ผมเบื่อ หน่าย รำคาญ ระอา กับคำว่า "ทักษิณเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่ร่วมกู้ไอเอ็มเอฟ" ซึ่งเป็นเรื่องดักดานมานานเกินไปแล้ว

กระทู้คำถาม
บางคน  เพ้อขนาดหนักถึงขั้นว่า  ทักษิณมีกำไรจากการลดค่าเงินบาทมหาศาลนับแสนล้าน
Facepalm


คือถ้ามีสมองสักนิด  ใช้สติปัญญาสักหน่อย  ก็น่าจะประเมินได้นะครับ  
ว่าทำไมมีแต่ทักษิณรวยจากค่าเงินคนเดียว   คนอื่นในประเทศนี้นั่งตาปริบ ๆ กันอยู่เฉยหรือไง
ถึงได้ปล่อยให้ทักษิณโกยกำไรจากการลดค่าเงินมหาศาลอยู่คนเดียว

แล้วก็ลามมาถึงเรื่องกู้ไอเอ็มเอฟ  
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ว่าทักษิณนี่แหละ  เป็นรองนายกฯ  ที่ร่วมกู้ไอเอ็มเอฟ

ท่องจำกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง  โดนกรอกอะไรใส่หูใส่ตามาก็เชื่อ แล้วก็เย้ว ๆ ตามไปวัน ๆ
ไม่เคยเลย  ที่จะสืบค้นข้อมูล  ไม่เคยที่จะแสวงหาข้อเท็จจริง

เคยโพสต์แสดงความคิดเห็นแจกจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้ในบอร์ดแห่งนี้ไปก็หลายครั้ง
แต่ก็ยังมีการวนลูปมาแบบไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้นอยู่เหมือนเดิม

ไปเจอมาจากที่ไหนก็ไม่รู้  เจอแล้วก็เอามาตั้งทู้มั่วไปเรื่อย

เฮ้อออ.........
Facepalm




ชัด ๆ นะ    

2 กรกฎาคม 2540   ลดค่าเงินบาท
ตอนนั้นทักษิณไม่มีตำแหน่งอะไรทางการเมือง  ไม่ได้มีส่วน ไม่มีอำนาจ ไม่มีตำแหน่งอะไรในรัฐบาลชวลิต

พอลดค่าเงินโครม   พวกที่ไปกู้ต่างประเทศมาตามนโยบายเปิดเสรีทางการเงินของรัฐบาลชวน 1  (BIBF)
ก็หน้ามืดกันเป็นแถว  เพราะกู้มาเป็นเงินดอลลาร์  กู้มาในราคาดอลละ 25 บาท
แต่พอลดค่าเงิน  กลายเป็น 38 บาท   มีหนี้เพิ่มดอลละ 13 บาททันที

ถ้ากู้มา 100 ล้านดอล  ก็มีหนี้เพิ่ม 1,300 บาทในพริบตา  
ไม่กระอัก  ไม่ล้มได้ไง   เพราะบางบริษัทหนี้เพิ่มขึ้นนับหมื่นล้านบาท (นายประชัย  เลี่ยวไพรัตน์ แห่ง tpi นั่นแหละหนักสุด)

แต่ทักษิณนั้น  ด้วยความรอบคอบ   พอดูทิศทางลม   รู้ข่าวมีการประชุมของบุคคลสำคัญทางการคลัง
ก็เชื่อว่า  ลดค่าเงินแน่ ๆ   เขาก็ทำประกันส่วนต่างไว้    เสียค่าประกันนิดหน่อย   รอดตัวไป

มีการใส่ร้าย  กุเรื่องว่า  ทักษิณรู้ล่วงหน้า  จึงกักตุนดอลลาร์ไว้
พอลดค่าเงิน  ก็รวยเละนับแสนล้าน

ทำไมมันมีคนรวยจากลดค่าเงินบาทคือทักษิณคนเดียวฟร่ะ ?

