[JeNakKao] รีวิวและบอกเล่าความรู้สึกหลังจากดูเรื่อง “Hacksaw Ridge”

สวัสดีค่ะช่าวพันทิพทุกคน หลังจากที่ตั้งกระทู้ Road to Oscar มาเยอะแล้ว วันนี้เลยจะขอเปลี่ยนแนว มาพูดคุยเม้ามอยส์ และรีวิวหนังที่เข้าชิงออสการ์กันหน่อย เอาจริงๆตอนนี้ก็พยายามเก็บให้ครบทุกเรื่องนะคะ ซึ่งอยากจะบอกว่า แทบจะไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย ที่สำคัญตังก็จะหมด ซ้ำไปกว่านั้น วาเลนไทน์ที่ผ่านมาก็นกค่ะ!! (เดี๋ยวๆ เกี่ยวกันไหม?)
วันนี้หนังที่เจ๊จะมารีวิว ก็คือเรื่อง “Hacksaw Ridge” ผลงานการกำกับของลุง Mel Gibson ซึ่งหลังจากที่ห่างหายจากสายรางวัลไปนาน กลับมาคราวนี้ไม่ธรรมดาจริงๆค่ะ
สำหรับการรีวิวในกระทู้นี้ เจ๊ก็จะขอพูดแบบคนบ้านๆทั่วไป ที่นกจากวาเลนไทน์ เลยเอาเวลาไปดูหนัง (อิอิ) ไม่ต้องลึกไม่ต้องปรัชญาอะไรมากเนาะ และรีวิวจะมาในรูปแบบความรู้สึกหลังจากที่ได้ดูเรื่องนี้ จะเป็นยังไงไปติดตามกันเลยค่ะ
รู้สึกว่า “
มันดี มันปังมากกก”

ดูจบปุ๊บ รู้สึกได้เลยค่ะว่ามันดี มันสมควรและคู่ควรกับคะแนนวิจารณ์ที่นักวิจารณ์ให้เรื่องนี้ค่ะ โดยเรื่องนี้ได้คะแนน 86% จากเว็บมะเขือเน่า ด้วยคะแนนเฉลี่ย 7.2/10 ซึ่งถือว่าเยอะนะคะ และคนดูในอเมริกาเอง ก็ให้เกรดเรื่องนี้ในระดับเกรด A เลยทีเดียว แค่นั้นยังไม่พอนะคะ เรื่องนี้มันดี มันปังขนาดเข้าชิงรางวัลต่างๆมากมาย รวมถึงรางวัลออสการ์ และที่สำคัญเข้าชิงในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม Best Picture ด้วย!!! ดีงามพระรามแปดจริงๆ คือไม่ได้จะอวยนะคะ แต่ดูจบแล้วรู้สึกว่าหนังมันสมควรแก่คะแนนและรางวัลจริงๆค่ะ
รู้สึกว่า “
แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ คือดีงาม”

โอ้ยยยย พ่อหนุ่ม(อดีต)สไปดี้ที่รักของเจ๊ เรื่องนี้ มาเต็มมากค่ะ เอาไป สิบ สิบ สิบ บราโว่!!! (ขอท่ามาดามมดด้วย) คืออยากจะบอกว่าเกินคาดมากค่ะ ไม่นึกว่านางจะมาสายรางวัลได้ปังขนาดนี้ คือก่อนหน้านี้นางก็เคยมาสายนี้นะ ในเรื่อง The Social Network แต่นั่นมันก็เกือบ 6 ปีที่แล้ว แต่มาคราวนี้ นางปังขึ้นกว่าเก่า
บทที่แอนดรูว์ได้รับ คือ Desmond Doss แพทย์สนามที่ช่วยเหลือเหล่าทหารในสนามรบ เอาจริงๆอยากจะบอกว่า บทแน่นมากค่ะ โดยเฉพาะตอนฝึกทหาร คืออารมณ์ทุกอย่าง จะผ่านออกมาทางสีหน้าของแอนดรูว์หมดเลย คือถ้าไม่ดีจริง ไม่รอดนะคะ ส่วนน้ำเสียงบทพูดในช่วงที่ยิงกันสะบั้นหั่นแหลก ก็ทำได้ดี คือได้ฟีลลิ่งจริงๆ นางสามารถทำให้คนดูเข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึก ณ ที่นั้นจริงๆ นี่แหละคือความยอดเยี่ยมที่นางส่งพลังออกมาจากหนัง.... โอ้ยยย ปลื้มค่ะ
แอนดรูว์ ได้เข้าชิงออสการ์เป็นครั้งแรกในปีนี้ในสาขา นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ถึงแม้อาจจะไม่ใช่แคนดิเดตเต็งหนึ่งที่จะคว้ารางวัลนี้ แต่เจ๊ว่าการได้เข้าชิง ก็การันตีความยอดเยี่ยมของแอนดรูว์ได้แน่นอนค่ะ
รู้สึกว่า “
ลุ้นระทึกเกินไปป่ะคะ?”

