[หนังโรงเรื่องที่ 174] The Founder - อยากได้ ก็ต้องได้ ; (John Lee Hancock, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A+++ (จากสเกล D-A)
**มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : เป็นเรื่องราวชีวประวัติของ "เรย์ คร็อก" (Michael Keaton) เซลส์แมนผู้พลิกโฉมวงการฟาสต์ฟู้ดไปตลอดกาลด้วยการสถาปนาก้องโลกอย่างแฟรนไชส์ "แม็กโดนัลด์" และกลายเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก .. แต่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ก็มีความเลือดเย็นในวงการธุรกิจอยู่เช่นกัน
ส่วนตัวหลงรักกับหนังตั้งแต่เห็นตัวอย่างครั้งแรกแล้ว ถ้าถามว่าตัวหนังมีความคล้ายคลึงกับเรื่องไหนก็ต้องบอกว่าหนังมีกลิ่นอายคลับคล้ายกับ "The Wolf of Wall Street" คือตัวเอกของเราจะมีความเป็นเทาๆและถูกผลักดันโดยความต้องการที่จะเป็น 'ผู้ชนะ' อย่างแรงกล้า และไม่ค่อยจะสนวิธีการเท่าไหร่
สิ่งที่ดีของหนังคือสไตล์การเล่าเรื่องที่ถูกย่อยมาแล้ว หนังเริ่มต้นด้วยการพาเราไปดูต้นกำเนิดของ McDonald สาขา "ต้นตำรับ" ที่ก่อตั้งโดยสองพี่น้องแม็กโดนัลด์ผู้ริเริ่มไอเดียบรรเจิดที่เรียกว่า "Speedy Meal" หรือ "อาหารจานด่วน" ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิวัติวงการอาหารการกินอย่างแรง โดยในช่วงแรกนั้นเราจะรู้สึกตัวตนของเรย์นั้นแทบไม่มีความสำคัญอะไรเลย คือเหมือนมีหน้าที่ 'แทนตัวคนดู' อย่างพวกเราเฉยๆ คือให้สองพี่น้อง "ดิ๊ก" (Nick Offerman) และ "แม็ค" (John Carroll Lynch) พล่ามไปแล้วให้เราตื่นตาตื่นใจกับนวัตกรรมของแม็กโดนัลด์ไปพลางๆ
จนกระทั่งเรย์ คร็อกกระโดดเข้ามาครองเวทีเอาไว้คนเดียวเมื่อเขาตัดสินใจแล้วว่า "ร้านแม็กโดนัลด์ เบอร์เกอร์" นั้นสามารถเป็นธุรกิจชั้นเยี่ยมได้ และสามารถโน้มน้าวให้สองพี่น้องยอมขายแฟรนไชส์เพื่อที่จะขยายสาขาไปตามรัฐต่างๆทั่วประเทศได้ ซึ่งระหว่างนี้เราก็จะได้ 'รับรู้' ถึงการดิ้นรนของเรย์และความมุ่งมั่นบวกลูกตื๊อของเขากับการระดมหาเงินทุน, ที่ดิน และการหาผู้ซื้อแฟรนไชส์เพื่อที่จะขยายสาขาต่อๆไป ซึ่งแน่นอนว่าก็ไม่ได้ราบรื่นกับการเริ่มโมเดลธุรกิจที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนแบบนี้
ในขณะเดียวกันหนังก็ยกคอนฟลิกต์ระหว่างตัวละครขึ้นมาจากจุดยืนที่ต่างกัน เรย์ในฐานะนักธุรกิจก็พยายามจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างในร้านบางอย่างเพื่อที่จะสามารถสร้างผลกำไรให้มากขึ้น ในขณะที่พี่น้องแม็กโดนัลด์ซึ่ง(ในขณะนั้นมีฐานะเป็นเจ้าของชื่อร่วม และมีสิทธิในการตัดสินใจของแบรนด์เทียบเท่าเรย์) ก็คัดค้านแทบทุกข้อเสนอของเรย์ ด้วยแนวคิดที่ว่า "ร้านแม็กโดนัลด์ก่อตั้งเพื่อเป็นสถานที่ของครอบครัว ไม่ใช่เพื่อกอบโกยรายได้"
เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัว เขี้ยวเล็บทางธุรกิจของเรย์ก็ต้องถูกหยิบมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ข้อกฏหมายหรือช่องโหว่ของสัญญาต่างๆพี่แกก็ใช้แบบไม่มีไว้หน้าใคร จนท้ายที่สุดก็เป็นฉากจบที่เลือดเย็นโดยที่เรย์ได้ใช้เงินก้อนโตฟาดซื้อ "ชื่อ" ของแม็กโดนัลด์มาเป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว มันเป็นการจบเรื้องด้วยความโหดร้ายของวงการธุรกิจกระทั่งเจ้าของนามสกุล "แม็กโดนัลด์" เองก็ไม่สามารถใช้ชื่อของตัวเองทำร้านอาหารได้ด้วยซ้ำ