ที่คนอื่นไหวตัวไม่ทัน  ก็เพราะบิ๊กจิ๋ว  แกพูดรับรองว่า  รัฐบาลไม่ลดค่าเงินบาทแน่
ซึ่งนี่คือสไตล์ของจิ๋วหวานเจี๊ยบ  ถ้าเออ แปลว่าไม่แน่  ถ้าไม่ แปลว่าอาจใช่  ถ้าใช่ อาจคืออะไรไม่รู้




เรื่องไอเอ็มเอฟ

หลังลดค่าเงิน   ปิดสถาบันการเงิน 56 แห่ง    ก็เข้าสู่การกู้ไอเอ็มเอฟ
ซึ่งทักษิณก็ไม่เกี่ยวอีก

เพราะรัฐบาลมีมติทำเรื่องกู้เรียบร้อยไปแล้วตั้งแต่ 14 ส.ค. 40

15 ส.ค. 40   ก็มีการปรับคณะรัฐมนตรี

ทักษิณ  เข้ามาเป็นรองนายกฯ   กำกับดูแลเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน

ส่วนคนที่เข้ามาดูเรื่องเศรษฐกิจ  คือ อ.โกร่ง  วีรพงษ์  รามางกูร


แต่ทั้งสองคน  ก็ทำอะไรไม่ได้มาก   เพราะถึงกลางเดือน พ.ย. 40   บิ๊กจิ๋วก็ประกาศลาออกจากนายกฯ
สิ้นสุดรัฐบาลชวลิต  

แล้วก็เกิดปรากฎการณ์งูเห่าจากลุ่มนายวัฒนา  อัศวเหม  แยกตัวจากพรรคประชากรไทย
ไปยกมือสนับสนุนให้นายชวน  หลีกภัย  ได้เป็นนายกฯ ครั้งที่ 2  เพื่อแลกกับตำแหน่ง รมช.มหาดไทย และ รมว.กระทรวงวิทย์ ฯ

อันนำมาสู่ค่าโง่คลองด่านหมื่นล้านอันลือลั่น
(นี่แหละครับ  ฝีมือนายชวนผู้ใสสะอาด  ทั้ง ปรส. ทั้งคลองด่าน  และอื่น ๆ  มูลค่าเกินล้านล้านบาท)




ลดค่าเงิน  2 ก.ค. 40    
กู้ไอเอ็มเอฟ  14 ส.ค. 40

ทักษิณเข้าร่วม ครม.ชวลิต  15 ส.ค. 40 - 14 พ.ย. 40

เป็นรองนายกฯ กำกับดูแลเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน  ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเงินการคลัง




คนหล่อน่ะ  ไม่ใช่แค่หล่อเป็นอย่างเดียว
รำคาญก็เป็นว้อย
เม่าพาล



จำไว้
ถีบขาคู่
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าเขารู้เรื่องรู้ความเข้าใจเรื่องที่คุณหล่อแจกแจงมาตั้งแต่ต้นนั้น

เขาก็ไม่ใช่สลิ่มแล้วซิครับ  ถ้าเป็นสลิ่ม ต้องทำเป็นว่าไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ ไหนอะไรพิมพ์อะไรมา

ทักษิณ มานรวยจากการลดค่าเงิน นายกชวน มาแก้ปัญหาที่พวกนี้ทำไว้

ถ้าเข้าใจก็ไม่ใช่สลิ่มแล้วล่ะ   เพราะสลิ่ม นั้นต้องดักดาน ปฎิเสธความเป็นจริงที่ตัวเองไม่ชอบ

เหนือยเปล่าครับคุณหล่อ  สลิ่มยังไงก็ยังคงเป็นสลิ่ม เพราะไม่เคยได้ใช้สมองไตร่ตรอง

เรื่องจริงๆที่เกิด ไทม์ไลน์ทั้งหลาย  ไม่รับรู้ แต่ถ้าปิดบ้านปิดเมือง  ขัดขวางการเลือกตั้ง

ทำตัวหนักแผ่นดินถ่วงความเจริญของประเทศชาติ  อันนี้สลิ่มถนัดมาก กระดี้กระด้าทำกันทันที

นี่เป็นยังงี้ซะด้วยครับคุณหล่อ  สลิ่มจึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่คนทั้งโลก งงงวยและสมเพชในพฤติกรรมเป็นที่สุดครับ


ปล  คุณหล่อจะไม่มีโอกาสได้เห็น สลิ่มมาถกด้วยเหตุผลในกระทู้คุณหล่อเลยครับ(มีแต่มา กวนมาป่วน มีปัญญาแค่นั้นแหละ)


ชยารมภ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่