เชื่อใจไปมากหน่อยกับธนาคารไทยพาณิชย์
ขอเกริ่นก่อนนะครับว่ากระทู้ที่จะเขียนขึ้นนี้ เป็นทั้งกระทู้คำถามและกระทู้ระบายไปในตัว ถ้ายังไงแนะนำหรือติชมได้นะครับ
เข้าเรื่องครับ สืบเนื่องมาจากผมได้ไปดูคอนโด[มือสอง]มาแล้วก็อยากได้มาก ประกอบกับรายได้ที่คงที่และอยู่ตัวมากขึ้น เลยทำการศึกษาการกู้เงินเพื่อซื้อบ้าน เริ่มจากการเดินไปถามตามแบงค์ต่างๆ ในห้างครับก็ได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าการกู้เงินซื้อบ้านมือสองนั้นส่วนใหญ่แล้วจะปล่อยกู้อยู่ที่ 80% ไม่ค่อยมีแบงค์ไหนให้ 100% ครับ ระหว่างนั้นก็ได้เจอธนาคารไทยพาณิชย์ในห้างครับ จากการสอบถามผู้จัดการสาขาที่ค่อนข้างจะดูเหยียดผมขอใช้คำว่าดูเหยียดนะครับ เนื่องจากวันนั้นผมใส่เสื้อยืดสีดำแล้วก็กางเกงยีนส์
ผจก : มาทำอะไรคะ
ผม : สอบถามเรื่องสินเชื่อครับ
ผจก : (มองหัวจรดเท้า) น้องมีงานประจำหรือเปล่า
ผม : มีครับ
ผจก : เงินเดือนเท่าไหร่
ผม : ....บาทครับ
ผจก : พี่ถามรายเดือนนะคะไม่ใช่รายปี
ผม : ครับ ใช่ครับ มีสลิปให้เช็คครับ
ผจก : พี่เช็คกับทางบริษัทได้จริงใช่ไหม
ผม : [เริ่มโมโห] ใช่ครับ [พร้อมกับหยิบบัตรพนักงานวางที่โต๊ะ]
ผจก : อ้าวน้องเป็นพนักงานบริษัทนี้หรอ ลองดูได้เลยมันมีสวัสดิการของพนักงานอยู่เข้าส่วนกลางได้เลย [พร้อมขอชื่อและเบอร์โทรผมไปโดยบอกว่าเดี๋ยวจะให้ส่วนกลางโทรกลับ]
หลังจากนั้นก็ได้ทิ้งเบอร์โทรและชื่อไว้ให้กับทางธนาคาร
วันรุ่งขึ้นก็มีพนักงานสินเชื่อจากแบงค์สีไทยพาณิชย์โทรมาครับ คุยถึงความต้องการสอบถามรายได้แล้วก็สอบถามถึงคอนโดที่จะซื้อ บอกครบพนักงานก็ให้ผมส่งเอกสารให้ทางเมลเพื่อขอเช็คเครดิตบูโรระหว่างนั้นผมก็ได้มีการสอบถามตลอดว่าดอกเบี้ยเท่าไหร่แล้วก็ได้กี่ % ทางแบงค์ก็บอกว่าถ้าเป็นสวัสดิการจะได้ที่ 120% แล้วก็อัตราดอกเบี้ยพิเศษอยู่ที่ 3.5% คงที่ 3 ปีความเข้าใจของผมคือ 3.5 อันนี้เท่ากับดอกเบี้ยทั้งหมดของจำนวนเงินที่ผมกู้[อันนี้น่าจะเป็นความรู้พื้นฐานของการกู้บ้านทั่วไปถ้าเกิน 