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าหนังจะเล่าเรื่องราวเป็นสามช่วงนะคะ ช่วงแรกเป็นเด็กจนโตที่ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านกับครอบครัวพ่อแม่ ช่วงสองเป็นช่วงฝึกทหาร และช่วงสามเป็นช่วงรบ ซึ่งประเด็นอยู่ในช่วงที่สามค่ะ
คือแบบ โอ้ยยย มันส์มาก ลุ้นมาก (กอ ไก่ ล้านตัว) สู้กันยิงกันฟันกันเมามันส์มากๆ คนดูอย่างเราๆก็นั่งจิกเบาะไปค่ะ หายใจก็แทบไม่ทัน และพอในหนังถึงช่วงกลางคืน ความรู้สึกก็พอได้พักนิดหน่อย แต่พอเช้ามา โอ้ยยย พีคไปอีก ลุ้นมาก นี่ถ้าเข้าไปช่วยพระเอกได้ เจ๊เข้าไปแล้วค่ะ (แต่คงตายตั้งแต่นาทีแรก ฮ่าๆๆ)
คืออยากจะบอกว่า องค์ประกอบทุกอย่างของหนังรวมๆแล้วทำออกมาได้ดีได้มันส์จริงๆ ยอมรับเลยค่ะ
รู้สึกว่า “
หนังมันเรียลจริงๆ”

ในช่วงสอง ที่เป็นช่วงฝึกทหาร บทจะเน้นย้ำเรื่องความสูญเสียในสงครามมากๆ พูดหลายรอบ เน้นมันเข้าไป แล้วสุดท้าย หนังจะตอกย้ำด้วยภาพในช่วงรบ แน่นอนค่ะ เรียลสุดๆ ไม่มีกัก เลือดเป็นเลือด ระเบิดแขนขาขาดมาหมด ตับไตใส้พุงจัดเต็มมากๆ ตอนเจ๊ดู ก็รู้สึกว่าไม่อยากมองนะ แต่พอคิดย้อนไปถึงตอนที่หนังย้ำเราหลายรอบในช่วงสอง ว่าสงครามมันสร้างความสูญเสีย เออ.. มันก็จริงอย่างที่หนังบอก ในสนามรบไม่มีโลกสวยไม่มีทุ่งลาเวนเดอร์แน่นอน
เอาจริงๆประเด็นนี้มันก็ไม่มีอะไรหรอก แต่เจ๊ว่าหนังมันก็พยายามสื่อให้เราเห็นนะ ไม่ใช่อยู่ดีๆก็โผล่มาเลือดเต็ม อะไรประมาณนี้
รู้สึกว่า “
ดูง่าย ตัดต่อดี”

เป็นไหมคะ? เวลาดูหนังสงครามต่อสู้กัน มักจะมีความรู้สึกว่า พระเอกอยู่ทีมไหนอะ? ลุงคนนั้นทีมไหนคะ? เอ่ๆที่โดนยิงใช่ตัวเอกปะ? นี่สรุปชั้นเชียร์ทีมไหนอยู่? เอ้า สุดท้าย เชียร์ผิดทีมค่ะ (ฮ่าๆ) คือบางเรื่อง หนังเน้นมันส์ตัดไปมา จนดูไม่รู้เรื่อง เวียนหัว กะเอามันส์อย่างเดียว แต่สำหรับหนังของลุงเมลกิบสัน เรื่องนี้ไม่ใช่อย่างงั้นค่ะ ตัดต่อดีมาก ดูง่ายให้เห็นการต่อสู้ทั้งสองฝ่าย แต่เข้าใจตัวละครที่หนังต้องการจะสื่อให้เห็นได้ครบ คือเจ๊อาจจะไม่ใช่มือโปรขั้นเทพอะไรมาก แต่ถ้าหนังเรื่องไหนตัดต่อได้มันส์ และคนดูทั่วไปอย่างเจ๊ดูรู้เรื่อง เจ๊ก็ฟังธงเลยค่ะว่า เรื่องนี้เป็นนักร้องเสียงเพี้ยน!!! เอ้ย ผิดๆ เรื่องนี้ตัดต่อดี!!!
