คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17
สวัสดีค่ะพี่โอ้และเพื่อนๆ
ชอบกระทู้วันนี้จัง กะจะตั้งเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินหน้าบอร์ดอยู่เหมือนกัน แต่ช่วงนี้ยังยุ่งๆ เหนื่อยๆ แล้วก็ถ้าตั้งแบบเต็มๆ คงไม่แค่ทู้โดนอุ้ม คนตั้งอาจโดนอุ้มเลย (ข้อหาน่ารักเกิ๊น) งั้นก็จัดไปเบาๆ ร้องรำทำเพลงอยู่ในบ้านก่อนแล้วกันค่ะ
มันถึงเวลาแล้วที่เราต้อง Think globally, Act locally
หลายคนอาจคิดว่าแค่ล้างแอร์จะช่วยชาติได้แค่ไหน บ้านรวยมีเงินจ่ายค่าไฟ แต่ที่จริงแล้วการที่แต่ละคนช่วยกันประหยัดพลังงานช่วยชาติได้มหาศาล
ทำไมพลังงานแสงอาทิตย์บ้านเรายังไม่ไปถึงไหน เรื่องราคาต้นทุนและเทคโนโลยีเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่ปัญหาคือเรื่องสายส่งขายคืนรัฐ พลังงานทดแทนต่างๆ ไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรเพราะยังมีบริษัทรถยนต์ หรือธุรกิจน้ำมัน กลุ่มนายทุนทั้งหลายที่เสียผลประโยชน์ ฯลฯ
แนวโน้มการใช้พลังงานของเราสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องมีโครงการสร้างโรงไฟฟ้า สร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าจนไปถึงคิดสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่ถ้าเราทุกคนช่วยกันลดการใช้พลังงาน จากหน่วยย่อยเป็นระดับชาติ เราก็อาจไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม หรือมีเวลาชะลอการสร้างจนรอเทคโนโลยีและได้โรงไฟฟ้าที่เหมาะสมที่สุด
กราฟนี้อ้างอิงจากหน่วยผลิตไฟฟ้าที่ถูกคาดการณ์ไว้ใน PDP2010 (แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2553-2573 หรือ Thailand Power Development Plan 2010-2030) แสดงให้เห็นสถานการณ์การใช้ ทรัพยากรที่เหลืออยู่ของเรา กับการใช้ ทรัพยากร (ที่เหลืออยู่) ของเพื่อนบ้าน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

การจัดการพลังงานที่ยั่งยืนต้องดูทั้ง
demand side (จัดการควบคุมการใช้พลังงาน) คือรณรงค์ให้คนประหยัดไฟ หรือการใช้ไฟฟ้า การล้างแอร์ก็คือส่วนหนึ่งในข้อนี้
supply side (จัดการเรื่องหาแหล่งพลังงานเพิ่ม) คือการสร้างโรงไฟฟ้าประเภทต่างๆ
ที่ผ่านมาเรามุ่งแต่ supply side ต้องเสียค่าใช้จ่าย สูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ และอื่นๆ ถ้าเรามาเริ่มจากหน่วยย่อยทาง demand side ก็ช่วยชาติได้มากมาย
เคยล้างแอร์เองอยู่เหมือนกันจากที่พี่โอ้ได้รีวิวไว้
ปกติจ้างช่างมาล้าง แต่ตอนนั้นงานยุ่งมาก เอกสารก็รกห้องยังไม่สะดวก แต่สงสารแอร์และงกค่าไฟเลยตั้งใจว่าจะลองดู อืมมม เอาไงดี
