เมื่อความรักกับความฝันมันเดินกันคนละทาง

ฉันยังจำฉากนี้ได้ดี เป็นตอนที่พระเอกพานางเอกไปแคสต์งาน
ซึ่งมีท่าทีว่านางเองจะได้งานนี้แน่ๆ
Mia ถาม Sebs ว่าแล้วเรื่องของเราจะยังไงต่อไป
Sebs บอกว่าก็คงต้องดูกันไป ตอนนี้เส้นทางความฝันของแต่ละคนเริ่มชัดเจนแล้ว
Mia กำลังจะได้ไปถ่ายหนังที่ Paris
ส่วนเขาก็ต้องเดินสายเล่นคอนเสิร์ตเก็บเงินเปิดร้านดนตรี Jazz อยู่ที่นี่
เขาบอกกับเธอว่า การที่คุณจะเดินไปทำตามฝัน คุณอาจจะต้องละทิ้งทุกอย่างที่มีอยู่
ทั้งหมดทุกอย่างที่มี และทุ่มเทเพื่อความฝันนั้นอย่างสุดตัว
Emma เล่นได้ดีมาก ในบท Mia เธอหันมายิ้ม รอยยิ้มที่ฝืนใจและในดวงตาคู่โตมีน้ำตาคลอๆ
แล้วทั้งคู่ก็เลือกที่จะแยกจากกัน เพื่อไปเดินตามความฝันของตัวเอง
หนังช่วง 10 นาทีสุดท้าย ทำเอาหัวใจของฉันแกว่งโยนเหมือนหมุนวนอยู่ในห้วงอวกาศที่ไร้น้ำหนัก
เวลาผ่านไป ทั้งเขาและเธอต่างทำตามความฝันที่ตนเองตั้งไว้ได้สำเร็จ
แต่ผู้ที่อยู่เคียงข้างกันปลายทางนั้น กับไม่ใช่ Mia และ Sebastian
Mia มีครอบครัวที่สมบูรณ์สวยงาม เธอและสามีเดินเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ที่นั่น Mia และ Sebastian ได้เจอกันอีกครั้ง
Sebs เห็นเธอนั่งอยู่ในร้าน ข้างกายมีเขาคนนั้น
สิ่งที่เขาพูดบนเวทีมีเพียงแค่ "Welcome to Seb's"
เขาเริ่มพรมนิ้วลงบนเปียโน เมื่อตัวโน๊ตเริ่มทำหน้าที่ของมัน
เสียงดนตรีก็นำพาภาพความทรงจำอันแสนหวานให้ย้อนกลับมาโลดแล่นในห้วงคนึงอีกครั้ง
เหตุการณ์ต่างๆ ที่นำพาเขาสองคนมาพบกันยังชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดเมื่อวาน
ความฝันและความรักของคนสองคนที่ครั้งหนึ่งเคยมาบรรจบกัน
ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่เขาและเธอได้เป็นแรงบันดาลใจให้กันและกัน
และร่วมสร้างบันได้ขั้นแรกของความฝันให้กันและกัน
หากวันนั้นเขาตัดสินใจตามเธอไปที่ Paris ไปเล่นดนตรี Jazz ที่เขารักในบาร์เล็กๆ
ยอมละทิ้งความฝันของตัวเอง เพื่อเดินเคียงข้างเธอ
วันนี้เขาคงได้กุมมือเธอ และมีครอบครัวที่อบอุ่นร่วมกับเธอ
แม้ความคิดนั้นจะหอมหวานเพียงใด
เมื่อบทเพลงจบลง ภาพความนึกคิดก็ค่อยเลือนลาง
Mia ตัดสินใจเดินออกจากร้าน
ก่อนเดินพ้นประตูเธอหันกลับมา เขาและเธอมองหน้ากันและกัน
ไม่มีคำพูดใดๆ มีเพียงแววตาที่ซ่อนความรู้สึกอันล้นหลาม
เขาและเธอค่อยๆ แย้มยิ้มให้กัน
รอยยิ้มนั้น แววตานั้น มันลึกซึ้งเกินบรรยาย
ตัวฉันเองก็มีความฝัน และเมื่อมองไปที่ปลายทางนั้น
มันไม่มีเธออยู่ตรงนั้นด้วยกันเลย
นี่แหละ คือเหตุผล ที่ฉันตัดสินใจเดินออกมา
ไม่ใช่ไม่รัก แต่เพราะรักมาก
และอยากให้เธอมีชีวิตต่อไปและได้เจอกับคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างในความฝันของเธอ
ขอบคุณนะที่เธอทำให้ฉันกลับมายึดมั่นในความฝันอันยิ่งใหญ่เกินตัวของฉันอีกครั้ง
เพราะ ณ ตอนนี้ ฉันเลือกที่จะละทิ้งเธอมาแล้ว
ก็ต้องไม่ให้มันสูญเปล่า
ฉันต้องพยายาม ทำความฝันของฉันให้เป็นจริงให้ได้
*เพิ่งมีเวลาได้ไปดู หลงรักหนังเรื่องนี้มาก
ถึงรู้แต่แรกว่าตอนจบเศร้า แต่พอไปดูเอง มันเศร้ากว่าที่คิดไว้มาก
แต่ก็เป็นความเศร้าที่ซ่อนความอิ่มเอมเกินบรรยาย รักหนังเรื่องนี้มากก
.....โอย อยากแต่งหนังสือสักเล่มจังง
LaLaLand : เมื่อความรักกับความฝันมันเดินกันคนละทาง
ฉันยังจำฉากนี้ได้ดี เป็นตอนที่พระเอกพานางเอกไปแคสต์งาน
ซึ่งมีท่าทีว่านางเองจะได้งานนี้แน่ๆ
Mia ถาม Sebs ว่าแล้วเรื่องของเราจะยังไงต่อไป
Sebs บอกว่าก็คงต้องดูกันไป ตอนนี้เส้นทางความฝันของแต่ละคนเริ่มชัดเจนแล้ว
Mia กำลังจะได้ไปถ่ายหนังที่ Paris
ส่วนเขาก็ต้องเดินสายเล่นคอนเสิร์ตเก็บเงินเปิดร้านดนตรี Jazz อยู่ที่นี่
เขาบอกกับเธอว่า การที่คุณจะเดินไปทำตามฝัน คุณอาจจะต้องละทิ้งทุกอย่างที่มีอยู่
ทั้งหมดทุกอย่างที่มี และทุ่มเทเพื่อความฝันนั้นอย่างสุดตัว
Emma เล่นได้ดีมาก ในบท Mia เธอหันมายิ้ม รอยยิ้มที่ฝืนใจและในดวงตาคู่โตมีน้ำตาคลอๆ
แล้วทั้งคู่ก็เลือกที่จะแยกจากกัน เพื่อไปเดินตามความฝันของตัวเอง
หนังช่วง 10 นาทีสุดท้าย ทำเอาหัวใจของฉันแกว่งโยนเหมือนหมุนวนอยู่ในห้วงอวกาศที่ไร้น้ำหนัก
เวลาผ่านไป ทั้งเขาและเธอต่างทำตามความฝันที่ตนเองตั้งไว้ได้สำเร็จ
แต่ผู้ที่อยู่เคียงข้างกันปลายทางนั้น กับไม่ใช่ Mia และ Sebastian
Mia มีครอบครัวที่สมบูรณ์สวยงาม เธอและสามีเดินเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ที่นั่น Mia และ Sebastian ได้เจอกันอีกครั้ง
Sebs เห็นเธอนั่งอยู่ในร้าน ข้างกายมีเขาคนนั้น
สิ่งที่เขาพูดบนเวทีมีเพียงแค่ "Welcome to Seb's"
เขาเริ่มพรมนิ้วลงบนเปียโน เมื่อตัวโน๊ตเริ่มทำหน้าที่ของมัน
เสียงดนตรีก็นำพาภาพความทรงจำอันแสนหวานให้ย้อนกลับมาโลดแล่นในห้วงคนึงอีกครั้ง
เหตุการณ์ต่างๆ ที่นำพาเขาสองคนมาพบกันยังชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดเมื่อวาน
ความฝันและความรักของคนสองคนที่ครั้งหนึ่งเคยมาบรรจบกัน
ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่เขาและเธอได้เป็นแรงบันดาลใจให้กันและกัน
และร่วมสร้างบันได้ขั้นแรกของความฝันให้กันและกัน
หากวันนั้นเขาตัดสินใจตามเธอไปที่ Paris ไปเล่นดนตรี Jazz ที่เขารักในบาร์เล็กๆ
ยอมละทิ้งความฝันของตัวเอง เพื่อเดินเคียงข้างเธอ
วันนี้เขาคงได้กุมมือเธอ และมีครอบครัวที่อบอุ่นร่วมกับเธอ
แม้ความคิดนั้นจะหอมหวานเพียงใด
เมื่อบทเพลงจบลง ภาพความนึกคิดก็ค่อยเลือนลาง
Mia ตัดสินใจเดินออกจากร้าน
ก่อนเดินพ้นประตูเธอหันกลับมา เขาและเธอมองหน้ากันและกัน
ไม่มีคำพูดใดๆ มีเพียงแววตาที่ซ่อนความรู้สึกอันล้นหลาม
เขาและเธอค่อยๆ แย้มยิ้มให้กัน
รอยยิ้มนั้น แววตานั้น มันลึกซึ้งเกินบรรยาย
ตัวฉันเองก็มีความฝัน และเมื่อมองไปที่ปลายทางนั้น
มันไม่มีเธออยู่ตรงนั้นด้วยกันเลย
นี่แหละ คือเหตุผล ที่ฉันตัดสินใจเดินออกมา
ไม่ใช่ไม่รัก แต่เพราะรักมาก
และอยากให้เธอมีชีวิตต่อไปและได้เจอกับคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างในความฝันของเธอ
ขอบคุณนะที่เธอทำให้ฉันกลับมายึดมั่นในความฝันอันยิ่งใหญ่เกินตัวของฉันอีกครั้ง
เพราะ ณ ตอนนี้ ฉันเลือกที่จะละทิ้งเธอมาแล้ว
ก็ต้องไม่ให้มันสูญเปล่า
ฉันต้องพยายาม ทำความฝันของฉันให้เป็นจริงให้ได้
*เพิ่งมีเวลาได้ไปดู หลงรักหนังเรื่องนี้มาก
ถึงรู้แต่แรกว่าตอนจบเศร้า แต่พอไปดูเอง มันเศร้ากว่าที่คิดไว้มาก
แต่ก็เป็นความเศร้าที่ซ่อนความอิ่มเอมเกินบรรยาย รักหนังเรื่องนี้มากก
.....โอย อยากแต่งหนังสือสักเล่มจังง