ลองออกไปผจญภัยกับ "ตัวเอง" แล้วจะเจอมากกว่าประสบการณ์
กลับมาอักครั้งของการรีวิวการเดินทาง เล่าที่เดิม เพิ่มเติมคือ
"เพื่อนร่วมทาง" จากความเดิมตอนที่แล้ว ที่ผมมาป้อมปี่ แล้วอ้อนวอนพี่เจ้าหน้าที่เพื่อจะขอขึ้นเขาสันหนอกวัว แต่ก็ไม่ได้ขึ้น วันนี้ผมกลับมาใหม่ กลับมาอีกครั้ง แต่กว่าจะโทรติดก็ 100+ สายเหมือนกัน ยากพอๆกับโทรไปเขาช้างเผือกเลย ฮ่าๆๆๆ
มาเริ่มกันเลยดีกว่า วันนี้ผมจะไม่เล่าถึงการเดินทางมานะครับ เพราะหลายๆกระทู้ก็มีเขียนกันบ้างแล้ว แต่ถ้าคนไหนอยากทราบก็มาอ่านกระทู้เดิม ที่ผมเขียนไว้ก่อนหน้านี้ก็ได้ครับ มันคือ ภาค 1 ครับ ฮ่าๆๆๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/36002819
DAY 1
ผมเดินทางจาก กรุงเทพฯ - ป้อมปี่ ประมาณเที่ยงครับรอบนี้ แต่ดันเกิดปัญหานิดหน่อย เนื่องจากผมลืมเช็คเงินในกระเป๋า เลยมีติดตัวมาประมาณ หนึ่งพันบาท เพราะไม่มีที่ให้กด ซวยแล้ว กินมูมมามเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ฮ่าๆๆๆๆ (เอาหน่ะ ไม่เป็นไร บอกกับตัวเอง) ในกระเป๋ายังพอมีอาหารติดตัวมา พอมาถึงก็มากางเต๊นท์นอนที่เดิม จุดเดิม ชมวิวเดิม แต่บรรยากาศก็ยังดีเหมือนดิม ถ้าหากใครจะมาขึ้นสันหนอกวัวก็มาที่นี่ได้เลยครับ ไม่ต้องไปที่ทำการของอุทยานฯเขาแหลม แต่ต้องโทรจองไว้ก่อนนะครับ กิจกรรมของผมวันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ทำเหมือนที่ทุกคนทำแหละครับ ดูวิว ถ่ายรูป แล้วก็นอนพักผ่อนเตรียมขึ้นสันหนอกวัวในวันถัดไป
DAY 2
ตื่นเช้าเลยครับวันนี้ 6 โมง รีบจัดการตัวเอง ไปอาบน้ำ แปรงฟันให้เรียบร้อย เอาแบบให้สะอาดเอี่ยมอ่องไปเลย เพราะขึ้นเขาไปแล้วไม่ได้อาบน้ำแน่ๆ ฮ่าๆๆๆ (ไม่ใช่ขี้เกียจอาบนะ แต่ข้างบนไม่มีน้ำให้อาบเชื่อสิ) หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย ก็กับมาจัดการกับข้าวของเครื่องใช้ เก็บที่นอน เก็บเต๊นท์ เสร็จสับก็ประมาณ 7 โมงครึ่ง ผมก็เดินไปที่ร้านค้าอุทยาน สั่งข้าวกระเพราะหมูสับ 1 จาน กับอีก 1 ห่อ น้ำเปล่าขวดเล็ก 2 ขวด เอาไว้กินระหว่างทางเดินขึ้น (น้ำดื่มผมแนะนำให้เอาขึ้นไป 2 ขวดเล็กใช้ดื่มตอนเดินขึ้น กำลังดีครับ ข้างบนจะมีลำธารเล็กไปกรอกน้ำไว้ใช้ได้ครับ) หลังจากกินข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็ใกล้เวลา 8 โมง ที่เจ้าหน้าที่นัดไว้
ผมเดินไปลงทะเบียน ณ จุดที่ลงทะเบียน เนื่องจากการเดินขึ้นเขา ต้องเดินขึ้นเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละ 7 คน โดยมีเจ้าหน้าที่นำทาง เพราะเผมมาคนเดียวก็โดนจับไปรวมกลุ่มกับคนอื่น นี่ละครับ