ไมเคิล คีตัน วาดลวดลายกับบทบาท "นักบุกเบิกธุรกิจ" ได้อย่างไม่มีที่ติ ทั้งภาษากายและแววตาสามารถขับเคลื่อนคนดูได้อย่างยิ่งยวด มันสอดรับกับบุคลิกของเรย์ในเรื่องที่กระหายใน 'ชัยชนะ' อย่างไม่รู้จักพอ ไม่ว่าจะเป็นโมเดลธุรกิจ, ชื่อแม็กโดนัลด์ หรือแม้แต่ผู้หญิงของคนอื่น เมื่อเรย์อยากได้ เขาก็ต้องก็ได้ แน่นอนว่าเขารักและทุ่มเทแรงกายแรงใจกับธุรกิจของเขาอย่างหนักหน่วงที่สุด และผลของมันก็งอกเงยออกมาเป็นความยิ่งใหญ่ที่เขาใฝ่ฝัน และกลายมาเป็นอาณาจักรฟาสต์ฟู้ดที่สาขามากที่สุดในโลก
ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เราควรทำก็คือ 'เอ็นจอย' กับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านบ้าดีเดือดของหนังซะ แล้วก็ตื่นตากับจุดกำเนิดของแบรนด์ดังที่เราคุ้นเคยแบบเพลิดเพลินโดยอย่าเสียเวลาไปทบทวนเรื่อง "ศีลธรรม" กันเลยเพราะผู้เขียนเชื่อว่าถ้าท่านตั้งใจดูหนังจริงๆแล้ว ท่านจะเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์ที่สุดที่จะพยายามป้ายสีขาว/ดำลงไปในอาณาจักรแดง-เหลืองและซุ่มโค้งสีทองอันนี้!
หนังคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์จริงๆ.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หากชื่นชอบรีวิวรบกวนช่วยไลค์ช่วยแชร์เพื่อให้กำลังใจหรือติดตามผลงานได้ที่เพจ https://www.facebook.com/expensivemovie/ นะครับ!
[รีวิว] The Founder - อยากได้ ก็ต้องได้ by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 174] The Founder - อยากได้ ก็ต้องได้ ; (John Lee Hancock, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A+++ (จากสเกล D-A)
**มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : เป็นเรื่องราวชีวประวัติของ "เรย์ คร็อก" (Michael Keaton) เซลส์แมนผู้พลิกโฉมวงการฟาสต์ฟู้ดไปตลอดกาลด้วยการสถาปนาก้องโลกอย่างแฟรนไชส์ "แม็กโดนัลด์" และกลายเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก .. แต่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ก็มีความเลือดเย็นในวงการธุรกิจอยู่เช่นกัน
ส่วนตัวหลงรักกับหนังตั้งแต่เห็นตัวอย่างครั้งแรกแล้ว ถ้าถามว่าตัวหนังมีความคล้ายคลึงกับเรื่องไหนก็ต้องบอกว่าหนังมีกลิ่นอายคลับคล้ายกับ "The Wolf of Wall Street" คือตัวเอกของเราจะมีความเป็นเทาๆและถูกผลักดันโดยความต้องการที่จะเป็น 'ผู้ชนะ' อย่างแรงกล้า และไม่ค่อยจะสนวิธีการเท่าไหร่
สิ่งที่ดีของหนังคือสไตล์การเล่าเรื่องที่ถูกย่อยมาแล้ว หนังเริ่มต้นด้วยการพาเราไปดูต้นกำเนิดของ McDonald สาขา "ต้นตำรับ" ที่ก่อตั้งโดยสองพี่น้องแม็กโดนัลด์ผู้ริเริ่มไอเดียบรรเจิดที่เรียกว่า "Speedy Meal" หรือ "อาหารจานด่วน" ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิวัติวงการอาหารการกินอย่างแรง โดยในช่วงแรกนั้นเราจะรู้สึกตัวตนของเรย์นั้นแทบไม่มีความสำคัญอะไรเลย คือเหมือนมีหน้าที่ 'แทนตัวคนดู' อย่างพวกเราเฉยๆ คือให้สองพี่น้อง "ดิ๊ก" (Nick Offerman) และ "แม็ค" (John Carroll Lynch) พล่ามไปแล้วให้เราตื่นตาตื่นใจกับนวัตกรรมของแม็กโดนัลด์ไปพลางๆ
