ต่อจากกระทู้นี้นะคะ
https://pantip.com/topic/36097538 สถานที่เป็นที่เดียวกันค่ะ
งานเข้าปริวาสกรรม 3-12 กุมภาพันธ์ 2560
เมื่อคืนวานพวกเรานั่งทำวัตรเย็นกัน เต็มลานธรรมเลยล่ะค่ะ ทั้งพระเกือบ 30 รูป แม่ออกราวๆ 50 ชาวบ้านอีกหลายคน
ตอนสวดมนต์ทำวัตรก็ปกติดีค่ะ สวดนานมากนะคะ จนราวๆ 2 ทุ่มกว่าๆเกือบๆ 3 ทุ่มก็สวดเสร็จ แล้วก็นั่งรอฟังเทศน์
ระหว่างสวดมนต์นั้นเราก็ได้ยินโยมพูดกันเรื่องพระรูปที่จะมาเทศน์
ว่าท่านเทศน์สนุกนะ มาจากต่างจังหวัด แต่ตอนนั้นท่านยังมาไม่ถึงหรอกเจ้าค่ะ รออยู่พักใหญ่เลย
สักพักรถยนต์ท่านเข้ามาจอด มาถึงท่านก็ขึ้นธรรมมาสเลย สะกดถูกรึป่าวคะ
มันพีคตรงที่พอท่านจับไมค์ปุ๊บ ไมค์ดับปั๊บ พอเรื่มพูดคุยปกติไมค์ก็ดัง แต่พอเริ่มเทศน์ไมค์ก้อดับ
เปลี่ยนถ่านก็แล้ว เปลี่ยนไมค์ก็แล้ว เป็นแบบนี้จนท่านบอกว่าไม่ขอใช้ไมค์ได้ไหมน่ะ
แล้วท่านก็พูดขึ้นมาลอยๆว่า อาตมาเพิ่งมาถึง ขอโทดด้วยที่ยังไม่ได้กรวดน้ำแผ่เมตตาอะไรให้
แต่วันนี้รีบจริงๆ หลงทาง เกือบมาไม่ทัน เดี๋ยวเทศน์เสร็จอาตมาจัดการให้แล้วท่านยก็ให้คนมาช่วยยกธรรมมาสแล้วย้ายไปอีกฝั่ง
มาแก้ไขเพิ่มเติมค่ะ มาเพิ่มเนื้อหาให้ ก๊อบจากคอมเม้นลงให้ เพราะจะได้ไม่ต้องเลื่อนอ่านกันให้ลำบาก
พอเทศน์เสร็จหลวงพี่รูปนี้ก็กลับเลยค่ะ
เตรียมตัวเดินทางกลับไปจำวัดที่อีกวัดนึง เพราะท่านมาไกลมาก ระหว่างที่ท่านเดินไปที่รถ คนขับรถของท่านสตาร์ทรถไม่ติดค่ะ
ระยะทางระหว่างลานธรรมกับลานจอดรถก็ไกลพอสมควรค่ะ รถสตาร์ทไม่ติด ทำไงก็ม่ายยยยยยยยยยติด
จนหลวงพี่รูปนี้เดินไปถึงรถ รถสตาร์ทติดแล้วค่ะ แต่รถออกไปไหนไม่ได้ เพราะอยู่ๆรถก็ไหลลงไปติดทรายค่ะ
ถอยไม่มา ถอยกลับก็ไม่ได้ เดินหน้าไปก็ไปไม่ถึง ท่านเลยใช้ผู้ชายที่อยู่แถวนั้นวิ่งมาตามญาติธรรมผู้ชายไปช่วยกันดันรถค่ะ
คราวนี้จะบอกว่า ผู้ชายประมาณ 20 คนไปมะรุมมะตุ้มช่วยกันทั้งเข็น ทั้งดันรถท่าน แต่รถไม่ขยับเลย รุมกันอยู่อย่างนั้นราวๆครึ่งชม.ได้ค่ะ
หวังว่าจะไม่มีคอมเม้นมาบอกให้เอารถไปทิ้งอีกนะคะ - -*
แหละสาเหตุที่ได้เวียนเทียนดึกก็เพราะเรื่องราวที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ค่ะ อ่าว งงสิ โพสไปตั้งเยอะ ยังไม่เข้าเนื้อเรื่องหรอ -0-
อย่าเคืองเลยค่ะ มันก็มาจะครึ่งเรื่องแล้วล่ะ
สามีเราก็เป็น 1 ในกลุ่มที่ไปช่วยท่านเข็นรถค่ะ เป็นชายฉกรรจ์รูปร่างสันทัดและหล่อ 555+ เกี่ยวไหมนะ
สามีมาเล่าให้ฟังว่า รถไม่ขยับเลย ยิ่งเร่งเครื่องก็เหมือนล้อหมุนเฉยๆ ไม่ไปหน้ามาหลังเลยเจ้าค่ะ
ชาวบ้านเริ่มรวมกลุ่มกัน เขยิบเข้าหากันทีละนิด จากตอนแรกนั่งเรียงกัน ห่างๆเป็นแถวอยู่ดีๆ
พอเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นกลายเป็นขยับมาใกล้กันโดยอัตโนมัติเลย แล้วอยู่ๆก็มีผู้หญิงคนนึง ท่านแก่แล้วล่ะ
เป็นยายแก่ๆคนนึงลุกพรวดพราดออกไป จ้ำเอาๆ เดินเร็วมาก
นาทีนั้นเราก็วิ่งตามยายคนนี้เพราะเรากลัวที่คนในลานธรรมเริ่มวิจารณ์แต่เรื่องน่ากลัว แปลกใจทำไมถึงกล้าวิ่งตามแกออกไป
แต่ตอนนั้นไม่คิดอะไรเพราะเรื่องเล่าของบรรดาคนที่มานั่งอยู่เริ่มน่ากลัวกว่าสถานการณ์ด้านนอก
เราตามไปเพราะห่วงสามีเราด้วย เลยเดินตามไปหาสามี นาทีนี้มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆราวๆ 3 ขวบมาจากไหนไม่รู้เดินตามเรามาด้วย
ตอนแรกเราคิดว่าหลานยายคนนี้ แต่ปรากฏว่าไม่ใช่จ้า เดี๋ยวค่อยเล่าเรื่องนี้นะ เล่าเรื่องรถต่อ
คุณยายแกเดินเร็วมาก พอไปถึงลานหินโล่งๆแกก็หยุด ชี้เราให้ดูรากของต้นไม้ แกบอกดูสิ รากต้นอะไรก็ไม่รู้เราฟังไม่ทัน
และเราก็ไม่รู้จักด้วย แกบอกรากมันยาวเนอะโผล่พ้นดินมาขนาดนี้ ลำใหญ่มากๆ หนูรู้มั้ยผลมันกินได้นะ
แกพูดกะเราแค่นี้ละแกก็เดินต่อไปหากลุ่มผู้ชายคนนั้น แล้วแกก็พูดว่า หลวงพี่ยังไม่ได้กรวดน้ำเลย แล้วแกก็เดินกลับ
ปล่อยให้เรายืนงงตรงนั้นกับกลุ่มคนแหละว่า อะไรของแกน่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สักพักพอแกเดินกลับไป ก็มีสวดแผ่เมตตาดังมาจากลานธรรม แล้วก้เข้าบทกรวดน้ำหลวง
รถหลวงพี่ถอยออกมาเองได้แบบไม่ต้องมีใครเข็นเลยอ่ะ เรายืนมองแบบอึ้งๆ งงๆ ตะโกนเรียกสามีเรา
สามีเราถามว่าเราออกมาทำไม ไม่กลัวหรอ เราบอกไม่กลัว เรามากับยายกับน้องตัวเล็กอีกคนนึง
พอจะชี้ให้ดู อ่าว ทำไมยายเดินไปคนเดียววะ แล้วน้องตัวเล็กที่มานั่นหายไปไส - -*
เรามองหา เอาไฟสปอตไลท์พกพาเปิดเลย ส่องหา แต่ไม่มีค่ะ ไม่มีเด็ก