100% เมื่อไหร่ ดอกเบี้ยจะเป็นคนละส่วนกัน อันนี้ผมขอยกเป็นความผิดของผมเองที่ไม่รู้ T T] พอได้คำตอบเรื่องดอกกับเรื่องจำนวนเงินที่สามารถกู้ได้เลยรีบส่งเอกสารทั้งหมดให้วันที่ 23 ธค 59 รุ่งขึ้นพนักงานก็ได้โทรมาหาผมเพื่อแจ้งผลเครดิตบูโรว่ากู้ได้เต็มแถมเกินด้วยซ้ำ พนักงานยังติดตลกบอกทิ้งท้ายด้วยว่าเอาเกินไปทั้งหมดเลยไหม ผมก็บอกว่าไม่เป็นไรครับ เพราะผมคิดไว้แล้วว่ากู้มาซื้อพร้อมตกแต่งน่าแล้วน่าจะพอกับวงเงินที่ผมกู้มา 120% รวมถึงคุยกับเจ้าของคอนโดเพื่อทำเรื่องมัดจำเป็นเงินจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นถัดมาวันที่ 25 พนักงานได้โทรมาแจ้งว่าเอกสารของผมที่ส่งไปไม่ครบยังขาดเอกสารจากทางบริษัทเพื่อยืนยันผ่านสิทธิการใช้สวัสดิการ ผมก็ส่งให้ในวันที่ 26 ในช่วงเช้า พร้อมกับแจ้งพนักงานสินเชื่อ พนักงานก็แจ้งว่ากลัวจะไม่ทันในปีนี้นะคะเพราะต้องมีเรื่องประเมินที่ดินอีก ผมก็เลยไม่เป็นไรครับขอแค่ให้ทันเดือนหน้าก็พอแล้ว แล้วพนักงานก็เรื่องประเมินที่ดินให้ผมซึ่งมีโทรศัพท์มาแจ้งกับผมว่าจะเข้ามาขอประเมินที่ดินในวันที่ 5 มกรา เลยทีเดียวเนื่องจากพนักงานประเมินไม่เพียงพอและอยู่ไกลจากพื้นที่ของผม ผมก็กลัวว่าจะไม่ทันการเลยถามกับทางพนักงานสินเชื่อไปว่าทันหรือไม่ คำตอบที่ได้รับคือทันยังทันอยู่แล้วก็ไล่กระบวนการให้ผมฟังว่าประเมินมาก็น่าจะเสร็จประมาณวันที่ 9 แล้วก็มีเวลาอีก 1 อาทิตย์ทำเรื่องเช็คแล้วก็น่าจะโอนได้ในวันที่ 16-17 มกราคมรวมถึงบอกกับผมว่าพี่อย่าไปเอาแบงค์อื่นนะของหนูโอเคสุดแล้ว ผมก็เลยตกลงไปกับทางแผนกประเมินที่ดิน
ถัดมาหลังจากข้ามปีไปประเมินเสร็จทุกอย่างเรียบร้อย พนักงานก็บอกกับผมว่าไม่น่าเกินวันที่ 17 นะคะพี่ ผมเลยถามว่าชัวนะเพราะจะให้ได้แจ้งทางเจ้าของบ้านผมไปนัดกันไปทางพนักงานก็บอกว่าชัวก็เลยบอกกับเจ้าของบ้านไปครับ วันที่12 ผมก็โทรถามทางพนักงานสินเชื่อ ซึ่งพนักงานก็แจ้งกับผมว่าตอนนี้รอเจ้านายเซ็นอนุมัติ คะ ผมคิดในใจว่าอาจไม่ทันแน่เลยถามกับพนักงานสินเชื่อว่าทันแน่นะพนักงานก็ตอบว่าทันคะเหลือแค่เจ้านายเซ็น ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่เรื่องมันเริ่มหักเหเมื่อตอนที่พนักงานโทรมาวันที่ 13 แจ้งกับผมว่าพี่คะดอกเบี้ยของพี่เป็น 3.75 นะคะ คงที่ 2 ปี แล้วก็ MRR -2 ในปีที่ 3 ผมก็บอกว่าเราไม่ได้คุยแบบนี้ตั้งแต่ต้น ผมคุยที่ 3.5 มาตลอดไม่เคยคุยถึง 3.7 ผมเลยบอกว่าไม่เอาเพราะไม่ได้คุยแบบนี้ พนักงานก็บอกว่าถ้าทำประกันด้วยก็อาจได้ ซึ่งผมก็โอเคอยู่แล้วกับประกันเนื่องจากทางผมคิดจะทำอยู่แล้วเลยตอบตกลงไปแทบจะทันที พนักงานก็บอกว่าได้เลยคะเดี่ยวจะขอดอกเบี้ยให้ผมก็เลยไม่ได้ติดอะไร พอมาถึงวันที่ 16 มกรา ผมก็โทรไปบอกพรุ่งนี้เอาไงครับ เช้าหรือบ่ายดีจะได้แจ้งไป สิ่งที่ได้รับกลับมาจากพนักงานสินเชื่อคือ ได้นะพี่ถ้าพี่จะเอากู้ 100% ก็โอนได้เลยเพราะดอกเบี้ยของ 120% ยังไม่ออก ผมก็เลยตอบกลับแบบทันทีว่าโทษนะครับ เราไม่เคยคุยกันเรื่อง 100% เลยครับ ที่ผมกู้และเลือกธนาคารของคุณเนื่องจากดอกเบี้ยและวงเงินกู้ พนักงานก็บอกว่ามันไม่ออกจริงๆคะพี่ถ้าพี่จะเอาก็ได้แค่ 100% พอมาแบบนี้ผมก็เลยถามไปว่าแล้ว 120% ดอกเบี้ยจะออกมาตอนไหนขอให้บอกให้ผมหน่อยเพราะนัดเจ้าของบ้านไปแล้ว สรุปผมก็ต้องเลื่อนนัดออกไปเพราะดอกเบี้ยไม่ออกจริงๆ แต่เจ้าของบ้านบอกไม่เป็นไรเดี๋ยวเลื่อนไปแต่รอบหน้าบอกแกก่อนเพราะแกอยู่ไกล หลังจากที่ถูกเลื่อนไปผมโทรถามทุกวันเลยครับว่าเมื่อไหร่จะได้แบบชัวร์ๆ พนักงานก็ตอบไม่ได้กับคำตอบเดิมๆครับ ว่าดอกเบี้ยตัว 120% ยังไม่ออก จนมาถึงวันที่ 30 มกราคมผมเริ่มทนไม่ไหวเนื่องจากโดนทางเจ้าของบ้านถามมาว่าจะซื้อหรือไม่ทำไมนานจังถ้าไม่ซื้อเขาจะเอาไปขายที่อื่น ผมจึงตัดสินใจโทรเข้าไปทาง Call Center แล้วทำเรื่องร้องเรียน ผมโทรไปร้องเรียนประมาณ 10.00 น. [ทำเรื่องกู้ตั้งแต่ 15 ธค 59 -*-] ประมาณ 10.30 มีสายโทรกลับมาจากทางแบงค์เป็นหัวหน้าของพนักงานสินเชื่อที่ดูแลผมครับคุยกันผมก็บอกไปตรงๆเลยว่ามันนานเกินไปไหมครับ ก็คุยขอโทษผมไปตามระเบียบมาจบที่เดี๋ยวจะดำเนินการให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้ไม่เกินวันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์แล้วก็วางสายไป ผมก็รีบโทรไปแจ้งเจ้าของบ้านว่าน่าจะโอนได้วันศุกร์นะครับ ไม่เกินไปจากนี้แล้ว ผมก็นึกว่าเรื่องจะจบ แต่ยังครับที่มากกว่านั้นคือ หัวหน้าคนเดิมโทรมาแจ้งเรื่องดอกเบี้ยของผมเป็น 3.75 แล้วก็ส่วนเกินจากที่ผมกู้มาจะเป็น ดอกเบี้ย MRR -0.25 [30% เพราะเขาตีให้ผม 90%เป็นเงินกู้ก้อนแรกตามที่ได้แจ้งไปเบื้องต้นว่าอันนี้ผมไม่รู้จริงๆ] ผมก็เลยบอกไปว่าผมไม่เคยคุยแบบนี้เลย เราคุยกันที่ 3.5 มาตลอด แล้วก็ไม่ได้คุยแยกก้อนเงินกู้ด้วยครับ ทางหัวหน้าก็เลยบอกว่าพนักงานไม่ได้แจ้งหรอคะปกติต้องแจ้ง ผมก็เลยบอกว่าไม่ได้แจ้งครับ แล้วก็ไม่เคยบอกด้วยว่าดอกเบี้ยจะเป็น 3.75 ถ้ารู้ว่าเป้นแบบนี้ผมจะหาตัวเลือกของแบงค์อื่นๆไว้ด้วย เพราะจริงๆผมเองก็พอใจมากแล้วกับข้อเสนอที่ผมได้ตั้งแต่เริ่มต้น ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าช่วยได้มากสุดก็คงเป็นเรื่องของดอกเบี้ยก้อนแรกจะลองขอให้เป็น 3.5 แต่ก้อนที่เกินมาทำอะไรไม่ได้จริงๆ มาถึงตอนนี้ผมช็อคเลยครับ ทำอะไรไม่ได้แล้ว นัดโอนไปเรียบร้อยแล้ว ต่อให้เขาขึ้นดอกเบี้ยก็คงต้องเอาเพราะถ้าไม่เอา ก็จะเสียเงินมัดจำ แถมเสียเวลา เพิ่มอีกแน่นอน ระหว่างคุยผมก็มีบอกนะครับ ถ้ารู้แบบนี้ผมหาตัวเลือกอื่นเอาไว้ ทางพนักงานเหมือนจะรู้ว่านักโอนแล้วแล้วผมก็คงทำไรไม่ได้ ก็เลยบอกมาว่าถ้าผมไม่สนใจก็ไม่ต้องเอาก็ได้ เดี๋ยวเขาจะชดเชยค่าประเมินที่ดินให้กับทางผม ผมทั้งโกรธทั้งโมโหแต่พูดอะไรไม่ได้ ได้แต่ยอมรับไปและหวังเอาไว้ว่าผมจะไม่แนะนำหรือกลับมาใช้บริการอีกแน่นอนครับ
จากกระทู้นี้ผมก็สงสัยนะถ้าเป็นคนอื่นจะทำยังไงครับ รอจนดอกเบี้ยออกมาก่อนเซ็นก่อนถึงค่อยไปขอซื้อ แล้วถ้าเราอยากได้คอนโดหลังนั้นมากๆแล้วมันจำเป็นต้องรีบผมจะต้องทำยังไงครับ ในเมื่อตอนเสนอให้ผมมาอีกอย่าง แต่ให้ผมมาอีกอย่าง?
