สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้จะขอมาบอกเล่าเรื่องราว ประสบการณ์ที่ได้ไปสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกามานะคะ
อยากที่หลายๆคนทราบดีคือเค้าก็ว่ากันว่าวีซ่าผ่านยากบ้าง บลาๆ แน่นอนคนที่จะไปสัมภาษณ์ก็ย่อมจะตื่นเต้นหาข้อมูล ดูรีวิวต่างๆมากมาย อ่านนู้นอ่านนี้ อ่านทั้งคนที่ผ่านและไม่ผ่าน แต่วันก่อนไปสัมภาษณ์บอกเลยว่านั่งอ่านแต่รีวิวที่คนเค้าผ่านกัน คนไม่ผ่านไม่อ่านค่ะ เดี๋ยวจิตตก
ดังนั้นการรีวิวครั้งนี้ก็เกิดจากที่ต้องการจะสร้างแรงบันดาลใจให้คนที่จะไปสัมภาษณ์ได้อ่านในสิ่งดีๆเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจค่ะ 555555555
บอกกค่ะว่าเรากำลังจะเดินทางไป working holiday ที่แคนนาดา เดือน มิถุนายน นี้ค่ะ เลยอยากจะขอวีซ่าอมเริกาเผื่อไว้ไปเที่ยว ไหนๆก็แถบนู้นทั้งทีแล้ว ประมาณนั้น
เราเริ่มกรอกข้อมูลตั้งแต่ วันที่ 6 มกราคม จริงๆ กรอกเสร็จตั้งแต่ 3 วันแรกแล้วค่ะ คือจริงๆถ้าตั้งใจแปปเดียวก็เสร็จ แต่เรากรอกวันละนิ้ด ให้เพื่อนช่วยแปลบ้าง รอบ้างฤกษ์กว่าจะกดจ่ายเงินก็ปาเข้าไป 29 มกราคมได้ เราจ่ายเงิน 5600 บาท (แต่พอมาเช็คอีกวันค่าเงินขึ้น เป็น 5900 คือแบบบ อู้ววววโชคดีจัง ที่กดจ่ายเร็ว ... เพราะตอนนั้นที่แฟนเคยไปทำก็จ่ายไป 6400 มั้ง O_o)
อยากบอกว่าจริงๆตอนกรอกข้อมูล เราไม่ได้กรอกตรงเป๊ะในเรื่องของการทำงาน
เนื่องจากจริงๆแล้วตอนนี้เราเริ่มทำงานเดือน พ.ย. ซึ่ง ณ ตอนนี้เรายังไม่ผ่านโปร ดังนั้น เราเลยกรอกไปว่า ไม่ได้ทำงาน แต่จริงๆแล้วยังทำอยู่ แล้วก็เขียนบอกไปในช่องรายละเอียดประมาณว่า กำลังไปเข้าร่วมโครงการ.....ซึ่งได้รับวีซ่าของแคนนาดาแล้ว ซึ่งมีแพลนท่องเที่ยวอเมริกาช่วงก่อนกลับ บลาๆ ประมาณนี้ค่ะ
หลายคนอาจจะสงสัยมีงานอยู่ทำไมไม่กรอกว่าทำงาน เพราะเรารู้สึกว่ามันไม่สามารถขอเอกสารรับรองตำแหน่งการทำงานในช่วงที่ยังไม่ผ่านโปรได้ค่ะ ใบสลิปเงินเดือนแต่ละเดือนก็มาช้ามากกกกกก ของเดือน ม.ค. ก็จะมาประมาณปลาย ก.พ. เลยจะไม่มีอะไรรับรองได้ว่าเราทำงานอยู่จริง เพราะบัตรพนักงานก็ยังไม่ได้ - - เรารู้สึกว่างั้นกรอกว่าทำงานแค่ พ.ย.แล้วออก ธ.ค. ดีกว่า เพราะถ้าเกิดขอเอกสารรับรองการทำงานแล้วไม่มีขึ้นมาจะแย่เอาค่ะ ที่มีติดไปโชว์คือสลิปเงินเดือนตัวจริง เดือน พ.ย. กับ ธ.ค. เท่านั้น (ตรงนี้อาจจะต้องจำให้ได้สักหน่อยถ้าหากอีก 10 ปี เราต้องการไปขอวีซ่าอเมริกาอีกรอบก็ต้องกรอกแบบนี้นะ)
ซึ่งต้องขอกราบขอบพระคุณรีวิวการกรอกข้อมูลวีซ่าจากพี่ๆพันทิปนี้แหละค่ะ ละเอียดมากๆ
พอไปจ่ายเงินปุ๊บ ตามที่อ่านรีวิวเค้าบอก 10 โมงของวันถัดไปจะกดเข้าไปจองวันสัมภาษณ์ได้ สรุปเอ้าบ่ายโมงแล้วยังกดไม่ได้อีก เลยหาอ่านรีวิวอีก บางคนก็บอกว่าต้องมีเมลล์ส่งมาก่อนถึงจะเข้าไปจองได้ประมาณ ไม่เกิน 3 วัน เราก็โอเค.. งั้นเดี๋ยวรอก่อน วันถัดไปเลยไม่ได้สนใจ พอครบวันที่ 3 ทำไมไม่มีเมลล์ส่งมาสักทีละ เลยลองเข้าระบบดู ...อ่าว... จองได้เฉย
เลยงงๆ ว่าสรุปลองๆเข้าไปทำวันละกันนะคะ ถ้าจองได้ตอนไหนก็ตอนนั้นแหละ ฮ๋าๆ
เราก็เลือกสัมภาษณ์เร็วสุดได้วันที่ 7 กุมภาพันธ์ เมื่อวานนี้เองงงงงง เร็วสุดตอน 7 โมง ก็เลือกเวลานั่นแหละค่ะ อย่างที่บอกว่าคืนวันที่ 6 หาอ่านแต่รีวิวคนที่ไปสัมภาษณ์แล้วผ่านเท่านั้น ไม่อยากสร้างความกดดันให้ตัวเอง มาขอเผื่อได้ ถ้าไม่ได้ก็จะไม่ขอแล้วเที่ยวในแคนนาดาพอ ประมาณนั้น
พอถึงวันจริง จองไป 7.00 ถึงหน้าสถานฑูตประมาณ 6.51 ได้
ก็มีคนมาต่อคิวกันเกือบ 50 คนได้แหละ ซึ่งต่อคิวเผื่อเจอ จนท.คนแรก จะเขียนลงใน DS160 ว่าจองไว้รอบกี่โมง แอบเห็นคนข้างหน้า รอบ 8.00 งี้ แบบ อู้วววว มาเร็วจุงค่ะ พอจนท เขียนลงในใบเสร็จ จะมีบัตรฟ้ายื่นให้ด้วย พี่ยามก็บอกว่าห้ามเอาไรเข้าไปบ้าง ได้มือถือคนละเครื่องนะ ใครมีมือถือก็ให้เอาออกมาปิดเครื่องพร้อมเตรียมบัตรประชาชน เพื่อที่จะฝาก พอปล่อยเข้ามาข้างในก็ไปฝากมือถือ แล้วเข้าเครื่องสแกน จากนั้น ผ่านด่านนี้ปุ๊บก็เดินตามทางเข้าไปข้างใน
