Before valentine : ค่ายอาสา ณ โณงเรียนอูแจะ ต.สบโขง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
จัดโดย : ยี่สิบสี่จุดเจ็ด (24.7)
วันทำกิจกรรม : 9-13 กุมภาพันธ์ 2560
"มากกว่าการเดินทาง คือการเดินทางเพื่อคนอื่น มากกว่าการเจอเพื่อนใหม่ คือได้มิตรภาพที่ดี"
.
มาดูวีดีโอภาพรวมกันก่อนดีกว่าเนอะ
.
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า #ครูอาสาบนดอย แต่น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้สัมผัสว่ามันเป็นยังไง
มากกว่าการสอนหนังสือคือ การทำกับข้าว การก่ออิฐ ฉาบปูน ขับมอไซต์ขึ้นเขาระยะทางหลายกิโล
เฮ้ยยยยย!!! จำเป็นต้องทำไรขนาดนั้นป่ะ ?
คุณจำเสียงหัวเราะที่ดังที่สุดและเสียน้ำตาแบบไม่อายใครในตอนนั้นได้ไหมครับ ? ล่าสุดเมื่อไหร่ ?
พอเราโตขึ้นความรู้สึกแบบนั้นมันมักจะถูกเก็บเอาไว้ เก็บเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณดูเด็กเหล่านี้ซิ
แววตาใสซื่อ บริสุทธิ์ เหมือนที่เค้าบอกว่า เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว รอการเติมแต่งจากผู้ใหญ่อย่างเรา หากเด็กๆทั่วไปในเมือง
ก็คงไม่ยากสำหรับการที่เราจะมีส่วนเข้าไปเติมแต่ง แต่เด็กๆที่บ้านอูแจะ ยังคงขาดหลายๆอย่าง ขาดในสิ่งที่เรามี
และในขณะเดียวกัน เด็กๆก็มีในส่วนที่เราขาด ในวันนี้เราต่างก็มีส่วนร่วมในการเติมเต็มกันและกัน
เราเดินทางจาก กทม.เวลาประมาณ สามทุ่มกว่าๆ พักระหว่างมางเป็นระยะ มาถึง กศน อมก๋อย ก็ปาเข้าไป 11 โมงกว่าแล้ว เรากับคณะอาสาก็พบกับ ผู้อำนวยการ กศน.อมก๋อยและคุณครูน้ำ ครูประจำโรงเรียนอูแจะ ก่อนรับฟังประวัติความเป็นมาของอำเภออมก๋อย ที่มีโรงเรียนในถิ่นธุรกันดารกว่า 112 โรงเรียน และยังมีอีกหลายโรงเรียนที่รอการช่วยเหลือจากบรรดาอาสาสมัคร
หลังจากนั้นก็ช่วยกันขนของบริจาคขึ้นออฟโรด เพราะโรงเรียนที่เราไปรถธรรมดาไม่สามารถเข้าไปถึงได้ ต้องเป็นออฟโรดเท่านั้นย้ำว่าออฟโรด ตรงนี้ต้องขอขอบขอบคุณเพื่อนๆจากทั่วประเทศที่ส่งของเข้ามาบริจาคให้เด็กๆนะครับ อาจจะเอ่ยชื่อไม่หมดแต่ก็ต้องขอบคุณมากๆเลย
พอได้เข้าไปสัมผัสเท่านั้นแหละ ถึงรู้ว่าแค่นั้นมันยังไม่พอ เราสัมผัสได้ตั้งแต่การติดต่อประสานงานเพื่อเข้าไป
มันช่างยากเหลือเกิน ไปรษณีย์ยังเข้าไม่ถึง คิดจะหวังพึ่ง social หน่ะหรอ ? บอกเลยว่ายาก
เราประสานงานกับครูบนนั้นได้โดยการเดินทางเข้ามาด้วยตัวเองเท่านั้น ก่อนจะเกิดการเดินทางที่แสนพิเศษในครั้งนี้
วันแรกของการเดินทางก็ทำเอาพวกเราระบมกันไปทั้งตัวแล้วอ่ะ ระยะทางขึ้นเขากว่า 58 กิโลใช้เวลาเกือบๆ 5 ชั่วโมง เส้นทางนี่เรียกได้ว่า #สวยลืมตาย มันสวยมากกก และน่ากลัวมากจริงๆ รถธรรมดานี่หมดสิทธิ์ ขนาดออฟโรดแท้ๆยังลำบากเลย ตอนถึงปลายทางนี่แทบอยากก้มลงไปกราบแทบล้อเลย
