สวัสดีค่ะ อยากสอบถามความเห็นของหลาย ๆ คนเผื่อว่าเคยเจอแบบเราค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าเรากับแฟนคบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เราเรียนดีค่ะ แฟนเราเกเรเรียนอ่อน
หลังจากเราคบกันสักพักแฟนเราผลการเรียนของแฟนดีขึ้นค่ะ พ่อแม่เขาโอเคกับเรามาก
เราเคยไปอยู่บ้านแฟนช่วงปิดเทอมใหญ่ค่ะประมาณเดือนนึงเนื่องจากน้ำท่วมกรุงเทพฯค่ะปีนั้น
บ้านแฟนเรากับบ้านเราอยู่คนละภาคกันเลยค่ะ เราอยู่เหนือ แฟนอยู่ใต้ ซึ่งอะไร ๆก็ต่างกันไปหมด
ตอนเราไปอยู่บ้านแฟนแรก ๆ ก็งง ๆ ค่ะ เพราะไม่เหมือนกันสักอย่าง เราก็พยายามปรับตัวเองหลาย ๆ อย่างเพื่อให้เข้ากับเขาได้
เพื่อให้แฟนเราสบายใจ ครอบครัวแฟนเราดีกับเรามาก ๆ ค่ะตอนยังเรียนอยู่เนื่องจากเราพาลูกเขาเรียน
เขาพูดกับเราว่าเราดีมาก ๆ โชคดีที่ลูกเขามาเจอเราค่ะ พูดถึงขนาดว่าเรื่องจะไปขอแต่งงาน ต้องใช้สินสอดเท่าไหร่
ประเพณีทางนู้นเป็นยังไง และตอนเราทำโปรเจคจบ เราก็ทำแทนแฟนหมดค่ะ อยู่กลุ่มเดียวกัน เพราะแฟนเราไปสอบเข้างานค่ะ
แฟนเราฝันอยากเข้าทำงานที่นี่มากค่ะ เป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจที่ใหญ่ และที่บ้านเขาทำมาตั้งแต่รุ่นทวด เขาเคยไปสอบมาแล้วปีก่อนๆ
แต่สอบไม่ผ่านค่ะ ปีนี้เลยขอลองอีกครั้ง ตอนนั้นเราใกล้เรียนจบค่ะ แม่ของแฟนก็พูดกับเราว่าให้ไปทำงานที่บ้านแฟน งานที่นั่นเยอะแยะ
เขาเหมือนรักและเอ็นดูเรามาก ๆ ค่ะ
....................................................
แต่หลังจากที่เราเรียนจบค่ะ แฟนเราสอบติดและได้งานที่เขาฝัน ได้อยู่ใกล้บ้าน พ่อแม่เขาร้องไห้เลยที่เขาได้งานนี้ เขาต้องกลับบ้าน
ส่วนเราทำงานอยู่กรุงเทพฯ ตอนนั้นก็ห่างกันแรก ๆ ทรมานใจมากค่ะ เราไม่เคยมีแฟนค่ะนี่แฟนคนแรก ตอนเรียนก็อยู่ด้วยกันตลอด
พอห่างกันใหม่นี่สุด ๆ ค่ะ และเราก็เครียดมากคือผอมเลยช่วงนั้น แต่เราก็ไม่อยากไปอยู่ที่บ้านแฟน เพราะเรากลัวเรื่องโดนว่าค่ะ
เกรงใจพ่อกับแม่ตัวเองด้วย พ่อกับแม่คงเสียใจที่เราเรียนจบปุ๊บก็ตามผู้ชายไปเลย แต่พักหลัง ๆ พ่อเราก็พูดว่าจะไปทำงานที่บ้านแฟนก็ได้
พ่อก็ไม่อยากเห็นลูกทรมานใจแบบนี้ เราก็ตัดสินใจว่าหรือจะไปหางานที่บ้านแฟนดี เราเลยเอ่ยปากถามเรื่องนี้ค่ะ
แต่เรื่องพลิกค่ะ แฟนบอกว่ายังไม่ได้แต่งงานเลย พ่อกับแม่ไม่สบายใจถ้าเราจะไปอยู่นู่น เราก็โอเคค่ะ มีเหตุผลค่ะ
หลังจากนั้นเราไปบ้านแฟนอีกหลายครั้งเลยค่ะ ทุก ๆ ครั้งที่เราไป เรารู้สึกได้เลยค่ะว่าแม่แฟนเปลี่ยนไป คือเขาจะหยิ่ง ๆ ค่ะ
ไม่พูดเรื่องแต่งงาน ไม่พูดเรื่องอะไรเลย แฟนเราจะพาเราไปพบคนที่ทำงานเขาก็เหมือนรั้งๆค่ะว่าไม่ไปก็ได้นะ แต่ก็สุภาพนะคะ
เวลาที่เราไปถึงเขาจะหาเรื่องทะเลาะกับแฟนเราตลอดค่ะ เหมือนไม่พอใจที่แฟนพาเราไปที่บ้าน และบางทีเราไหว้ยังไม่รับเลยค่ะ
เราไปอยู่สามสี่วันเขาไม่เคยสนใจเท่าไหร่ค่ะ แต่พอเรากลับมากรุงเทพจะโทรมาหาว่าทำไมกลับแล้วแม่ยังไม่ทันทำไรให้กินเลย
คือเป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยค่ะ ทั้งที่เราก็ไปอยู่หลายวันค่ะแต่ไม่สนใจ
...............