มาถึงตอนนี้ผมว่าแบงค์ก้ไม่ได้แคร์อะไรผมมากหรอกครับ เพราะยังไงผมก็ต้องกู้ของเขา ผมตัดสินใจพิมพ์เรื่องนี้เอาไว้ ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอุทาหรณ์สำหรับตัวผม และอาจเป็นคำแนะนำสำหรับคนที่จะซื้อบ้านคนต่อๆไปหรือไม่
แต่ที่ผมมั่นใจและแน่ใจมากๆเลยนะครับ ผมไม่ประทับใจกับธนาคารแห่งนี้เลยและผมก็จะไม่แนะนำให้ใครเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการหรือธรรมดาก็ตามที
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบครับ และขอขอบคุณมาล่วงหน้านะครับ สำหรับผู้ที่จะฝากคำแนะนำให้ผมครับ
ขอบคุณครับ
เชื่อใจไปมากหน่อยกับธนาคารไทยพาณิชย์
ขอเกริ่นก่อนนะครับว่ากระทู้ที่จะเขียนขึ้นนี้ เป็นทั้งกระทู้คำถามและกระทู้ระบายไปในตัว ถ้ายังไงแนะนำหรือติชมได้นะครับ
เข้าเรื่องครับ สืบเนื่องมาจากผมได้ไปดูคอนโด[มือสอง]มาแล้วก็อยากได้มาก ประกอบกับรายได้ที่คงที่และอยู่ตัวมากขึ้น เลยทำการศึกษาการกู้เงินเพื่อซื้อบ้าน เริ่มจากการเดินไปถามตามแบงค์ต่างๆ ในห้างครับก็ได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าการกู้เงินซื้อบ้านมือสองนั้นส่วนใหญ่แล้วจะปล่อยกู้อยู่ที่ 80% ไม่ค่อยมีแบงค์ไหนให้ 100% ครับ ระหว่างนั้นก็ได้เจอธนาคารไทยพาณิชย์ในห้างครับ จากการสอบถามผู้จัดการสาขาที่ค่อนข้างจะดูเหยียดผมขอใช้คำว่าดูเหยียดนะครับ เนื่องจากวันนั้นผมใส่เสื้อยืดสีดำแล้วก็กางเกงยีนส์
ผจก : มาทำอะไรคะ
ผม : สอบถามเรื่องสินเชื่อครับ
ผจก : (มองหัวจรดเท้า) น้องมีงานประจำหรือเปล่า
ผม : มีครับ
ผจก : เงินเดือนเท่าไหร่
ผม : ....บาทครับ
ผจก : พี่ถามรายเดือนนะคะไม่ใช่รายปี
ผม : ครับ ใช่ครับ มีสลิปให้เช็คครับ
ผจก : พี่เช็คกับทางบริษัทได้จริงใช่ไหม
ผม : [เริ่มโมโห] ใช่ครับ [พร้อมกับหยิบบัตรพนักงานวางที่โต๊ะ]
ผจก : อ้าวน้องเป็นพนักงานบริษัทนี้หรอ ลองดูได้เลยมันมีสวัสดิการของพนักงานอยู่เข้าส่วนกลางได้เลย [พร้อมขอชื่อและเบอร์โทรผมไปโดยบอกว่าเดี๋ยวจะให้ส่วนกลางโทรกลับ]
หลังจากนั้นก็ได้ทิ้งเบอร์โทรและชื่อไว้ให้กับทางธนาคาร
