ไปญี่ปุ่นกันไหม??? ประโยคคำถามที่ ใครๆ หลายๆคน คงชอบ
อยากเล่น สโนบอร์ด ความคิด แรกๆ หลังจากได้ ยินคำว่า ไปญี่ปุ่นเข้ามาในหัว
ไปไหนดี ล่ะ คำถามต่อมา หลังจาก เก็บข้อมูลและได้ สอบถาม พี่ ที่ พำนักอยู่ ที่แดนปลาดิบ แนะนะ
“Gala yusawa ไหม มี รถชิงคังเซน นั่ง ต่อเดียวยาวไปถึงเลย” พี่ จากญี่ปุ่น แนะนำ
การเริ่มหาข้อมูล ก็เริ่มต้นขึ้น
“เราไป นอนแถว gala น้ะ มีลานสกีให้เล่นด้วย” คำเอ่ยเลื่อนลอย ต่อหน้า บัดดี้ ผู้ร่วมเดินทาง
“ได้” สั้นๆ ห้วนๆ แต่ หน้าตา และ สายตา เหมือนไปคนละทิศละทาง
เห็นดังนั้นแล้ว คงไม่สนุกเป็นแน่แท้ เปลี่ยน สถานที่ก็ได้ (สำหรับ ผช ที่เวลาจัดทริป พาแฟน เที่ยงคง เข้าใจ ความรู้สึก น้ะครับ)
จึงต้องวางแผนใหม่ เปิด แผนที่ พร้อมอ่าน รีวิว จาก เวป ต่างๆ ภาษไทยบ้างอังกฤษบ้าง จนมาเจอ เมืองที่ ชื่อว่า คุซัสซึ
คุซัสซี เป็นเมืองเล็กเล็ก อยู่ในจังหวัด กุมมะ มีประชากร ประมาณ 6000 กว่าคน แต่ที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้ คือ ออนเซน และ ทุกครั้ง ในโลก ของ google เมื่อ พิมพ์ คำว่า kusatsu จะต้องมี คำว่า onsen เข้ามาเกี่ยวข้อง เสมอ ซึ่ง เมืองนี้ได้ ชื่อว่า เป็นเมือง แห่ง ออนเซน ทอป 3 ในประเทศ ญี่ปุ่น กันเลย ทีเดียว
“เอาหล่ะ ไป kusatsu น้ะ มีออนเซน อันดับ สามด้วย” หลังจากที่พยายามหาข้อมูลอยู่สักระยะ ก็ได้ เริ่ม สรุปทริปอีกครั้ง
“ดีน้ะ ไปมาหลายรอบ ยังไม่เคย แช่เลยอ่ะ อาย มีแบบ ส่วนตัวไหม ไม่ต้องไปร่วมกับ คนอื่น”
การบ้านข้อที่ 2 ตามมา รายการโรงแรม จาก เวป ต่างๆ เริ่ม ไหล เข้ามา จนกระทั้ง ลงตัวที่ โรงแรม คาเนะ มิโดริ

จากการอ่าน รีวิว จาก หลายๆ เวป พบว่า เป็น โรงแรม ที่ เข้าท่ากันเลย ทีเดียว
โดยภาพร่วม การเตรียมตัวก่อน การเดินทาง ค่อยข้างยาก มากๆ เพราะ เมืองนี้ รีวิว ที่เป็นภาษา ไทยน้อยมาก น่าจะมีแค่ 1-3 อันแค่นั้น แต่ก็ พอได้ ข้อสรุป คราวๆ
และเมื่อ ถึงเวลาเดินทาง โดยทริปนี้ เรานอนที่ ย่าน ดิสนี่แลน 2 วัน ขอข้ามไปเลยเพราะ ย่านนี้ หาอ่านได้เยอะ
การเดินทางเริ่มต้น เมื่อ คืนก่อน วันที่กำหนด ผมนัด พี่ที่ ญี่ปุ่น มาช่วย เอาสัมพาระ ที่เกินจำเป็นไปฝากไว้ที่บ้าน เพราะในตอนเช้าเราจะมีแค่ เป้ และ กระเป๋า ลาก อย่างละใบ สำหรับการ เดินทาง ค้างอ้างแรม ต่างจังหวัด 1 คืน
เช้าวันรุ่นขึ้น ผมคำนวนเวลา ตาม google map เราจะออกจาก โรงแรม ประมาณ 9 โมง แล้ว เดินทางไปต่อ รถที่ โตเกียว สเตชั่น เพื่อ ขึ้น ชิงกังเซนไป ลง ที่ takasai
ตอนนี้ ผมเลือกที่จะ ซื้อ บัตร JR wild pass (รายละเอียด บัตร หาอ่าน ได้จาก รีวิว มีเยอะครับ)