เราเลยจูงแขนสามีกลับไปลานธรรม ไม่พูดอะไรต่อ ไปรอเวียนเทียนกัน แต่ก็สงสัยว่าเด็กน้อยหายไปไหน
เพราะรถคันเดียวที่ออกไปจากลานธรรมตอนนั้น ก็มีแค่รถหลวงพี่คันเดียว
อ่อ เผื่อนึกภาพสถานที่ไม่ออก สถานเข้าปริวาสเป็นป่ารกๆ ที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างเลยนอกจากห้องน้ำที่เพิ่งทำก่อนกำหนดการณ์ไม่นาน
เป็นป่าช้าเก่าที่ใช้วิธีเผาศพบนกองฟอน และส่วนนึงฝัง แต่ตอนแรกที่ไปเราไม่รู้หรอกว่าป่าช้า เรานึกว่าวัด
พอไปถึง วัดอะไรมีแต่ต้นไม้ ไม่มีกุฏิ ที่นั่งสวดมนต์ก็เป็นไม้ปักแล้วใช้ผ้าใบขึงกันแดด
ที่นอนพระและแม่ออกก็เป็นเต้นท์นอน ตอนกลางคืนมีแสงจากเทียน โรแมนติกมากๆนะเลย ถ้าไม่ติดว่าเป็นป่าช้าน่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



เราถ่ายตอนเช้า เมื่อวานไป 2 รอบ ตอนเช้าไปร่วมตักบาตร และตอนเย็นไปเวียนเทียน ที่นี่ห่างจากบ่านเราประมาณ 30 กว่ากิโลได้
และห่างจากบ้านคน ห่างไกลจากชุมชนประมาณ 3-4 กิโลค่ะ แต่ตอนเช้าคนมาใส่บาตรเยอะมากๆๆ
มีคนหลายร้อยเลย มารวมกันที่นี่ ทั้งพระ ทั้งญาติโยม ส่วนกลางคืน ไม่มากเท่ากลางวันแต่ก็ถือว่าเยอะพอสมควร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนกลางคืนจะประมาณนี้ เราไม่กล้าไปยืนถ่ายรูปไกลๆคนหรอก เรากลัว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กลางวันไม่เท่าไร สงบดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำพูดแฟน ที่กำลังคุยกับเพื่อน ตอนนี้สามีกำลังเล่าให้เพื่อนฟังอย่างเมามัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันเวียนเทียน พอร่วมกันสวดมนต์ เสร็จหลวงพ่อท่านนี้มาถึงก็ขึ้นธรรมมาสเทศน์เลย มาถึงก็เริ่มเทศน์
พูดๆไป ไมค์ก็ดับ ทั้งที่ก่อนท่านมา เค้าก็สวดมนต์กันมาได้ไม่มีปัญหา
พอท่านมา จับไมค์พูดปุ๊บ ไมค์ดับ เปลี่ยนไมค์ ตัวแรกก็ดับ ตัวที่สอง พูดสักพัก ดับ ตัวที่สาม
พูดได้แป๊บเดียว ดับ ตัวที่สี่ เป็นเหมือนเดิม พูดได้แป๊บเดียว ดับอีก
จนท่านถามว่าไมค์นี่ถ่านอ่อนหรือเปล่า เค้าเลยเอาถ่านใหม่มาเปลี่ยนไมค์ทั้ง 4 ตัวเลย แต่ก็เป็นเหมือนเดิมคือ
พูดได้สักแป๊บก็ดับอีก และเป็นเหมือนเดิม ทุกตัวเลย จนพระท่านออกปากเองว่า ยังไม่ได้แผ่เมตตาให้เพราะรีบ
