บางคนที่บอกว่า เซ็กซ์ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตคู่ มันก็จริงส่วนนึง เพราะในชีวิตครอบครัวมีหลายเรื่องที่สำคัญ แต่.....
- เลี้ยงลูก ถ้าผัวเมียทำงานไม่มีเวลาเลี้ยง คุณยอมให้คนอื่นเลี้ยงแทนไม๊
- งานบ้าน ถ้าผัวเมียไม่มีเวลาทำ คุณยอมจ้างคนอื่นมาทำแทนไม๊
- งานสวน ถ้าผัวเมียไม่มีเวลาทำ คุณยอมจ้างคนอื่นมาทำแทนไม๊
- งานซ่อมแซม ถ้าผัวเมียไม่มีเวลาทำ คุณยอมจ้างคนอื่นมาทำแทนไม๊
- ทำงานหาเงินไม่พอใช้ คุณยืมคนอื่นได้ไม๊
- งานบนเตียง ถ้าเมียไม่ทำ คุณยอมให้ผัวไปทำกับคนอื่นไม๊ ?????
แล้วคุณก็จะรู้ว่า เรื่องไหนสำคัญที่สุดสำหรับชีวิตคู่
ผมแต่งงานกับภรรยามา 8 ปี คบกันก่อนหน้านั้นร่วม 4-5 ปี เรามีลูกด้วยกัน 2 คน และผมคิดว่าตัวผมเองทำหน้าที่ของสามีและพ่อได้ไม่ขาดตกบกพร่อง หน้าที่สามี ผมทำได้ทุกอย่างทั้ง งานบ้าน งานสวน งานช่าง งานบนเตียง ตามแต่เวลาและแรงกายจะเอื้ออำนวย
งานบ้านผมทำได้ทุกอย่างเท่าที่ภรรยาทำได้ หรือมากกว่าด้วยซ้ำ และทำอยู่ตลอด เรื่องเลี้ยงลูกผมสามารถทำได้ทุกอย่างที่คนเป็นแม่
ทำได้ยกเว้นให้นมจากเต้า ทั้งกล่อมนอน ป้อนข้าว อาบน้ำ ล้างอึ ให้นม(ขวด) ป้อนยา ล้างจมูก พาเที่ยว ผมสามารถดูแลลูกพร้อม
กัน2คนได้ทั้งในบ้านและนอกสถานที่ (เท่าที่รู้มามีผู้ชายไม่น้อยที่ทำไม่ได้) ภรรยาของผม เธอเป็นแม่และเมียที่ดี ทุกๆอย่างมันดีมาก ยก
เว้น"เรื่องบนเตียง" ผมมีเธอเป็นคนแรกในชีวิต แต่ผมเป็นคนที่เท่าไหร่ของเธอผมไม่แน่ใจ แต่ไม่ใช่คนแรกแน่ๆ ผมยอมรับว่า ผมอ่อนใน
เรื่องบนเตียง แต่ผมพร้อมที่จะศึกษาปรับปรุงและลองปฏิบัติกับเธอ แต่เธอไม่เปิดใจ
"เรื่องบนเตียง" ของผมกับเธอ ผมรู้สึกว่าทำไมมันช่างมีเงื่อนไขเยอะแยะมากมาย
- "จูบ" ผมกับเธอไม่มีจูบแบบลึกซึ้งดูดดื่ม กันมานานมากจนจำครั้งสุดท้ายไม่ได้ ทุกวันนี้ที่การ"จูบ"คือ เอาริมฝีปากแตะกัน แค่นั้น
เธออ้างว่า การจูบแบบดูดดื่ม ทำให้เธอเจ็บคอ และผมชอบพ่นลมหายใจใส่ปากเธอ ทำให้เธอสำลัก (ผมจูบเธอเป็นคนแรกในชีวิต ผมก็
ไม่รู้ว่าจะไปฝึกกับใครมาก่อน)
- "หน้าอก" ห้ามจับ เขี่ย ดูด เลีย ยอดเนินทุกกรณี จับฐานได้ตอนปฏิบัติกิจเท่านั้น ห้ามบีบ ห้ามเลีย ห้ามดูด เธออ้างว่า จะทำให้เธอ
จักกะจี้ และหมดอารมณ์
- "ลิ้น" ห้ามละเลงลิ้นบนร่างกายเธอไม่ว่าจะส่วนไหนก็ตาม เธออ้างว่า สกปรก เลอะเทอะ เลอะน้ำลาย จักกะจี้
- "น้องสาว" ห้ามจับ เขี่ย ดูด เลีย ทุกกรณี เคยใช้นิ้วสอดใส่ แต่เธอบอกว่าเจ็บและห้ามทำ ผมคิดว่าเพราะนิ้วผมสากและไม่ลื่นมากพอ
เคยพยายามจะใช้ถุงมือยางของหมอกับสารหล่อลื่น แต่เธอก็ห้ามไม่ให้ทำ
- "เล้าโลม" ผมไม่สามารถเล้าโลมเธอให้มีอารมณ์ และอยากจะปฏิบัติกิจได้ (จากข้อห้ามด้านบน) ไม่ว่าจะพยายามกอด ลูบไล้ แค่ไหน
เธอจะบ่ายเบี่ยง ปัดมืดและผละออกเสมอ ผมจะมีกับเธอได้ ก็ต่อเมื่อเธอพร้อม และเธอจะนัดหมายล่วงหน้า (ผมพร้อมหรือป่าวไม่สนใจ)
เราเคยทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้ง เธอก็จะอ้างถึงสาเหตุความไม่พร้อมของเธอ จนผมต้องเป็นฝ่ายยอมตามเงื่อนไขเธอเสมอ และได้แต่
รอวันที่เธอพร้อมและนัดหมาย
- "ปิดไฟ" เธอมักจะปิดไฟเสมอตอนปฏิบัติกิจ (แม้ลูกจะนอนอยู่อีกห้องนึงก็ตาม) การกระทำบางอย่างของผมกับบางจุดของเธอ อาจ
จะไม่แม่นยำ และทำให้เธอเจ็บ เธอก็โวยวายไม่พอใจเสมอ (ก็คนมันมองไม่เห็นนิ)
- "ท่า" ท่าการปฎิบัติกิจก็เช่นกัน มีไม่เกิน3ท่าบนเตียง และ1ท่าในห้องน้ำ ไม่เกินนี้ การปฏิบัติกิจแต่ละครั้งจะต้องจบในท่าเดียวเท่านั้น
ยกเว้น ท่า woman on top กับ doggy ที่เธอจะอ้างว่า เมื่อย ขอเปลี่ยนเป็นท่ามาตรฐานจนจบ แต่ถ้าเริ่มต้นด้วยท่ามาตรฐาน จะ
ต้องจบด้วยท่านั้นเสมอ เปอร์เซนต์ความบ่อยของแต่ละท่า คิดเป็น ท่ามาตรฐาน 85% Doggy 10% WOT 5% ท่าใหม่ๆไม่สามารถลอง
ได้ เธออ้างว่า เมื่อย ไม่ดีหรอก ท่าเดิมดีแล้ว
- "สถานที่" ผมไม่สามารถเลือกสถานที่ปฏิบัติกิจได้ ไม่ว่าจะเป็น รถ โซฟา โต๊ะอาหาร หรือ ไปพักโรงแรมหรือรีสอร์ทหรูแค่ไหน มีอ่างกุ
ชชี่ใหญ่แค่ไหน หรือสระว่ายน้ำส่วนตัว "หรือจะพาเธอไปแช่น้ำแร่ที่เธอชอบมาก บ้านพักส่วนตัว มีอ่างอาบน้ำแร่ขนาดใหญ่ในตัว ห้อง
ปิดมิดชิด ก็ไม่สามารถบิ๊วท์อารมณ์เธอได้" แต่เราปฏิบัติกิจกันได้แค่ บนที่นอน กับ ในห้องน้ำ เท่านั้น คิดเป็นเปอร์เซนต์ ที่นอน 98%
ห้องน้ำ 2% และเกือบร้อยเปอร์เซนต์ของทั้งหมดคือ"ที่บ้าน"
- "การใช้ปาก (oral)" จากข้างบน ผมห้ามทำกับเธอ และเธอก็ไม่ทำกับผมเช่นกัน ใกล้เคียงที่สุดคือ เอาลิ้นแตะ เธออ้างว่า "ขยะ
แขยง จะอ้วก" ทั้งๆที่ผมมั่นใจทั้งกลิ่นและความสะอาดของมัน ล้างสะอาดทุกครั้ง อาบน้ำก่อนมีทุกครั้ง และมันเป็นความฝันอันสูงสุดใน
ชีวิตลูกผู้ช่ายของผม (ความซิงของผม ไม่ได้ทำให้น้องชายของดูสะอาด บริสุทธิ์ขึ้นเลย)
- "การเล้าโลมให้ผม" เธอจะเล้าโลมผมด้วยการใช้มือกับน้องชายของผมเท่านั้น ไม่มีจูบหรือลูบคล้ำส่วนอื่น (ตามเงื่อนไขด้านบน)
- "อุปกรณ์" เนื่องจากหลังจากเธอคลอดลูกใหม่ๆ เธอไม่มีอารมณ์ (ลูก 2 คน มีปัญหากันอยู่ร่วม 4 ปี) ผมจึงซื้อสารหล่อลื่นมาใช้ เธอ
กลัวว่าจะแพ้ (ทั้งๆที่ไม่แพ้) ก็ดีขึ้นบ้าง จนมาจบที่ "ไข่สั่น" ที่ทำให้เธอเล้าโลมตัวเอง และปล่อยให้ผมนอนเฉยๆ รอเธอพร้อม จนตอน
หลังผมแกล้งทำมันพัง และไม่ซื้อใหม่
- "กระตุ้นอารมณ์" จากที่บอก ไม่มีอะไรกระตุ้นอารมณ์เธอได้ และกลับกลายเป็นผมที่ถูกเธอกระตุ้นแทน แค่กอดเธอ ได้กลิ่นเธอ ผมก็
มีอารมณ์แล้ว เคยซื่อชุดซีทรูให้ใส่เธอก็ใส่แค่ไม่กี่ครั้ง เธออ้างว่า อาย หุ่นยังไม่ดี (ถ้ารอหุ่นดี ผมคงรอยันแก่) ซื้อมาบางขุดเธอบ่นว่า
ลูกไม้เยอะ คัน ไม่สวย จีสตริงอย่าได้เห็น จนผมโยนทิ้งลงขยะไปหมดแล้ว ช่วงที่เธอไม่มีอารมณ์ ผมซื้อยากระตุ้นของ Durex PlayO
มาให้เธอลองใช้ เธอบอกคำเดียวว่า ไม่เอาเดี่ยวแพ้ ผมก็โยนทิ้งลงขยะเช่นกัน