ก็จะมีเก้าอี้นั่งพร้อมห้องที่มีจนท.อยู่ ถ้าถึงเวลาของเราตามที่นัดไว้แล้วก็สามารเดินไปยื่นเอกสารให้จนท.ได้เลยค่ะ ใครยังไม่ถึงก็จะให้นั่งรอเรียกก่อน
แล้วเขาก็จะให้ไปอ่านป้ายก่อนเดินขึ้นบันได ก็คือเค้าบอกให้จดเลข EMS ไว้ ถ้ากรณีผ่าน ก็สามารถเช็คสถานะของเลข EMS ได้ตามนี้ค่ะ
พอเสร็จเดินเข้าไปในห้อง ก็ต่อแถวแบบเห้ยไม่น่าจะใช่รอบ 7 โมงรอบเดียวอ่ะ สรุปส่องๆดู มี 7.15 ด้วย เงยหน้าดูอืมม..มันก็7.15แล้วด้วยงี้ สรุปว่าจองไปรอบ 7.00 แต่กว่าจะได้เข้าก็เท่ากับจองรอบ 7.15แหละ ฮ่าๆ ตอนที่ต่อคิวก็มีคุณลุงกับคุณป้าถามว่า เค้าให้จดอะไรนะ เราก็เลยบอกไป แล้วเค้าก็ขอยืมปากกา
ต่อคิวเผื่อที่จะแสกนนิ้ว 4 นิ้ว ขวาแล้วก็ซ้าย แล้วก็ค่อยนิ้วโป้ง 2 ข้างพร้อมกัน ด่านนี้เปิด 3 ช่อง คุณพี่ด้านหลังก็ถามอีกว่าเค้าให้ต่อแถวตรงนี้หรอครับ ก็เลยบอกไปว่าต่อหน้าช่อง 15 นี้ค่ะ แต่ถ้าช่องไหนว่างก่อนเดี๋ยวจนท.จะเรียกไปค่ะ (ตรงนี้แอบคิดว่าช่างเป็นวันที่ดีของเราแน่ๆเพราะได้ช่วยเหลือคนอื่น ฮ่าๆๆ)
หลังจากนั้นก็ต่อคิวเผื่อแสกน 4 นิ้ว ซ้าย ขวา อีกรอบ ที่ช่อง 10 หลังจากนั้น ก็เดินตามไลน์ที่กันไว้เผื่อไปชี้ชะตาค่ะ (ตอนแรกที่คิดภาพไว้จะเป็นฟีลแบบ ห้องๆไป เดินต่อเข้าไป อะไรประมาณนี้ แต่นี้คือ ทุกอย่างอยู่ในห้องเดียวกันหมดเลย คิดภาพตามคือแบบ เดินเข้าประตู ตรงที่ชี้ชะตา อยู่ด้านซ้ายมือ มองตรงไปคือที่ต้องไปสแกนนิ้ว ประมาณนั้น)
พอเราแสกนนิ้วเสร็จก็ไปต่อคิว อ้าว คนแรกของแถวตอนนั้น คือแบบถ้าใครสัมภาษณ์เสร็จคือคิวเราต่อไปเลย มีจนท. 4 ช่องค่ะ เริ่มที่ ช่องเบอร์ 6 เป็นผู้หญิงแอฟฟริกัน-อเมริกา ช่อง 7 เป็นผู้ชายแอฟริกัน-อเมิรกา ช่อง 8 เป็นฝรั่งผิวขาวหัวโล้นๆอ้วนหน่อยๆ ช่อง 9 เป็นฝรั่งผิวขาวค่ะ
ตอนแรกเรานึกว่าจะได้สัมภาษณ์ช่องเบอร์ 9 กับฝรั่งคนนั้นแล้ว เพราะว่าคนที่เขาสัมภาษณ์อยู่ไม่ผ่าน แต่เค้าเดินไปเดินเหมือนไปปริ้นเอกสารอะไร มารู้ตัวอีกที อ่าว........ ช่อง 6 เสร็จแล้ว ซึ่งก็คือคุณลุงคุณป้าที่ถามเราเรื่อง รหัส EMS นั่นเอง ได้ยินว่าเหมือนจะไปเยี่ยมลูก ลูกเรียนด๊อกเตอร์ ก็ผ่านไปด้วยดี อะไรประมาณนี้แหละ