หลังจากได้ บัตร ก็ จองที่นั่ง ชิงคังเซน ให้เรียบร้อย
ตอนที่ ซื้อ บัตร JR พนักงาน สาวชาวญี่ปุ่น น่ารักมาก สอบถามว่าจะไป ที่ไหนกัน ผมก็เปิด แผนที่จาก GG map ให้เค้าดู เค้าก็จัดการ จองตั๋ว ชิงคังเซน ให้เรียบร้อย พร้อม บอก จุดต่อรถ และ รถขบวน ถัด ไป
จากเวลาที่เรา จองไว้คือ รอบ 10.16น. ยังมีเวลา ที่จะหา อาหารเช้า ก็เลยชวน แฟน ไป เดินหาของกิน หรือที่เรียกว่า เบนโต้ะ ว่ากันว่า การมาญี่ปุ่น ต้องได้ กิน ข้าวกล่องบน ชิงคังเซน ผมก็เลยคิดเองเออ เอง ว่า แฟนก็อยากทำแบบนี้เหมือนกัน


และนี้คือหน้าตา ข้าวกล่อง ที่เรา เลือกกันมา ของผม อยากกิน อูนิ อยู่แล้ว เลย จัดก่อนเลย ส่วนแฟน บอกว่าขอ แบบ กลางๆ มีหมู อยู่หน้ากล่อง เด๋วมาดูกันต่อว่า เปิดออกมาจะเป็นอย่างไร
ตัดกลับมาที่ หลังจากซื้อข้าวกล่องเสรจ เราจะต้องเดินตามหา ชานชลา ที่จะต้องขึ้นรถ ก็ไม่ได้ยากอย่างที่ใครๆ กังวัล

ระหว่างรอ รถ นั้นแหละครับ เราก็ต้องมีการ ถ่ายรูป รถคันที่เราจะขึ้น อ้าวเห้ย พ่อหนุ่ม 2 คนนั้น เดินมาตรงนั้น เวลา นั้นพอดิบพอดี สรุปว่า ภาพที่ได้เราได้นายแบบ พรีเซนเตอ รถไฟ ชิงคังเซน มา 2 คน
ความโชคดี ของการ จองที่นั่งก่อนการขึ้นรถ จริงๆ ก็คือ ว่า ในชิงคังเซน 1 ขบวน จะเป็นตู้ที่ มีไว้สำหรับคนจองที่นั่งประมาณ 8 ตู้ แต่จะมี ตู้ที่ คนไม่ได้จอง ประมาณ 4 ตู้ ต้องไปวัดดวง เอา
ปล.มาทราบที่หลังว่า การจองที่นั่ง จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ไม่เคยรู้มาก่อน เพราะ ทุกครั้งที่มา ซื้อ พาส วัน พาสสัปดาห์ ใช้ สามารถจองที่นั่งได้ทุกครั้ง
หลังจากได้ที่นั่งเรียบร้อย ก็ถึงเวลาอาหาร เช้า

และนี้คือ หน้าตา ข้าวหน้าอูนิ ของผม ขอบรรยาย แบบ ตรงๆ ไข่หอยเม่น ชินเล็กๆ ระเอียด มาก ข้าวสีออก น้ำตาล น่าจะ คลุก ซีอี้วมา จาก สภาพ หน้าตา ให้ 3/5 คะแนน ได้คะแนน จากหีบห่อ
ต่อไป ดูข้าวหน้า หมู