หมู่บ้านเล็กๆที่ซ่อนตัวอยู่กลางภูเขา มีครูผู้มากด้วยอุดมการณ์ มีชาวบ้านที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม มีเด็กๆที่น่ารัก มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แต่ภายใต้การมีสิ่งเหล่านี้ไร้ซึ่งไฟฟ้า ไร้ซึ่งสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มี 7-11 ไม่มีห้างสวยๆให้เดิน ไม่มีของหรูๆให้กิน ขนมซักชิ้นก็ยังเข้าไปไม่ถึง รู้ไหม ? นี่แหละวิถีชีวิตที่หลายๆคนกำลังตามหา
จุดประสงค์แรกของการเดินทางครั้งนี้คือ #การเข้ามาเพื่อเติมรอยยิ้มให้เด็กๆ แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมาคือ #เราต่างหากที่ได้รับการเติมเต็ม
อาคารเรียนหลังเล็กๆที่มองยังไงก็ไม่น่าเพียงพอกับการเรียนการสอน เป็นอาคารไม้สภาพชำรุดผุพัง สีซีดจางตามกาลเวลา เหมือนไม่เคยผ่านการปรับปรุงซ่อมแซมมานานแล้ว เพราะไม่มีงบประมาณในส่วนนี้ " อยู่ตามอัธภาพ" นั่นคือคำพูดของครูน้ำที่บอกกับพวกเราในวันที่เดินทางมาถึง
พวกเราต่างช่วงอายุตั้งแต่ 16 จนถึง 50 ปลายๆกว่า 140 ชีวิต ต่างถิ่น ต่างสาขาอาชีพที่มีตั้งแต่ ครู ,หมอ,พยาบาล,วิศวกร,แอร์โฮลเตส,เซลล์,ไกด์นำเที่ยว,นักออกแบบ และอื่นๆ แต่อุดมการณ์เดียวกัน กำลังจะได้ลองสัมผัสกับคำว่า #การใช้ชีวิตครูอาสาอย่างแท้จริง
ทุกๆแยกย้ายหาที่นอนกัน บางคนนอนในอาคารเรียน บางคนนอนเต้นท์ บางคนนอนบ้านกับชาวบ้าน แต่มีข้อแม้ในการนอน บางบ้านจะรับเฉพาะผู้ชาย บางบ้านจะรับแค่ผู้หญิง อาสาที่มาเป็นคู่แบบแฟน จะไม่สามารถไปนอนที่บ้านชาวบ้านได้ ต้องนอนที่อาคารเรียน เพราะที่นี่มีประเพณีที่ว่าผิดผี หากยังไม่แต่งงานกันจะไม่สามารถถูกเนื้อต้องตัวกันได้
หลักจากนั้นเราก็ช่วยกันแยกของบริจาค และทยอยกันอาบน้ำ เตรียมตัวกิจกรรมรอบกองไฟ สันทนาการ และแนะนำอาสาสมัคร ชี้แจงงานกิจกรรมที่จะมีในวันรุ่งขึ้น ในคืนวันแรกยังไม่มีอะไรมาก เพราะหลายคนต่างก็เพลียกับการเดินทางเลยแยกย้ายกันพักผ่อนเร็วหน่อย เตรียมตัวลุยงานกันในตอนเช้า
PART : การทำกิจกรรม
นอนพักผ่อนกันอย่างเต็มที่ ตื่นมาตอนเช้าก็รับประทานอาหารเช้ากัน จากทีมสวัสดิการที่สละเวลาในการนอน ตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อมาทำกับข้าวให้พวกเราชาวค่ายได้กินกันแต่เช้า กับข้าวนี่เรียกได้ว่า กินดีกว่าอยู่หอซะอีก อยู่หอนี่กินแต่มาม่า ฮ่า ฮ่า
เวลา 08.00 น. เพื่อนๆก็เคารพธงชาติตอนเช้ากับแด็กๆ เป็นภาพบรรยากาศและกิจกรรมที่ไม่ได้ทำมายาวนานมากแล้ว จำได้ว่าล่าสุดนี่จะเป็นตอน ม.ปลายเลยมั้ง
หลังจากนั้นก็แยกตามหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง เทปูน ผสมปูน คัดแยกก้อนหิน ที่บอกว่าคัดแยกเพราะว่าเรานำหินก้อนใหญ่ที่ภูเขามาใช้เป็นส่วนผสมในการเทรองพื้น ต้องมีการทุบก้อนหินให้เล็กลงบ้าง TT ผ่าไม้ไผ่เพื่อใช้สำหรับสานแทนเหล็ก เราใช้ไม้ไผ่แทนเหล็ก โดยมีชาวบ้านมาช่วยอีกแรง บางส่วนก็สอนหนังสือแยกเป็นฐาน รวมไปถึงกิจกรรมสันทนาการเด็กๆ