จนกระทั่งเรย์ คร็อกกระโดดเข้ามาครองเวทีเอาไว้คนเดียวเมื่อเขาตัดสินใจแล้วว่า "ร้านแม็กโดนัลด์ เบอร์เกอร์" นั้นสามารถเป็นธุรกิจชั้นเยี่ยมได้ และสามารถโน้มน้าวให้สองพี่น้องยอมขายแฟรนไชส์เพื่อที่จะขยายสาขาไปตามรัฐต่างๆทั่วประเทศได้ ซึ่งระหว่างนี้เราก็จะได้ 'รับรู้' ถึงการดิ้นรนของเรย์และความมุ่งมั่นบวกลูกตื๊อของเขากับการระดมหาเงินทุน, ที่ดิน และการหาผู้ซื้อแฟรนไชส์เพื่อที่จะขยายสาขาต่อๆไป ซึ่งแน่นอนว่าก็ไม่ได้ราบรื่นกับการเริ่มโมเดลธุรกิจที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนแบบนี้
ในขณะเดียวกันหนังก็ยกคอนฟลิกต์ระหว่างตัวละครขึ้นมาจากจุดยืนที่ต่างกัน เรย์ในฐานะนักธุรกิจก็พยายามจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างในร้านบางอย่างเพื่อที่จะสามารถสร้างผลกำไรให้มากขึ้น ในขณะที่พี่น้องแม็กโดนัลด์ซึ่ง(ในขณะนั้นมีฐานะเป็นเจ้าของชื่อร่วม และมีสิทธิในการตัดสินใจของแบรนด์เทียบเท่าเรย์) ก็คัดค้านแทบทุกข้อเสนอของเรย์ ด้วยแนวคิดที่ว่า "ร้านแม็กโดนัลด์ก่อตั้งเพื่อเป็นสถานที่ของครอบครัว ไม่ใช่เพื่อกอบโกยรายได้"
เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัว เขี้ยวเล็บทางธุรกิจของเรย์ก็ต้องถูกหยิบมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ข้อกฏหมายหรือช่องโหว่ของสัญญาต่างๆพี่แกก็ใช้แบบไม่มีไว้หน้าใคร จนท้ายที่สุดก็เป็นฉากจบที่เลือดเย็นโดยที่เรย์ได้ใช้เงินก้อนโตฟาดซื้อ "ชื่อ" ของแม็กโดนัลด์มาเป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว มันเป็นการจบเรื้องด้วยความโหดร้ายของวงการธุรกิจกระทั่งเจ้าของนามสกุล "แม็กโดนัลด์" เองก็ไม่สามารถใช้ชื่อของตัวเองทำร้านอาหารได้ด้วยซ้ำ
ไมเคิล คีตัน วาดลวดลายกับบทบาท "นักบุกเบิกธุรกิจ" ได้อย่างไม่มีที่ติ ทั้งภาษากายและแววตาสามารถขับเคลื่อนคนดูได้อย่างยิ่งยวด มันสอดรับกับบุคลิกของเรย์ในเรื่องที่กระหายใน 'ชัยชนะ' อย่างไม่รู้จักพอ ไม่ว่าจะเป็นโมเดลธุรกิจ, ชื่อแม็กโดนัลด์ หรือแม้แต่ผู้หญิงของคนอื่น เมื่อเรย์อยากได้ เขาก็ต้องก็ได้ แน่นอนว่าเขารักและทุ่มเทแรงกายแรงใจกับธุรกิจของเขาอย่างหนักหน่วงที่สุด และผลของมันก็งอกเงยออกมาเป็นความยิ่งใหญ่ที่เขาใฝ่ฝัน และกลายมาเป็นอาณาจักรฟาสต์ฟู้ดที่สาขามากที่สุดในโลก
ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เราควรทำก็คือ 'เอ็นจอย' กับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านบ้าดีเดือดของหนังซะ แล้วก็ตื่นตากับจุดกำเนิดของแบรนด์ดังที่เราคุ้นเคยแบบเพลิดเพลินโดยอย่าเสียเวลาไปทบทวนเรื่อง "ศีลธรรม" กันเลยเพราะผู้เขียนเชื่อว่าถ้าท่านตั้งใจดูหนังจริงๆแล้ว ท่านจะเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์ที่สุดที่จะพยายามป้ายสีขาว/ดำลงไปในอาณาจักรแดง-เหลืองและซุ่มโค้งสีทองอันนี้!
หนังคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์จริงๆ.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้