พอเดินเข้าไปปุ๊บ ใช้จริตความนิ่งเข้าข่ม แต่ใช้สีหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นมิตรประดุสมิสยูนิเวอร์ส
บทสนทนาด้านล่างนี้ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษนะคะ
ไปอเมริกาทำไมคะ
- พอดีกำลังจะไป working holiday ที่แคนนาดา เดือน มิถุนายน นี้ค่ะ พร้อมชี้ลงบนแฟ้ม (เตรียมเอกสารเกี่ยวกับโครงการนี้ไปค่ะ ละตัวอักษรบนปกมันตัวใหญ่มากที่เห็นในระยะไกล) เลยมาขอวีซ่าอเมริกาเผื่อไปเที่ยวค่ะ (ภาษาอังกฤษมีกระตุกตอนต้นบ้าง เนื่องจากความรู้ที่มีน้อยนิด แต่จริตยังคงอยู่เลยต่อไปได้555555)
ไปนานเท่าไหร่คะ
- working holiday program 1 ปีค่ะ
พิมพ์ๆแกร๊กๆๆ
ไปเมืองไหน (ตอนแรกคำถามนี้ฟังไม่ทันงง นึกว่าถามว่าได้วีซ่าประเภทอะไร เลยตอบว่า worker จนท.เลยบอกว่าไปเมืองไหนที่แคนนาดา)
- Toronto
พิมพ์ๆแกร๊กๆๆ
ก่อนหน้านี้เคยไปไหนมาบ้าง
- (พาสปอร์ตเล่มเก่าอยู่ในมือขวาค่ะ ซึ่ง เราคั่นไว้หมดเลยว่ามีวีซ่าหน้าไหนบ้าง ของประเทศอะไร) ก็ยกให้ดูพร้อมบอกว่า UK FRANCE JAPAN TAIWAN SOUTH KOREA จะพูดต่อเค้าก็บอกโอเค most of Asia and EU
แล้วก็พิมพ์ๆแกร๊กๆๆๆ
ทำไมถึงอยากไปโครงการนี้
- อยากไปหาและใช้ประสบการณ์ชีวิตก่อนที่จะต้องกลับมาทำงานแบบตลอดไป
พิมพ์ๆแกร๊กๆๆ
ก่อนหน้านี้ทำงานที่ไหน
- ก็ตอบชื่อบริษัท
พิมพ์ๆแกร๊กๆๆ
โอเค คองเกรตตตตูเลลชั่น บลาๆๆ บลาๆๆ อย่าไปทำงานนะ วีซ่านี้ไม่สามารถทำงานได้ อะไรประมาณนี้ค่ะ ตอนแรกได้ยิน 1 year ไรสักอย่างฟังไม่ทัน T_T เลยคิดว่าน่าจะได้วีซ่าแค่ครอบคลุมถึงที่แพลนจะไป
อ่าวเสร็จแล้ว ไม่ขอดูอะไรเลยสักอย่าง รับรองเงินของสปอนเซอร์ก็ไม่ดู(กรอกว่าแม่เป็นสปอนเซอร์ค่ะ) เอาของตัวเองเตรียมไปเผื่อก็ไม่ดู ไม่ดูไรเลยจริงๆ ผ่านแล้วววววว
สรุปวันนี้ พอเช็คสถานะตอนเช้า ของมาถึงปณ แล้ว ก่อนไปทำงานเลยแว๊บไปเอาเลย อยากรู้ว่าได้ดีปี
(จริงๆเช็คตั้งแต่เมื่อคือ เข้าระบบตั้งแต่บ่าย 3แล้วค่ะ)
แทแด้นนนนนนนนนนนนนนนนนนน 10 ปี ค่า โล่งเชียว 5555555555