เริ่มจากสับเบรคเกอร์ก่อนเลย กลัวไฟดูดตาย แล้วเตรียมอุปกรณ์จนครบ แต่... เนื่องจากแอร์ที่บ้านติดซะสูง เก้าอี้ธรรมดาปีนไม่ถึง
เลยต้องมีอุปกรณ์เพิ่มอีกอย่าง นั่นคือ บันไดอลูมิเนียม ซึ่งก็เก๊าเก่า ปีนไปก็กลัวร่วงลงมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เตรียมไขควงดิบดี หาที่ขันจนเหงื่อตก หาไม่เจอ - -" เดือดร้อนป๊ามาดูแล้วถอดหน้ากากให้ อ่อ รุ่นนี้ถอดได้เลย
น่านนนนน ตายตั้งแต่ขั้นถอดหน้ากากจริงๆ ด้วย จากนั้นก็เอาหน้ากากที่มีแผ่นกรองไปล้าง

ระหว่างรอให้แห้ง ก็ปีนขึ้นไป มองด้วยตาก็นึกว่ามันสะอาดดีแล้ว ไม่เห็นมีอะไร แต่พอใช้แปรงขัดๆ อ้าว ... มันขาวขึ้นน่ะ
แสดงว่ามันสกปรกแหละ แค่ไม่มีฝุ่นผงขนาดใหญ่ (แอบผสมยาสีฟันลงไปในน้ำนิดนึง แค่นี้สสสสส เดียวเอง แอร์จะเจ๊งมั้ยไม่รู้)
ขัดไปก็มือสั่นขาสั่นไป ภาพไม่ค่อยชัดนะ

สุดท้ายก็ประกอบเข้าไปเหมือนเดิม ลองเปิดแอร์ดู ลมดีขึ้นกว่าก่อนล้างจริงๆ ด้วย ลองดูน้ำเปรียบเทียบค่ะว่ามันสกปรกแค่ไหน
นี่เปลี่ยนน้ำหลายรอบอยู่นะ ไม่ใช่น้ำเดียว

เรื่องง่ายๆ ปาไป 3 ชั่วโมงค่ะ แต่ก็ภูมิใจที่ได้ลองทำ คิดว่าต่อไปคงดีขึ้น ก็ถือว่าล้างแก้ขัดไปก่อน นานๆ ไปค่อยจ้างช่างมาล้างจริง
ว่าจะฝึกฝนให้ชำนาญ เผื่อไปรับจ้างล้างแอร์ได้อีกอาชีพในภาวะเศรษฐกิจดี๊ดีแบบนี้
ชอบกระทู้วันนี้จัง กะจะตั้งเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินหน้าบอร์ดอยู่เหมือนกัน แต่ช่วงนี้ยังยุ่งๆ เหนื่อยๆ แล้วก็ถ้าตั้งแบบเต็มๆ คงไม่แค่ทู้โดนอุ้ม คนตั้งอาจโดนอุ้มเลย (ข้อหาน่ารักเกิ๊น) งั้นก็จัดไปเบาๆ ร้องรำทำเพลงอยู่ในบ้านก่อนแล้วกันค่ะ
มันถึงเวลาแล้วที่เราต้อง Think globally, Act locally
หลายคนอาจคิดว่าแค่ล้างแอร์จะช่วยชาติได้แค่ไหน บ้านรวยมีเงินจ่ายค่าไฟ แต่ที่จริงแล้วการที่แต่ละคนช่วยกันประหยัดพลังงานช่วยชาติได้มหาศาล
ทำไมพลังงานแสงอาทิตย์บ้านเรายังไม่ไปถึงไหน เรื่องราคาต้นทุนและเทคโนโลยีเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่ปัญหาคือเรื่องสายส่งขายคืนรัฐ พลังงานทดแทนต่างๆ ไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรเพราะยังมีบริษัทรถยนต์ หรือธุรกิจน้ำมัน กลุ่มนายทุนทั้งหลายที่เสียผลประโยชน์ ฯลฯ
แนวโน้มการใช้พลังงานของเราสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องมีโครงการสร้างโรงไฟฟ้า สร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าจนไปถึงคิดสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่ถ้าเราทุกคนช่วยกันลดการใช้พลังงาน จากหน่วยย่อยเป็นระดับชาติ เราก็อาจไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม หรือมีเวลาชะลอการสร้างจนรอเทคโนโลยีและได้โรงไฟฟ้าที่เหมาะสมที่สุด
