เจาะลึก 5 ภาพยนตร์ดังที่ “แอบซ่อนรายละเอียด” แม้ผู้ชมอาจไม่สังเกตเห็น!?

สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์คุณภาพหลายเรื่องได้รับความนิยมไปทั่วโลกก็คือความใส่ใจในรายละเอียดของผู้กำกับและทีมงาน ซึ่งบางครั้งมันอาจจะมากเกินไปจนดูเหมือนเป็นความบ้าคลั่ง


อย่างเช่นภาพยนตร์ดัง 5 เรื่องนี้ ที่เก็บรายละเอียดทุกเม็ด แม้ว่ารายละเอียดทั้งหมดนั้นผู้ชมอาจไม่มีโอกาสได้ชมเสียด้วยซ้ำไป



The Lord of the Rings


                               

สำหรับภาพยนตร์แฟนตาซีย้อนยุคแน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้กองทัพต่างๆ ดูยิ่งใหญ่เกรียงไกรและสมจริงคือเครื่องแต่งกายของเหล่าทหาร ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์หรือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างเสื้อเกราะ



ในขณะที่รับชมภาพยนตร์ดังอย่าง “ลอร์ดออฟเดอะริงส์” คุณเคยสังเกตเห็นเสื้อเกราะแฮนด์เมดที่ซ่อนอยู่ภายใต้โล่สุดแข็งแกร่งของทหารหรือไม่? แน่นอนว่าหลายคนคงตอบว่าไม่เคยเพราะมันโผล่พ้นออกมาสู่สายตาผู้ชมเพียงไม่กี่นิ้ว


                                  

และถ้าหากคุณไม่เคยสังเกตมาก่อนก็ควรเริ่มให้ความสนใจเสื้อเกราะเหล่านี้ เพราะทีมงานทุ่มเทกายใจร้อยมันขึ้นมาด้วยมือแบบห่วงต่อห่วงกันเลยทีเดียว


                                  
พวกเขาใช้เวลาถึง 2 ปีเต็มๆ ในการสร้างเกราะสำหรับตัดชุดความยาวทั้งสิ้น 32,000 ฟุต


                                  คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

จากความตั้งใจของผู้กำกับ Peter Jackson เสื้อเกราะของทหารแต่ละกองทัพ ครอบครัวแต่ละครอบครัว และชนเผ่าแต่ละชนเผ่านั้นต้องมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน รวมถึงเครื่องแต่งกายอื่นๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า


                                 


อาวุธแต่ละชิ้นก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างเช่นลวดลายบนกระบอกธนูของเลโกลัส


                                  

แต่เนื่องจากเขาเป็นตัวเอก แน่นอนว่าการใส่ใจในรายละเอียดเป็นพิเศษคงดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา และความธรรมดาไม่ใช่สิ่งที่ผู้กำกับ Peter Jackson พึงพอใจ เพราะทหารออร์คแต่ละนายก็มีหมวกเกราะเฉพาะตัว!


                                  

หมวกเกราะมากกว่า 48,000 ชิ้นถูกสร้างขึ้นมาสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ภาคแรกเพียงภาคเดียว เพื่อความสมจริงที่ผู้ชมอาจไม่เคยรับรู้เลยด้วยซ้ำ และที่เหลือเชื่อไปกว่านั้น หมวกแต่ละอันมีเรื่องราวเบื้องหลังของตัวเอง


                                  

หนังหยาบๆ และเหล็กธรรมดาสำหรับทหารชั้นต่ำ หมวกแบบยาวรูปทรงประหลาดสำหรับออร์คที่หน้าตาน่าเกรงขาม หมวกสีอ่อนสำหรับทหารพราน ดาบหนาหนักสำหรับนักรบผู้บ้าบิ่น และนี่สำหรับกองทัพออร์คเท่านั้น



แน่นอนว่าสำหรับกองทัพอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นคนแคระหรือเอลฟ์ก็แตกต่างกันออกไปอีก อย่างเช่นเข็มขัดของคนแคระที่ไม่ซ้ำกันเลยสักชิ้นเดียว