ใครที่กำลังจะไปขอ ขอให้ได้กันทุกคนเลยนะคะ
[CR] รีวิว สัมภาษาณ์วีซ่าวีซ่าท่องเที่ยวUSA ... ในที่สุดก็ได้มา
อยากที่หลายๆคนทราบดีคือเค้าก็ว่ากันว่าวีซ่าผ่านยากบ้าง บลาๆ แน่นอนคนที่จะไปสัมภาษณ์ก็ย่อมจะตื่นเต้นหาข้อมูล ดูรีวิวต่างๆมากมาย อ่านนู้นอ่านนี้ อ่านทั้งคนที่ผ่านและไม่ผ่าน แต่วันก่อนไปสัมภาษณ์บอกเลยว่านั่งอ่านแต่รีวิวที่คนเค้าผ่านกัน คนไม่ผ่านไม่อ่านค่ะ เดี๋ยวจิตตก
ดังนั้นการรีวิวครั้งนี้ก็เกิดจากที่ต้องการจะสร้างแรงบันดาลใจให้คนที่จะไปสัมภาษณ์ได้อ่านในสิ่งดีๆเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจค่ะ 555555555
บอกกค่ะว่าเรากำลังจะเดินทางไป working holiday ที่แคนนาดา เดือน มิถุนายน นี้ค่ะ เลยอยากจะขอวีซ่าอมเริกาเผื่อไว้ไปเที่ยว ไหนๆก็แถบนู้นทั้งทีแล้ว ประมาณนั้น
เราเริ่มกรอกข้อมูลตั้งแต่ วันที่ 6 มกราคม จริงๆ กรอกเสร็จตั้งแต่ 3 วันแรกแล้วค่ะ คือจริงๆถ้าตั้งใจแปปเดียวก็เสร็จ แต่เรากรอกวันละนิ้ด ให้เพื่อนช่วยแปลบ้าง รอบ้างฤกษ์กว่าจะกดจ่ายเงินก็ปาเข้าไป 29 มกราคมได้ เราจ่ายเงิน 5600 บาท (แต่พอมาเช็คอีกวันค่าเงินขึ้น เป็น 5900 คือแบบบ อู้ววววโชคดีจัง ที่กดจ่ายเร็ว ... เพราะตอนนั้นที่แฟนเคยไปทำก็จ่ายไป 6400 มั้ง O_o)
อยากบอกว่าจริงๆตอนกรอกข้อมูล เราไม่ได้กรอกตรงเป๊ะในเรื่องของการทำงาน
เนื่องจากจริงๆแล้วตอนนี้เราเริ่มทำงานเดือน พ.ย. ซึ่ง ณ ตอนนี้เรายังไม่ผ่านโปร ดังนั้น เราเลยกรอกไปว่า ไม่ได้ทำงาน แต่จริงๆแล้วยังทำอยู่ แล้วก็เขียนบอกไปในช่องรายละเอียดประมาณว่า กำลังไปเข้าร่วมโครงการ.....ซึ่งได้รับวีซ่าของแคนนาดาแล้ว ซึ่งมีแพลนท่องเที่ยวอเมริกาช่วงก่อนกลับ บลาๆ ประมาณนี้ค่ะ
หลายคนอาจจะสงสัยมีงานอยู่ทำไมไม่กรอกว่าทำงาน เพราะเรารู้สึกว่ามันไม่สามารถขอเอกสารรับรองตำแหน่งการทำงานในช่วงที่ยังไม่ผ่านโปรได้ค่ะ ใบสลิปเงินเดือนแต่ละเดือนก็มาช้ามากกกกกก ของเดือน ม.ค. ก็จะมาประมาณปลาย ก.พ. เลยจะไม่มีอะไรรับรองได้ว่าเราทำงานอยู่จริง เพราะบัตรพนักงานก็ยังไม่ได้ - - เรารู้สึกว่างั้นกรอกว่าทำงานแค่ พ.