หันไปมอง ของ แฟน แล้ว เหมือนจะ อิจฉาเล็กๆ หมูชิ้น โตมาก ข้าวขาวสวย มีบ้วย1 เม็ด ดู น่ารับประทาน ยิ่งนัก ผมให้คะแนน ในใจ 5 เต็ม 5 กันไปเลย
หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จ ท้องก็เริ่มร้อง เราก็เริ่ม ลงมือ รับประทาน ขณะนั้น รถไฟ จอดรับคนอยู่ที่ สถานนี โอมิยะ
จังหวัด กำลัง ใช้ตะเกียบคีบ ข้าว จะใส่ปาก รถชิงคันเซนตัวแรงก็ออกตัว ล้อฟรีจาก สถานี โอมิยะ ข้าว คำแรก ที่สัมผัสลิ้น บวกความแรงการออก ตัว พุงทะยาน ทะลุ ลงคอไป ความเย็นยะเยือก ของ เม็ดข้าว สัมผัส กับพื้นผิว คอ วาบ ขนลุกขึ้นมาทันที
มันเย็นมาก เราสองคน หันมองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย ข้าวเย็น หมูก็เย็น ไม่มีความกรอบ ของ ทงคัสซึ เลยแม้แต่ น้อย ด้วยความโชคดีของผมที่เป็นข้าวหน้าอูนิ การกิน เย็นๆ เลยดูไม่ลำบากเท่า หมูทอดทงคัสซึ แบบเย็น ใจนึงจะ แลกกัน กับแฟน จะได้ กินไม่ลำบาก ก็ทำไม่ได้ ด้วยแฟนไม่กิน ของดิบ ลองนึกภาพ คนใส่เหล็กดัดฟัน แล้วต้องกัด หมูทอดทงคัสสึเย็น ปวดร้าวไป ถึง ภายใน
ตอนนี้คะแนน อาหาร กล่อง ของ ข้าวหน้า อูนิ ลดมาเหลือ 2/5 ยังดีที่ อูนิสด ระดับนึง แต่ ข้าวหน้ามูมู่ทอดทงคัสสึเย็นนิสิ คงเหลือแค่ 1 เต็ม 10 ก็ไม่ปาน ยังดีที่เครื่องเคียง อร่อย
ปล. การให้คะแนน เป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับ การใช้ ลิ้นเทพในการตัดสินคะแนนของอาหาร แบบ รายการทีวี ดังๆ
โดย ธรรมชาติ ของคนญี่ปุ่น เค้าอาจจะชินกับการ กินอาหาร แบบนี้ แต่ ธรรมชาติของคนไทย ที่ ลิ้นเราเคยแต่สัมผัส ข้าวร้อนๆ แกงอุ่นๆ โอ้ย คิดแล้วก็ยังขนลุก ซู่ซุ่อยู่เลย

นั่งมอง วิว ระหว่างทาง รถไฟ ทำความเร็ว 236 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง กำลังพา เราออกต่างจังหวัดเรื่อยๆ นั่งได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมงดี ก็มา ถึง สถานี takasaki สถานที่เราจะต้อง นั่งรถไฟ หวานเย็น ไป ยัง สถานี naganohara – kusatsuguchi ตอนนี้เรา มี ตั๋วอีกใบ อยู่ในมือ เป็นตั๋วที่ พนักงาน JR ที่เราไปซื้อตั๋วตอนแรกให้มา
ความคิดผม ยังงง เพราะ ตอนอ่านรีวิว บอกว่าเมื่อถึง สถานี ทาคาซากิ แล้วจะต้องต่อ รถไฟ หวานเย็น ความคิดในหัว รถไฟหวานเยน รถไฟหวานเยน คงเป็นรถ ไฟฟ้า คล้าย ดีเซลรางบ้านเรา กระมั่ง