ไปเปิดตารางรางวัลดู เอ้า เรื่องนี้เข้าชิงตัดต่อยอดเยี่ยมของ ACE และของออสการ์ด้วย เห้ยยย ก็มันดีจริงๆ คู่ควรค่ะ
รู้สึกว่า “มั
นสมควรได้ออสการ์ด้านเสียงค่ะ”

เรื่องนี้ เข้าชิงออสการ์ทั้งหมด 6 รางวัลด้วยกัน ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม และ ตัดต่อยอดเยี่ยม ซึ่งอยากจะบอกว่าใน 6 รางวัลเนี่ย มี 1 รางวัลที่เรื่องนี้สมควรได้ค่ะ นั่นก็คือ ...... ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม (Best Sound Editing) หรือหลายคนอาจจะเรียกในชื่อ สร้างเสียงยอดเยี่ยม
แน่นอนค่ะ หนังสงครามต่อสู้มันส์ๆ ชนะเรื่องนี้ได้ตลอด ล่าสุดก็ Mad Max และก่อนหน้านั้นก็ American Sniper ถามว่าตรงไหนที่สมควรให้รางวัลเรื่องนี้ ก็เสียงระเบิด เสียงกระสุนตอนยิง เสียงกระสุนปะทะคน และยิ่งมีฉากเสียงปลอกกระสุนร่วงจากกระบอกปืน คือแบบ..เจ๊ดูฉากนี้แล้วรู้เลยว่า ฉากนี้กรรมการของออสการ์ต้องโหวตให้อะ (The Hurt Locker ก็ทำมาแล้ว) ลึกไปกว่านั้น (นี่ขนาดตอนต้นกระทู้บอกว่าจะไม่รีวิวลึกนะ ฮ่าๆๆ) ฉากรบ จะมีเสียงกระสุนที่อยู่ในระยะไกลเข้ามาตลอด (เค้าเรียกว่าอะไรอะ เจ๊ก็ไม่รู้ คือเป็นเสียงออกลำโพงอื่น ที่ไม่ใช่ลำโพงหลักอะ) และที่สำคัญทำออกมาได้เหมือนจริงมากๆ คือมีเสียงกระสุน มีหยุดยิง มีโดนยิง คืองานละเอียดมากค่ะ ...สมควรได้รางวัล
คู่แข่งในสาขานี้ ก็คงมี Arrival และ La La Land เรื่อง Arrival ต้องถามใจกรรมการดูว่า ชอบการสร้างเสียงเอเลี่ยนไหม? ถ้าชอบก็โหวต ถ้าไม่ชอบก็ไปเรื่องต่อไปค่ะ La La Land มีหนังเพลงไม่กี่เรื่องที่ได้เข้าชิงสาขานี้ และในปีนี้ เรื่องนี้ได้เข้าชิงในรอบหลายสิบๆปี และเป็นอีกเรื่องที่เป็นเต็งหนึ่งด้วย