- "เวลา" เรามักจะปฏิบัติกิจเสร็จจบภายใน 10-15 นาทีต่อครั้ง เนื่องจากเงื่อนไขด้านบนแล้ว ทำให้ขั้นตอนไม่มีอะไรมากไปกว่า
ล็อคห้อง > ปิดไฟ > ถอดเสื้อ > ผมนอนเฉยๆ เธอเอามือสาว > ผมขึ้นเสียบ > แตก > จบ..... และเธอมักจะลุกใส่เสื้อผ้าแทบจะทันที
นั่งโต๊ะทำงานต่อ ปล่อยผมนอนแห้งไปอยู่คนเดียว (หลังๆผมเลยเบื่อ พอเสร็จแล้วก็ลุกเดินห้องน้ำทันทีเหมือนกัน)
- "จำนวนครั้ง" เรามักปฏิบัติกิจจบเสร็จเพียงแค่ 1 ยกต่อครั้ง การจะต่อยกสอง ผมต้องมีพลังฟื้นอาวุธด้วยตัวเอง เธอไม่ช่วยทุกกรณี
และที่สำคัญ เธอไม่รอ (ให้เวลาแค่ 10 นาทีจากยกแรก) และการจะมีกิจอีกครั้งได้ มักจะไม่เร็วไปกว่า 24 ชม. (เช้าที เย็นที ไม่มี) เฉลี่ย
จำนวนครั้งต่อเดือน 3-4 ครั้ง
ในมุมองของผม
- "เน้นคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ" ผมอยากได้คุณภาพในเรื่องเซ็กซ์มากกว่าปริมาณ 2ครั้งต่อเดือนก็ได้ แต่อยากให้เธอได้เต็มที่ เปิดครบทุกฟังก์ชั่นกับเรื่องนี้
- "เลี่ยงที่จะพูด" ในเมื่อเธอให้ผมไม่ได้ตามที่ผมต้องการ ผมก็เลี่ยงที่จะไม่พูดและชักชวนปฏิบัติกิจอีก เพราะด้วยความกลัวการผิดหวัง
คุณเคยไม๊ เธอบอกนัดกิจคืนนี้ตั้งแต่เช้า ผมก็เพ้อฝัน จินตนาการต่างๆนานา ว่าจะทำอย่างนู้นอย่างนี้ ผมกลับบ้านตามนัด เธอเหนื่อย
เธอง่วง เธอปลุกไม่ตื่น หลับพร้อมลูกไป ผมก็ต้องบำบัดตัวเองไปในคืนนั้น ทำให้ทุกวันนี้ผมต้องทำเมินเฉย ไม่คาดหวัง ไม่ตื่นเต้นกับ
เรื่องบนเตียง และคำชักชวนของเธอ เพื่อไม่ให้ตัวผมเองผิดหวัง
- "เลี่ยงที่จะทำ" ในเมื่อผมยังพิศวาสในตัวเธออยู่ แค่ผมกอดเธอ สัมผัสเธอ ได้กลิ่นเธอ ก็ทำให้ผมมีอารมณ์แล้ว แต่การที่ระบายออกไม่
ได้ตามต้องการ ทำให้ผมต้องรักษาระยะห่างกับเธอ ไม่แตะ ไม่จับ ไม่กอด ไม่จูบ ไม่หอม เพื่อเลี่ยงอารมณ์ที่จะเกิดขึ้น "ซึ่งไม่เป็นผลดี
เลย" การที่สามีภรรยาไม่มี "skinship"ต่อกัน ทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่า เราเริ่มมีอะไรบางอย่างห่างกัน ทั้งๆที่ใช้ชีวิตด้วยกัน แต่ความ
รู้สึกต่อกัน มันลดน้อยลง
- "เลี่ยงที่จะคิด" บางครั้งผมสงสัยตัวเองว่า หมกมุ่นมากเกินไปหรือป่าวกับเรื่องนี้ ทำให้ผมต้องเบี่ยงเบนความคิด หันไปการงาน
อดิเรกทำ เรื่องลดความสนใจในเรื่องนี้ ซึ่งมันก็ช่วยได้บ้างแต่ไม่ตลอด
- "บำบัด" ผมยังต้องบำบัดด้วยตัวเองอยู่เสมอ ยังต้องโหลดหนังชมพูมาดู ซื้อจิมิปลอมมาใช้ ทั้งๆที่ตอนยังไม่แต่งงาน ไม่เคยซื้อมาใช้
(ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีมาก ความรู้สึกดีมาก แต่ราคาแพง) โดยทั้งหมดต้องแอบทำไม่ให้เธอเห็น แต่ผมเชื่อว่า "เธอรู้ แต่ไม่เคยสนใจหรือ
ถามอะไร"
- "ไม่นอกกาย" ผมมีเพื่อนสนิทที่ปรึกษาเรื่องนี้ได้ ประมาณ2-3คน และผมก็รู้มาว่าเพื่อนผู้ชายผมไม่น้อยเลยที่มีครอบครัวแล้ว และ