เหตุการเริ่มชัดคือเราไปงานบวชแฟนค่ะ เราป่วยหนักเสียงหายไปเลย พูดกับใครก็ไม่รู้เรื่องค่ะ
แล้วเราก็คุยกับครอบครัวแฟนไม่รู้เรื่องเนื่องจากเราไม่มีเสียงเลยค่ะ เขาก็ถามว่าเราเป็นอะไร เราก็บอกว่าไม่สบายค่ะ
แต่เหมือนเขาไม่เข้าใจค่ะ เขาก็ถามว่าเราเป็นอะไรซ้ำ ๆ แล้วเราเจอน้องสาวแฟนค่ะ น้องไม่ทักเราสักคำ เชิดหยิ่งมาก ๆ เราก็งงค่ะ คือจะทักก็ไม่มีเสียงไง
แต่ที่เห็นคือท่าทีน้องเปลี่ยนไปมาก ๆ สายตามองเหยียด และทำเหมือนเราไม่มีตัวตน เราก็คิดว่าอ่าว โอเคถ้าไม่คิดจะทักเราเราก็ไม่เห็นจะแคร์
เพราะคือตอนแรกเรากับน้องสาวเขาก็ไม่มีอะไรน้องก็น่ารักค่ะ น้องสาวของแฟนตอนที่เขายังไม่เรียนมหาลัยเป็นเด็กน่ารักมาก ๆ ค่ะ
เราเอ็นดูเหมือนน้องตัวเอง เวลาเขาไปอยู่กับแฟนเรา เราจะคอยดูแลให้ตลอด ตอนที่น้องย้ายเข้าหอครั้งแรกเรายังขับรถยนต์ไม่เก่งเลยค่ะ
แต่ก็ขับรถไปส่งน้อง ไปทำความสะอาดห้องให้ พาไปซื้อของ ก็ดูแลแบบน้องตัวเองเลย เลี้ยงข้าวเลี้ยงขนม อยากได้อะไรพาไปซื้อ ทั้งที่เราก็ไม่ค่อยมีเงินนะคะ เรียนอยู่ก็ขอเงินแม่ใช้ไง แต่เพราะแฟนเราไม่ดูแลน้องมันเลยค่ะ โยนให้เราเฉยเลย
เราไปงานบวชแฟนนะคะ แต่ครอบครัวแฟนไม่ทำอะไรเลยค่ะ คุณยายเขาเป็นคนจัดงานก่อนวันบวชให้ ที่บ้านของยาย ครอบครัวเขาก็ไม่ค่อยพอใจเพราะไม่อยากจัด พอตกดึกก็พากันกลับบ้านไปนอน ทิ้งจานชามไว้ให้ยายค่ะ เราก็เลยไปช่วยเก็บของเก็บจานชามไปล้างค่ะ เอาง่ายมือเปลี่ยนอ่ะ
เพื่อนที่ไปด้วยกันก็มาช่วยล้างค่ะ เพื่อนยังแซวว่าล้างชามจนมือเปื่อย หลังจากนั้นเราก็กลับมานอนค่ะ เรามานอนที่บ้านแฟนกับเพื่อน ๆ ค่ะ เราได้เข้านอนตอนตี 1 ตื่นมาอาบน้ำ ตี 4 เพราะว่าห้องน้ำมีห้องเดียวแต่เพื่อน ๆ มากันห้าคน แล้วเขาเริ่มงานเจ็ดโมง ต้องเผื่อเวลาค่ะ สรุปเราได้นอนสามชั่วโมง