                                  

ครั้งต่อไปที่รับชมภาพยนตร์ลอร์ดออฟเดอะริงส์อย่าลืมใส่ใจรายละเอียดให้ทีมงานชื่นใจกันหน่อยนะ


                                  

V for Vendetta


                                  

ในภาพยนตร์แอคชั่น “เพชฌฆาตหน้ากากพญายม” V คือชื่อของผู้สวมหน้ากากกาย ฟอคส์ที่เป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านการฉ้อราษฎร์บังหลวงของรัฐบาล และ V ยังหมายถึงเลข 5 ในภาษาโรมันอีกด้วย ซึ่งตัว V ที่โดดเด่นในภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกซุกซ่อนไว้แทบทุกฉากของ V for Vendetta



หลายๆ คนอาจจะสังเกตเห็น V ที่โดดเด่นในหลายฉาก


                                     

                                     

อย่างเช่นฉากที่ Creedy และ Finch ถูกแยกออกจากกันด้วยสัญลักษณ์ตัว V


                                     

ตัวละครเอกอย่าง Evey Hammond ก็ตื่นขึ้นมาในคุกของ V และบนหน้าผากเธอมีรอยแผลเล็กๆ รูปตัว V


                                     

คัมภีร์อัลกุรอานก็เปิดเป็นรูปตัว V


                                     

นาฬิกาในโทรทัศน์ทุกฉากก็เป็นรูปตัว V


                                      

ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกริชสองอันก็ปะทะกันเป็นตัว V


                                      

แม้แต่ตอนลอยขึ้นไปบนอากาศก็ยังเป็นรูปตัว V อยู่


                                     

เลือดบนกำแพงก็เป็นรูปตัว V อีกเช่นกัน


                                     


ถ้าหากคุณเป็นคนช่างสังเกตจนมองเห็น V ทั้งหมดเหล่านี้ล่ะก็ มาดูอะไรที่ซับซ้อนจนคาดไม่ถึงกันดีกว่า



ชื่อของตัวเอกสาว Evey เต็มไปด้วยเลข 5: พยัญชนะ E เป็นพยัญชนะตัวที่ 5 และ V ก็เป็นตัวที่ 5 เมื่อนับจากหลังไปหน้า ส่วนตัว Y คือตัวที่ 25 ซึ่งมีค่าเป็น 5 เท่าของ 5

ชื่อของ Finch ก็มีตัวอักษร 5 ตัวเช่นกัน

ในขณะที่ V สู้กับ Creedy (ซึ่งชื่อออกเสียงด้วยสระ E และ Y) ซิมโฟนีที 5 ของ Beethoven ก็บรรเลงขึ้น


                                     

และสิ่งสุดท้ายที่เหลือเชื่อเกินจะบรรยายก็คือคำพูดโปรดของ V “ด้วยพลังของความจริง ฉันสามารถเอาชนะทั้งจักรวาลได้ในขณะที่ยังมีชีวิต” ซึ่งแปลเป็นภาษาละตินว่า “Vi veri veniversum vivus vici”



Shaun of the Dead


                                     


หนังซอมบี้ตลกร้ายที่ล้อเลียนภาพยนตร์สไตล์นี้ได้อย่างถึงใจผู้ชมทั่วโลก ถ้าใครเป็นแฟนหนังซอมบี้ตัวจริงก็จะได้เห็นการพูดถึงฉากจากหนังเรื่องอื่นๆ ตลอดเวลา อย่างเช่นเสียงของผู้ประกาศข่าวที่กำลังรายงานสถานการณ์จากเรื่อง “28 Days Later” หรืออุบัติเหตุจาก “Night of the Living Dead”


                                      

แต่นอกจากฉากที่เห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว Shaun of the Dead ยังซ่อนความลับเกี่ยวกับซอมบี้ไว้อีกมากมาย

ในฉากที่ Shaun เดินเข้าไปในร้านขายของเพื่อซื้อไอศกรีม เสียงของดีเจชาวอินเดียที่กำลังพูดเป็นภาษาฮินดีว่า “คนตายกำลังจะกลับมา”