ถามว่าใครจะชนะ มาวิเคราะห์กันค่ะ กรรมการที่จะโหวตให้ Hacksaw Ridge ก็เพราะมันดีจริงๆ แล้วกรรมการในสายอื่นๆล่ะ ที่ไม่ใช่สายอาชีพด้านนี้ ก็คงโหวตให้เรื่องนี้เพราะเป็นหนังสงครามหนังต่อสู้ ที่ชนะออสการ์ตลอด ในส่วนของ La La Land คนจะโหวตให้ก็เพราะ หนังมีคะแนนสนับสนุนจากกรรมการในสายอื่นๆที่เรื่องนี้เป็นตัวเต็ง เช่น สาขาด้านภาพ La La Land มาเต็งหนึ่ง (Hacksaw Ridge ไม่ได้เข้าชิง) แสดงว่ากรรมการน่าจะโหวตให้เรื่องนี้ชนะในสาขาด้านภาพ แล้วกรรมการกลุ่มนี้ จะโหวตใครในสาขาตัดต่อเสียงยอดเยี่ยมคะ ซึ่งเจ๊ว่ามันต้องมีกรรมการบางคนที่โหวตตามหนังที่ชนะในสายของตัวเอง ซึ่งกรรมการกลุ่มนั้นก็คงโหวต La La Land มากกว่า Hacksaw Ridge ...อะไรประมาณนี้ (เพ้อเจ้อจนจะออกทะเลแหละ กลับๆ)
แต่ถึงยังไง.. เป็นเจ๊ เจ๊โหวต Hacksaw Ridge ค่ะ (ขอรางวัลนี้ให้ Hacksaw Ridge นะคะ คุณพี่ La La Land)
สรุป Hacksaw Ridge ถือเป็นหนังสงครามเกรด A ที่ทำออกมาได้ดี ลุ้นระทึก และคอหนังสายนี้น่าจะชอบ เจ๊กดโหวตคะแนนให้เลย 8.0/10 ไปเลยค่ะ และยังไงก็อย่าลืมตามเชียร์เรื่องนี้บนเวทีออสการ์ด้วยนะคะ จันทร์เช้าวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นี้
เวิ่นเว้อมาเยอะล่ะ ก็จบค่ะสำหรับรีวิวแบบเบาๆเรื่อง Hacksaw Ridge ขอบคุณที่ตามอ่าน และตามเจ๊นะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ
[JeNakKao] รีวิวและบอกเล่าความรู้สึกหลังจากดูเรื่อง “Hacksaw Ridge”
สวัสดีค่ะช่าวพันทิพทุกคน หลังจากที่ตั้งกระทู้ Road to Oscar มาเยอะแล้ว วันนี้เลยจะขอเปลี่ยนแนว มาพูดคุยเม้ามอยส์ และรีวิวหนังที่เข้าชิงออสการ์กันหน่อย เอาจริงๆตอนนี้ก็พยายามเก็บให้ครบทุกเรื่องนะคะ ซึ่งอยากจะบอกว่า แทบจะไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย ที่สำคัญตังก็จะหมด ซ้ำไปกว่านั้น วาเลนไทน์ที่ผ่านมาก็นกค่ะ!! (เดี๋ยวๆ เกี่ยวกันไหม?)