ก็โอเคงานบุญ เรากับเพื่อกว่าเพื่อจะเสร็จหมดก็7 โมง เรารีบไปวัดค่ะ ไปถึงแฟนก็มาบอกเราให้ไปช่วยเขาจัดขนมรับแขกค่ะ
เราก็เข้าไปช่วยคุณยาย ๆ ญาติ ๆ เขาทำค่ะ คนสาย ๆ เริ่มบวช เพื่อนเราคนนึงไปถ่ายรูปค่ะ เราก็ไปคุยกับเพื่อน ๆ ของแฟนที่เรารู้จัก มีลุงคนนึงมาตะคอกเราให้เราไปเสริฟน้ำแขกค่ะ เราก็งงๆ นะว่าคือมันใช่หรอ แต่ไม่พูดค่ะเสริฟน้ำต่อ พ่อกับแม่และน้องเขาไปยืนรับแขกค่ะ เป็นบวชหมู่สามรูป
แล้วเพื่อนเราก็ไปเสริฟน้ำค่ะ งง ๆ ค่ะ คือเจ้าภาพหายหมด คนดูแลงานหายหมด เพื่อน ๆ และเราบินจากกรุงเทพไปร่วมงานค่ะ แต่กลายเป็นคนชงการแฟเสริฟกาแฟ เพื่อนก็บ่นนิด ๆค่ะว่า นี่เราเป็นแขกรึเปล่า แต่ก็ทำค่ะ งานบุญ ๆ แต่ว่าปัญหาเยอะค่ะ น้ำร้อนไม่มี กาแฟหมดไมโลหมด แขกมาโวยเราเฉยเลย
ก็นอย ๆ ค่ะ หลังจากนั้นก็เป็นโต๊ะจีนค่ะ เราเลยได้พักกันไปทานข้าว มีแขกมาขอซองใส่ทำบุญที่เราค่ะ เราก็ไปถามที่แม่แฟนค่ะว่ามีซองไหมเขาตอบเราว่า ให้เราไปถามเอาที่พระค่ะ คือ เราก็งงค่ะว่า นี่ไม่ใช่บ้านเรา พระอยู่ตรงไหน อะไรอยู่ที่ไหนเราจะรู้ได้ไง แขกในงานที่สนิทกะเรากะฟนเราเขาก็คิดว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ค่ะ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย มาก็คือมาร่วมงานบวชเลย ไม่รู้เรื่องพิธีการ หรือเรื่องการจัดงานอะไรเลย แต่งานก็จบไปด้วยดีค่ะ (ในงานมีอะไรเยอะแยะค่ะที่เราและเพื่อนไม่โอเคเลยกับงานบวชครั้งนี้แต่ปล่อยผ่านค่ะ)
.........