กราฟนี้อ้างอิงจากหน่วยผลิตไฟฟ้าที่ถูกคาดการณ์ไว้ใน PDP2010 (แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2553-2573 หรือ Thailand Power Development Plan 2010-2030) แสดงให้เห็นสถานการณ์การใช้ ทรัพยากรที่เหลืออยู่ของเรา กับการใช้ ทรัพยากร (ที่เหลืออยู่) ของเพื่อนบ้าน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

การจัดการพลังงานที่ยั่งยืนต้องดูทั้ง
demand side (จัดการควบคุมการใช้พลังงาน) คือรณรงค์ให้คนประหยัดไฟ หรือการใช้ไฟฟ้า การล้างแอร์ก็คือส่วนหนึ่งในข้อนี้
supply side (จัดการเรื่องหาแหล่งพลังงานเพิ่ม) คือการสร้างโรงไฟฟ้าประเภทต่างๆ
ที่ผ่านมาเรามุ่งแต่ supply side ต้องเสียค่าใช้จ่าย สูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ และอื่นๆ ถ้าเรามาเริ่มจากหน่วยย่อยทาง demand side ก็ช่วยชาติได้มากมาย
เคยล้างแอร์เองอยู่เหมือนกันจากที่พี่โอ้ได้รีวิวไว้
ปกติจ้างช่างมาล้าง แต่ตอนนั้นงานยุ่งมาก เอกสารก็รกห้องยังไม่สะดวก แต่สงสารแอร์และงกค่าไฟเลยตั้งใจว่าจะลองดู อืมมม เอาไงดี
เริ่มจากสับเบรคเกอร์ก่อนเลย กลัวไฟดูดตาย แล้วเตรียมอุปกรณ์จนครบ แต่... เนื่องจากแอร์ที่บ้านติดซะสูง เก้าอี้ธรรมดาปีนไม่ถึง
เลยต้องมีอุปกรณ์เพิ่มอีกอย่าง นั่นคือ บันไดอลูมิเนียม ซึ่งก็เก๊าเก่า ปีนไปก็กลัวร่วงลงมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เตรียมไขควงดิบดี หาที่ขันจนเหงื่อตก หาไม่เจอ - -" เดือดร้อนป๊ามาดูแล้วถอดหน้ากากให้ อ่อ รุ่นนี้ถอดได้เลย
น่านนนนน ตายตั้งแต่ขั้นถอดหน้ากากจริงๆ ด้วย จากนั้นก็เอาหน้ากากที่มีแผ่นกรองไปล้าง

ระหว่างรอให้แห้ง ก็ปีนขึ้นไป มองด้วยตาก็นึกว่ามันสะอาดดีแล้ว ไม่เห็นมีอะไร แต่พอใช้แปรงขัดๆ อ้าว ... มันขาวขึ้นน่ะ
แสดงว่ามันสกปรกแหละ แค่ไม่มีฝุ่นผงขนาดใหญ่ (แอบผสมยาสีฟันลงไปในน้ำนิดนึง แค่นี้สสสสส เดียวเอง แอร์จะเจ๊งมั้ยไม่รู้)
ขัดไปก็มือสั่นขาสั่นไป ภาพไม่ค่อยชัดนะ

สุดท้ายก็ประกอบเข้าไปเหมือนเดิม ลองเปิดแอร์ดู ลมดีขึ้นกว่าก่อนล้างจริงๆ ด้วย ลองดูน้ำเปรียบเทียบค่ะว่ามันสกปรกแค่ไหน
นี่เปลี่ยนน้ำหลายรอบอยู่นะ ไม่ใช่น้ำเดียว

เรื่องง่ายๆ ปาไป 3 ชั่วโมงค่ะ แต่ก็ภูมิใจที่ได้ลองทำ คิดว่าต่อไปคงดีขึ้น ก็ถือว่าล้างแก้ขัดไปก่อน นานๆ ไปค่อยจ้างช่างมาล้างจริง