ระหว่างรอเช็คไมค์และย้ายธรรมมาสให้ท่าน พระรูปอื่นที่อยู่ด้านหลังเริ่มกรวดน้ำ แผ่เมตตาแล้ว อันนี้จากคำบอกเล่าของแม่ออก ( ยายเรา)
จากนั้น ไมค์ก็ใช้ได้ปกติ ไม่ดับ ไม่หอน ไม่มีปัญหาเลย จนท่านกลับ พอเทศน์เสร็จก็ลงธรรมมาสเดินไปขึ้นรถเลย
รถติดทราย ทั้งที่ตรงที่ท่านจอด คนคนอื่นก็จอดกีนได้ปกติ แต่รถท่าน ล้อรถจมลงไปในทราย
ในขณะที่คนอื่นที่มาก่อนท่าน 9 วันจอดที่เดียวกันไม่เคยมีปัญหา คนเป็น 10 คน ยกรถท่านไม่ขึ้น ถอยหลังก็ไม่ได้ เดินหน้าก็ไม่ได้
จนต้องให้คนมาตามผู้ชายคนอื่นไปช่วย จาก 10 เป็น 20 จนเริ่มฮือฮาว่ารถท่านเป็นอะไร
บทจะไปได้ ก็ตอนที่พระท่านอื่นและแม่ออกที่อยู่ในลานธรรม ท่านร่วมกันแผ่เมตตาและกรวดน้ำอีกรอบ
พอเรื่มขึ้นบทแผ่เมตตาจากด้านใน คนที่มาช่วยดันรถก็คงกันเป็นแถบๆ เพราะอยู่ๆ ออกแรงสุดท้าย แค่ 5 คน รถก็หลุดออกจากตรงนั้นได้ เฉยๆเนี่ย
ทั้งที่ก่อนหน้าคนเป็นสิบ แถมสิบกว่าด้วยนะตะเอง ยกรถท่านไม่ขึ้น ดันรถท่านไม่ไป ถอยไม่ได้ ไปหน้าไม่ได้ ถอยก็ไม่ได้ ล้อหมุนฟรีอยู่เฉยๆอะ
แล้วรถท่านก็ออกไป เสียงพระรูปอื่นและแม่ขาวพร้อมญาติโยมที่อยู่ในนั้น ยังแผ่เมตตาดังลอยมาให้ได้ยินอยู่เลย
ยังสวดไม่จบเลย รถออกได้แล้ว ทั้งที่ติดอยู่ตั้งนาน ออกไม่ได้ พี่ก็งงเหมือนกันแหละ
คำพูดยายที่กลับบ้านมาเล่าให้แม่ฟัง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนแรกเพิ่นมาเพิ่นกะขึ้นเทศน์โลด บ่ได้สวดนต์อีหยังกับไผเลย มาสวยโพด เพิ่นหลงทางว่าซั่น
พอมาฮอดกะบ่ได้แผ่เมตตา บ่ได้บอกได้กล่าวอิหยัง จนพระอาจารย์ ( เจ้าอาวาสจากหลายวัด) เพิ่นพากันแผ่เมตตาหลวง กรวดน้ำอิมินา
จังยกธรรมมาสย้ายได้ จังได้เทศน์เป็น ไมค์ 4 ตัว ดับเบิดทั้งที่ก่อนเพิ่นมา กะสวดกันได้ปกติแมะ เปลี่ยนถ่านกะเปลี่ยนทุกตัว ยังบ่เซา
มันกะเป็นตาคิดอยู่ พอสิกลับกะกลับเลย บ่ร่วมแผ่เมตตา บ่ร่วมกรวดน้ำเลย พ่อขาวเพิ่นย่างไปเบิ่งอยู่ เห็นคนเป็นสิบพากันซ่อยยู้รถกะบ่ไป
เลยแล่นมาบอกพระอาจารย์เพิ่นจนได้ประกาศไมค์ให้คนไปซ่อยเพิ่ม โดนเติบก็บ่ขยับ จนพระเพิ่นพากันแผ่เมตตา กรวดน้ำให้อีกรอบนึงจังไปได้
