ก่อนอื่นเลยอยากสวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิพย์ทุกคนก่อนครับ กระทู้ในวันนี้ผมมีสิ่งที่อยากมา share ประสบการณ์โดยตรงให้เพื่อนทั้งเป็นข้อคิด ข้อเตือนใจ ให้กำลังใจ หรืออื่นๆหากท่านที่เข้ามาอ่านเห็นว่ามีประโยชน์ก็อยากให้เหตุการณ์นี้นำไปเล่าต่อบอกต่อได้นะครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผมครับ โดยปกติผมจะมาเล่น pantip แค่อ่านรีวิวเท่านั้นเอง เข้าเรื่องเลยดีกว่านะครับผม
สิ่งที่ผมจะมาเล่าในวันนี้ เป็นประสบการณ์ในเรื่องของ “ตรวจเลือด เพื่อหาเชื้อ HIV” ครับ
โดยนิสัยของผมนั้นเป็นคนสนุกสนาน ชอบปาร์ตี้ และติดเพื่อนมากๆครับ ผมเป็นคนใช้ชีวิตเต็มที่ตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรีและเป็นคนมีพฤฒิกรรมที่เสี่ยงมาตลอด โดยก่อนผมเรียนจบนั้นผมเคยไปตรวจโรคมาประมาณ 4 ครั้งแล้วครับ แต่ละครั้งก็ค่อนข้างเครียดมาก แต่ก็คิดเสมอว่าเราใช้ชีวิตเต็มที่มากๆ และไม่ได้ป้องกันด้วย ตอนนั้นไม่ได้นึกถึงคนที่รักเรา คนที่เรารักซะเท่าไหร่ รวมถึงตอนนั้นผมว่าวุฒิภาวะผมก็ยังไม่มากพอเหมือนกันนะครับได้แต่สัญญากับตัวเองว่า เราจะไม่มีไปมีพฤฒิกรรมที่เสี่ยงๆอีก ไม่ไปเที่ยว เมาจนไม่ได้สติ รวมถึงการใช้บริการทางเพศ หรือไปจีบผู้หญิงแปลกหน้าครับ
ซึ่งผมนั้นรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองได้จนผ่านมาถึง 6ปีครับ และผมเป็นคนที่ไม่ค่อยผูกพันกับใครซักเท่าไหร่ มีแฟนไม่นานก็เลิก จนผมได้มาเจอกับแฟนของผมคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นคนที่ผมวางแผนจะใช้ชีวิตร่วมกับเธอ วางแผนที่จะแต่งงานกันครับ แต่แล้วด้วยอะไรอะไรทีเปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึงผมย้ายสถานที่ทำงานไปต่างจังหวัด ห่างไกลแฟนมากขึ้น จนกระทั้ง ผมได้ไปเที่ยวครับ ดื่มเหล้าหนักมากและจบที่การไปใช้บริการทางเพศ แต่ครั้งนี้ผมใส่ถุงยางป้องกันนะครับแต่ด้วยอาการเมามากจนถุงยางหลุด และเมื่อได้สติผมก็กลับมานั่งคิดเสียใจมากๆครับที่นอกใจแฟน เสียใจมากๆที่ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเอง ผิดกับคนที่เราไว้ใจ และผิดกับทั้งคุณพ่อคุณแม่ของเรา ตอนนั้นผมนึกถึงหลายสิ่งเลยครับว่า เราจะติดโรครึเปล่า เมื่อคืนเราเมาเราทำอะไรลงไปบ้าง ทำไมเราถึงดันทำแบบนั้นลงไป หากเราติดโรค คุณพ่อคุณแม่เราจะเสียมากขนาดไหน หน้าที่การงานเราจะเป็นอย่างไร และแผนแต่งงานที่วางไว้กับแฟนล่ะ