ย.แล้วออก ธ.ค. ดีกว่า เพราะถ้าเกิดขอเอกสารรับรองการทำงานแล้วไม่มีขึ้นมาจะแย่เอาค่ะ ที่มีติดไปโชว์คือสลิปเงินเดือนตัวจริง เดือน พ.ย. กับ ธ.ค. เท่านั้น (ตรงนี้อาจจะต้องจำให้ได้สักหน่อยถ้าหากอีก 10 ปี เราต้องการไปขอวีซ่าอเมริกาอีกรอบก็ต้องกรอกแบบนี้นะ)
ซึ่งต้องขอกราบขอบพระคุณรีวิวการกรอกข้อมูลวีซ่าจากพี่ๆพันทิปนี้แหละค่ะ ละเอียดมากๆ
พอไปจ่ายเงินปุ๊บ ตามที่อ่านรีวิวเค้าบอก 10 โมงของวันถัดไปจะกดเข้าไปจองวันสัมภาษณ์ได้ สรุปเอ้าบ่ายโมงแล้วยังกดไม่ได้อีก เลยหาอ่านรีวิวอีก บางคนก็บอกว่าต้องมีเมลล์ส่งมาก่อนถึงจะเข้าไปจองได้ประมาณ ไม่เกิน 3 วัน เราก็โอเค.. งั้นเดี๋ยวรอก่อน วันถัดไปเลยไม่ได้สนใจ พอครบวันที่ 3 ทำไมไม่มีเมลล์ส่งมาสักทีละ เลยลองเข้าระบบดู ...อ่าว... จองได้เฉย
เลยงงๆ ว่าสรุปลองๆเข้าไปทำวันละกันนะคะ ถ้าจองได้ตอนไหนก็ตอนนั้นแหละ ฮ๋าๆ
เราก็เลือกสัมภาษณ์เร็วสุดได้วันที่ 7 กุมภาพันธ์ เมื่อวานนี้เองงงงงง เร็วสุดตอน 7 โมง ก็เลือกเวลานั่นแหละค่ะ อย่างที่บอกว่าคืนวันที่ 6 หาอ่านแต่รีวิวคนที่ไปสัมภาษณ์แล้วผ่านเท่านั้น ไม่อยากสร้างความกดดันให้ตัวเอง มาขอเผื่อได้ ถ้าไม่ได้ก็จะไม่ขอแล้วเที่ยวในแคนนาดาพอ ประมาณนั้น
พอถึงวันจริง จองไป 7.00 ถึงหน้าสถานฑูตประมาณ 6.51 ได้
ก็มีคนมาต่อคิวกันเกือบ 50 คนได้แหละ ซึ่งต่อคิวเผื่อเจอ จนท.คนแรก จะเขียนลงใน DS160 ว่าจองไว้รอบกี่โมง แอบเห็นคนข้างหน้า รอบ 8.00 งี้ แบบ อู้วววว มาเร็วจุงค่ะ พอจนท เขียนลงในใบเสร็จ จะมีบัตรฟ้ายื่นให้ด้วย พี่ยามก็บอกว่าห้ามเอาไรเข้าไปบ้าง ได้มือถือคนละเครื่องนะ ใครมีมือถือก็ให้เอาออกมาปิดเครื่องพร้อมเตรียมบัตรประชาชน เพื่อที่จะฝาก พอปล่อยเข้ามาข้างในก็ไปฝากมือถือ แล้วเข้าเครื่องสแกน จากนั้น ผ่านด่านนี้ปุ๊บก็เดินตามทางเข้าไปข้างใน
ก็จะมีเก้าอี้นั่งพร้อมห้องที่มีจนท.อยู่ ถ้าถึงเวลาของเราตามที่นัดไว้แล้วก็สามารเดินไปยื่นเอกสารให้จนท.ได้เลยค่ะ ใครยังไม่ถึงก็จะให้นั่งรอเรียกก่อน
