คิดหลายรอบแล้วว่าจะตั้งกระทู้ดีไหม มันคือเรื่องราวของผมเองครับ เอาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีเลยนะครับ ผมเกิดในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว ฐานะปานกลาง คุณแม่ประกอบอาชีพรับราชการครู และเป็นหัวหน้าครอบครัว
คนแถวบ้านชอบแซวว่าเป็นเด็กบ้านแตก
แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่ขาดความอบอุ่นนะ ก็มีความสุขดี
เข้าเรื่องเลยนะ ผมเริ่มใช้สารเสพติดครั้งแรกจากการที่เพื่อนสนิทให้ทดลอง ก็รู้ว่าไม่ดีครับแต่ขอลองหน่อย คงไม่ติด ตามประสาวัยรุ่นทั่วไปตอนนั้นเรียน ปวช. - ปวส. ก็ใช้ชีวิตตามปกติ ใครเอามาให้ลองก็ลอง ชวนทำอะไรก็ไปตามเค้า ส่วนเรื่องการเรียน อยู่ในเกณฑ์ดี จนผมได้โควต้ามาเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ ถือว่าเป็นหักเหของผมเลยก็ว่าได้ มีเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ ไกลบ้าน มีเพื่อนมาให้ลองตอนงานรับน้อง มันบอกว่าคือยาขยัน ใช่ครับมันทำให้ผมขยันมากขึ้นและเป็นตัวของตัวเอง เพื่อนผมในกลุ่มจะไปเล่นเกมส์กันที่ร้านอินเตอร์เน็ตแถวมหาวิทยาลัย แต่ผมจะชอบอ่านหนังสือ มันทำให้ผมอ่านหนังสือแบบไม่หลับไม่นอน ผลการเรียนช่วงนั้นอยู่ในระดับดีเลยทีเดียว
แต่ก็เพื่อนบางส่วนที่โดน (Retired.)
อืม..!! ใช่ครับผมใช้สารเสพติดบ่อยขึ้น เรียกว่าเข้าขั้นติดเลยก็ได้ แต่ก็แปลกดีเหมือนกันผลการเรียนเรียนไม่ตก เรียนจบตามเกณฑ์
มีเพื่อนที่เรียนจบพร้อมผมอีก 2 คน ส่วนอีก 5 คนเรียนไม่จบ พอเรียนจบแล้วก็คิดว่าจะเลิกการใช้สารเสพติด
เลิกยาครั้งที่หนึ่ง เลยไปสมัครเป็นทหาร คิดว่ายังไงก็คงเลิกได้แน่นอน ฝึกระเบียบ วินัย แต่ความจริงมันตรงกันข้าม ชีวิตในค่ายทหารมีครบทุกอย่าง ตั้งแต่คนติดคุก เรียนจบแค่ ป.2 พ่อค้ายาเสพติด นักเลงหัวไม้ ติดสุราเรื้อรัง กระเทย พ่อยอดนักรัก เสือ สิงห์ กระทิง แรด เก้ง กวาง มันร้อยพ่อพันแม่จริงๆครับ
ก็แน่นอนแหละ ปลดประจำการมาก็เลิกไม่ได้
หลังจากปลดประจำการก็ใช้ระยะเวลาไม่นานในการหางานทำ ก็เลือกตำแหน่งพนักงานขาย ก็ยังใช้สารเสพติดบ่อยอยู่ตามเคย
มันทำให้ผมพูดกับลูกค้าน้ำไหล ไฟดับ มีสมาธิในการหาลูกค้า จำได้เลยว่าได้ รางวัลเสือปืนไว เพราะทำยอดขายได้ไตรมาสแรก ช่วงทดลองงาน ก็ใช้ชีวิตตามปกติ จนผ่านไปตอนนี้ก็ 6 ปีแล้ว ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกฝ่ายขาย (Suppervisior.)
โดยที่บ้านและที่ทำงาน ไม่มีใครรู้ว่าเราใช้สารเสพติด จนกระทั่งแต่งงาน ผมได้เห็นตัวเองว่าร่างกายเริ่มเสื่อมโทรม หายใจเร็ว เหนื่อยงาน มือสั่น ผอม และที่สำคัญแฟนและแม่ของผมก็อยากจะมีลูกหลานเต็มทีแล้ว
ผมเลยคิดว่า ถ้ามีลูกแล้วเรายังใช้สารเสพติดอยู่คงจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่ๆ เลยตัดสินใจไปหาหมอ
เลิกยาครั้งที่สอง คราวนี้ตั้งใจมาก รีบขับรถไป รพ.จิตเวช เพื่อขอทำการรักษา ผมจำคำพูดของหมอได้เป็นอย่างนี้ดี
หมอ: วันนี้มาหาหมอมีอะไรให้หมอช่วย
ผม: ผมใช้สารเสพติดมานานอยากเลิกครับ
หมอ: คุณยังไม่ช่วยตัวเองเลย แล้วจะให้หมอช่วยอะไร ทำไมคุณถึงทำอะไรแบบนี้..??