"เริ่มต้นมิตรภาพของการเดินทาง" ผมได้ไปรวมกลุ่มกับกลุ่มที่มา 4 คน หญิง 2 ชาย 2 รวมผมอีกคนเป็น 5 คน แล้วน้องผู้หญิงในกลุ่มนี้ก็เดินมาถามผมชื่ออะไร ผมก็บอกไป น้องเขาก็แนะนำตัว แนะนำเพื่อน ทุกคนต่างแนะนำตัวเองเพื่อทำความรู้จักกัน จริงจริงแล้วอายุเราก็ห่างกันแค่ปีเดียว ผมก็บอกน้องไม่ต้องเรียกพี่หรอก ฮ่าๆๆๆ แต่น้องก็ยังเรียก เอาหน่ะ ก็เลยเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มไปโดยปริยาย สักแปปหนึ่งก็มีน้องอีก 2 คน ชาย 1 หญิง 1 เดินมาลงทะเบียน กลุ่มผมก็เลยครบ 7 คนพอดี แล้วพวกเราก็เริ่มจ่ายเงิน ค่าขึ้นเขา ค่ารถไปส่งทางขึ้นเขา ค่าลูกหาบ ประมาณคนละ 300 บาท กลุ่มเราทำความรู้จักกันไวมาก เนื่องจากอายุไล่เลี่ยกัน แล้วแถมแต่ละคนมีความ ฮาตลอดเดินทาง
หลังจากนนั้นเราก็ขึ้นรถกระบะเพื่อไปยังจุดเดินขึ้นเขา ซึ่งอยู่ห่างจากอุทยาณฯ ประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อนั่งรถมาถึงทางขึ้นเขา เราก็ไม่รีรอครับ ไม่ใช่เดินขึ้นนะ ถ่ายรูปกันก่อนสิ ฮ่าๆๆๆ ผมรู้ใครๆก็ทำใช่มะ เรามาถึงทางขึ้นเขาประมาณ 9 โมง หลังจากถ่ายรูปเสร็จ พี่เจ้าหน้าที่ก็เริ่มพาเดินขึ้นเขาเลยครับ ประมาณ 9 กิโลเมตร แรกแรกก็เดินกันสบายอยู่แหละครับ เดินผ่านเขาไปประมาณ 2 ลูกเริ่มเจอความชันขึ้นเรื่อยๆ
พวกเราเป็นสายเต่าครับ เดินไป พักไป เฮฮาบ้างเป็นบางช่วง บางช่วงก็พูดกันไม่ออก เหนื่อยและเมื่อยมากครับ ทางเดินในช่วงที่ผมไป เป็นฝุ่นมากเพราะเหมือนผ่านสมรภูมิการเดินมาเยอะ ทำให้ทุกคนต้องใช้ผ้าบัฟโพกหน้ากันฝุ่นแทนครับ เดินมาเรื่อยๆ เดินมาสักพักก็มาถึงจุดพัก ที่เรียกว่า
"เนินหมาถอย" ก็แวะพักเหนื่อย ถ่ายรูปสักหน่อย
หลังจากหายเดินก็เดินกันต่อครับ ทางต่อจากนี้ค่อนข้างชันมากๆ เป็นดินฝุ่น ลื่น และมีเชือกที่เจ้าหน้าที่ผูกไว้ให้ในการเกาะระหว่างเดินขึ้น แต่เชือกเหมือนจะทำให้พวกเราโยกไปโยกมา ซึ่งมันไม่ค่อยดีเท่าไร เดินมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ เดินรัดขอบผา ตรงนี้ระวังกันหน่อยนะครับ เพราะทางเดินแคบมา และเป็นของผา ดินก็ค่อนข้างลื่น เดินมาได้ครึ่งทาง ก็เที่ยงพอดี พวกเราก็พักกินข้าว เสวนาฮาเฮ เมาส์มอย คนในกลุ่มกันเองนี่แหละ แบบว่า ขุดเพื่อนมาเผากัน ฮากันไปเป็นแถบๆ
เนื่องจากเรามาถึงตรงนี้ประมาณเที่ยงพี่เจ้าหน้าที่เลยให้พวกเรานั่งพักยาวๆหน่อย เพราะถ้าขึ้นไปยอดเขาเร็ว ตอนนี้จะร้อนมาก เดี๋ยวจะไม่มีที่นั่งพักกัน พอได้เวลาเราก็เริ่มเดินทางขึ้น กับระยะทางที่เหลือ เส้นทางในการเดินครั้งนี้ค่อนข้างร่มเพราะเดินอยู่ในป่า เดินไปเรื่อยๆ ก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ชันขึ้นเรื่อย แล้วก็เริ่มเป็นป่าเปิดขึ้นเรื่อยๆ ทางให้แดดเริ่มส่องถึง เอาง่ายๆ เริ่มร้อนแล้วล่ะ พวกเราเดินกันมาถึงจุดกางเต๊นท์ประมาณ บ่าย 2 เลยล่ะครับ