ผมเก็บความเครียดนี้ไว้กับตัว หาข้อมูลเรื่องโรคเอดส์ต่างๆ จนวันนึงแฟนผมจับสังเกตได้ว่า ทำไมผมถึงดูไม่ร่าเริง ทำไมดูเครียดๆไป จนผมตัดสินใจบอกความจริงกับเค้าไป จากวันที่ผมมีความเสี่ยงมา ผมไม่ได้มีอะไรกับแฟนเลยนะครับโดยที่ไม่ป้องกัน แฟนผมเสียใจมากๆ ร้องไห้หนักมาก และผมก็เสียใจผิดหวังในตัวเองมากๆเช่นกัน จนแฟนผมพูดบอกกับผมว่า “ไปตรวจโรคกัน ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง เราจะแต่งงานกันและอยู่ดูแลกันตลอดไปนะ” น้ำตาผมไหลออกมาเลยครับ ผมเสียใจที่ ทำไมผมถึงทำให้คนที่รักผมขนาดนี้เสียใจ ผิดหวังว่าทำไมเราโตขนาดนี้แล้ว หน้าที่การงานนาดนี้ การศึกษาแบบนี้ แต่ยังไปใช้ชีวิตแบบนี้อีก แฟนผมจับมือผมและถามผมว่า ผ่านมากี่วันแล้ว ผมตอบเธอว่า 19 วันแล้ว และจากที่ศึกษามานั้นเราสามารถตรวจได้แล้วหลังจากมีความเสี่ยงมา 15 วัน
เราเลยไปตรวจด้วยกันครับ ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนึง ผลตรวจออกมาเป็น “ลบ” แต่คุณหมอก็ได้แจ้งว่าถ้าจะให้มั่นใจต้อง 3 เดือนขึ้นไป แต่จากข้อมูลที่ผมได้จากเพื่อนผมที่เป็น หมอและเภสัชกร นั้นเค้าให้ข้อมูลกับผมว่า ตอนนี้เทคโนโลยี และน้ำยา ที่ใช้ในไทยนั้นเราสามารถตรวจได้แล้วที่ 15 วัน เมื่อแฟนผมทราบผล แฟนผมก็บอกกับผมว่า ถ้ายังกังวลเราไปตรวจกันที่สถาบันวิจัยโรค HIV มั้ย หรือคลินิกนิรนาม นั้นเอง วันรุ่งขึ้นทั้งแฟนผมและผมลางานและไปตรวจด้วยกันทั้ง 2 คนเลยครับ ผมและแฟนพึ่งจะเข้าไปที่นั้นครั้งแรก พูดตรงๆนะครับ ผมยังมีความกังวลเยอะมากๆและผมก็ไม่นึกว่า เราจะเห็นทั้งผู้ชายและผู้หญิง วัยรุ่นหรือคนสูงอายุ มาตรวจเยอะขนาดนี้ และเมื่อถึงคิวตรวจเลือกของผม แฟนผมก็ให้กำลังใจผมอีกครั้ง “ไม่ต้องกลัวนะ ยังไงเราก็ไม่ทิ้งกันไปไหน เราจะดูแลสุขภาพไปด้วยกัน” ผมรู้สึกเลยว่า ทำไมผมถึงโชคดีขนาดนี้ ทำไมผมถึงมีคนที่รักเราได้ขนาดนี้ ผมไม่อยากให้ตัวเองติดเชื้อ และที่สำคัญผมไม่อยากให้แฟนผมเป็นอะไร เมื่อผลตรวจออกมาผมก็เดินเข้านั่งฟังผลพร้อมกับแฟนครับ คุณหมอที่อยู่ในห้องก็บอกกับผมว่า เค้ามาทำไม2 คน แฟนผมเค้าตอบว่าเป็นแฟนกันค่ะ เราจะแต่งงานกัน มาฟังผลตรวจเลือกค่ะ จากนั้นคุณหมอก็ได้ถามคำถามผม ซัก3-4 คำถาม พร้อมสอนว่า “เราโชคดีมากนะ ที่แฟนเรารักเรามาก ใจกว้างมากๆ ต่อไปนี้ให้ทำตัวดีดี ก่อนทำอะไรนึกถึงหน้าคุณพ่อคุณแม่ และ แฟนเราไว้ด้วย” จากนั้นแกก็บอกผลตรวจเลือดของเราทั้ง2 คน เป็น ลบ ทั้งคู่ครับ
และเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาผมก็พึ่งจะไปยืนยันผลที่คลินิกมากอีกรอบ ผมอยากเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา อยากให้เพื่อนๆเข้ามาอ่านกันเยอะ เป็นข้อคิด หรือข้อเตือนใจ เหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้ผมคิดว่า ปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดขึ้นกับเราตลอดไป ปาฏิหาริย์ไม่อาจทำให้เราได้อยู่กับคนที่เรารัก คนที่รักเราได้ตลอด เพราะหากปาฏิหาริย์เกิดขึ้นทุกครั้ง สิ่งนั้นก็จะไม่ใช้ปาฏิหาริย์
