุมให้ถ่ายรูปด้วยนะ เผื่อชอบ ถ้าไม่ทานก็ไม่เป็นไรเดินดูได้ แหมมม เข้าไปร้านเค้าแล้วเนอะ ก็ต้องลองกินของเค้าหน่อยล่ะกัน ร้านชื่อว่า เค้กน้องหญิง อยู่ในซอยวัดเชตวัน

เราสั่งสปาเก็ตตี้ชีส แซนวิชแฮมชีส เฟรนฟราย แล้วก็โกโก้เย็น กับ โซดาบลูฮาวาย(ไม่ค่อยหิวกันเท่าไรเลย )

เด็ดสุดของร้านนี้ที่เรากิน เราให้แซนวิชแฮมชีสชนะเลิศศศ ไปเลยค่าา พลุ พลุ
ขนมปังนุ่มๆกับชีสยืด+น้ำสลัดและผักที่เป็นเคียง เพื่อเวลากินจะได้ไม่เลี่ยนจนเกินไป อิ่มแล้วก็ไปเที่ยวกันเลยดีกว่า


วัดพระนอน

          วัดพระนอน เป็นวัดที่เก่าแก่ ซึ่งตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองเก่าของเมืองแพร่ แต่เดิมนั้นวัดนี้มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ คือพระนอน ซึ่งองค์จริงนั้นเป็นหินยาวขนาดหกศอก ต่อมาเจ้าปู่ท้าวคำซึ่งเป็นพระอัยกาของเจ้าพระยาชัยชนะสงคราม เห็นว่าไม่ปลอดภัย จึงให้สร้างพระนอนองค์ใหญ่ ครอบองค์เดิมไว้และช่วยกันตกแต่งพระพุทธรูปนอน องค์ใหญ่ให้สวยงาม


      
คุ้มวงศ์บุรี

       คุ้มวงศ์บุรีเริ่มก่อสร้างขึนในปี พ.ศ. 2440 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2443 โดยได้ช่างชาวจีนจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน มาควบคุมการก่อสร้างโดยมีช่างพื้นเมืองเป็นผู้ช่วยจนเสร็จสมบูรณ์ คุ้มวงศ์บุรีมีความพิเศษเนื่องด้วยเป็นที่พำนักของอดีตชายาในเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์จึงสามารถขนานนามว่า“คุ้ม”ได้ คุ้มหลังนี้อาคารแบบไทยผสมยุโรป โดยเป็นเรือนไม้สักทองขนาดใหญ่ 2 ชั้นทรงไทยล้านนาผสมยุโรป สีชมพูอ่อนซึ่งเป็นสีแต่ดั้งเดิม

          แค่ก้าวแรกที่เราเดินเข้าไป เรารู้สึกตกหลุมรักแบบไม่มีคำบรรยายเลย เราก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม เรารู้แค่ว่าเราชอบทุกอย่างที่เป็นบ้านหลังนี้ทั้งสี ทรงบ้าน การระบายอากาศ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ รู้สึกอินไปหมดเหมือนโดนมนต์สะกดเลย เราใช้เวลาดูนั่นอ่านนี่ไปชั่วโมงกว่าแบบไม่รู้ตัว ไม่รู้สึกว่าเบื่อด้วยซ้ำ เรารู้สึกว่าที่เราจ่ายค่าเข้าชมไปแค่ 30 บาทมันคุ้มสำหรับเรามาก แอบเสียดายโปสการ์ดที่นั่นไม่ค่อยมีเพราะตอนแรกเราตั้งใจว่า ไปแพร่ครั้งนี้เราจะเขียนโปสการ์ดให้ตัวเองซะหน่อย เลยได้แต่ถ่ายรูปมา


วัดพงษ์สุรนันท์

          วัดพงษ์สุนันท์ เป็นวัดในเขตกำแพงเมือง จังหวัดแพร่ อยู่ที่บ้านพงษ์สุนันท์ ตำบลในเวียง ชื่อเดิมว่าวัดปงสนุก เดิมเป็นวัดร้าง ทางทิศใต้ของวัดมีสระน้ำและมีรูปปั้นเต่า โดยมีตำนานเล่าว่า นางคำพวนชาวพม่าได้ลงไปในสระเพราะอยากได้เต่าและจมน้ำตาย เพื่อนของนางชื่อส่างตาดจึงสร้างเจดีย์และรูปเต่าสี่ตัวรอบเจดีย์เพื่อระลึกถึงเพื่อน ในพ.ศ. 2472 พ่อเจ้าบุรีศรีปัญญาได้บูรณะวิหาร แต่ต่อมาถูกไฟไหม้และน้ำท่วมจนเสียหาย พญาบุรีรัตน์จึงได้บูรณะใหม่โดยมีหลวงพงษ์พิบูลย์และเจ้าสุนันตาเป็นศรัทธาหลักใน พ.ศ. 2477 วัดนี้จึงได้ชื่อว่าวัดพงษ์สุนันท์ ได้วิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2499 ภายในวัดมีพระนอนกลางแจ้งริมกำแพงเป็นเอกลักษณ์ของวัด

แถวนี้เค้ามีเจ้าถิ่นด้วยนะ ตูบ
ชื่อสินค้า:   จังหวัดแพร่
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่