▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ภาพยนตร์ไทย
นักแสดงภาพยนตร์ไทย
ภาพยนตร์ต่างประเทศ
นักแสดงภาพยนตร์ต่างประเทศ
ประวัติศาสตร์
+*คุณคิดเห็นอย่างไรกับละคร/ซีรีย์อิงประวัติศาสตร์ไทยหรือภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ของบ้านเรา*+
ทำให้พวกเราทั้งหลายอดคิดเปรียบเทียบไม่ได้เลยก็คือ ซีรีย์อิงประวัติศาสตร์ของแดนกิมจินั้นทำได้ดีมากๆ ชนิดที่ว่าไม่มีชาติไหนล้มซีรีย์ของแดนกิมจิเราได้เลยแม้แต่ประเทศเดียว นอกสะจากซีรีย์ของแดนมังกรที่ผู้สร้างลงทุนทุ่มเงินมหาศาลเพื่อสร้างเมืองจำลอง พระราชวังจำลอง หมู่บ้านจำลอง เพื่อที่จะสร้างเป็นโรงถ่ายละคร-ซีรีย์-ภาพยนตร์ ของตนเองให้ออกมาอลังการงานสร้างมโหฬาร ทั้งการแต่งหน้าทำผมนี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะแดนมังกรเค้าแต่งหน้ากันจนชนิดที่เรียกได้ว่าเครื่องสำอางหมดไปหลายโรงงานอยู่เหมือนกันนะฮ่ะ แต่เราก็ไม่อยากไปเปรียบเทียบกับพี่เค้าหรอก เพราะประเทศพี่เค้าขึ้นชื่อเรื่องความยิ่งใหญ่อยู่แล้ว ความยิ่งใหญ่ของเค้าตั้งแต่อดีตเป็นยังไง ปัจจุบันก็ยังคงความยิ่งใหญ่แบบนั้นอยู่
ถ้าถามว่าเราควรเอาประเทศไหนเป็นแบบอย่างการทำภาพยนตร์หรือละคร/ซีรีย์(อิงประวัติศาสตร์) ถ้าจะเอาจริงๆนะฮ่ะก็ต้องไม่พ้นกับแดนกิมจิอยู่แล้วนะครับ แล้วถามว่าทำไมต้องเป็นแดนกิมจิ ก็เพราะว่าองค์ประกอบของการจัดฉาก-เสื้อผ้าของเหล่านักแสดง-การเฟ้นหานักแสดงเพื่อมารับบทสำคัญๆต่างๆ ทำให้ถ่ายออกมาแล้วมันลงตัว และผู้ชมเค้าก็ชอบด้วย นักแสดงที่มารับบทต้องอินไปกับบทแต่ไม่มากเกินไปเพราะมันจะโบราณเกินไปและทำให้ผู้ชมรู้สึกไม่ฟินไปกับเรื่อง และนี้แหละเป็นจุดขายของหนังแดนกิมจิอีกอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้
บ้านเราเวลาจะคิดสร้างหนังสักเรื่องหนึ่งเนี้ย เราควรจะเริ่มจากอันดับหนึ่งเลยก็ต้องไม่พ้นเรื่องของการเขียนบท เขียบบทเสร็จก็ต้องมาหานักแสดงที่จะมารับบทนั้นๆ หานักแสดงเสร็จก็ต้องมาออกแบบฉากว่าเราควรจะออกแบบให้ดูดีและสวยงามอย่างไร และต่อมาก็ต้องมาออกแบบ/เลือกชุดเสื้อผ้าที่นักแสดงจะต้องสวมใส่ ส่วนมากน่ะหนังบ้านเราจะมาตายกับเรื่องเสื้อผ้าสะเป็นส่วนใหญ่ เพราะออกแบบฉากมาดูสวยงามและโบราณมาก แต่กับออกแบบเสื้อผ้ามาแบบสมัยใหม่มากเกินไป เช่น ฉากพระราชวังในสมัยสุโขทัย-อยุธยา-ล้านนา แต่เสื้อผ้าหน้าผมกลับดูเป็นแบบ ... แบบยังไงละ อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ คือมันสมัยใหม่มากเกินไปและดูเป็นแบบมิกซ์แอนด์ไม่แมทช์กันเลย อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ เพื่อนๆอาจจะคิดต่างไปกว่านี้
วัฒนธรรมบ้านเรานะมันดูดีและสวยงามมากๆเลยนะฮ่ะ แล้วก็เหมาะที่จะถ่ายหนังอิงประวัติศาสตร์มากอยู่แล้ว แต่เรากลับคิดออกนอกกรอบมากเกินไปของเรื่องเสื้อผ้า เกาหลีใต้เค้าออกแบบเสื้อผ้า เค้าจะไม่ออกแบบและเปลี่ยนแบบจากอันเก่าอันเดิมมากเกินไป สวนมากเค้าก็จะเปลี่ยนแบบเฉพาะเล็กๆน้อยๆ เช่น ลายดอกไม้ที่เสื้อขององค์หญิง/พระมเหสี หรือที่ศรีษะก็เพิ่มดอกไม้เงินดอกไม้ทองเล็กๆน้อยๆ เพื่อคงความเป็นวัฒนธรรมของบ้านเมืองที่สร้างเอาไว้ของเค้า
แต่บ้านเราก็ไม่ใช่ไม่คงความเป็นไทยไว้นะฮ่ะ ละครซีรีย์ภาพยนตร์ไทยเรามีความเป็นไทยร้อยเปอร์เซ็นอยู่แล้ว แต่ส่วนมากก็จะเสียในเรื่องของเสื้อผ้าหน้าผมสะมากกว่า อันนี้ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวอีกเช่นเดิมนะครับ