วันรุ่งขึ้นก็มีพนักงานสินเชื่อจากแบงค์สีไทยพาณิชย์โทรมาครับ คุยถึงความต้องการสอบถามรายได้แล้วก็สอบถามถึงคอนโดที่จะซื้อ บอกครบพนักงานก็ให้ผมส่งเอกสารให้ทางเมลเพื่อขอเช็คเครดิตบูโรระหว่างนั้นผมก็ได้มีการสอบถามตลอดว่าดอกเบี้ยเท่าไหร่แล้วก็ได้กี่ % ทางแบงค์ก็บอกว่าถ้าเป็นสวัสดิการจะได้ที่ 120% แล้วก็อัตราดอกเบี้ยพิเศษอยู่ที่ 3.5% คงที่ 3 ปีความเข้าใจของผมคือ 3.5 อันนี้เท่ากับดอกเบี้ยทั้งหมดของจำนวนเงินที่ผมกู้[อันนี้น่าจะเป็นความรู้พื้นฐานของการกู้บ้านทั่วไปถ้าเกิน 100% เมื่อไหร่ ดอกเบี้ยจะเป็นคนละส่วนกัน อันนี้ผมขอยกเป็นความผิดของผมเองที่ไม่รู้ T T] พอได้คำตอบเรื่องดอกกับเรื่องจำนวนเงินที่สามารถกู้ได้เลยรีบส่งเอกสารทั้งหมดให้วันที่ 23 ธค 59 รุ่งขึ้นพนักงานก็ได้โทรมาหาผมเพื่อแจ้งผลเครดิตบูโรว่ากู้ได้เต็มแถมเกินด้วยซ้ำ พนักงานยังติดตลกบอกทิ้งท้ายด้วยว่าเอาเกินไปทั้งหมดเลยไหม ผมก็บอกว่าไม่เป็นไรครับ เพราะผมคิดไว้แล้วว่ากู้มาซื้อพร้อมตกแต่งน่าแล้วน่าจะพอกับวงเงินที่ผมกู้มา 120% รวมถึงคุยกับเจ้าของคอนโดเพื่อทำเรื่องมัดจำเป็นเงินจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นถัดมาวันที่ 25 พนักงานได้โทรมาแจ้งว่าเอกสารของผมที่ส่งไปไม่ครบยังขาดเอกสารจากทางบริษัทเพื่อยืนยันผ่านสิทธิการใช้สวัสดิการ ผมก็ส่งให้ในวันที่ 26 ในช่วงเช้า พร้อมกับแจ้งพนักงานสินเชื่อ พนักงานก็แจ้งว่ากลัวจะไม่ทันในปีนี้นะคะเพราะต้องมีเรื่องประเมินที่ดินอีก ผมก็เลยไม่เป็นไรครับขอแค่ให้ทันเดือนหน้าก็พอแล้ว แล้วพนักงานก็เรื่องประเมินที่ดินให้ผมซึ่งมีโทรศัพท์มาแจ้งกับผมว่าจะเข้ามาขอประเมินที่ดินในวันที่ 5 มกรา เลยทีเดียวเนื่องจากพนักงานประเมินไม่เพียงพอและอยู่ไกลจากพื้นที่ของผม ผมก็กลัวว่าจะไม่ทันการเลยถามกับทางพนักงานสินเชื่อไปว่าทันหรือไม่ คำตอบที่ได้รับคือทันยังทันอยู่แล้วก็ไล่กระบวนการให้ผมฟังว่าประเมินมาก็น่าจะเสร็จประมาณวันที่ 9 แล้วก็มีเวลาอีก 1 อาทิตย์ทำเรื่องเช็คแล้วก็น่าจะโอนได้ในวันที่ 16-17 มกราคมรวมถึงบอกกับผมว่าพี่อย่าไปเอาแบงค์อื่นนะของหนูโอเคสุดแล้ว ผมก็เลยตกลงไปกับทางแผนกประเมินที่ดิน
ถัดมาหลังจากข้ามปีไปประเมินเสร็จทุกอย่างเรียบร้อย พนักงานก็บอกกับผมว่าไม่น่าเกินวันที่ 17 นะคะพี่ ผมเลยถามว่าชัวนะเพราะจะให้ได้แจ้งทางเจ้าของบ้านผมไปนัดกันไปทางพนักงานก็บอกว่าชัวก็เลยบอกกับเจ้าของบ้านไปครับ วันที่12 ผมก็โทรถามทางพนักงานสินเชื่อ ซึ่งพนักงานก็แจ้งกับผมว่าตอนนี้รอเจ้านายเซ็นอนุมัติ คะ ผมคิดในใจว่าอาจไม่ทันแน่เลยถามกับพนักงานสินเชื่อว่าทันแน่นะพนักงานก็ตอบว่าทันคะเหลือแค่เจ้านายเซ็น ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่เรื่องมันเริ่มหักเหเมื่อตอนที่พนักงานโทรมาวันที่ 13 แจ้งกับผมว่าพี่คะดอกเบี้ยของพี่เป็น 3.75 นะคะ คงที่ 2 ปี แล้วก็ MRR -2 ในปีที่ 3 ผมก็บอกว่าเราไม่ได้คุยแบบนี้ตั้งแต่ต้น ผมคุยที่ 3.5 มาตลอดไม่เคยคุยถึง 3.7 ผมเลยบอกว่าไม่เอาเพราะไม่ได้คุยแบบนี้ พนักงานก็บอกว่าถ้าทำประกันด้วยก็อาจได้ ซึ่งผมก็โอเคอยู่แล้วกับประกันเนื่องจากทางผมคิดจะทำอยู่แล้วเลยตอบตกลงไปแทบจะทันที พนักงานก็บอกว่าได้เลยคะเดี่ยวจะขอดอกเบี้ยให้ผมก็เลยไม่ได้ติดอะไร พอมาถึงวันที่ 16 มกรา ผมก็โทรไปบอกพรุ่งนี้เอาไงครับ เช้าหรือบ่ายดีจะได้แจ้งไป สิ่งที่ได้รับกลับมาจากพนักงานสินเชื่อคือ ได้นะพี่ถ้าพี่จะเอากู้ 100% ก็โอนได้เลยเพราะดอกเบี้ยของ 120% ยังไม่ออก ผมก็เลยตอบกลับแบบทันทีว่าโทษนะครับ เราไม่เคยคุยกันเรื่อง 100% เลยครับ ที่ผมกู้และเลือกธนาคารของคุณเนื่องจากดอกเบี้ยและวงเงินกู้ พนักงานก็บอกว่ามันไม่ออกจริงๆคะพี่ถ้าพี่จะเอาก็ได้แค่ 100% พอมาแบบนี้ผมก็เลยถามไปว่าแล้ว 120% ดอกเบี้ยจะออกมาตอนไหนขอให้บอกให้ผมหน่อยเพราะนัดเจ้าของบ้านไปแล้ว สรุปผมก็ต้องเลื่อนนัดออกไปเพราะดอกเบี้ยไม่ออกจริงๆ แต่เจ้าของบ้านบอกไม่เป็นไรเดี๋ยวเลื่อนไปแต่รอบหน้าบอกแกก่อนเพราะแกอยู่ไกล หลังจากที่ถูกเลื่อนไปผมโทรถามทุกวันเลยครับว่าเมื่อไหร่จะได้แบบชัวร์ๆ พนักงานก็ตอบไม่ได้กับคำตอบเดิมๆครับ ว่าดอกเบี้ยตัว 120% ยังไม่ออก จนมาถึงวันที่ 30 มกราคมผมเริ่มทนไม่ไหวเนื่องจากโดนทางเจ้าของบ้านถามมาว่าจะซื้อหรือไม่ทำไมนานจังถ้าไม่ซื้อเขาจะเอาไปขายที่อื่น ผมจึงตัดสินใจโทรเข้าไปทาง Call Center แล้วทำเรื่องร้องเรียน ผมโทรไปร้องเรียนประมาณ 10.00 น. [ทำเรื่องกู้ตั้งแต่ 15 ธค 59 -*-] ประมาณ 10.30 มีสายโทรกลับมาจากทางแบงค์เป็นหัวหน้าของพนักงานสินเชื่อที่ดูแลผมครับคุยกันผมก็บอกไปตรงๆเลยว่ามันนานเกินไปไหมครับ ก็คุยขอโทษผมไปตามระเบียบมาจบที่เดี๋ยวจะดำเนินการให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้ไม่เกินวันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์แล้วก็วางสายไป ผมก็รีบโทรไปแจ้งเจ้าของบ้านว่าน่าจะโอนได้วันศุกร์นะครับ ไม่เกินไปจากนี้แล้ว ผมก็นึกว่าเรื่องจะจบ แต่ยังครับที่มากกว่านั้นคือ หัวหน้าคนเดิมโทรมาแจ้งเรื่องดอกเบี้ยของผมเป็น 3.75 แล้วก็ส่วนเกินจากที่ผมกู้มาจะเป็น ดอกเบี้ย MRR -0.25 [30% เพราะเขาตีให้ผม 90%เป็นเงินกู้ก้อนแรกตามที่ได้แจ้งไปเบื้องต้นว่าอันนี้ผมไม่รู้จริงๆ] ผมก็เลยบอกไปว่าผมไม่เคยคุยแบบนี้เลย เราคุยกันที่ 3.5 มาตลอด แล้วก็ไม่ได้คุยแยกก้อนเงินกู้ด้วยครับ ทางหัวหน้าก็เลยบอกว่าพนักงานไม่ได้แจ้งหรอคะปกติต้องแจ้ง ผมก็เลยบอกว่าไม่ได้แจ้งครับ แล้วก็ไม่เคยบอกด้วยว่าดอกเบี้ยจะเป็น 3.75 ถ้ารู้ว่าเป้นแบบนี้ผมจะหาตัวเลือกของแบงค์อื่นๆไว้ด้วย เพราะจริงๆผมเองก็พอใจมากแล้วกับข้อเสนอที่ผมได้ตั้งแต่เริ่มต้น ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าช่วยได้มากสุดก็คงเป็นเรื่องของดอกเบี้ยก้อนแรกจะลองขอให้เป็น 3.5 แต่ก้อนที่เกินมาทำอะไรไม่ได้จริงๆ มาถึงตอนนี้ผมช็อคเลยครับ ทำอะไรไม่ได้แล้ว นัดโอนไปเรียบร้อยแล้ว ต่อให้เขาขึ้นดอกเบี้ยก็คงต้องเอาเพราะถ้าไม่เอา ก็จะเสียเงินมัดจำ แถมเสียเวลา เพิ่มอีกแน่นอน ระหว่างคุยผมก็มีบอกนะครับ ถ้ารู้แบบนี้ผมหาตัวเลือกอื่นเอาไว้ ทางพนักงานเหมือนจะรู้ว่านักโอนแล้วแล้วผมก็คงทำไรไม่ได้ ก็เลยบอกมาว่าถ้าผมไม่สนใจก็ไม่ต้องเอาก็ได้ เดี๋ยวเขาจะชดเชยค่าประเมินที่ดินให้กับทางผม ผมทั้งโกรธทั้งโมโหแต่พูดอะไรไม่ได้ ได้แต่ยอมรับไปและหวังเอาไว้ว่าผมจะไม่แนะนำหรือกลับมาใช้บริการอีกแน่นอนครับ
จากกระทู้นี้ผมก็สงสัยนะถ้าเป็นคนอื่นจะทำยังไงครับ รอจนดอกเบี้ยออกมาก่อนเซ็นก่อนถึงค่อยไปขอซื้อ แล้วถ้าเราอยากได้คอนโดหลังนั้นมากๆแล้วมันจำเป็นต้องรีบผมจะต้องทำยังไงครับ ในเมื่อตอนเสนอให้ผมมาอีกอย่าง แต่ให้ผมมาอีกอย่าง?
มาถึงตอนนี้ผมว่าแบงค์ก้ไม่ได้แคร์อะไรผมมากหรอกครับ เพราะยังไงผมก็ต้องกู้ของเขา ผมตัดสินใจพิมพ์เรื่องนี้เอาไว้ ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอุทาหรณ์สำหรับตัวผม และอาจเป็นคำแนะนำสำหรับคนที่จะซื้อบ้านคนต่อๆไปหรือไม่
แต่ที่ผมมั่นใจและแน่ใจมากๆเลยนะครับ ผมไม่ประทับใจกับธนาคารแห่งนี้เลยและผมก็จะไม่แนะนำให้ใครเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการหรือธรรมดาก็ตามที
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบครับ และขอขอบคุณมาล่วงหน้านะครับ สำหรับผู้ที่จะฝากคำแนะนำให้ผมครับ
ขอบคุณครับ