ผม: คิดในใจ ถ้าเราทำได้เราคงไม่มาปรึกษาคุณหลอก
คุยกันไดีไม่นานเท่าไหร่ผมก็รู้เลยว่า มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย พอจะกลับหมอก็จ่ายยาคลายเครียด (Amitriptyline.) ซึ่งส่วนตัวไม่ชอบนาตัวนี้ที่หมอจัดให้เพราะมันเบลอและทำให้เราทำงานได้ไม่เต็มร้อยครับ มาให้ ก็รู้ทันทีเลยว่า ลองสู้ด้วยตัวเองสักตั้ง
เลิกยาครั้งที่สาม
ก็ทำหน้าที่การงานได้ปกติ เป็นแฟนที่ดี เป็นลูกของแม่ที่ดี ยังเป็นหัวหน้างานที่ดี
แต่พอหยุดใช้สารเสพติดได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ผมจะหงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับเป็นเวลาหลายคืน ดื่มเหล้าก็แล้ว กินยานอนหลับก็แล้ว มากสุดคือประมาณ 1 สัปดาห์ แฟนก็ถามว่าเป็นอะไรเราก็ไม่สามารถตอบคำถามเธอได้ บางทีก็แอบไปร้องไห้คนเดียว จนผมทนไม่ไหวกลับมาแพ้ให้กับมันทุกที ถ้ารวมระยะเวลาจนถึงตั้งกระทู้นี้ก็เข้าสู่เดือนที่สองแล้วครับ
ใครพอจะมีประสบการณ์ ทางออก คำแนะนำ ติชม หรือสิ่งดีดี
ให้กับชีวิตของผม ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นครับ
ปล.หลายท่านคงมีคนสงสัยว่าทำไมถึงกล้ามา
บอกเรื่องแบบนี้ น่าอายไม่..??
ตอบตามตรงเลยครับไม่อายครับที่ผมกล้ามาเล่าให้ฟังก็เพราะว่า ผมต้องการจะเลิกมันให้ขาดจริงจังสักทีครับ มันดีกับผม และ ที่สำคัญผมรักและเป็นห่วงคนในครอบครัวของผม รวมไปถึงอนาคตในภายภาคหน้า
.........................................................
ขอบคุณสำหรับการรับฟัง
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นดีดี บางทีกระทู้นี้อาจเปลี่ยนผมไปตลอดกาล (ความพยายามครั้งที่สาม)
คนแถวบ้านชอบแซวว่าเป็นเด็กบ้านแตก
แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่ขาดความอบอุ่นนะ ก็มีความสุขดี
เข้าเรื่องเลยนะ ผมเริ่มใช้สารเสพติดครั้งแรกจากการที่เพื่อนสนิทให้ทดลอง ก็รู้ว่าไม่ดีครับแต่ขอลองหน่อย คงไม่ติด ตามประสาวัยรุ่นทั่วไปตอนนั้นเรียน ปวช. - ปวส. ก็ใช้ชีวิตตามปกติ ใครเอามาให้ลองก็ลอง ชวนทำอะไรก็ไปตามเค้า ส่วนเรื่องการเรียน อยู่ในเกณฑ์ดี จนผมได้โควต้ามาเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ ถือว่าเป็นหักเหของผมเลยก็ว่าได้ มีเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ ไกลบ้าน มีเพื่อนมาให้ลองตอนงานรับน้อง มันบอกว่าคือยาขยัน ใช่ครับมันทำให้ผมขยันมากขึ้นและเป็นตัวของตัวเอง เพื่อนผมในกลุ่มจะไปเล่นเกมส์กันที่ร้านอินเตอร์เน็ตแถวมหาวิทยาลัย แต่ผมจะชอบอ่านหนังสือ มันทำให้ผมอ่านหนังสือแบบไม่หลับไม่นอน ผลการเรียนช่วงนั้นอยู่ในระดับดีเลยทีเดียว
แต่ก็เพื่อนบางส่วนที่โดน (Retired.)