หลังจากได้ทำเลกางเต๊นท์ พวกเราก็เริ่มกางกันเลยครับ 4 หลัง กางเข้าหากัน ปูผ้าใบวางของไว้ข้างหน้า และข้างหน้ามีกองไฟไว้ก่อทำอาหาร ไว้ผิงไฟตอนกลางคืนครับ หลังจากกางเต๊นท์เสร็จ พี่เจ้าหน้าทีก็พาเดินไปกอกน้ำที่ลำธารเล็กๆ ต้องเดินไปประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อเอาน้ำมาไว้ใช้ทำอาหาร ล้างหน้า ล้างมือกัน น้ำบนนั้นเย็นมาก หลังจากนั้นกลับมาที่เต๊นท์ พวกเราก็ทำภารกิจสำคัญครับ คือการนอนพัก ฮ่าๆๆๆ หมดแรงกันไปเป็นแถบ
หลังจากได้นอนพักกันไป พอถึงประมาณ 5 โมงครึ่ง พี่เจ้าหน้าที่ก็พาพวกเราขึ้นไปที่สันหนอกวัว (สันใหญ่) ประมาณ 1 กิโลเมตร แล้วก็มีน้องคนหนึ่งพูดมาว่า เดี๋ยวหนูไปดูใน Youtube ก็ได้ เนื่องจากทุกคนเมื่อยขาขี้เกียจเดินขึ้นไปดู (พูดกันเล่นๆ) สุดท้ายก็เดินขึ้นไป เพื่อรอดูพระอาทิตย์ตกอากาศเริ่มเย็น ลมแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่างคนต่างพูดกันว่า ไม่คิดว่าจะหนาวขนาดนี้ ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังตกทุกคนก็ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศกันอย่างสนุกสนาน และตัวสั่นไปพร้อมๆกัน พอพระอาทิตย์ตกแล้ว พวกเราก็กลับมาที่เต็นท์เพื่อมาทำกับข้าวกินเป็นมื้อเย็นกัน
[CR] เมืองกาญ "ไปคนเดียว เดี๋ยวเดียวก็มีเพื่อน (เขาสันหนอกวัว) "KANCHANABURI SAY Hi" ภาค 2 (Backpack)
กลับมาอักครั้งของการรีวิวการเดินทาง เล่าที่เดิม เพิ่มเติมคือ "เพื่อนร่วมทาง" จากความเดิมตอนที่แล้ว ที่ผมมาป้อมปี่ แล้วอ้อนวอนพี่เจ้าหน้าที่เพื่อจะขอขึ้นเขาสันหนอกวัว แต่ก็ไม่ได้ขึ้น วันนี้ผมกลับมาใหม่ กลับมาอีกครั้ง แต่กว่าจะโทรติดก็ 100+ สายเหมือนกัน ยากพอๆกับโทรไปเขาช้างเผือกเลย ฮ่าๆๆๆ
มาเริ่มกันเลยดีกว่า วันนี้ผมจะไม่เล่าถึงการเดินทางมานะครับ เพราะหลายๆกระทู้ก็มีเขียนกันบ้างแล้ว แต่ถ้าคนไหนอยากทราบก็มาอ่านกระทู้เดิม ที่ผมเขียนไว้ก่อนหน้านี้ก็ได้ครับ มันคือ ภาค 1 ครับ ฮ่าๆๆๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
DAY 1
ผมเดินทางจาก กรุงเทพฯ - ป้อมปี่ ประมาณเที่ยงครับรอบนี้ แต่ดันเกิดปัญหานิดหน่อย เนื่องจากผมลืมเช็คเงินในกระเป๋า เลยมีติดตัวมาประมาณ หนึ่งพันบาท เพราะไม่มีที่ให้กด ซวยแล้ว กินมูมมามเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ฮ่าๆๆๆๆ (เอาหน่ะ ไม่เป็นไร บอกกับตัวเอง) ในกระเป๋ายังพอมีอาหารติดตัวมา พอมาถึงก็มากางเต๊นท์นอนที่เดิม จุดเดิม ชมวิวเดิม แต่บรรยากาศก็ยังดีเหมือนดิม ถ้าหากใครจะมาขึ้นสันหนอกวัวก็มาที่นี่ได้เลยครับ ไม่ต้องไปที่ทำการของอุทยานฯเขาแหลม แต่ต้องโทรจองไว้ก่อนนะครับ กิจกรรมของผมวันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ทำเหมือนที่ทุกคนทำแหละครับ ดูวิว ถ่ายรูป แล้วก็นอนพักผ่อนเตรียมขึ้นสันหนอกวัวในวันถัดไป