จุดพีคมาค่ะ หลังจากงานบวชผ่านไป แฟนเราสึกแล้ว เราบังเอินเช็คเฟสแฟนเราค่ะ ไปเจอโพสของน้องสาวแฟน แบบโพสต่อว่าเรื่องการไปอยู่บ้านเขา
โพสเรื่องแต่งงานของพี่ชาย โพสหลาย ๆ อย่างที่เราดูเวลาแล้วเป็นช่วงที่เราไปงานบวชค่ะ เราก็อึ้งไปเลยค่ะ โทรหาแฟนเลยว่าอะไรยังไง นี่คิดกับเราแบบนี้หรอ เราก็เสียใจค่ะ เลยโพสลอยต่อว่าคนที่คิดอะไรแบบนั้น แล้วน้องสาวแฟนก็แคปไปฟ้องพ่อแม่ในไลน์กลุ่ม ซึ่งเราแอบเข้าของแฟนแล้วบังเอินไปเจอค่ะ พีคมาก ๆ ที่แม่แฟนพูดออกมาว่าถ้ารู้ว่าเราเป็นคนเหนือจะไม่คุยด้วยตั้งแต่แรก เขาให้เหตุผลว่าคนเหนือกับคนอีสานสกปรกและขี้ขโมย เราคืออึ้งกับความคิดนั้นค่ะ ตอนแรกร้องไห้เสียใจมาก จะเลิกกับแฟนค่ะ แต่แฟนเราก็ร้องไห้ทะเลาะกับที่บ้านยกใหญ่เป็นเรื่องใหญ่เลยค่ะ
แล้วก็พ่อแม่เรารู้เขาก็จะให้เลิกค่ะแต่แฟนเราไม่เลิก ขอเคลียกับที่บ้านก่อนค่ะ แล้วเวลาก็ล่วงเลยมาหลายปีค่ะ เราไม่ไปเหยียบที่นั่นอีก เมื่อก่อนไปบ่อยค่ะ เราก็โอเคตกลงกับแฟนว่าก็ออกมาอยู่ข้างนอกค่ะ แต่มันสักพักเหมือนจะดีขึ้น เราก็ถามแฟนค่ะว่าเป็นยังไง เขาก็บอกว่าดีขึ้นเยอะ ก็คิดว่าให้อภัยคะ แต่ล่าสุดค่ะ แฟนเราคุยโทรสัพกับเราแล้วแม่เขามาพูดใส่ว่า อย่ามาคุยกันให้เห็น ซึ่งแฟนเราโมโหมากก็ทะเลาะกับแม่ใหญ่โตอีกค่ะ จุดนี้ทำให้เราคิดมากค่ะ คือแฟนเราย้ายออกมายากมาก เพราะองค์กรที่เขาทำงานอยู่ที่บ้านเราไม่มีค่ะ เขาจะทำเรื่องย้ายตามภรรยาไม่ได้ แต่เราไม่อยากไปอยู่บ้านเขาค่ะ
แต่เขาก็ไม่เลิก คือเรากับแฟนรักกันมากค่ะ คบมาหกปีแล้ว อยู่ไกลกันมาตลอด 5 ปี ก็อยากแต่งงานสักที แต่เป็นแบบนี้จะทำไงดีคะ เศร้ามาก ยาวมาก เพ้อมาก ขอโทษที่พิมพ์ยาวค่ะ ขอบคุณที่อ่านค่ะ
ทำไงดีเมื่อครอบครัวแฟนไม่โอเคกับเรา?
เรื่องมีอยู่ว่าเรากับแฟนคบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เราเรียนดีค่ะ แฟนเราเกเรเรียนอ่อน
หลังจากเราคบกันสักพักแฟนเราผลการเรียนของแฟนดีขึ้นค่ะ พ่อแม่เขาโอเคกับเรามาก
เราเคยไปอยู่บ้านแฟนช่วงปิดเทอมใหญ่ค่ะประมาณเดือนนึงเนื่องจากน้ำท่วมกรุงเทพฯค่ะปีนั้น
บ้านแฟนเรากับบ้านเราอยู่คนละภาคกันเลยค่ะ เราอยู่เหนือ แฟนอยู่ใต้ ซึ่งอะไร ๆก็ต่างกันไปหมด
ตอนเราไปอยู่บ้านแฟนแรก ๆ ก็งง ๆ ค่ะ เพราะไม่เหมือนกันสักอย่าง เราก็พยายามปรับตัวเองหลาย ๆ อย่างเพื่อให้เข้ากับเขาได้
เพื่อให้แฟนเราสบายใจ ครอบครัวแฟนเราดีกับเรามาก ๆ ค่ะตอนยังเรียนอยู่เนื่องจากเราพาลูกเขาเรียน
เขาพูดกับเราว่าเราดีมาก ๆ โชคดีที่ลูกเขามาเจอเราค่ะ พูดถึงขนาดว่าเรื่องจะไปขอแต่งงาน ต้องใช้สินสอดเท่าไหร่
ประเพณีทางนู้นเป็นยังไง และตอนเราทำโปรเจคจบ เราก็ทำแทนแฟนหมดค่ะ อยู่กลุ่มเดียวกัน เพราะแฟนเราไปสอบเข้างานค่ะ
แฟนเราฝันอยากเข้าทำงานที่นี่มากค่ะ เป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจที่ใหญ่ และที่บ้านเขาทำมาตั้งแต่รุ่นทวด เขาเคยไปสอบมาแล้วปีก่อนๆ
แต่สอบไม่ผ่านค่ะ ปีนี้เลยขอลองอีกครั้ง ตอนนั้นเราใกล้เรียนจบค่ะ แม่ของแฟนก็พูดกับเราว่าให้ไปทำงานที่บ้านแฟน งานที่นั่นเยอะแยะ
เขาเหมือนรักและเอ็นดูเรามาก ๆ ค่ะ
....................................................