ว่าจะฝึกฝนให้ชำนาญ เผื่อไปรับจ้างล้างแอร์ได้อีกอาชีพในภาวะเศรษฐกิจดี๊ดีแบบนี้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 29
ส่วนตัวสนับสนุน โรงไฟฟ้าขยะ
ที่สวีเดน เป็นต้นแบบที่ทำโรงไฟฟ้าขยะได้ผล ปัจจุบันนี้ สวีเดน ต้องนำเข้าขยะจากต่างประเทศ
ในอนาคตประเทศไทย ต้องใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมหาศาล ยิ่งถ้าภาคอุตสาหกรรมเจริญเท่าไหร่
ปริมาณการใช้ไฟฟ้ายิ่งต้องเพิ่มตาม
ขณะเดียวกัน ขยะ ในอนาคตก็จะเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการกำจัด
แต่ก็น่ายินดีที่ภาครัฐตื่นตัวในเรื่องนี้ และวางแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะ ถึง 50 กว่าแห่งทั่วประเทศ


ถ้าทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะเป็นการแก้ปัญหา 2 ด้านในเวลาเดียวกัน
ป.ล โรงไฟฟ้าแบบไหนๆ ก็มีปัญหามลพิษทั้งสิ้น แต่สามารถควบคุมได้ ถ้าประสิทธิภาพดีพอ
ที่สวีเดน เป็นต้นแบบที่ทำโรงไฟฟ้าขยะได้ผล ปัจจุบันนี้ สวีเดน ต้องนำเข้าขยะจากต่างประเทศ
ในอนาคตประเทศไทย ต้องใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมหาศาล ยิ่งถ้าภาคอุตสาหกรรมเจริญเท่าไหร่
ปริมาณการใช้ไฟฟ้ายิ่งต้องเพิ่มตาม
ขณะเดียวกัน ขยะ ในอนาคตก็จะเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการกำจัด
แต่ก็น่ายินดีที่ภาครัฐตื่นตัวในเรื่องนี้ และวางแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะ ถึง 50 กว่าแห่งทั่วประเทศ


ถ้าทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะเป็นการแก้ปัญหา 2 ด้านในเวลาเดียวกัน
ป.ล โรงไฟฟ้าแบบไหนๆ ก็มีปัญหามลพิษทั้งสิ้น แต่สามารถควบคุมได้ ถ้าประสิทธิภาพดีพอ
ความคิดเห็นที่ 22
วันนี้ครบรอบ 20 ปีอสัญกรรมเอกบุรุษของจีน "เติ้งเสี่ยวผิง 邓小平 "
เจ้าของวลี แมวดำแมวขาวถ้าจับหนูได้ก็นับเป็นแมวที่ดี
ชีวิตเติ้ง มีทั้งสำเร็จและล้มเหลว จนได้สมญาว่า "แมวเก้าชีวิต"
ผลงานเด่นๆของเติ้ง คือ 1 ประเทศ 2 ระบบ วางรากฐานเศรษฐกิจจนกลายมาเป็นมหาอำนาจ ฯลฯ

ป.ล รูปนี้มีความหมายมาก สื่อให้เห็นวิสัยทัศน์ของเติ้ง และตบหน้าผู้นำหลายๆประเทศ
ป.ล 2 ปล่อยโฆษณา แค่นี้ก่อน 555
เจ้าของวลี แมวดำแมวขาวถ้าจับหนูได้ก็นับเป็นแมวที่ดี
ชีวิตเติ้ง มีทั้งสำเร็จและล้มเหลว จนได้สมญาว่า "แมวเก้าชีวิต"
ผลงานเด่นๆของเติ้ง คือ 1 ประเทศ 2 ระบบ วางรากฐานเศรษฐกิจจนกลายมาเป็นมหาอำนาจ ฯลฯ

ป.ล รูปนี้มีความหมายมาก สื่อให้เห็นวิสัยทัศน์ของเติ้ง และตบหน้าผู้นำหลายๆประเทศ
ป.ล 2 ปล่อยโฆษณา แค่นี้ก่อน 555
แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลงคนรากหญ้า พักยกการเมือง ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 19/02/2017 " โรงไฟฟ้าสร้าง:ไม่สร้าง VS ช่างแอร์ในตำนาน"
เห็นเขาเถียงกันว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินจะสร้างหรือไม่สร้างดี MC เองก็ไม่ใช่คนในพื้นที่ ไม่ใช่ NGO หรือรักษ์โลกอะไรมากมาย ส่วนรัฐบาลเองก็มีอำนาจที่จะทำได้ตามแผนเดิมที่กำหนดไว้ ถึงแม้ว่าหลายคนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยว่าจะสร้างโรงไฟฟ้า แต่ทั้งนี้อำนาจการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับตัวรัฐบาลเองทั้งหมด
ถ้างั้นวันนี้เบื้องต้น MC จะพาเพื่อนๆมาทำความรู้จักกับโรงไฟฟ้ากันแบบคร่าวๆกันก่อนก็แล้วกันครับ ข้อมูลอาจจะไม่วิชาการมากเพราะ MC ใช้วิธีพล่ามกันสดๆตรงนี้ให้เพื่อนๆอ่านกัน เอาพอให้เข้าใจง่ายๆ
โรงไฟฟ้าหลักๆก็จะประกอบไปด้วย
1. ต้นกำลัง ที่เรากำลังเถียงกันเรื่องถ่านหิน กับพลังงานประเภทอื่น นี่คือต้นกำลังครับ ต้นกำลังโรงไฟฟ้าในไทยก็เช่น ก๊าซธรรมชาติ ไอน้ำ ถ่านหิน น้ำจากเขื่อน พลังงานลม ก๊าซชีวมวล ชีวภาพ แกลบ เป็นต้น และยังมีพวกพลังแสงอาทิตย์อีก(กรณีนี้ไม่ต้องใช้กังหันไฟฟ้า)
2. Turbine Runner หรือกังหันไฟฟ้า ที่จะหมุนได้โดยต้นกำลังตามข้อ 1 กังหันแต่ละประเภทก็จะมีลักษณะรูปร่างแตกต่างกันไปตามลักษณะต้นกำลังที่จะมาทำให้ Turbine Runner หมุน
3. Generator หรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แกนเพลาของ Generator นี้จะทำการต่อ Coupling กับแกนเพลาของ Turbine Runner หรือเรียกว่า Turbine Shaft โดยจะต้องทำการ Alignment และ Centering จุดต่อกันให้ได้ศูนย์มากที่สุดเพื่อป้องกันการสั่นสะเทือนในขณะหมุน เจ้า Generator นี้จะเปลี่ยนแปลงพลังงานกลให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าด้วยการหมุนของขดลวดที่พันลอบแกนเพลา หมุนตัดกับสนามแม่เหล็กที่อยู่รอบนอกแกนเพลาทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น
4. ลานไกไฟฟ้าหรือ Switchyard จะทำหน้าที่แปลงแรงดันไฟฟ้าให้สูงขึ้นโดยใช้หม้อแปลง Transformer เพื่อส่งต่อไปยังสถานีไฟฟ้าที่อยู่ไกลกันเพื่อลดความสูญเสียในระบบ
5. ระบบสายส่ง
คราวนี้เรามามองกันว่าในสิ่งที่กำลังเถียงๆกันอยู่นี้ อีกฝ่ายบอกว่าพลังงานไม่พอ ต้องสร้าง อีกฝ่ายบอกจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน พลังงานทางเลือกอื่นก็มีเช่นน้ำมันปาล์ม พลังงานไฟฟ้าพอแล้วถ้าบริหารกันดีๆ