อืม..!! ใช่ครับผมใช้สารเสพติดบ่อยขึ้น เรียกว่าเข้าขั้นติดเลยก็ได้ แต่ก็แปลกดีเหมือนกันผลการเรียนเรียนไม่ตก เรียนจบตามเกณฑ์
มีเพื่อนที่เรียนจบพร้อมผมอีก 2 คน ส่วนอีก 5 คนเรียนไม่จบ พอเรียนจบแล้วก็คิดว่าจะเลิกการใช้สารเสพติด
เลิกยาครั้งที่หนึ่ง เลยไปสมัครเป็นทหาร คิดว่ายังไงก็คงเลิกได้แน่นอน ฝึกระเบียบ วินัย แต่ความจริงมันตรงกันข้าม ชีวิตในค่ายทหารมีครบทุกอย่าง ตั้งแต่คนติดคุก เรียนจบแค่ ป.2 พ่อค้ายาเสพติด นักเลงหัวไม้ ติดสุราเรื้อรัง กระเทย พ่อยอดนักรัก เสือ สิงห์ กระทิง แรด เก้ง กวาง มันร้อยพ่อพันแม่จริงๆครับ
ก็แน่นอนแหละ ปลดประจำการมาก็เลิกไม่ได้
หลังจากปลดประจำการก็ใช้ระยะเวลาไม่นานในการหางานทำ ก็เลือกตำแหน่งพนักงานขาย ก็ยังใช้สารเสพติดบ่อยอยู่ตามเคย
มันทำให้ผมพูดกับลูกค้าน้ำไหล ไฟดับ มีสมาธิในการหาลูกค้า จำได้เลยว่าได้ รางวัลเสือปืนไว เพราะทำยอดขายได้ไตรมาสแรก ช่วงทดลองงาน ก็ใช้ชีวิตตามปกติ จนผ่านไปตอนนี้ก็ 6 ปีแล้ว ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกฝ่ายขาย (Suppervisior.)
โดยที่บ้านและที่ทำงาน ไม่มีใครรู้ว่าเราใช้สารเสพติด จนกระทั่งแต่งงาน ผมได้เห็นตัวเองว่าร่างกายเริ่มเสื่อมโทรม หายใจเร็ว เหนื่อยงาน มือสั่น ผอม และที่สำคัญแฟนและแม่ของผมก็อยากจะมีลูกหลานเต็มทีแล้ว
ผมเลยคิดว่า ถ้ามีลูกแล้วเรายังใช้สารเสพติดอยู่คงจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่ๆ เลยตัดสินใจไปหาหมอ
เลิกยาครั้งที่สอง คราวนี้ตั้งใจมาก รีบขับรถไป รพ.จิตเวช เพื่อขอทำการรักษา ผมจำคำพูดของหมอได้เป็นอย่างนี้ดี
หมอ: วันนี้มาหาหมอมีอะไรให้หมอช่วย
ผม: ผมใช้สารเสพติดมานานอยากเลิกครับ
หมอ: คุณยังไม่ช่วยตัวเองเลย แล้วจะให้หมอช่วยอะไร ทำไมคุณถึงทำอะไรแบบนี้..??
ผม: คิดในใจ ถ้าเราทำได้เราคงไม่มาปรึกษาคุณหลอก
คุยกันไดีไม่นานเท่าไหร่ผมก็รู้เลยว่า มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย พอจะกลับหมอก็จ่ายยาคลายเครียด (Amitriptyline.) ซึ่งส่วนตัวไม่ชอบนาตัวนี้ที่หมอจัดให้เพราะมันเบลอและทำให้เราทำงานได้ไม่เต็มร้อยครับ มาให้ ก็รู้ทันทีเลยว่า ลองสู้ด้วยตัวเองสักตั้ง
เลิกยาครั้งที่สาม
ก็ทำหน้าที่การงานได้ปกติ เป็นแฟนที่ดี เป็นลูกของแม่ที่ดี ยังเป็นหัวหน้างานที่ดี
แต่พอหยุดใช้สารเสพติดได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ผมจะหงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับเป็นเวลาหลายคืน ดื่มเหล้าก็แล้ว กินยานอนหลับก็แล้ว มากสุดคือประมาณ 1 สัปดาห์ แฟนก็ถามว่าเป็นอะไรเราก็ไม่สามารถตอบคำถามเธอได้ บางทีก็แอบไปร้องไห้คนเดียว จนผมทนไม่ไหวกลับมาแพ้ให้กับมันทุกที ถ้ารวมระยะเวลาจนถึงตั้งกระทู้นี้ก็เข้าสู่เดือนที่สองแล้วครับ
ใครพอจะมีประสบการณ์ ทางออก คำแนะนำ ติชม หรือสิ่งดีดี
ให้กับชีวิตของผม ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นครับ
ปล.หลายท่านคงมีคนสงสัยว่าทำไมถึงกล้ามา
บอกเรื่องแบบนี้ น่าอายไม่..??
ตอบตามตรงเลยครับไม่อายครับที่ผมกล้ามาเล่าให้ฟังก็เพราะว่า ผมต้องการจะเลิกมันให้ขาดจริงจังสักทีครับ มันดีกับผม และ ที่สำคัญผมรักและเป็นห่วงคนในครอบครัวของผม รวมไปถึงอนาคตในภายภาคหน้า
.........................................................
ขอบคุณสำหรับการรับฟัง