แล้วเขาก็จะให้ไปอ่านป้ายก่อนเดินขึ้นบันได ก็คือเค้าบอกให้จดเลข EMS ไว้ ถ้ากรณีผ่าน ก็สามารถเช็คสถานะของเลข EMS ได้ตามนี้ค่ะ
พอเสร็จเดินเข้าไปในห้อง ก็ต่อแถวแบบเห้ยไม่น่าจะใช่รอบ 7 โมงรอบเดียวอ่ะ สรุปส่องๆดู มี 7.15 ด้วย เงยหน้าดูอืมม..มันก็7.15แล้วด้วยงี้ สรุปว่าจองไปรอบ 7.00 แต่กว่าจะได้เข้าก็เท่ากับจองรอบ 7.15แหละ ฮ่าๆ ตอนที่ต่อคิวก็มีคุณลุงกับคุณป้าถามว่า เค้าให้จดอะไรนะ เราก็เลยบอกไป แล้วเค้าก็ขอยืมปากกา
ต่อคิวเผื่อที่จะแสกนนิ้ว 4 นิ้ว ขวาแล้วก็ซ้าย แล้วก็ค่อยนิ้วโป้ง 2 ข้างพร้อมกัน ด่านนี้เปิด 3 ช่อง คุณพี่ด้านหลังก็ถามอีกว่าเค้าให้ต่อแถวตรงนี้หรอครับ ก็เลยบอกไปว่าต่อหน้าช่อง 15 นี้ค่ะ แต่ถ้าช่องไหนว่างก่อนเดี๋ยวจนท.จะเรียกไปค่ะ (ตรงนี้แอบคิดว่าช่างเป็นวันที่ดีของเราแน่ๆเพราะได้ช่วยเหลือคนอื่น ฮ่าๆๆ)
หลังจากนั้นก็ต่อคิวเผื่อแสกน 4 นิ้ว ซ้าย ขวา อีกรอบ ที่ช่อง 10 หลังจากนั้น ก็เดินตามไลน์ที่กันไว้เผื่อไปชี้ชะตาค่ะ (ตอนแรกที่คิดภาพไว้จะเป็นฟีลแบบ ห้องๆไป เดินต่อเข้าไป อะไรประมาณนี้ แต่นี้คือ ทุกอย่างอยู่ในห้องเดียวกันหมดเลย คิดภาพตามคือแบบ เดินเข้าประตู ตรงที่ชี้ชะตา อยู่ด้านซ้ายมือ มองตรงไปคือที่ต้องไปสแกนนิ้ว ประมาณนั้น)
พอเราแสกนนิ้วเสร็จก็ไปต่อคิว อ้าว คนแรกของแถวตอนนั้น คือแบบถ้าใครสัมภาษณ์เสร็จคือคิวเราต่อไปเลย มีจนท. 4 ช่องค่ะ เริ่มที่ ช่องเบอร์ 6 เป็นผู้หญิงแอฟฟริกัน-อเมริกา ช่อง 7 เป็นผู้ชายแอฟริกัน-อเมิรกา ช่อง 8 เป็นฝรั่งผิวขาวหัวโล้นๆอ้วนหน่อยๆ ช่อง 9 เป็นฝรั่งผิวขาวค่ะ
ตอนแรกเรานึกว่าจะได้สัมภาษณ์ช่องเบอร์ 9 กับฝรั่งคนนั้นแล้ว เพราะว่าคนที่เขาสัมภาษณ์อยู่ไม่ผ่าน แต่เค้าเดินไปเดินเหมือนไปปริ้นเอกสารอะไร มารู้ตัวอีกที อ่าว........ ช่อง 6 เสร็จแล้ว ซึ่งก็คือคุณลุงคุณป้าที่ถามเราเรื่อง รหัส EMS นั่นเอง ได้ยินว่าเหมือนจะไปเยี่ยมลูก ลูกเรียนด๊อกเตอร์ ก็ผ่านไปด้วยดี อะไรประมาณนี้แหละ