โดยส่วนตัว MC แล้ว อยากแค่บอกว่า พลังงานไฟฟ้าสร้างเผื่อไว้วันข้างหน้าก็ไม่เสียหาย บางครั้งแหล่งไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องเดินเครื่อง หากแต่ทำหน้าที่ดุจทหารกองหนุน ดุจตัวสำรองข้างสนามของกีฬาประเภทต่างๆได้ โรงไฟฟ้าพลังน้ำในเมืองไทยหลายโรงก็จอดสแตนบายไว้เฉยๆ แต่เขาเรียกว่า "ขายความพร้อม" แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น MC ไม่ได้เข้าข้างใคร และมิบังอาจรู้ดีไปกว่าคนในพื้นที่ ที่กำลังคัดค้านโรงไฟฟ้านี้ อยากให้ทุกๆฝ่ายหาข้อสรุปร่วมกันและจบลงด้วยเหตุและผลครับ
MC อยากเสนอข้อคิดว่า ในเมื่อ สร้างหรือไม่สร้าง ยังคานกันอยู่ทั้งสองฝ่าย แต่อย่าหลงลืมอีกจุดหนึ่งว่า ในเมื่อพลังงานตอนนี้มันเพิ่มได้ด้วยการสร้างโรงไฟฟ้า แต่ถ้ามันเพิ่มไม่ได้หละ เรายังมีอีกหนึ่งทางเลือกนั่นคือ "การลดค่าการใช้พลังงานไฟฟ้าในประเทศ" รัฐบาลอาจบอกว่าเราปิดไฟกันบ้านละ 1 ดวง วันละ 1 ชม. ช่วยชาติประหยัดพลังงาน ก็ใช่ครับ ง่ายดี แต่ที่แท้จริงแล้วเรามีวิธีอื่นที่ช่วยชาติประหยัดพลังงานได้ดีกว่านั้นโดยไม่ต้องดับไฟให้เสียแสงสว่าง
เรียนเชิญช่างแอร์ในตำนานครับ
การใช้พลังงานไฟฟ้าส่วนใหญ่ของบ้านเราตอนนี้หนักไปทางระบบทำความเย็นครับโดยเฉพาะหน้าร้อนจะกินพลังงานมากๆ และระบบทำความเย็นที่ใกล้ตัวเราๆท่านๆมากที่สุด ณ เวลานี้ คือระบบปรับอากาศ พูดง่ายๆก็คือแอร์นี่เอง เจ้าแอร์นี่แหละคือตัวกินพลังงานหลักของประเทศและเงินในกระเป๋าของท่าน ฉลากเบอร์ 5 ที่ติดมากับแอร์ที่ท่านซื้อมันคำนวนเงินมาให้ท่านเสร็จสรรพ โดยคำนวนมาที่ท่านเปิดแอร์วันละ 8 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าเงินค่าไฟที่เขาคำนวนโดยเฉลี่ยมาให้นั้นมันหมายความว่าแอร์ของท่านจะต้องอยู่ในสภาพที่สะอาดที่สุด เหมือนใหม่ที่สุด แต่ในความเป็นจริงเราๆท่านๆก็คงไม่ได้มีความรู้ในด้านนี้กันทุกคนนัก ซื้อมาแล้วก็ต้องใช้ให้เต็มที่เท่านั้น ไม่ได้มองไปถึงว่าจะต้องมาเช็คมาดูแลอะไรนักหนา จุดตรงนี้แหละที่ทำให้เราต้องเปลืองพลังงานมากไปเกินความจำเป็น ส่งผลถึงค่าการใช้พลังงานของชาติที่มากขึ้น และค่าไฟที่มากขึ้นของตัวท่านเองด้วย
ผมไปลองสุ่มตัวอย่างแอร์มา 1 ตัวครับ เป็นแอร์ยี่ห้อหนึ่งขนาด 12,xxx btu สังเกตมันดูว่า มันเย็นไม่เต็มประสิทธิภาพ และมันไม่นิ่ง มีอาการสั่นเล็กน้อย ซึ่งเกิดจากฝุ่นและคราบเหนียวๆต่างๆเข้าไปเกาะบริเวณ คอยล์เย็น พัดลมแอร์ และคอยล์ร้อนบริเวณตู้วางคอมเพสเชอร์ อีกทั้งตะแกรงดักฝุ่นหรือฟิลเตอร์ที่ตัวเครื่องก็มีฝุ่นจับอีกด้วย ทดลองเปิดที่อุณหภูมิ 25 C ความแรงพัดลมที่ Auto ปรากฏว่าเปิดอยู่นานมากเป็นชั่วโมงคอมเพรสเซอร์ทำงานอยู่ตลอดเวลา ไม่มีการตัดการทำงาน วัดค่าปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านเท่ากับ 4.875 แอมแปร์ และค่ากำลังไฟฟ้ากินไฟ 1.1032 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ตามภาพ