ถ้าถามผมว่าละครซีรีย์ภาพยนตร์ไทยเรานี้หน้าดูไหม ก็ต้องตอบได้เลยว่าหน้าดูอยู่แล้ว ภาพสวยและบรรยากาศก็ดีมาก แต่เราใช้ฟิลเตอร์สีมันจืดเกินไป(บางเรื่องนะฮ่ะ)หรือเข้มเกินไป แล้วก็เรื่องเพลง ละครซีรีย์ภาพยนตร์ไทยส่วนมากก็จะใช้เพลงดุเดือดมากเกินไป
ผู้กำกับบ้านเราหน้าจะใช้เพลงที่หน้ารักหน้าฟังให้มากขึ้น บทละครซีรีย์ภาพยนตร์เราก็ไม่ต้องรบราฆ่าฟันกันมากเกินไป ให้มีความหวานของตัวพระนางให้มากขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง ประชาชนที่เอามาประกอบฉากก็ไม่ต้องทำหน้าตาเค้าสกปรกมากก็ได้ให้เค้าดูหน้าตาสดใสขึ้นมาหน่อยก็ดี ให้ประชาชนที่เค้าเดินไปเดินมาใช้สีผ้าให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องจำกัดแค่สีนํ้าตาลหรอก แล้วเพิ่มบทเพิ่มตัวละครให้มากขึ้นอีกนิดหนึ่ง เช่น มีพ่อค้าประชาชนให้มีมากหน้าหลายตามากขึ้น ที่เป็นคนพื้นเมืองหรือในเขตในแขวงต่างๆ เข้ามาในเมืองเพราะบ้านเรามีหลายเชื้อชาติที่อยู่ในประเทศเรา ข้าวของประกอบฉากก็ให้ดูดีขึ้นอีกนิดหนึ่ง เช่น ถ้วยชามสังคโลก หมวกสไตล์ไทยในแบบของเรา รองเท้าจักสาน จริงๆทุกคนที่แสดงควรจะต้องใส่รองเท้ากันให้หมดนะฮ่ะ (ถึงแม้อดีตจะไม่ใช่แบบอย่างที่ว่าแต่เราก็ต้องเพิ่มหน้าตาตัวละครต่างๆให้ดูดีขึ้นมาหน่อย ไม่ใช่เดินเท้าเปล่ากันระนาว)
และที่อยากให้มีมากๆเลยในละครซีรีย์ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์เรานั้นก็คือ บทองค์ชายองค์หญิง พระราชา อะไรประมาณนี้ เพราะอยากให้เพิ่มบทบาทละครแบบนี้ให้มากขึ้นในแต่ละเรื่อง ถึงแม้บ้านเราจะมีสถาบัน แต่ว่าเราก็สามารถที่จะขออนุญาตทำการแสดงในบทเหล่านั้นได้
ก็อย่างที่รู้กันวงการละครซีรีย์ภาพยนตร์ไทยเรานั้นตั้งแต่ปี 59 ถึงปัจจุบันนี้ก็เริ่มที่จะซบเซาลงไปมาก เพราะอิทธิพลของหนังต่างชาติเข้ามามากขึ้นในบ้านเรานั้นเอง
เราควรที่จะเปลี่ยนลุควงการในบ้านเราใหม่แต่คงความเป็นวงการสไตล์ไทยไว้ เพียงแค่ศึกษาหนังจากต่างประเทศโดยเฉพาะหนังจากแดนกิมจิ หรือแดนมังกร ไม่ก็ประเทศไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่ไปลอกเค้ามาหมดก็แค่เอาจุดด่วยไปเปรียบเทียบกับเค้า แล้วเราก็มาทำให้จุดๆนั้นเป็นจุดเด่นขึ้นมา เพราะฝีมือคนไทยเรามีความสามารถอยู้แล้ว เราไม่ต้องไปคิดไรมากแค่หาจุดเด่นจุดด่อยของเราออกมาซ่อมแซมใหม่เท่านั้น วงการหนังบ้านเราก็จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว แต่ที่จริงๆก็อยากให้รัฐบาลเข้ามาสนับสนุนวงการหนังบ้านเราให้มากกว่านี้ เพราะคนไทยเรามีฝีมือกันอยู่ในตัวกันอยู่แล้ว ถ้ารัฐบาลมาสนับสนุนพวกเค้าเหล่านั้นวงการหนังเราก็อาจจะเทียบเท่าวงการของเกาหลีหรือจีนขึ้นมาก็ได้ใครจะไปรู้ใช้ไหมละฮ่ะ
แต่ที่จริงๆก็อยากจะให้วงการหนังบ้านเรารู้จักจุดเด่นจุดด่อยของหนังเราให้มากขึ้น ก็อย่างที่บอกแหละครับว่า เราควรเอาวงการของเกาหลีมาเป็นแบบอย่าง เพราะสมัยก่อนเกาหลีเค้าก็เหมือนเราเกือบจะทุกอย่าง ตามหลังญี่ปุ่นและบ้านเราเสียด้วยซํ้า แต่เค้ารู้ไงว่าจุดเด่นจุดด่อยเค้ามันอยู่ตรงไหนแล้วคืออะไร เค้าเลยสามารถดันวงการหนังวงการเพลงของเค้าขึ้นมาอยู่อันดับหนึ่งของเอเซียได้ เราควรเอาเค้าเป็นแบบอย่างครับเราควรเอาเค้าเป็นแบบอย่าง เพียงแค่เราหาจุดเด่นจุดด่อยของวงการเราแล้วซ่อมบำรุงระบบของวงการเราให้กลับมาเทียบเท่ากับวงการเกาหลี/จีน/ญี่ปุ่น.อีกครั้ง