เลือกที่จะ "ซื้อกิน" ซึ่งมันไม่ใช่แนวทางของผม เพราะเธอเคยบอกไว้ว่า ถ้านอกใจหรือนอกกาย ถ้ารู้คือ จบ.... ซึ่งตอนนี้ผมก็ได้แต่
บอกกับตัวเองว่า ไม่ออกนอกลู่นอกทางแน่นอน แต่ผมก็ไม่รู้ว่า ผมจะทนได้อีกแค่ไหน กับสังคมสมัยนี้ ที่สิ่งยั่วยุมากมาย "ในอินเตอร์
เนตที่ ข้อมูลไซด์ไลน์ หาง่ายกว่า ประวัติกรุงศรีฯ"
- "ทางออก" ณ ตอนนี้ ผมคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากอดทนและยอมรับกันเรื่องนี้ บำบัดตัวเองให้ความสนใจกับลูกให้มาก เรื่องที่คุยเพื่อ
ปรับตัว คงไม่ทำแล้ว เพราะเคยคุยกันหลายครั้งแล้ว ไม่มีอะไรดีขึ้น เธอไม่ปรับตัวและหาข้ออ้างมาต่างๆมากมาน ทุกครั้งมักเริ่มด้วยการ
ทะเลาะเสมอ ซึ่งผมคิดว่า เรื่องนี้มันน่าจบที่ตัวผมเองมากกว่า ถ้าเราไม่ต้องการปัญหามันก็ไม่เกิด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทนได้อีกแค่ไหน ตามที่
บอกไว้ข้างบน
- "บั่นทอนจิตใจ" จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความคิดด้านลบต่างๆนานาก็เข้ามาในสมองผม เคยแอบคิดคนเดียวว่า "เธอมีชู้หรือป่าว"
"เธอเคยผ่านมาแล้วกี่คน" "แล้วเธอจะทำให้แค่ไหนกับคนเก่านะ" ซึ่งผมเองก็รู้ว่า มันเป็นความคิดที่ไม่ดีเลยกับชีวิตคู่
- "ความรักและเซ็กซ์" ผมมองว่ามันเป็นของคู่กันแยกกันไม่ออก "การที่เรามีเซ็กซ์กันน้อยลง สัมผัสกันน้อยลง กอดกันน้อยลง จูบกัน
น้อยลง พูดกันน้อยลง คิดถึงกันน้อยลง มันทำให้ความรักระหว่างกันน้อยลงเช่นกัน" ตอนคบกันใหม่ๆ เพิ่งได้มีเซ็กซ์กันใหม่ๆ ใจผมคิด
ถึงแต่เธอ ห่วงเธอ อยากไปหาเธอ เหมือนคนติดยา ซึ่งผมเชื่อว่าผู้ชายหลายๆคนก็เป็น จนมาถึงวันนี้ การที่เธอห้ามนู้นห้ามนี่เรื่องเซ็กซ์
มันทำให้ผมคิดไปเองว่า เธอไม่รักผมเหรอ แค่นี้ทำให้ไม่ได้เหรอ บวกกับคำพูดต่างๆนานาที่ทำให้ผมคิด "ขยะแขยง จะอ้วก" "ไม่เอา
เลอะเทอะ"..... เราอาจจะยังใช้ชีวิตด้วยกัน ทำอะไรด้วยกันเหมือนๆเดิม แต่ผมก็ยังรู้สึกได้ว่า ความรักมันน้อยลง ห่วงเธอน้อยลง ทำเพื่อ
เธอน้อยลง มันเหมือน "หัวใจมันแห้งแล้ง" ไม่ได้รับน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ ซึ่งมันไม่ดีแน่ในระยะยาว
- "สัจจธรรม" แม้คู่รักดาราที่ดูเหมือนว่ารักกันมาก ฝ่ายหญิงสวยมากน่าจะมัดใจชายได้ แต่อยู่ดีๆเลิกกันแบบไม่มีสาเหตุ ทำให้ผมเข้า
ใจได้ว่า ทำไมผู้ชายถึงมีเมียน้อย ทำไมถึงชอบไปซื้อกิน ซึ่งมันก็ผิดจริง และสังคมมักจะโทษผู้ชายที่ทำผิด แต่ไม่มองถึงต้นตอของเหตุว่า
"เพราะอะไรที่เค้ามีเมียน้อยหรือซื้อกิน" ทุกเรื่องเราสามารถให้คนอื่นมาทำแทนได้ ยกเว้นเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ถ้าทำแล้ว ผู้ช่ายจะผิด
ศีลธรรมทันที "มันเป็ยสัจจธรรมของโลก ที่คนเรามักจะหาเติมเต็มให้ส่วนที่ขาด หาเติมได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียวคือ หาเมียเพิ่ม"
ที่คือจากใจของสามีคนนึง ที่ไม่เคยคิดนอกใจ และ "นอกกาย" ภรรยาของเค้าเลย.....