ยายหลอด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ยายหลอดเป็นคนแก่ในหมู่บ้านอีกคนนึงที่ชื่นชอบการไปวัด ไปปฎิบัติธรรมอยู่ประจำ ไปไม่เคยขาด ทุกวันพระ จะไปเข้าศีลที่วัดพร้อมยายของเรา
ในกลุ่มจะมีหลายคนที่ไปพร้อมกัน มียายเรา มียายรำพัน มียายหลอด ยายละมัย มีป้าไหม ยายกว้าง (เพิ่งเสีย) และอีก 2-3 คนที่เราจำชื่อไม่ได้
นี่คือเดอะแก๊งของยาย ส่วนอีกหลายท่านในหมู่บ้านก็ไปบ้าง คราวนี้ก็เช่นกันที่ยายหลอดจะไม่พลาด
พอไปถึงวันแรก ยายหลอดบอกว่าหลังจากเลือกที่กางเต้น แกอินดี้ค่ะนอกจากแกจะไม่เลือกตรงโซนที่เค้าจัดไว้ให้แล้ว
แกยังไปกางเต้นนอนคนเดียวซะไกลเพื่อนเลยนะ หลังจากจัดแจงเรื่องที่อยู่กันแล้ว ก็นั่งพักผ่อนกัน ทำวัตรสวดมนต์ปกติ
พอคืนแรกที่นอน ยายหลอดฝันว่าได้เข้าไปในบ้านผู้ชายคนนึง ตัวใหญ่มาก ผู้ชายคนนั้นมาขึงตาใส่ ทำหน้าตาไม่พอใจ จิ๊จ๊ะๆ ใส่แก
แกบอกว่าในฝันแกจะไปเอาต้นปอที่บ้านผู้ชายคนนี้ แต่จิตแกในฝันก็บอกว่า แกกำลังเข้าศีลอยู่นะ เลยกำลังจะวางคืน
แล้วผู้ชายคนนี้ก็ออกมาทำหน้าตาไม่พอใจใส่แก ทำหน้าถทึงใส่ แล้วแกก็ตื่น ตี 3 พากันตื่นแล้วล่ะค่ะ เตรียมตัวทำวัตรเช้ากันแล้ว
แกก็นั่งคุยกันกับญาติธรรมท่านอื่น ซึ่งเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านนี่แหละ มาร่วมนั่งฟังด้วย หลังจากฟังจนจบ ท่านนั้นก็ถามแกถึงลักษณะคนในฝัน
แล้วก็เลยยอมบอกกับแกว่า ก็นะยาย ไม่ต้องไปกลัวเขาหรอก คนที่ยายเล่ามาลักษณะท่าทางที่บอกนี่
เป็นคนนี้ๆๆๆ นี่เป็นญาติเค้าเอง ก็ฝังอยู่ข้างกับเต้นที่ยายกางนอนนั่นแหละ ก็นอนข้างๆกัน เค้าคงมาทักทาย
พอได้ยินอย่างนั้นแม่ออกคนอื่นก็หัวเราะกันครืนๆๆ ว่านี่แหละ ที่เค้าจัดไว้ให้นอนไม่นอน จะไปกางนอนคนเดียวไกลๆ
ยายแกก็ยิ้มๆ แต่แกบอกไม่เป็นไร ยายแกก็ยังไม่ย้ายกลับมานอนกะคนอื่นอยู่ดี แกนอนอยู่ข้างหลุมลุงคนนั้นแหละ 9 คืนจนคืนสุดท้าย
ในเฟสบุ๊คของหลายท่านที่ได้ไปร่วมเวียนเทียนคืนเมื่อวาน ล้วนแต่พูดเรื่องนี้กัน จะว่าเราคิดไปคนเดียวก็ไม่น่าจะใช่
เพราะทุกคนก็พูดมาเสียงเดียวกันเลย ถ้าอย่างนั้นอาการโดนแบบนี้ คงเป็นอุปาทานหมู่ค่ะ
แต่ พระสงฆ์จากหลายๆจังหวัด ทั้งเจ้าอาวาส ทั้งพระสายปฎิบิติที่แทบไม่มีคนรู้จักพวกท่านด้วยซ้ำ กลับเกิดอุปาทาไปพร้อมกับชาวบ้าน