ฉากที่ Shaun จองโต๊ะในร้านอาหาร ถ้าลองกดหยุดฉายสักพักก็จะพบว่าร้านอาหารร้านหนึ่งมีชื่อว่า Fulci’s ซึ่งมาจากชื่อของผู้กำกับภาพยนตร์แนวสยองขวัญชื่อดังชาวอิตาลี Lucio Fulci


                                      

บนป้ายชื่อของ Mary เขียนไว้ว่า Landis มาจากชื่อของผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “An American Werewolf in London” John Landis


                                       

เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไม Shaun ถึงได้มีแผ่นเสียงเก็บไว้มากมายขนาดนั้น ถ้าคุณมองไปในฉากนี้จะเห็นโปสเตอร์ที่เขียนว่า “Shaun Smiley Riley” นั่นหมายความว่าเขาเคยทำงานเป็น DJ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ถูกพูดถึงในภาพยนตร์


                                      

และสิ่งที่น่าทึ่งอีกอย่างเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ พล็อตทั้งหมดถูกเปิดเผยไว้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของภาพยนตร์ ในฉากที่ Shaun และ Ed กำลังเมา Ed ก็พูดออกมาว่า “A bloody Mary (ซอมบี้แมรี) สิ่งแรก เธอกัดหัวของพระราชา (พ่อเลี้ยงของ Shaun ถูกกัด) เจ้าหญิงน้อยสองพระองค์ (เจอ David และ Diana ที่แฟลตของ Liz) เดินตุปัดตุเป๋ (แกล้งทำตัวเป็นซอมบี้) และ ปัง! กลับเข้าไปยิงในห้อง (ฉากสุดท้ายของภาพยนตร์)”


                                     

Harry Potter and the Goblet of Fire


                                     

หนึ่งในฉากสุดยิ่งใหญ่อลังการของภาพยนตร์ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” คือฉากของการแข่งขันควิดดิชเวิร์ลด์คัพในภาคถ้วยอัคนี ซึ่ง J.K. Rowling ได้บรรยายความยิ่งใหญ่อลังการไว้อย่างเต็มที่แต่ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์นั้นอาจไม่จุใจใครหลายคนเพราะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น



แต่เวลาเพียงไม่กี่นาทีนั้นได้ซุกซ่อนรายละเอียดสุดแสนจะโอเวอร์ไว้มากมาย แม้มันอาจจะไม่มีโอกาสได้ปรากฎในภาพยนตร์เลยก็ตาม…


                                     

ผู้ชมนับพันถือโปรแกรมการแข่งขันไว้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่กระดาษธรรมดา แต่มีรายละเอียดสมจริงเขียนไว้เต็มไปหมด


                                     

มีแม้กระทั่งรายนามของสปอนเซอร์


                                     

และโฆษณาน้ำฟักทอง


                                     

ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่มีใครมีโอกาสได้เห็นแผ่นพับสวยงามเหล่านี้ เพราะครั้งเดียวที่มันปรากฎตัวให้เห็นคือฉากนี้…


                                     

The Shining


                                    

ภาพยนตร์สยองขวัญจากฝีมือผู้กำกับ Stanley Kubrick ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์สยองขวัญที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลและเป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากปลายปากกาของสตีเฟ่น คิง ได้ดีที่สุด เหตุผลน่าจะเป็นเพราะมันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งของตัวผู้กำกับเอง…


                                   

ในฉากที่ Shelley Duvall อ่านนิยายที่ Jack Nicholson กำลังเขียน สิ่งที่เห็นในภาพยนตร์คือมีแต่คำว่า “All work and no play makes Jack a dull boy” หรือ “ทำงานตลอดเวลาโดยไม่ได้เล่นทำให้แจ็คเป็นเด็กโง่” ซึ่งแสดงให้เห็นเรื่องราวในอนาคตว่าแจ็คกำลังจะเป็นบ้า เพราะคนดีๆ ที่ไหนคงไม่เขียนคำซ้ำๆ ทั้งเล่ม


                                 
มีต่อนะคะ คห.1
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่