วันนี้หนังที่เจ๊จะมารีวิว ก็คือเรื่อง “Hacksaw Ridge” ผลงานการกำกับของลุง Mel Gibson ซึ่งหลังจากที่ห่างหายจากสายรางวัลไปนาน กลับมาคราวนี้ไม่ธรรมดาจริงๆค่ะ
สำหรับการรีวิวในกระทู้นี้ เจ๊ก็จะขอพูดแบบคนบ้านๆทั่วไป ที่นกจากวาเลนไทน์ เลยเอาเวลาไปดูหนัง (อิอิ) ไม่ต้องลึกไม่ต้องปรัชญาอะไรมากเนาะ และรีวิวจะมาในรูปแบบความรู้สึกหลังจากที่ได้ดูเรื่องนี้ จะเป็นยังไงไปติดตามกันเลยค่ะ
รู้สึกว่า “มันดี มันปังมากกก”
ดูจบปุ๊บ รู้สึกได้เลยค่ะว่ามันดี มันสมควรและคู่ควรกับคะแนนวิจารณ์ที่นักวิจารณ์ให้เรื่องนี้ค่ะ โดยเรื่องนี้ได้คะแนน 86% จากเว็บมะเขือเน่า ด้วยคะแนนเฉลี่ย 7.2/10 ซึ่งถือว่าเยอะนะคะ และคนดูในอเมริกาเอง ก็ให้เกรดเรื่องนี้ในระดับเกรด A เลยทีเดียว แค่นั้นยังไม่พอนะคะ เรื่องนี้มันดี มันปังขนาดเข้าชิงรางวัลต่างๆมากมาย รวมถึงรางวัลออสการ์ และที่สำคัญเข้าชิงในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม Best Picture ด้วย!!! ดีงามพระรามแปดจริงๆ คือไม่ได้จะอวยนะคะ แต่ดูจบแล้วรู้สึกว่าหนังมันสมควรแก่คะแนนและรางวัลจริงๆค่ะ
รู้สึกว่า “แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ คือดีงาม”
โอ้ยยยย พ่อหนุ่ม(อดีต)สไปดี้ที่รักของเจ๊ เรื่องนี้ มาเต็มมากค่ะ เอาไป สิบ สิบ สิบ บราโว่!!! (ขอท่ามาดามมดด้วย) คืออยากจะบอกว่าเกินคาดมากค่ะ ไม่นึกว่านางจะมาสายรางวัลได้ปังขนาดนี้ คือก่อนหน้านี้นางก็เคยมาสายนี้นะ ในเรื่อง The Social Network แต่นั่นมันก็เกือบ 6 ปีที่แล้ว แต่มาคราวนี้ นางปังขึ้นกว่าเก่า
บทที่แอนดรูว์ได้รับ คือ Desmond Doss แพทย์สนามที่ช่วยเหลือเหล่าทหารในสนามรบ เอาจริงๆอยากจะบอกว่า บทแน่นมากค่ะ โดยเฉพาะตอนฝึกทหาร คืออารมณ์ทุกอย่าง จะผ่านออกมาทางสีหน้าของแอนดรูว์หมดเลย คือถ้าไม่ดีจริง ไม่รอดนะคะ ส่วนน้ำเสียงบทพูดในช่วงที่ยิงกันสะบั้นหั่นแหลก ก็ทำได้ดี คือได้ฟีลลิ่งจริงๆ นางสามารถทำให้คนดูเข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึก ณ ที่นั้นจริงๆ นี่แหละคือความยอดเยี่ยมที่นางส่งพลังออกมาจากหนัง.... โอ้ยยย ปลื้มค่ะ
แอนดรูว์ ได้เข้าชิงออสการ์เป็นครั้งแรกในปีนี้ในสาขา นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ถึงแม้อาจจะไม่ใช่แคนดิเดตเต็งหนึ่งที่จะคว้ารางวัลนี้ แต่เจ๊ว่าการได้เข้าชิง ก็การันตีความยอดเยี่ยมของแอนดรูว์ได้แน่นอนค่ะ
รู้สึกว่า “ลุ้นระทึกเกินไปป่ะคะ?”