เรามาลองคิดคำนวนค่าไฟแบบคร่าวๆดูครับสมมุติว่าเราเปิดเจ้าแอร์เครื่องนี้เป็นเวลา 8 ชั่วโมง/วัน สูตรการคำนวนง่ายๆครับ
จำนวนหน่วยที่ใช้ใน 1 วัน = กำลังไฟฟ้า(กิโลวัตต์) x จำนวน เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการคำนวณ x จำนวนชั่วโมงที่ใช้งานในหนึ่งวัน
จำนวนหน่วยที่ใช้ใน 1 วัน = 1.1032 * 1 * 8 = 8.826 หน่วย/วัน จะจ่ายค่าไฟกี่บาทก็แล้วแต่พื้นที่ๆท่านอยู่ว่าเขาเก็บค่าไฟหน่วยละเท่าไหร่ครับ
คราวนี้เราลองมาทดลองล้างแอร์เจ้าเครื่องนี้กันดูครับ
เบื้องต้นก่อนจะถึงวิธีล้างแอร์ มาบอกในสิ่งที่หลายๆคนมองข้ามก่อน นั่นก็คือฟิลเตอร์ดักฝุ่นครับ เจ้าฟิลเตอร์ตัวนี้ถ้าไม่ล้างมันๆก็จะทำให้อากาศร้อนภายในห้องดูดผ่านครีบระบายความร้อนออกไปไม่ได้เหมือนกัน แง้มหน้ากากหน้ามันขึ้น แล้วดึงมันออกมาฉีดล้างให้สะอาดทุกๆอาทิตย์ครับ
คราวนี้มาเข้าวิธีล้างแอร์ช่วยชาติจริงๆแล้ว
1. เริ่มต้นจากสับเบรคเกอร์ลง เตรียมถอดหน้ากากออกก่อน มันจะมีที่ปิดหัวน็อตอยู่ที่ส่วนล่างของช่องลมแอร์ ให้เราใช้ไขควงเล็กๆงัดออก และใช้ไขควงแฉกขันน็อตออกทั้งสองข้างตามภาพ และใช้มือโยกหน้ากากแอร์ออกมา (แอร์บางรุ่นก็ไม่มีเจ้าน็อตยึดหน้ากากนี้เช่นแอร์ SAMSUNG บางรุ่น ใช้มือโยกหน้ากากออกได้เลย)
สังเกตสิ่งสกปรกที่อุดตันครีบระบายความร้อนหรือคอยล์เย็น และสังเกตุพักลมแอร์ที่อยู่ใต้ช่องแอร์ดูครับ มันจะมีคราบเหนียวๆ และฝุ่นจับอยู่เป็นจำนวนมาก ที่แหละคือสิ่งที่ทำให้แอร์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพและทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ที่เป็นตัวการในการกินไฟของคุณไม่ยอมตัดการทำงาน ทำให้แอร์ไม่เย็น เปลืองไฟ เปลืองเงินค่าไฟครับ
2. ใช้แปรงสีฟันชุบน้ำทำความสะอาดคราบไคลที่ติดอยู่กับครีบระบายความร้อนและพัดลมแอร์ให้สะอาดที่สุด และใช้น้ำจากสายยางหรือจากอะไรก็ได้ที่คุณมี ฉีดล้างฝุ่นและคราบเหนียวๆออกให้ได้มากที่สุด ตามภาพผมใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงในการล้างครับ ปรับน้ำให้มันแบนๆที่สุด แล้วฉีดไปตามครีบและพัดลมแอร์ (ในส่วนของพัดลมแอร์ตอนฉีดเราต้องเอามือล็อคไม่ให้ใบพัดหมุนด้วย ไม่เช่นนั้นกระแสไฟฟ้าจากการหมุนของใบพัดมันจะย้อนกับไปที่แผงคอนโทรลแอร์)