DAY 2
ตื่นเช้าเลยครับวันนี้ 6 โมง รีบจัดการตัวเอง ไปอาบน้ำ แปรงฟันให้เรียบร้อย เอาแบบให้สะอาดเอี่ยมอ่องไปเลย เพราะขึ้นเขาไปแล้วไม่ได้อาบน้ำแน่ๆ ฮ่าๆๆๆ (ไม่ใช่ขี้เกียจอาบนะ แต่ข้างบนไม่มีน้ำให้อาบเชื่อสิ) หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย ก็กับมาจัดการกับข้าวของเครื่องใช้ เก็บที่นอน เก็บเต๊นท์ เสร็จสับก็ประมาณ 7 โมงครึ่ง ผมก็เดินไปที่ร้านค้าอุทยาน สั่งข้าวกระเพราะหมูสับ 1 จาน กับอีก 1 ห่อ น้ำเปล่าขวดเล็ก 2 ขวด เอาไว้กินระหว่างทางเดินขึ้น (น้ำดื่มผมแนะนำให้เอาขึ้นไป 2 ขวดเล็กใช้ดื่มตอนเดินขึ้น กำลังดีครับ ข้างบนจะมีลำธารเล็กไปกรอกน้ำไว้ใช้ได้ครับ) หลังจากกินข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็ใกล้เวลา 8 โมง ที่เจ้าหน้าที่นัดไว้
ผมเดินไปลงทะเบียน ณ จุดที่ลงทะเบียน เนื่องจากการเดินขึ้นเขา ต้องเดินขึ้นเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละ 7 คน โดยมีเจ้าหน้าที่นำทาง เพราะเผมมาคนเดียวก็โดนจับไปรวมกลุ่มกับคนอื่น นี่ละครับ "เริ่มต้นมิตรภาพของการเดินทาง" ผมได้ไปรวมกลุ่มกับกลุ่มที่มา 4 คน หญิง 2 ชาย 2 รวมผมอีกคนเป็น 5 คน แล้วน้องผู้หญิงในกลุ่มนี้ก็เดินมาถามผมชื่ออะไร ผมก็บอกไป น้องเขาก็แนะนำตัว แนะนำเพื่อน ทุกคนต่างแนะนำตัวเองเพื่อทำความรู้จักกัน จริงจริงแล้วอายุเราก็ห่างกันแค่ปีเดียว ผมก็บอกน้องไม่ต้องเรียกพี่หรอก ฮ่าๆๆๆ แต่น้องก็ยังเรียก เอาหน่ะ ก็เลยเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มไปโดยปริยาย สักแปปหนึ่งก็มีน้องอีก 2 คน ชาย 1 หญิง 1 เดินมาลงทะเบียน กลุ่มผมก็เลยครบ 7 คนพอดี แล้วพวกเราก็เริ่มจ่ายเงิน ค่าขึ้นเขา ค่ารถไปส่งทางขึ้นเขา ค่าลูกหาบ ประมาณคนละ 300 บาท กลุ่มเราทำความรู้จักกันไวมาก เนื่องจากอายุไล่เลี่ยกัน แล้วแถมแต่ละคนมีความ ฮาตลอดเดินทาง
หลังจากนนั้นเราก็ขึ้นรถกระบะเพื่อไปยังจุดเดินขึ้นเขา ซึ่งอยู่ห่างจากอุทยาณฯ ประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อนั่งรถมาถึงทางขึ้นเขา เราก็ไม่รีรอครับ ไม่ใช่เดินขึ้นนะ ถ่ายรูปกันก่อนสิ ฮ่าๆๆๆ ผมรู้ใครๆก็ทำใช่มะ เรามาถึงทางขึ้นเขาประมาณ 9 โมง หลังจากถ่ายรูปเสร็จ พี่เจ้าหน้าที่ก็เริ่มพาเดินขึ้นเขาเลยครับ ประมาณ 9 กิโลเมตร แรกแรกก็เดินกันสบายอยู่แหละครับ เดินผ่านเขาไปประมาณ 2 ลูกเริ่มเจอความชันขึ้นเรื่อยๆ