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าหนังจะเล่าเรื่องราวเป็นสามช่วงนะคะ ช่วงแรกเป็นเด็กจนโตที่ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านกับครอบครัวพ่อแม่ ช่วงสองเป็นช่วงฝึกทหาร และช่วงสามเป็นช่วงรบ ซึ่งประเด็นอยู่ในช่วงที่สามค่ะ
คือแบบ โอ้ยยย มันส์มาก ลุ้นมาก (กอ ไก่ ล้านตัว) สู้กันยิงกันฟันกันเมามันส์มากๆ คนดูอย่างเราๆก็นั่งจิกเบาะไปค่ะ หายใจก็แทบไม่ทัน และพอในหนังถึงช่วงกลางคืน ความรู้สึกก็พอได้พักนิดหน่อย แต่พอเช้ามา โอ้ยยย พีคไปอีก ลุ้นมาก นี่ถ้าเข้าไปช่วยพระเอกได้ เจ๊เข้าไปแล้วค่ะ (แต่คงตายตั้งแต่นาทีแรก ฮ่าๆๆ)
คืออยากจะบอกว่า องค์ประกอบทุกอย่างของหนังรวมๆแล้วทำออกมาได้ดีได้มันส์จริงๆ ยอมรับเลยค่ะ
รู้สึกว่า “หนังมันเรียลจริงๆ”
ในช่วงสอง ที่เป็นช่วงฝึกทหาร บทจะเน้นย้ำเรื่องความสูญเสียในสงครามมากๆ พูดหลายรอบ เน้นมันเข้าไป แล้วสุดท้าย หนังจะตอกย้ำด้วยภาพในช่วงรบ แน่นอนค่ะ เรียลสุดๆ ไม่มีกัก เลือดเป็นเลือด ระเบิดแขนขาขาดมาหมด ตับไตใส้พุงจัดเต็มมากๆ ตอนเจ๊ดู ก็รู้สึกว่าไม่อยากมองนะ แต่พอคิดย้อนไปถึงตอนที่หนังย้ำเราหลายรอบในช่วงสอง ว่าสงครามมันสร้างความสูญเสีย เออ.. มันก็จริงอย่างที่หนังบอก ในสนามรบไม่มีโลกสวยไม่มีทุ่งลาเวนเดอร์แน่นอน
เอาจริงๆประเด็นนี้มันก็ไม่มีอะไรหรอก แต่เจ๊ว่าหนังมันก็พยายามสื่อให้เราเห็นนะ ไม่ใช่อยู่ดีๆก็โผล่มาเลือดเต็ม อะไรประมาณนี้
รู้สึกว่า “ดูง่าย ตัดต่อดี”
เป็นไหมคะ? เวลาดูหนังสงครามต่อสู้กัน มักจะมีความรู้สึกว่า พระเอกอยู่ทีมไหนอะ? ลุงคนนั้นทีมไหนคะ? เอ่ๆที่โดนยิงใช่ตัวเอกปะ? นี่สรุปชั้นเชียร์ทีมไหนอยู่? เอ้า สุดท้าย เชียร์ผิดทีมค่ะ (ฮ่าๆ) คือบางเรื่อง หนังเน้นมันส์ตัดไปมา จนดูไม่รู้เรื่อง เวียนหัว กะเอามันส์อย่างเดียว แต่สำหรับหนังของลุงเมลกิบสัน เรื่องนี้ไม่ใช่อย่างงั้นค่ะ ตัดต่อดีมาก ดูง่ายให้เห็นการต่อสู้ทั้งสองฝ่าย แต่เข้าใจตัวละครที่หนังต้องการจะสื่อให้เห็นได้ครบ คือเจ๊อาจจะไม่ใช่มือโปรขั้นเทพอะไรมาก แต่ถ้าหนังเรื่องไหนตัดต่อได้มันส์ และคนดูทั่วไปอย่างเจ๊ดูรู้เรื่อง เจ๊ก็ฟังธงเลยค่ะว่า เรื่องนี้เป็นนักร้องเสียงเพี้ยน!!! เอ้ย ผิดๆ เรื่องนี้ตัดต่อดี!!!