3. ไปที่คอยล์ร้อนที่อยู่ตรงตู้คอมเพรสเซอร์บ้างครับ ฉีดน้ำล้างเหมือนกันครับ ให้ครีบระบายความร้อนจากตู้คอมเพรสเซอร์ระบายความร้อนได้ง่ายที่สุด
4. เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จครับ ประกอบหน้ากากกลับคืนครับผม
คราวนี้เรามาทดสอบเปิดแอร์กันใหม่ที่อุณหภูมิเดิม ความแรงพัดลมแอร์เท่าเดิมได้ค่าดังนี้ครับผม > ค่าปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านลดลงเหลือเท่ากับ 4.380 แอมแปร์ และค่ากำลังไฟฟ้ากินไฟ 1.0265 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
ที่ค่าลดลงเนื่องจากมันระบายความร้อนได้ดีขึ้นครับ ลองนึกภาพเราเอามือบีบจมูกแล้วหายใจเราจะใช้แรงในการหายใจมากขึ้น แล้วเวลาเราเอามืออกเราก็จะใช้แรงไม่มากเพราะไม่มีอะไรมาบีบจมูกเราไว้
แต่ไฮไลท์ของการประหยัดพลังงานมันอยู่ตรงนี้ครับ หลังจากเปิดไปได้ประมาณ 15 นาที คอมเพรสเซอร์ก็ตัดการทำงานครับ ทำให้ค่าปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านลดลงเหลือเท่ากับ 0.310 แอมแปร์ และค่ากำลังไฟฟ้ากินไฟ 0.0648 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
ทดสอบเปิดดูเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ปรากฏว่าใน 1 ชั่วโมงการทำงานมีช่วงที่คอมเพรสเซอร์ทำงานประมาณ 35 นาที และช่วงที่คอมเพรสเซอร์หยุดทำงานประมาณ 25 นาที หลังจากที่ก่อนจะล้างแอร์คอมเพรสเซอร์ทำงานอยู่ตลอดเวลามันไม่ยอมตัดเลย
มาคำนวนหน่วยที่ใช้ไฟคร่าวๆกันใน 1 วันกันใหม่ครับ คิดที่เปิดวันละ 8 ชั่วโมงเหมือนเดิม แต่คราวนี้เราต้องคิดที่ทั้งคอมเพรสเซอร์ทำงานและหยุดการทำงานมารวมกัน
จำนวนหน่วยที่ใช้ใน 1 วัน = (1.0265 * 1 * (35/60) *8) + (0.0648 * 1 * (25/60) *8) = 5.006 หน่วย/วัน
จำนวนหน่วยที่ลดลงในการใช้ไฟฟ้าก่อนล้างและหลังล้างที่เราจะประหยัดได้สำหรับแอร์ 1 เครื่องขนาด 12,xxx BTU เท่ากับ 8.826 - 5.006 = 3.82 หน่วยต่อวัน หรือประมาณ 114 หน่วยต่อเดือน(คิดจาก 30 วัน) หรือประมาณ 1394.3 หน่วยต่อปี นี่คือค่าที่ประเทศชาติรวมถึงตัวคุณเองได้ประหยัดการใช้พลังงานเป็นจำนวนหน่วย คิดเป็นจำนวนเงินที่คุณประหยัดได้เท่าไหร่ ต่อวัน ต่อเดือน หรือต่อปี คุณก็ลองเอาอัตราค่าไฟต่อหน่วยของคุณคูนเข้าไปดูครับ สมมุติว่าบ้านคุณเสียค่าไฟหน่วยละ 4 บาท คุณก็จะประหยัดเงินตรงนี้ไปแล้วประมาณ 456 บาท/เดือน หรือ 5,577 บาท ต่อปีต่อเครื่อง ซึ่งเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยครับ
เมื่อสร้างก็ยังไม่รู้จะสร้างหรือไม่สร้าง พลังงานก็เถียงกันว่าพอหรือไม่พอ แต่เราช่วนกันลดได้ครับผม