แต่หลังจากที่เราเรียนจบค่ะ แฟนเราสอบติดและได้งานที่เขาฝัน ได้อยู่ใกล้บ้าน พ่อแม่เขาร้องไห้เลยที่เขาได้งานนี้ เขาต้องกลับบ้าน
ส่วนเราทำงานอยู่กรุงเทพฯ ตอนนั้นก็ห่างกันแรก ๆ ทรมานใจมากค่ะ เราไม่เคยมีแฟนค่ะนี่แฟนคนแรก ตอนเรียนก็อยู่ด้วยกันตลอด
พอห่างกันใหม่นี่สุด ๆ ค่ะ และเราก็เครียดมากคือผอมเลยช่วงนั้น แต่เราก็ไม่อยากไปอยู่ที่บ้านแฟน เพราะเรากลัวเรื่องโดนว่าค่ะ
เกรงใจพ่อกับแม่ตัวเองด้วย พ่อกับแม่คงเสียใจที่เราเรียนจบปุ๊บก็ตามผู้ชายไปเลย แต่พักหลัง ๆ พ่อเราก็พูดว่าจะไปทำงานที่บ้านแฟนก็ได้
พ่อก็ไม่อยากเห็นลูกทรมานใจแบบนี้ เราก็ตัดสินใจว่าหรือจะไปหางานที่บ้านแฟนดี เราเลยเอ่ยปากถามเรื่องนี้ค่ะ
แต่เรื่องพลิกค่ะ แฟนบอกว่ายังไม่ได้แต่งงานเลย พ่อกับแม่ไม่สบายใจถ้าเราจะไปอยู่นู่น เราก็โอเคค่ะ มีเหตุผลค่ะ
หลังจากนั้นเราไปบ้านแฟนอีกหลายครั้งเลยค่ะ ทุก ๆ ครั้งที่เราไป เรารู้สึกได้เลยค่ะว่าแม่แฟนเปลี่ยนไป คือเขาจะหยิ่ง ๆ ค่ะ
ไม่พูดเรื่องแต่งงาน ไม่พูดเรื่องอะไรเลย แฟนเราจะพาเราไปพบคนที่ทำงานเขาก็เหมือนรั้งๆค่ะว่าไม่ไปก็ได้นะ แต่ก็สุภาพนะคะ
เวลาที่เราไปถึงเขาจะหาเรื่องทะเลาะกับแฟนเราตลอดค่ะ เหมือนไม่พอใจที่แฟนพาเราไปที่บ้าน และบางทีเราไหว้ยังไม่รับเลยค่ะ
เราไปอยู่สามสี่วันเขาไม่เคยสนใจเท่าไหร่ค่ะ แต่พอเรากลับมากรุงเทพจะโทรมาหาว่าทำไมกลับแล้วแม่ยังไม่ทันทำไรให้กินเลย
คือเป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยค่ะ ทั้งที่เราก็ไปอยู่หลายวันค่ะแต่ไม่สนใจ
...............