พอเดินเข้าไปปุ๊บ ใช้จริตความนิ่งเข้าข่ม แต่ใช้สีหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นมิตรประดุสมิสยูนิเวอร์ส
บทสนทนาด้านล่างนี้ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษนะคะ
ไปอเมริกาทำไมคะ
- พอดีกำลังจะไป working holiday ที่แคนนาดา เดือน มิถุนายน นี้ค่ะ พร้อมชี้ลงบนแฟ้ม (เตรียมเอกสารเกี่ยวกับโครงการนี้ไปค่ะ ละตัวอักษรบนปกมันตัวใหญ่มากที่เห็นในระยะไกล) เลยมาขอวีซ่าอเมริกาเผื่อไปเที่ยวค่ะ (ภาษาอังกฤษมีกระตุกตอนต้นบ้าง เนื่องจากความรู้ที่มีน้อยนิด แต่จริตยังคงอยู่เลยต่อไปได้555555)
ไปนานเท่าไหร่คะ
- working holiday program 1 ปีค่ะ
พิมพ์ๆแกร๊กๆๆ
ไปเมืองไหน (ตอนแรกคำถามนี้ฟังไม่ทันงง นึกว่าถามว่าได้วีซ่าประเภทอะไร เลยตอบว่า worker จนท.เลยบอกว่าไปเมืองไหนที่แคนนาดา)
- Toronto
พิมพ์ๆแกร๊กๆๆ
ก่อนหน้านี้เคยไปไหนมาบ้าง
- (พาสปอร์ตเล่มเก่าอยู่ในมือขวาค่ะ ซึ่ง เราคั่นไว้หมดเลยว่ามีวีซ่าหน้าไหนบ้าง ของประเทศอะไร) ก็ยกให้ดูพร้อมบอกว่า UK FRANCE JAPAN TAIWAN SOUTH KOREA จะพูดต่อเค้าก็บอกโอเค most of Asia and EU
แล้วก็พิมพ์ๆแกร๊กๆๆๆ
ทำไมถึงอยากไปโครงการนี้
- อยากไปหาและใช้ประสบการณ์ชีวิตก่อนที่จะต้องกลับมาทำงานแบบตลอดไป
พิมพ์ๆแกร๊กๆๆ
ก่อนหน้านี้ทำงานที่ไหน
- ก็ตอบชื่อบริษัท
พิมพ์ๆแกร๊กๆๆ
โอเค คองเกรตตตตูเลลชั่น บลาๆๆ บลาๆๆ อย่าไปทำงานนะ วีซ่านี้ไม่สามารถทำงานได้ อะไรประมาณนี้ค่ะ ตอนแรกได้ยิน 1 year ไรสักอย่างฟังไม่ทัน T_T เลยคิดว่าน่าจะได้วีซ่าแค่ครอบคลุมถึงที่แพลนจะไป
อ่าวเสร็จแล้ว ไม่ขอดูอะไรเลยสักอย่าง รับรองเงินของสปอนเซอร์ก็ไม่ดู(กรอกว่าแม่เป็นสปอนเซอร์ค่ะ) เอาของตัวเองเตรียมไปเผื่อก็ไม่ดู ไม่ดูไรเลยจริงๆ ผ่านแล้วววววว
สรุปวันนี้ พอเช็คสถานะตอนเช้า ของมาถึงปณ แล้ว ก่อนไปทำงานเลยแว๊บไปเอาเลย อยากรู้ว่าได้ดีปี
(จริงๆเช็คตั้งแต่เมื่อคือ เข้าระบบตั้งแต่บ่าย 3แล้วค่ะ)
แทแด้นนนนนนนนนนนนนนนนนนน 10 ปี ค่า โล่งเชียว 5555555555
ใครที่กำลังจะไปขอ ขอให้ได้กันทุกคนเลยนะคะ