ขอบคุณ แฟน คุณพ่อ คุณแม่ เพื่อนๆที่ให้คำปรึกษาแก่ผม ขอบคุณที่เป็นปาฏิหาริย์ของผมครับ
แชร์ประสบการณ์ "ตรวจเลือด"
สิ่งที่ผมจะมาเล่าในวันนี้ เป็นประสบการณ์ในเรื่องของ “ตรวจเลือด เพื่อหาเชื้อ HIV” ครับ
โดยนิสัยของผมนั้นเป็นคนสนุกสนาน ชอบปาร์ตี้ และติดเพื่อนมากๆครับ ผมเป็นคนใช้ชีวิตเต็มที่ตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรีและเป็นคนมีพฤฒิกรรมที่เสี่ยงมาตลอด โดยก่อนผมเรียนจบนั้นผมเคยไปตรวจโรคมาประมาณ 4 ครั้งแล้วครับ แต่ละครั้งก็ค่อนข้างเครียดมาก แต่ก็คิดเสมอว่าเราใช้ชีวิตเต็มที่มากๆ และไม่ได้ป้องกันด้วย ตอนนั้นไม่ได้นึกถึงคนที่รักเรา คนที่เรารักซะเท่าไหร่ รวมถึงตอนนั้นผมว่าวุฒิภาวะผมก็ยังไม่มากพอเหมือนกันนะครับได้แต่สัญญากับตัวเองว่า เราจะไม่มีไปมีพฤฒิกรรมที่เสี่ยงๆอีก ไม่ไปเที่ยว เมาจนไม่ได้สติ รวมถึงการใช้บริการทางเพศ หรือไปจีบผู้หญิงแปลกหน้าครับ
ซึ่งผมนั้นรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองได้จนผ่านมาถึง 6ปีครับ และผมเป็นคนที่ไม่ค่อยผูกพันกับใครซักเท่าไหร่ มีแฟนไม่นานก็เลิก จนผมได้มาเจอกับแฟนของผมคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นคนที่ผมวางแผนจะใช้ชีวิตร่วมกับเธอ วางแผนที่จะแต่งงานกันครับ แต่แล้วด้วยอะไรอะไรทีเปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึงผมย้ายสถานที่ทำงานไปต่างจังหวัด ห่างไกลแฟนมากขึ้น จนกระทั้ง ผมได้ไปเที่ยวครับ ดื่มเหล้าหนักมากและจบที่การไปใช้บริการทางเพศ แต่ครั้งนี้ผมใส่ถุงยางป้องกันนะครับแต่ด้วยอาการเมามากจนถุงยางหลุด และเมื่อได้สติผมก็กลับมานั่งคิดเสียใจมากๆครับที่นอกใจแฟน เสียใจมากๆที่ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเอง ผิดกับคนที่เราไว้ใจ และผิดกับทั้งคุณพ่อคุณแม่ของเรา ตอนนั้นผมนึกถึงหลายสิ่งเลยครับว่า เราจะติดโรครึเปล่า เมื่อคืนเราเมาเราทำอะไรลงไปบ้าง ทำไมเราถึงดันทำแบบนั้นลงไป หากเราติดโรค คุณพ่อคุณแม่เราจะเสียมากขนาดไหน หน้าที่การงานเราจะเป็นอย่างไร และแผนแต่งงานที่วางไว้กับแฟนล่ะ
ผมเก็บความเครียดนี้ไว้กับตัว หาข้อมูลเรื่องโรคเอดส์ต่างๆ จนวันนึงแฟนผมจับสังเกตได้ว่า ทำไมผมถึงดูไม่ร่าเริง ทำไมดูเครียดๆไป จนผมตัดสินใจบอกความจริงกับเค้าไป จากวันที่ผมมีความเสี่ยงมา ผมไม่ได้มีอะไรกับแฟนเลยนะครับโดยที่ไม่ป้องกัน แฟนผมเสียใจมากๆ ร้องไห้หนักมาก และผมก็เสียใจผิดหวังในตัวเองมากๆเช่นกัน จนแฟนผมพูดบอกกับผมว่า “ไปตรวจโรคกัน ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง เราจะแต่งงานกันและอยู่ดูแลกันตลอดไปนะ” น้ำตาผมไหลออกมาเลยครับ ผมเสียใจที่ ทำไมผมถึงทำให้คนที่รักผมขนาดนี้เสียใจ ผิดหวังว่าทำไมเราโตขนาดนี้แล้ว หน้าที่การงานนาดนี้ การศึกษาแบบนี้ แต่ยังไปใช้ชีวิตแบบนี้อีก แฟนผมจับมือผมและถามผมว่า ผ่านมากี่วันแล้ว ผมตอบเธอว่า 19 วันแล้ว และจากที่ศึกษามานั้นเราสามารถตรวจได้แล้วหลังจากมีความเสี่ยงมา 15 วัน
เราเลยไปตรวจด้วยกันครับ ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนึง ผลตรวจออกมาเป็น “ลบ” แต่คุณหมอก็ได้แจ้งว่าถ้าจะให้มั่นใจต้อง 3 เดือนขึ้นไป แต่จากข้อมูลที่ผมได้จากเพื่อนผมที่เป็น หมอและเภสัชกร นั้นเค้าให้ข้อมูลกับผมว่า ตอนนี้เทคโนโลยี และน้ำยา ที่ใช้ในไทยนั้นเราสามารถตรวจได้แล้วที่ 15 วัน เมื่อแฟนผมทราบผล แฟนผมก็บอกกับผมว่า ถ้ายังกังวลเราไปตรวจกันที่สถาบันวิจัยโรค HIV มั้ย หรือคลินิกนิรนาม นั้นเอง วันรุ่งขึ้นทั้งแฟนผมและผมลางานและไปตรวจด้วยกันทั้ง 2 คนเลยครับ ผมและแฟนพึ่งจะเข้าไปที่นั้นครั้งแรก พูดตรงๆนะครับ ผมยังมีความกังวลเยอะมากๆและผมก็ไม่นึกว่า เราจะเห็นทั้งผู้ชายและผู้หญิง วัยรุ่นหรือคนสูงอายุ มาตรวจเยอะขนาดนี้ และเมื่อถึงคิวตรวจเลือกของผม แฟนผมก็ให้กำลังใจผมอีกครั้ง “ไม่ต้องกลัวนะ ยังไงเราก็ไม่ทิ้งกันไปไหน เราจะดูแลสุขภาพไปด้วยกัน” ผมรู้สึกเลยว่า ทำไมผมถึงโชคดีขนาดนี้ ทำไมผมถึงมีคนที่รักเราได้ขนาดนี้ ผมไม่อยากให้ตัวเองติดเชื้อ และที่สำคัญผมไม่อยากให้แฟนผมเป็นอะไร เมื่อผลตรวจออกมาผมก็เดินเข้านั่งฟังผลพร้อมกับแฟนครับ คุณหมอที่อยู่ในห้องก็บอกกับผมว่า เค้ามาทำไม2 คน แฟนผมเค้าตอบว่าเป็นแฟนกันค่ะ เราจะแต่งงานกัน มาฟังผลตรวจเลือกค่ะ จากนั้นคุณหมอก็ได้ถามคำถามผม ซัก3-4 คำถาม พร้อมสอนว่า “เราโชคดีมากนะ ที่แฟนเรารักเรามาก ใจกว้างมากๆ ต่อไปนี้ให้ทำตัวดีดี ก่อนทำอะไรนึกถึงหน้าคุณพ่อคุณแม่ และ แฟนเราไว้ด้วย” จากนั้นแกก็บอกผลตรวจเลือดของเราทั้ง2 คน เป็น ลบ ทั้งคู่ครับ
และเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาผมก็พึ่งจะไปยืนยันผลที่คลินิกมากอีกรอบ ผมอยากเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา อยากให้เพื่อนๆเข้ามาอ่านกันเยอะ เป็นข้อคิด หรือข้อเตือนใจ เหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้ผมคิดว่า ปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดขึ้นกับเราตลอดไป ปาฏิหาริย์ไม่อาจทำให้เราได้อยู่กับคนที่เรารัก คนที่รักเราได้ตลอด เพราะหากปาฏิหาริย์เกิดขึ้นทุกครั้ง สิ่งนั้นก็จะไม่ใช้ปาฏิหาริย์
ขอบคุณ แฟน คุณพ่อ คุณแม่ เพื่อนๆที่ให้คำปรึกษาแก่ผม ขอบคุณที่เป็นปาฏิหาริย์ของผมครับ