จากใจของสามีที่ไม่เคยคิดนอกใจ และ "นอกกาย"
- เลี้ยงลูก ถ้าผัวเมียทำงานไม่มีเวลาเลี้ยง คุณยอมให้คนอื่นเลี้ยงแทนไม๊
- งานบ้าน ถ้าผัวเมียไม่มีเวลาทำ คุณยอมจ้างคนอื่นมาทำแทนไม๊
- งานสวน ถ้าผัวเมียไม่มีเวลาทำ คุณยอมจ้างคนอื่นมาทำแทนไม๊
- งานซ่อมแซม ถ้าผัวเมียไม่มีเวลาทำ คุณยอมจ้างคนอื่นมาทำแทนไม๊
- ทำงานหาเงินไม่พอใช้ คุณยืมคนอื่นได้ไม๊
- งานบนเตียง ถ้าเมียไม่ทำ คุณยอมให้ผัวไปทำกับคนอื่นไม๊ ?????
แล้วคุณก็จะรู้ว่า เรื่องไหนสำคัญที่สุดสำหรับชีวิตคู่
ผมแต่งงานกับภรรยามา 8 ปี คบกันก่อนหน้านั้นร่วม 4-5 ปี เรามีลูกด้วยกัน 2 คน และผมคิดว่าตัวผมเองทำหน้าที่ของสามีและพ่อได้ไม่ขาดตกบกพร่อง หน้าที่สามี ผมทำได้ทุกอย่างทั้ง งานบ้าน งานสวน งานช่าง งานบนเตียง ตามแต่เวลาและแรงกายจะเอื้ออำนวย
งานบ้านผมทำได้ทุกอย่างเท่าที่ภรรยาทำได้ หรือมากกว่าด้วยซ้ำ และทำอยู่ตลอด เรื่องเลี้ยงลูกผมสามารถทำได้ทุกอย่างที่คนเป็นแม่
ทำได้ยกเว้นให้นมจากเต้า ทั้งกล่อมนอน ป้อนข้าว อาบน้ำ ล้างอึ ให้นม(ขวด) ป้อนยา ล้างจมูก พาเที่ยว ผมสามารถดูแลลูกพร้อม
กัน2คนได้ทั้งในบ้านและนอกสถานที่ (เท่าที่รู้มามีผู้ชายไม่น้อยที่ทำไม่ได้) ภรรยาของผม เธอเป็นแม่และเมียที่ดี ทุกๆอย่างมันดีมาก ยก
เว้น"เรื่องบนเตียง" ผมมีเธอเป็นคนแรกในชีวิต แต่ผมเป็นคนที่เท่าไหร่ของเธอผมไม่แน่ใจ แต่ไม่ใช่คนแรกแน่ๆ ผมยอมรับว่า ผมอ่อนใน
เรื่องบนเตียง แต่ผมพร้อมที่จะศึกษาปรับปรุงและลองปฏิบัติกับเธอ แต่เธอไม่เปิดใจ
"เรื่องบนเตียง" ของผมกับเธอ ผมรู้สึกว่าทำไมมันช่างมีเงื่อนไขเยอะแยะมากมาย
- "จูบ" ผมกับเธอไม่มีจูบแบบลึกซึ้งดูดดื่ม กันมานานมากจนจำครั้งสุดท้ายไม่ได้ ทุกวันนี้ที่การ"จูบ"คือ เอาริมฝีปากแตะกัน แค่นั้น
เธออ้างว่า การจูบแบบดูดดื่ม ทำให้เธอเจ็บคอ และผมชอบพ่นลมหายใจใส่ปากเธอ ทำให้เธอสำลัก (ผมจูบเธอเป็นคนแรกในชีวิต ผมก็
ไม่รู้ว่าจะไปฝึกกับใครมาก่อน)
- "หน้าอก" ห้ามจับ เขี่ย ดูด เลีย ยอดเนินทุกกรณี จับฐานได้ตอนปฏิบัติกิจเท่านั้น ห้ามบีบ ห้ามเลีย ห้ามดูด เธออ้างว่า จะทำให้เธอ
จักกะจี้ และหมดอารมณ์
- "ลิ้น" ห้ามละเลงลิ้นบนร่างกายเธอไม่ว่าจะส่วนไหนก็ตาม เธออ้างว่า สกปรก เลอะเทอะ เลอะน้ำลาย จักกะจี้
- "น้องสาว" ห้ามจับ เขี่ย ดูด เลีย ทุกกรณี เคยใช้นิ้วสอดใส่ แต่เธอบอกว่าเจ็บและห้ามทำ ผมคิดว่าเพราะนิ้วผมสากและไม่ลื่นมากพอ
เคยพยายามจะใช้ถุงมือยางของหมอกับสารหล่อลื่น แต่เธอก็ห้ามไม่ให้ทำ
- "เล้าโลม" ผมไม่สามารถเล้าโลมเธอให้มีอารมณ์ และอยากจะปฏิบัติกิจได้ (จากข้อห้ามด้านบน) ไม่ว่าจะพยายามกอด ลูบไล้ แค่ไหน
เธอจะบ่ายเบี่ยง ปัดมืดและผละออกเสมอ ผมจะมีกับเธอได้ ก็ต่อเมื่อเธอพร้อม และเธอจะนัดหมายล่วงหน้า (ผมพร้อมหรือป่าวไม่สนใจ)
เราเคยทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้ง เธอก็จะอ้างถึงสาเหตุความไม่พร้อมของเธอ จนผมต้องเป็นฝ่ายยอมตามเงื่อนไขเธอเสมอ และได้แต่
รอวันที่เธอพร้อมและนัดหมาย
- "ปิดไฟ" เธอมักจะปิดไฟเสมอตอนปฏิบัติกิจ (แม้ลูกจะนอนอยู่อีกห้องนึงก็ตาม) การกระทำบางอย่างของผมกับบางจุดของเธอ อาจ
จะไม่แม่นยำ และทำให้เธอเจ็บ เธอก็โวยวายไม่พอใจเสมอ (ก็คนมันมองไม่เห็นนิ)
- "ท่า" ท่าการปฎิบัติกิจก็เช่นกัน มีไม่เกิน3ท่าบนเตียง และ1ท่าในห้องน้ำ ไม่เกินนี้ การปฏิบัติกิจแต่ละครั้งจะต้องจบในท่าเดียวเท่านั้น
ยกเว้น ท่า woman on top กับ doggy ที่เธอจะอ้างว่า เมื่อย ขอเปลี่ยนเป็นท่ามาตรฐานจนจบ แต่ถ้าเริ่มต้นด้วยท่ามาตรฐาน จะ
ต้องจบด้วยท่านั้นเสมอ เปอร์เซนต์ความบ่อยของแต่ละท่า คิดเป็น ท่ามาตรฐาน 85% Doggy 10% WOT 5% ท่าใหม่ๆไม่สามารถลอง
ได้ เธออ้างว่า เมื่อย ไม่ดีหรอก ท่าเดิมดีแล้ว
- "สถานที่" ผมไม่สามารถเลือกสถานที่ปฏิบัติกิจได้ ไม่ว่าจะเป็น รถ โซฟา โต๊ะอาหาร หรือ ไปพักโรงแรมหรือรีสอร์ทหรูแค่ไหน มีอ่างกุ
ชชี่ใหญ่แค่ไหน หรือสระว่ายน้ำส่วนตัว "หรือจะพาเธอไปแช่น้ำแร่ที่เธอชอบมาก บ้านพักส่วนตัว มีอ่างอาบน้ำแร่ขนาดใหญ่ในตัว ห้อง
ปิดมิดชิด ก็ไม่สามารถบิ๊วท์อารมณ์เธอได้" แต่เราปฏิบัติกิจกันได้แค่ บนที่นอน กับ ในห้องน้ำ เท่านั้น คิดเป็นเปอร์เซนต์ ที่นอน 98%
ห้องน้ำ 2% และเกือบร้อยเปอร์เซนต์ของทั้งหมดคือ"ที่บ้าน"
- "การใช้ปาก (oral)" จากข้างบน ผมห้ามทำกับเธอ และเธอก็ไม่ทำกับผมเช่นกัน ใกล้เคียงที่สุดคือ เอาลิ้นแตะ เธออ้างว่า "ขยะ
แขยง จะอ้วก" ทั้งๆที่ผมมั่นใจทั้งกลิ่นและความสะอาดของมัน ล้างสะอาดทุกครั้ง อาบน้ำก่อนมีทุกครั้ง และมันเป็นความฝันอันสูงสุดใน
ชีวิตลูกผู้ช่ายของผม (ความซิงของผม ไม่ได้ทำให้น้องชายของดูสะอาด บริสุทธิ์ขึ้นเลย)
- "การเล้าโลมให้ผม" เธอจะเล้าโลมผมด้วยการใช้มือกับน้องชายของผมเท่านั้น ไม่มีจูบหรือลูบคล้ำส่วนอื่น (ตามเงื่อนไขด้านบน)
- "อุปกรณ์" เนื่องจากหลังจากเธอคลอดลูกใหม่ๆ เธอไม่มีอารมณ์ (ลูก 2 คน มีปัญหากันอยู่ร่วม 4 ปี) ผมจึงซื้อสารหล่อลื่นมาใช้ เธอ
กลัวว่าจะแพ้ (ทั้งๆที่ไม่แพ้) ก็ดีขึ้นบ้าง จนมาจบที่ "ไข่สั่น" ที่ทำให้เธอเล้าโลมตัวเอง และปล่อยให้ผมนอนเฉยๆ รอเธอพร้อม จนตอน
หลังผมแกล้งทำมันพัง และไม่ซื้อใหม่
- "กระตุ้นอารมณ์" จากที่บอก ไม่มีอะไรกระตุ้นอารมณ์เธอได้ และกลับกลายเป็นผมที่ถูกเธอกระตุ้นแทน แค่กอดเธอ ได้กลิ่นเธอ ผมก็
มีอารมณ์แล้ว เคยซื่อชุดซีทรูให้ใส่เธอก็ใส่แค่ไม่กี่ครั้ง เธออ้างว่า อาย หุ่นยังไม่ดี (ถ้ารอหุ่นดี ผมคงรอยันแก่) ซื้อมาบางขุดเธอบ่นว่า
ลูกไม้เยอะ คัน ไม่สวย จีสตริงอย่าได้เห็น จนผมโยนทิ้งลงขยะไปหมดแล้ว ช่วงที่เธอไม่มีอารมณ์ ผมซื้อยากระตุ้นของ Durex PlayO
มาให้เธอลองใช้ เธอบอกคำเดียวว่า ไม่เอาเดี่ยวแพ้ ผมก็โยนทิ้งลงขยะเช่นกัน