มันก็น่าคิดนะคะ อุปาทานหมู่โดยมิได้นัดหมาย ไม่มีคนนำ ไม่มีเหตุผล และไม่รู้สาเหตุ และยังคงทิ้งความสงสัยไว้
และคงอีกนานกว่าจะเลิกพูดกัน เพราะตอนนี้ชาวบ้านที่หมู่บ้านนั้น กระจายข่าวไปเร็วกว่าเราที่มาพิมพ์ในนี้อีกค่ะ
เรื่องของสถานที่นี้ เราเคยมาเล่าไว้ก่อนหน้านี้แล้วเรื่องนึงค่ะ เป็นเรื่องมีแขนติดรถกลับบ้านด้วย แต่เราพาไปส่งคืนแล้วล่ะค่ะ
เป็นวันแรกที่เราไปเลย เราก็เจอ เพราะงั้นที่หลวงพี่เจอ เราเลยไม่แปลกใจเท่าไรนัก
เราไม่ได้เชื่อแบบงมงายนะคะ เราเล่าเหตุการณ์ตามที่มันเกิด และเราเห็นแบบไหนก็เล่าตามนั้น
หลวงพี่ อย่าเพิ่งไป
งานเข้าปริวาสกรรม 3-12 กุมภาพันธ์ 2560
เมื่อคืนวานพวกเรานั่งทำวัตรเย็นกัน เต็มลานธรรมเลยล่ะค่ะ ทั้งพระเกือบ 30 รูป แม่ออกราวๆ 50 ชาวบ้านอีกหลายคน
ตอนสวดมนต์ทำวัตรก็ปกติดีค่ะ สวดนานมากนะคะ จนราวๆ 2 ทุ่มกว่าๆเกือบๆ 3 ทุ่มก็สวดเสร็จ แล้วก็นั่งรอฟังเทศน์
ระหว่างสวดมนต์นั้นเราก็ได้ยินโยมพูดกันเรื่องพระรูปที่จะมาเทศน์
ว่าท่านเทศน์สนุกนะ มาจากต่างจังหวัด แต่ตอนนั้นท่านยังมาไม่ถึงหรอกเจ้าค่ะ รออยู่พักใหญ่เลย
สักพักรถยนต์ท่านเข้ามาจอด มาถึงท่านก็ขึ้นธรรมมาสเลย สะกดถูกรึป่าวคะ
มันพีคตรงที่พอท่านจับไมค์ปุ๊บ ไมค์ดับปั๊บ พอเรื่มพูดคุยปกติไมค์ก็ดัง แต่พอเริ่มเทศน์ไมค์ก้อดับ
เปลี่ยนถ่านก็แล้ว เปลี่ยนไมค์ก็แล้ว เป็นแบบนี้จนท่านบอกว่าไม่ขอใช้ไมค์ได้ไหมน่ะ
แล้วท่านก็พูดขึ้นมาลอยๆว่า อาตมาเพิ่งมาถึง ขอโทดด้วยที่ยังไม่ได้กรวดน้ำแผ่เมตตาอะไรให้
แต่วันนี้รีบจริงๆ หลงทาง เกือบมาไม่ทัน เดี๋ยวเทศน์เสร็จอาตมาจัดการให้แล้วท่านยก็ให้คนมาช่วยยกธรรมมาสแล้วย้ายไปอีกฝั่ง
มาแก้ไขเพิ่มเติมค่ะ มาเพิ่มเนื้อหาให้ ก๊อบจากคอมเม้นลงให้ เพราะจะได้ไม่ต้องเลื่อนอ่านกันให้ลำบาก
พอเทศน์เสร็จหลวงพี่รูปนี้ก็กลับเลยค่ะ
เตรียมตัวเดินทางกลับไปจำวัดที่อีกวัดนึง เพราะท่านมาไกลมาก ระหว่างที่ท่านเดินไปที่รถ คนขับรถของท่านสตาร์ทรถไม่ติดค่ะ
ระยะทางระหว่างลานธรรมกับลานจอดรถก็ไกลพอสมควรค่ะ รถสตาร์ทไม่ติด ทำไงก็ม่ายยยยยยยยยยติด
จนหลวงพี่รูปนี้เดินไปถึงรถ รถสตาร์ทติดแล้วค่ะ แต่รถออกไปไหนไม่ได้ เพราะอยู่ๆรถก็ไหลลงไปติดทรายค่ะ