ไปเปิดตารางรางวัลดู เอ้า เรื่องนี้เข้าชิงตัดต่อยอดเยี่ยมของ ACE และของออสการ์ด้วย เห้ยยย ก็มันดีจริงๆ คู่ควรค่ะ
รู้สึกว่า “มันสมควรได้ออสการ์ด้านเสียงค่ะ”
เรื่องนี้ เข้าชิงออสการ์ทั้งหมด 6 รางวัลด้วยกัน ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม และ ตัดต่อยอดเยี่ยม ซึ่งอยากจะบอกว่าใน 6 รางวัลเนี่ย มี 1 รางวัลที่เรื่องนี้สมควรได้ค่ะ นั่นก็คือ ...... ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม (Best Sound Editing) หรือหลายคนอาจจะเรียกในชื่อ สร้างเสียงยอดเยี่ยม
แน่นอนค่ะ หนังสงครามต่อสู้มันส์ๆ ชนะเรื่องนี้ได้ตลอด ล่าสุดก็ Mad Max และก่อนหน้านั้นก็ American Sniper ถามว่าตรงไหนที่สมควรให้รางวัลเรื่องนี้ ก็เสียงระเบิด เสียงกระสุนตอนยิง เสียงกระสุนปะทะคน และยิ่งมีฉากเสียงปลอกกระสุนร่วงจากกระบอกปืน คือแบบ..เจ๊ดูฉากนี้แล้วรู้เลยว่า ฉากนี้กรรมการของออสการ์ต้องโหวตให้อะ (The Hurt Locker ก็ทำมาแล้ว) ลึกไปกว่านั้น (นี่ขนาดตอนต้นกระทู้บอกว่าจะไม่รีวิวลึกนะ ฮ่าๆๆ) ฉากรบ จะมีเสียงกระสุนที่อยู่ในระยะไกลเข้ามาตลอด (เค้าเรียกว่าอะไรอะ เจ๊ก็ไม่รู้ คือเป็นเสียงออกลำโพงอื่น ที่ไม่ใช่ลำโพงหลักอะ) และที่สำคัญทำออกมาได้เหมือนจริงมากๆ คือมีเสียงกระสุน มีหยุดยิง มีโดนยิง คืองานละเอียดมากค่ะ ...สมควรได้รางวัล
คู่แข่งในสาขานี้ ก็คงมี Arrival และ La La Land เรื่อง Arrival ต้องถามใจกรรมการดูว่า ชอบการสร้างเสียงเอเลี่ยนไหม? ถ้าชอบก็โหวต ถ้าไม่ชอบก็ไปเรื่องต่อไปค่ะ La La Land มีหนังเพลงไม่กี่เรื่องที่ได้เข้าชิงสาขานี้ และในปีนี้ เรื่องนี้ได้เข้าชิงในรอบหลายสิบๆปี และเป็นอีกเรื่องที่เป็นเต็งหนึ่งด้วย
ถามว่าใครจะชนะ มาวิเคราะห์กันค่ะ กรรมการที่จะโหวตให้ Hacksaw Ridge ก็เพราะมันดีจริงๆ แล้วกรรมการในสายอื่นๆล่ะ ที่ไม่ใช่สายอาชีพด้านนี้ ก็คงโหวตให้เรื่องนี้เพราะเป็นหนังสงครามหนังต่อสู้ ที่ชนะออสการ์ตลอด ในส่วนของ La La Land คนจะโหวตให้ก็เพราะ หนังมีคะแนนสนับสนุนจากกรรมการในสายอื่นๆที่เรื่องนี้เป็นตัวเต็ง เช่น สาขาด้านภาพ La La Land มาเต็งหนึ่ง (Hacksaw Ridge ไม่ได้เข้าชิง) แสดงว่ากรรมการน่าจะโหวตให้เรื่องนี้ชนะในสาขาด้านภาพ แล้วกรรมการกลุ่มนี้ จะโหวตใครในสาขาตัดต่อเสียงยอดเยี่ยมคะ ซึ่งเจ๊ว่ามันต้องมีกรรมการบางคนที่โหวตตามหนังที่ชนะในสายของตัวเอง ซึ่งกรรมการกลุ่มนั้นก็คงโหวต La La Land มากกว่า Hacksaw Ridge ...อะไรประมาณนี้ (เพ้อเจ้อจนจะออกทะเลแหละ กลับๆ)
แต่ถึงยังไง.. เป็นเจ๊ เจ๊โหวต Hacksaw Ridge ค่ะ (ขอรางวัลนี้ให้ Hacksaw Ridge นะคะ คุณพี่ La La Land)
สรุป Hacksaw Ridge ถือเป็นหนังสงครามเกรด A ที่ทำออกมาได้ดี ลุ้นระทึก และคอหนังสายนี้น่าจะชอบ เจ๊กดโหวตคะแนนให้เลย 8.0/10 ไปเลยค่ะ และยังไงก็อย่าลืมตามเชียร์เรื่องนี้บนเวทีออสการ์ด้วยนะคะ จันทร์เช้าวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นี้
เวิ่นเว้อมาเยอะล่ะ ก็จบค่ะสำหรับรีวิวแบบเบาๆเรื่อง Hacksaw Ridge ขอบคุณที่ตามอ่าน และตามเจ๊นะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