- "เวลา" เรามักจะปฏิบัติกิจเสร็จจบภายใน 10-15 นาทีต่อครั้ง เนื่องจากเงื่อนไขด้านบนแล้ว ทำให้ขั้นตอนไม่มีอะไรมากไปกว่า
ล็อคห้อง > ปิดไฟ > ถอดเสื้อ > ผมนอนเฉยๆ เธอเอามือสาว > ผมขึ้นเสียบ > แตก > จบ..... และเธอมักจะลุกใส่เสื้อผ้าแทบจะทันที
นั่งโต๊ะทำงานต่อ ปล่อยผมนอนแห้งไปอยู่คนเดียว (หลังๆผมเลยเบื่อ พอเสร็จแล้วก็ลุกเดินห้องน้ำทันทีเหมือนกัน)
- "จำนวนครั้ง" เรามักปฏิบัติกิจจบเสร็จเพียงแค่ 1 ยกต่อครั้ง การจะต่อยกสอง ผมต้องมีพลังฟื้นอาวุธด้วยตัวเอง เธอไม่ช่วยทุกกรณี
และที่สำคัญ เธอไม่รอ (ให้เวลาแค่ 10 นาทีจากยกแรก) และการจะมีกิจอีกครั้งได้ มักจะไม่เร็วไปกว่า 24 ชม. (เช้าที เย็นที ไม่มี) เฉลี่ย
จำนวนครั้งต่อเดือน 3-4 ครั้ง
ในมุมองของผม
- "เน้นคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ" ผมอยากได้คุณภาพในเรื่องเซ็กซ์มากกว่าปริมาณ 2ครั้งต่อเดือนก็ได้ แต่อยากให้เธอได้เต็มที่ เปิดครบทุกฟังก์ชั่นกับเรื่องนี้
- "เลี่ยงที่จะพูด" ในเมื่อเธอให้ผมไม่ได้ตามที่ผมต้องการ ผมก็เลี่ยงที่จะไม่พูดและชักชวนปฏิบัติกิจอีก เพราะด้วยความกลัวการผิดหวัง
คุณเคยไม๊ เธอบอกนัดกิจคืนนี้ตั้งแต่เช้า ผมก็เพ้อฝัน จินตนาการต่างๆนานา ว่าจะทำอย่างนู้นอย่างนี้ ผมกลับบ้านตามนัด เธอเหนื่อย
เธอง่วง เธอปลุกไม่ตื่น หลับพร้อมลูกไป ผมก็ต้องบำบัดตัวเองไปในคืนนั้น ทำให้ทุกวันนี้ผมต้องทำเมินเฉย ไม่คาดหวัง ไม่ตื่นเต้นกับ
เรื่องบนเตียง และคำชักชวนของเธอ เพื่อไม่ให้ตัวผมเองผิดหวัง
- "เลี่ยงที่จะทำ" ในเมื่อผมยังพิศวาสในตัวเธออยู่ แค่ผมกอดเธอ สัมผัสเธอ ได้กลิ่นเธอ ก็ทำให้ผมมีอารมณ์แล้ว แต่การที่ระบายออกไม่
ได้ตามต้องการ ทำให้ผมต้องรักษาระยะห่างกับเธอ ไม่แตะ ไม่จับ ไม่กอด ไม่จูบ ไม่หอม เพื่อเลี่ยงอารมณ์ที่จะเกิดขึ้น "ซึ่งไม่เป็นผลดี
เลย" การที่สามีภรรยาไม่มี "skinship"ต่อกัน ทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่า เราเริ่มมีอะไรบางอย่างห่างกัน ทั้งๆที่ใช้ชีวิตด้วยกัน แต่ความ
รู้สึกต่อกัน มันลดน้อยลง
- "เลี่ยงที่จะคิด" บางครั้งผมสงสัยตัวเองว่า หมกมุ่นมากเกินไปหรือป่าวกับเรื่องนี้ ทำให้ผมต้องเบี่ยงเบนความคิด หันไปการงาน
อดิเรกทำ เรื่องลดความสนใจในเรื่องนี้ ซึ่งมันก็ช่วยได้บ้างแต่ไม่ตลอด
- "บำบัด" ผมยังต้องบำบัดด้วยตัวเองอยู่เสมอ ยังต้องโหลดหนังชมพูมาดู ซื้อจิมิปลอมมาใช้ ทั้งๆที่ตอนยังไม่แต่งงาน ไม่เคยซื้อมาใช้
(ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีมาก ความรู้สึกดีมาก แต่ราคาแพง) โดยทั้งหมดต้องแอบทำไม่ให้เธอเห็น แต่ผมเชื่อว่า "เธอรู้ แต่ไม่เคยสนใจหรือ
ถามอะไร"
- "ไม่นอกกาย" ผมมีเพื่อนสนิทที่ปรึกษาเรื่องนี้ได้ ประมาณ2-3คน และผมก็รู้มาว่าเพื่อนผู้ชายผมไม่น้อยเลยที่มีครอบครัวแล้ว และ
เลือกที่จะ "ซื้อกิน" ซึ่งมันไม่ใช่แนวทางของผม เพราะเธอเคยบอกไว้ว่า ถ้านอกใจหรือนอกกาย ถ้ารู้คือ จบ.... ซึ่งตอนนี้ผมก็ได้แต่