พวกเราเป็นสายเต่าครับ เดินไป พักไป เฮฮาบ้างเป็นบางช่วง บางช่วงก็พูดกันไม่ออก เหนื่อยและเมื่อยมากครับ ทางเดินในช่วงที่ผมไป เป็นฝุ่นมากเพราะเหมือนผ่านสมรภูมิการเดินมาเยอะ ทำให้ทุกคนต้องใช้ผ้าบัฟโพกหน้ากันฝุ่นแทนครับ เดินมาเรื่อยๆ เดินมาสักพักก็มาถึงจุดพัก ที่เรียกว่า "เนินหมาถอย" ก็แวะพักเหนื่อย ถ่ายรูปสักหน่อย
หลังจากหายเดินก็เดินกันต่อครับ ทางต่อจากนี้ค่อนข้างชันมากๆ เป็นดินฝุ่น ลื่น และมีเชือกที่เจ้าหน้าที่ผูกไว้ให้ในการเกาะระหว่างเดินขึ้น แต่เชือกเหมือนจะทำให้พวกเราโยกไปโยกมา ซึ่งมันไม่ค่อยดีเท่าไร เดินมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ เดินรัดขอบผา ตรงนี้ระวังกันหน่อยนะครับ เพราะทางเดินแคบมา และเป็นของผา ดินก็ค่อนข้างลื่น เดินมาได้ครึ่งทาง ก็เที่ยงพอดี พวกเราก็พักกินข้าว เสวนาฮาเฮ เมาส์มอย คนในกลุ่มกันเองนี่แหละ แบบว่า ขุดเพื่อนมาเผากัน ฮากันไปเป็นแถบๆ
เนื่องจากเรามาถึงตรงนี้ประมาณเที่ยงพี่เจ้าหน้าที่เลยให้พวกเรานั่งพักยาวๆหน่อย เพราะถ้าขึ้นไปยอดเขาเร็ว ตอนนี้จะร้อนมาก เดี๋ยวจะไม่มีที่นั่งพักกัน พอได้เวลาเราก็เริ่มเดินทางขึ้น กับระยะทางที่เหลือ เส้นทางในการเดินครั้งนี้ค่อนข้างร่มเพราะเดินอยู่ในป่า เดินไปเรื่อยๆ ก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ชันขึ้นเรื่อย แล้วก็เริ่มเป็นป่าเปิดขึ้นเรื่อยๆ ทางให้แดดเริ่มส่องถึง เอาง่ายๆ เริ่มร้อนแล้วล่ะ พวกเราเดินกันมาถึงจุดกางเต๊นท์ประมาณ บ่าย 2 เลยล่ะครับ
หลังจากได้ทำเลกางเต๊นท์ พวกเราก็เริ่มกางกันเลยครับ 4 หลัง กางเข้าหากัน ปูผ้าใบวางของไว้ข้างหน้า และข้างหน้ามีกองไฟไว้ก่อทำอาหาร ไว้ผิงไฟตอนกลางคืนครับ หลังจากกางเต๊นท์เสร็จ พี่เจ้าหน้าทีก็พาเดินไปกอกน้ำที่ลำธารเล็กๆ ต้องเดินไปประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อเอาน้ำมาไว้ใช้ทำอาหาร ล้างหน้า ล้างมือกัน น้ำบนนั้นเย็นมาก หลังจากนั้นกลับมาที่เต๊นท์ พวกเราก็ทำภารกิจสำคัญครับ คือการนอนพัก ฮ่าๆๆๆ หมดแรงกันไปเป็นแถบ
หลังจากได้นอนพักกันไป พอถึงประมาณ 5 โมงครึ่ง พี่เจ้าหน้าที่ก็พาพวกเราขึ้นไปที่สันหนอกวัว (สันใหญ่) ประมาณ 1 กิโลเมตร แล้วก็มีน้องคนหนึ่งพูดมาว่า เดี๋ยวหนูไปดูใน Youtube ก็ได้ เนื่องจากทุกคนเมื่อยขาขี้เกียจเดินขึ้นไปดู (พูดกันเล่นๆ) สุดท้ายก็เดินขึ้นไป เพื่อรอดูพระอาทิตย์ตกอากาศเริ่มเย็น ลมแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่างคนต่างพูดกันว่า ไม่คิดว่าจะหนาวขนาดนี้ ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังตกทุกคนก็ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศกันอย่างสนุกสนาน และตัวสั่นไปพร้อมๆกัน พอพระอาทิตย์ตกแล้ว พวกเราก็กลับมาที่เต็นท์เพื่อมาทำกับข้าวกินเป็นมื้อเย็นกัน