เหตุการเริ่มชัดคือเราไปงานบวชแฟนค่ะ เราป่วยหนักเสียงหายไปเลย พูดกับใครก็ไม่รู้เรื่องค่ะ
แล้วเราก็คุยกับครอบครัวแฟนไม่รู้เรื่องเนื่องจากเราไม่มีเสียงเลยค่ะ เขาก็ถามว่าเราเป็นอะไร เราก็บอกว่าไม่สบายค่ะ
แต่เหมือนเขาไม่เข้าใจค่ะ เขาก็ถามว่าเราเป็นอะไรซ้ำ ๆ แล้วเราเจอน้องสาวแฟนค่ะ น้องไม่ทักเราสักคำ เชิดหยิ่งมาก ๆ เราก็งงค่ะ คือจะทักก็ไม่มีเสียงไง
แต่ที่เห็นคือท่าทีน้องเปลี่ยนไปมาก ๆ สายตามองเหยียด และทำเหมือนเราไม่มีตัวตน เราก็คิดว่าอ่าว โอเคถ้าไม่คิดจะทักเราเราก็ไม่เห็นจะแคร์
เพราะคือตอนแรกเรากับน้องสาวเขาก็ไม่มีอะไรน้องก็น่ารักค่ะ น้องสาวของแฟนตอนที่เขายังไม่เรียนมหาลัยเป็นเด็กน่ารักมาก ๆ ค่ะ
เราเอ็นดูเหมือนน้องตัวเอง เวลาเขาไปอยู่กับแฟนเรา เราจะคอยดูแลให้ตลอด ตอนที่น้องย้ายเข้าหอครั้งแรกเรายังขับรถยนต์ไม่เก่งเลยค่ะ
แต่ก็ขับรถไปส่งน้อง ไปทำความสะอาดห้องให้ พาไปซื้อของ ก็ดูแลแบบน้องตัวเองเลย เลี้ยงข้าวเลี้ยงขนม อยากได้อะไรพาไปซื้อ ทั้งที่เราก็ไม่ค่อยมีเงินนะคะ เรียนอยู่ก็ขอเงินแม่ใช้ไง แต่เพราะแฟนเราไม่ดูแลน้องมันเลยค่ะ โยนให้เราเฉยเลย
เราไปงานบวชแฟนนะคะ แต่ครอบครัวแฟนไม่ทำอะไรเลยค่ะ คุณยายเขาเป็นคนจัดงานก่อนวันบวชให้ ที่บ้านของยาย ครอบครัวเขาก็ไม่ค่อยพอใจเพราะไม่อยากจัด พอตกดึกก็พากันกลับบ้านไปนอน ทิ้งจานชามไว้ให้ยายค่ะ เราก็เลยไปช่วยเก็บของเก็บจานชามไปล้างค่ะ เอาง่ายมือเปลี่ยนอ่ะ
เพื่อนที่ไปด้วยกันก็มาช่วยล้างค่ะ เพื่อนยังแซวว่าล้างชามจนมือเปื่อย หลังจากนั้นเราก็กลับมานอนค่ะ เรามานอนที่บ้านแฟนกับเพื่อน ๆ ค่ะ เราได้เข้านอนตอนตี 1 ตื่นมาอาบน้ำ ตี 4 เพราะว่าห้องน้ำมีห้องเดียวแต่เพื่อน ๆ มากันห้าคน แล้วเขาเริ่มงานเจ็ดโมง ต้องเผื่อเวลาค่ะ สรุปเราได้นอนสามชั่วโมง
ก็โอเคงานบุญ เรากับเพื่อกว่าเพื่อจะเสร็จหมดก็7 โมง เรารีบไปวัดค่ะ ไปถึงแฟนก็มาบอกเราให้ไปช่วยเขาจัดขนมรับแขกค่ะ
เราก็เข้าไปช่วยคุณยาย ๆ ญาติ ๆ เขาทำค่ะ คนสาย ๆ เริ่มบวช เพื่อนเราคนนึงไปถ่ายรูปค่ะ เราก็ไปคุยกับเพื่อน ๆ ของแฟนที่เรารู้จัก มีลุงคนนึงมาตะคอกเราให้เราไปเสริฟน้ำแขกค่ะ เราก็งงๆ นะว่าคือมันใช่หรอ แต่ไม่พูดค่ะเสริฟน้ำต่อ พ่อกับแม่และน้องเขาไปยืนรับแขกค่ะ เป็นบวชหมู่สามรูป
แล้วเพื่อนเราก็ไปเสริฟน้ำค่ะ งง ๆ ค่ะ คือเจ้าภาพหายหมด คนดูแลงานหายหมด เพื่อน ๆ และเราบินจากกรุงเทพไปร่วมงานค่ะ แต่กลายเป็นคนชงการแฟเสริฟกาแฟ เพื่อนก็บ่นนิด ๆค่ะว่า นี่เราเป็นแขกรึเปล่า แต่ก็ทำค่ะ งานบุญ ๆ แต่ว่าปัญหาเยอะค่ะ น้ำร้อนไม่มี กาแฟหมดไมโลหมด แขกมาโวยเราเฉยเลย
ก็นอย ๆ ค่ะ หลังจากนั้นก็เป็นโต๊ะจีนค่ะ เราเลยได้พักกันไปทานข้าว มีแขกมาขอซองใส่ทำบุญที่เราค่ะ เราก็ไปถามที่แม่แฟนค่ะว่ามีซองไหมเขาตอบเราว่า ให้เราไปถามเอาที่พระค่ะ คือ เราก็งงค่ะว่า นี่ไม่ใช่บ้านเรา พระอยู่ตรงไหน อะไรอยู่ที่ไหนเราจะรู้ได้ไง แขกในงานที่สนิทกะเรากะฟนเราเขาก็คิดว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ค่ะ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย มาก็คือมาร่วมงานบวชเลย ไม่รู้เรื่องพิธีการ หรือเรื่องการจัดงานอะไรเลย แต่งานก็จบไปด้วยดีค่ะ (ในงานมีอะไรเยอะแยะค่ะที่เราและเพื่อนไม่โอเคเลยกับงานบวชครั้งนี้แต่ปล่อยผ่านค่ะ)
.........