งานทาสี : แจกแปรงทาสีให้เพื่อนๆคนละอัน ยืนเรียงหน้ากระดาน ทากันสนุกสนาน โดยสีที่เราใช้ทาจะเป็นสีม่วง ซึ่งครั้งแรกเราก็งงๆทำไมครูน้ำถึงให้เอาสีม่วง มารู้เหตุผลทีหลังคือ เพราะว่าเป็นสีประจำของสมเด็จพระเทพ
[CR] B4 วาเลนไทน์ : "บอกรักให้ก้องเขา ว่าเราไม่เหงาแล้ว" : รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ร้องไห้ และมิตรภาพ
Before valentine : ค่ายอาสา ณ โณงเรียนอูแจะ ต.สบโขง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
จัดโดย : ยี่สิบสี่จุดเจ็ด (24.7)
วันทำกิจกรรม : 9-13 กุมภาพันธ์ 2560
"มากกว่าการเดินทาง คือการเดินทางเพื่อคนอื่น มากกว่าการเจอเพื่อนใหม่ คือได้มิตรภาพที่ดี"
.
มาดูวีดีโอภาพรวมกันก่อนดีกว่าเนอะ
.
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า #ครูอาสาบนดอย แต่น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้สัมผัสว่ามันเป็นยังไง
มากกว่าการสอนหนังสือคือ การทำกับข้าว การก่ออิฐ ฉาบปูน ขับมอไซต์ขึ้นเขาระยะทางหลายกิโล
เฮ้ยยยยย!!! จำเป็นต้องทำไรขนาดนั้นป่ะ ?
พอเราโตขึ้นความรู้สึกแบบนั้นมันมักจะถูกเก็บเอาไว้ เก็บเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณดูเด็กเหล่านี้ซิ
แววตาใสซื่อ บริสุทธิ์ เหมือนที่เค้าบอกว่า เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว รอการเติมแต่งจากผู้ใหญ่อย่างเรา หากเด็กๆทั่วไปในเมือง
ก็คงไม่ยากสำหรับการที่เราจะมีส่วนเข้าไปเติมแต่ง แต่เด็กๆที่บ้านอูแจะ ยังคงขาดหลายๆอย่าง ขาดในสิ่งที่เรามี
และในขณะเดียวกัน เด็กๆก็มีในส่วนที่เราขาด ในวันนี้เราต่างก็มีส่วนร่วมในการเติมเต็มกันและกัน
หลังจากนั้นก็ช่วยกันขนของบริจาคขึ้นออฟโรด เพราะโรงเรียนที่เราไปรถธรรมดาไม่สามารถเข้าไปถึงได้ ต้องเป็นออฟโรดเท่านั้นย้ำว่าออฟโรด ตรงนี้ต้องขอขอบขอบคุณเพื่อนๆจากทั่วประเทศที่ส่งของเข้ามาบริจาคให้เด็กๆนะครับ อาจจะเอ่ยชื่อไม่หมดแต่ก็ต้องขอบคุณมากๆเลย
พอได้เข้าไปสัมผัสเท่านั้นแหละ ถึงรู้ว่าแค่นั้นมันยังไม่พอ เราสัมผัสได้ตั้งแต่การติดต่อประสานงานเพื่อเข้าไป
มันช่างยากเหลือเกิน ไปรษณีย์ยังเข้าไม่ถึง คิดจะหวังพึ่ง social หน่ะหรอ ? บอกเลยว่ายาก
นอนพักผ่อนกันอย่างเต็มที่ ตื่นมาตอนเช้าก็รับประทานอาหารเช้ากัน จากทีมสวัสดิการที่สละเวลาในการนอน ตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อมาทำกับข้าวให้พวกเราชาวค่ายได้กินกันแต่เช้า กับข้าวนี่เรียกได้ว่า กินดีกว่าอยู่หอซะอีก อยู่หอนี่กินแต่มาม่า ฮ่า ฮ่า
เวลา 08.00 น. เพื่อนๆก็เคารพธงชาติตอนเช้ากับแด็กๆ เป็นภาพบรรยากาศและกิจกรรมที่ไม่ได้ทำมายาวนานมากแล้ว จำได้ว่าล่าสุดนี่จะเป็นตอน ม.ปลายเลยมั้ง