ถอยไม่มา ถอยกลับก็ไม่ได้ เดินหน้าไปก็ไปไม่ถึง ท่านเลยใช้ผู้ชายที่อยู่แถวนั้นวิ่งมาตามญาติธรรมผู้ชายไปช่วยกันดันรถค่ะ
คราวนี้จะบอกว่า ผู้ชายประมาณ 20 คนไปมะรุมมะตุ้มช่วยกันทั้งเข็น ทั้งดันรถท่าน แต่รถไม่ขยับเลย รุมกันอยู่อย่างนั้นราวๆครึ่งชม.ได้ค่ะ
หวังว่าจะไม่มีคอมเม้นมาบอกให้เอารถไปทิ้งอีกนะคะ - -*
แหละสาเหตุที่ได้เวียนเทียนดึกก็เพราะเรื่องราวที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ค่ะ อ่าว งงสิ โพสไปตั้งเยอะ ยังไม่เข้าเนื้อเรื่องหรอ -0-
อย่าเคืองเลยค่ะ มันก็มาจะครึ่งเรื่องแล้วล่ะ
สามีเราก็เป็น 1 ในกลุ่มที่ไปช่วยท่านเข็นรถค่ะ เป็นชายฉกรรจ์รูปร่างสันทัดและหล่อ 555+ เกี่ยวไหมนะ
สามีมาเล่าให้ฟังว่า รถไม่ขยับเลย ยิ่งเร่งเครื่องก็เหมือนล้อหมุนเฉยๆ ไม่ไปหน้ามาหลังเลยเจ้าค่ะ
ชาวบ้านเริ่มรวมกลุ่มกัน เขยิบเข้าหากันทีละนิด จากตอนแรกนั่งเรียงกัน ห่างๆเป็นแถวอยู่ดีๆ
พอเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นกลายเป็นขยับมาใกล้กันโดยอัตโนมัติเลย แล้วอยู่ๆก็มีผู้หญิงคนนึง ท่านแก่แล้วล่ะ
เป็นยายแก่ๆคนนึงลุกพรวดพราดออกไป จ้ำเอาๆ เดินเร็วมาก
นาทีนั้นเราก็วิ่งตามยายคนนี้เพราะเรากลัวที่คนในลานธรรมเริ่มวิจารณ์แต่เรื่องน่ากลัว แปลกใจทำไมถึงกล้าวิ่งตามแกออกไป
แต่ตอนนั้นไม่คิดอะไรเพราะเรื่องเล่าของบรรดาคนที่มานั่งอยู่เริ่มน่ากลัวกว่าสถานการณ์ด้านนอก
เราตามไปเพราะห่วงสามีเราด้วย เลยเดินตามไปหาสามี นาทีนี้มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆราวๆ 3 ขวบมาจากไหนไม่รู้เดินตามเรามาด้วย
ตอนแรกเราคิดว่าหลานยายคนนี้ แต่ปรากฏว่าไม่ใช่จ้า เดี๋ยวค่อยเล่าเรื่องนี้นะ เล่าเรื่องรถต่อ
คุณยายแกเดินเร็วมาก พอไปถึงลานหินโล่งๆแกก็หยุด ชี้เราให้ดูรากของต้นไม้ แกบอกดูสิ รากต้นอะไรก็ไม่รู้เราฟังไม่ทัน
และเราก็ไม่รู้จักด้วย แกบอกรากมันยาวเนอะโผล่พ้นดินมาขนาดนี้ ลำใหญ่มากๆ หนูรู้มั้ยผลมันกินได้นะ
แกพูดกะเราแค่นี้ละแกก็เดินต่อไปหากลุ่มผู้ชายคนนั้น แล้วแกก็พูดว่า หลวงพี่ยังไม่ได้กรวดน้ำเลย แล้วแกก็เดินกลับ
ปล่อยให้เรายืนงงตรงนั้นกับกลุ่มคนแหละว่า อะไรของแกน่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้