จุดพีคมาค่ะ หลังจากงานบวชผ่านไป แฟนเราสึกแล้ว เราบังเอินเช็คเฟสแฟนเราค่ะ ไปเจอโพสของน้องสาวแฟน แบบโพสต่อว่าเรื่องการไปอยู่บ้านเขา
โพสเรื่องแต่งงานของพี่ชาย โพสหลาย ๆ อย่างที่เราดูเวลาแล้วเป็นช่วงที่เราไปงานบวชค่ะ เราก็อึ้งไปเลยค่ะ โทรหาแฟนเลยว่าอะไรยังไง นี่คิดกับเราแบบนี้หรอ เราก็เสียใจค่ะ เลยโพสลอยต่อว่าคนที่คิดอะไรแบบนั้น แล้วน้องสาวแฟนก็แคปไปฟ้องพ่อแม่ในไลน์กลุ่ม ซึ่งเราแอบเข้าของแฟนแล้วบังเอินไปเจอค่ะ พีคมาก ๆ ที่แม่แฟนพูดออกมาว่าถ้ารู้ว่าเราเป็นคนเหนือจะไม่คุยด้วยตั้งแต่แรก เขาให้เหตุผลว่าคนเหนือกับคนอีสานสกปรกและขี้ขโมย เราคืออึ้งกับความคิดนั้นค่ะ ตอนแรกร้องไห้เสียใจมาก จะเลิกกับแฟนค่ะ แต่แฟนเราก็ร้องไห้ทะเลาะกับที่บ้านยกใหญ่เป็นเรื่องใหญ่เลยค่ะ
แล้วก็พ่อแม่เรารู้เขาก็จะให้เลิกค่ะแต่แฟนเราไม่เลิก ขอเคลียกับที่บ้านก่อนค่ะ แล้วเวลาก็ล่วงเลยมาหลายปีค่ะ เราไม่ไปเหยียบที่นั่นอีก เมื่อก่อนไปบ่อยค่ะ เราก็โอเคตกลงกับแฟนว่าก็ออกมาอยู่ข้างนอกค่ะ แต่มันสักพักเหมือนจะดีขึ้น เราก็ถามแฟนค่ะว่าเป็นยังไง เขาก็บอกว่าดีขึ้นเยอะ ก็คิดว่าให้อภัยคะ แต่ล่าสุดค่ะ แฟนเราคุยโทรสัพกับเราแล้วแม่เขามาพูดใส่ว่า อย่ามาคุยกันให้เห็น ซึ่งแฟนเราโมโหมากก็ทะเลาะกับแม่ใหญ่โตอีกค่ะ จุดนี้ทำให้เราคิดมากค่ะ คือแฟนเราย้ายออกมายากมาก เพราะองค์กรที่เขาทำงานอยู่ที่บ้านเราไม่มีค่ะ เขาจะทำเรื่องย้ายตามภรรยาไม่ได้ แต่เราไม่อยากไปอยู่บ้านเขาค่ะ
แต่เขาก็ไม่เลิก คือเรากับแฟนรักกันมากค่ะ คบมาหกปีแล้ว อยู่ไกลกันมาตลอด 5 ปี ก็อยากแต่งงานสักที แต่เป็นแบบนี้จะทำไงดีคะ เศร้ามาก ยาวมาก เพ้อมาก ขอโทษที่พิมพ์ยาวค่ะ ขอบคุณที่อ่านค่ะ