บอกกับตัวเองว่า ไม่ออกนอกลู่นอกทางแน่นอน แต่ผมก็ไม่รู้ว่า ผมจะทนได้อีกแค่ไหน กับสังคมสมัยนี้ ที่สิ่งยั่วยุมากมาย "ในอินเตอร์
เนตที่ ข้อมูลไซด์ไลน์ หาง่ายกว่า ประวัติกรุงศรีฯ"
- "ทางออก" ณ ตอนนี้ ผมคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากอดทนและยอมรับกันเรื่องนี้ บำบัดตัวเองให้ความสนใจกับลูกให้มาก เรื่องที่คุยเพื่อ
ปรับตัว คงไม่ทำแล้ว เพราะเคยคุยกันหลายครั้งแล้ว ไม่มีอะไรดีขึ้น เธอไม่ปรับตัวและหาข้ออ้างมาต่างๆมากมาน ทุกครั้งมักเริ่มด้วยการ
ทะเลาะเสมอ ซึ่งผมคิดว่า เรื่องนี้มันน่าจบที่ตัวผมเองมากกว่า ถ้าเราไม่ต้องการปัญหามันก็ไม่เกิด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทนได้อีกแค่ไหน ตามที่
บอกไว้ข้างบน
- "บั่นทอนจิตใจ" จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความคิดด้านลบต่างๆนานาก็เข้ามาในสมองผม เคยแอบคิดคนเดียวว่า "เธอมีชู้หรือป่าว"
"เธอเคยผ่านมาแล้วกี่คน" "แล้วเธอจะทำให้แค่ไหนกับคนเก่านะ" ซึ่งผมเองก็รู้ว่า มันเป็นความคิดที่ไม่ดีเลยกับชีวิตคู่
- "ความรักและเซ็กซ์" ผมมองว่ามันเป็นของคู่กันแยกกันไม่ออก "การที่เรามีเซ็กซ์กันน้อยลง สัมผัสกันน้อยลง กอดกันน้อยลง จูบกัน
น้อยลง พูดกันน้อยลง คิดถึงกันน้อยลง มันทำให้ความรักระหว่างกันน้อยลงเช่นกัน" ตอนคบกันใหม่ๆ เพิ่งได้มีเซ็กซ์กันใหม่ๆ ใจผมคิด
ถึงแต่เธอ ห่วงเธอ อยากไปหาเธอ เหมือนคนติดยา ซึ่งผมเชื่อว่าผู้ชายหลายๆคนก็เป็น จนมาถึงวันนี้ การที่เธอห้ามนู้นห้ามนี่เรื่องเซ็กซ์
มันทำให้ผมคิดไปเองว่า เธอไม่รักผมเหรอ แค่นี้ทำให้ไม่ได้เหรอ บวกกับคำพูดต่างๆนานาที่ทำให้ผมคิด "ขยะแขยง จะอ้วก" "ไม่เอา
เลอะเทอะ"..... เราอาจจะยังใช้ชีวิตด้วยกัน ทำอะไรด้วยกันเหมือนๆเดิม แต่ผมก็ยังรู้สึกได้ว่า ความรักมันน้อยลง ห่วงเธอน้อยลง ทำเพื่อ
เธอน้อยลง มันเหมือน "หัวใจมันแห้งแล้ง" ไม่ได้รับน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ ซึ่งมันไม่ดีแน่ในระยะยาว
- "สัจจธรรม" แม้คู่รักดาราที่ดูเหมือนว่ารักกันมาก ฝ่ายหญิงสวยมากน่าจะมัดใจชายได้ แต่อยู่ดีๆเลิกกันแบบไม่มีสาเหตุ ทำให้ผมเข้า
ใจได้ว่า ทำไมผู้ชายถึงมีเมียน้อย ทำไมถึงชอบไปซื้อกิน ซึ่งมันก็ผิดจริง และสังคมมักจะโทษผู้ชายที่ทำผิด แต่ไม่มองถึงต้นตอของเหตุว่า
"เพราะอะไรที่เค้ามีเมียน้อยหรือซื้อกิน" ทุกเรื่องเราสามารถให้คนอื่นมาทำแทนได้ ยกเว้นเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ถ้าทำแล้ว ผู้ช่ายจะผิด
ศีลธรรมทันที "มันเป็ยสัจจธรรมของโลก ที่คนเรามักจะหาเติมเต็มให้ส่วนที่ขาด หาเติมได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียวคือ หาเมียเพิ่ม"
ที่คือจากใจของสามีคนนึง ที่ไม่เคยคิดนอกใจ และ "นอกกาย" ภรรยาของเค้าเลย.....