นี้คือ ภาพ รถที่ผม คิด ว่าคง คล้ายๆ รถที่ใช้ตอน นั่งจาก เกียวโต ไป นารา ประมาณ นั้น
แต่ อ้าวเห้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่น่า รถที่ วิ่งเข้า ชานชลา มา หน้าตาไม่น่าจะเรียกว่า รถหวานเยน น้ะครับ
ผมหันไปมองหน้าแฟน แล้ว เห้ย มันถูกคันเปล่าเนี้ยะ เพราะผม โม้ไว้เยอะว่า เดินทางลำบาก ต้องนั่งรถไฟหวานเยน
จนกระทั่ง มันมา ใกล้ๆ จนเห็น รูป สัญลัก บ่อน้ำร้อน และ คำว่า kusatsu มันถูกแล้วครับ ไม่ผิด เลย คันนี้แหละ นี้เรียก รถไฟหวานเยน เหรอ ห้ะ แล้วบ้าน กู เรียก อะไร ว้ะ
ระหว่างทางเราก็ พอมองเห็น หิมะ ปะปราย จนกระทั่ง ถึง สถานี นากาโนะฮาระ-คุซัสซึกุชิ มาถึงตรงนี้ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 8 นาที ลงจาก รถไฟ
จากนี้ต้องไป ต่อรถบัส เพื่อ ขึ้นไป ที่ คุซัสซึ ออนเซน สเตชั่น จากการ ศึกษา ข้อมูล ในหลายๆ เวป ให้ความเห็นว่า การเดินหา ป้ายรถประจำทาง ที่จะขึ้นไป ที่ คุซัสซึ นั้นไม่ยาก เลย ตรงไหน แถวยาวๆ ไปต่อตรงนั้นแหละ คนจะหลั่งไหล ไปทางนั้น
ผม โชคดีที่ได้นั่ง ส่วน หัวหรือ ตู้ขบวนที่ 2 ทำให้สามารถ ออกจาก สถานีได้ก่อน เพื่อน เหมือน กับดีใจว่าเราเข้าเส้นชัยเป็น ทอป 3 ยังไง ยังงั้น หันซ้ายหันขวา เห็นห้องน้ำ เอาน่าเข้าก่อนดีกว่าเด๋ว จะนั่งรถอีกยาว จึงตัดสินใจเดินไปเข้าห้องน้ำ เพียงแค่ ราว 2 นาที กลับออกมา แถว ยาวมาก ตรงนี้น่าจะเป็นผู้โดย สาร จาก ตู้ที่ 3 4 5 เริ่มมา แซง ประหนึ่ง นิทาน กระต่ายกับเต่า เรามาถึงก่อน แต่แวะ ลั้ลล้า อยู่ จึง ตัดสินใจ รีบก้าวขา ยาวๆไป ยัง แถว เพื่อ รอขึ้นรถ
หันไปเห็น รถ บัส ออกไปแล้ว 2 คัน เรา ยืนรอ แถว อยู่ คันที่ 3 คิดในใจ มันถูกคันไหมน้ะ หัน ซ้าย หันขวา มีแต่ภาษา ญี่ปุ่น และคนญี่ปุ่น ไม่เห็นคนไทย แม้แต่คนเดียว แต่จะเห็น ฝรั่งหัวเหลืองหัวทองกันเยอะ จากการประมาณ การ นักท่องเที่ยว จากสายตา เป็น คน ญี่ปุ่น 90% ฝรั่งหัวทอง 5% ย่านเอเชีย 5% คนไทย มีเพียงแค่เรา
กลับมาที่ รถ จังหวะนี้ กระเป๋า ที่ลากมา และ สะพายอยุ่ ต้อง รีบ รุด ขึ้นรถให้ได้ เลยไม่ทันได้เก็บ ภาพ มาฝาก พอขึ้นไปจับจองที่นั่งบนรถได้ แล้วก็ เห็น ทีวี กลางรถ ที่บ้านเราจะไว้เปิด หนังหรือ คาราโอเกะกัน แต่รถบัส ญี่ปุ่น จะบอก เป็นสถานี ต่อไปว่าจะไปที่ไหน และ ฉาย วนๆ สลับกับ ที่หมาย ปลายทางทำให้เรามั่นใจ ว่ามาถูกคัน
จากตรงจุดนี้ หิมะ ปกคลุมพื้นที่ เต็มไปหมด ระหว่าง ต่อแถวขึ้นรถ นั้น ปากเริ่มซีด เพราะ ตอนอยู่บนรถไฟหวานเย็น เค้าปรับ อุณหภูมิภายในไม่ได้ รับรู้สัมผัส อากาศข้างนอก
รถบัสเริ่มเคลื่อนตัว วิ่ง บนเขา วนซ้ายบ่ายขวา ด้วยความเร็ว ไม่มาก เหมือนกับ ขึ้น ดอยอิทนนท์ บรรยากาศ รอบข้าง เป็นสีขาวโพลน
ความตื่นเต้นเริ่มเข้ามา แม้ว่าจะเคยไปเล่น สโนบอร์ดที่เกาหลีมาแล้วแต่ในครั้งนั้นไป ช่วงท้าย ฤดู หิมะปลอมๆ ของที่ลานสกีทำขึ้น นี้เป็นหิมะ จริงครั้งแรก ในชีวิต เราจะได้เห็น แล้ว ตื้นเต้นตื่นเต้น ผ่านไปราว 30 นาที ก็มาถึง สถานี คุซัสซึ ที่หมายเรา เวลาประมาณ บ่าย โมง เกือบบ่าย 2
หลังจาก ลงจาก รถ งง สิห้ะ ทุกอย่าง ทุกทิศทาง เป็น ภาษา ญี่ปุ่น ล้วนๆ เลยห้ะ จะไปทางไหน ทิศไหน คว้ามือถือมาดู เราต้องออกไปแล้วเดิน ข้ามแยก gg map บอกทาง ไว้ 3 เส้นทาง เส้นที่สั้นที่ สุด ระยะ ทาง 220 เมตร อีกทาง 290 เมตร และ 270 เมตร เราก็ต้องเลือก 220 เมตร สิน้ะ
วืบแรก ที่ใบหน้าสัมผัส อากาศ จริง ณ เมือง คุซัสซึ ที่ อุณหภูมิ -2 องศา มีละออง หิมะ โปรยปราย ตื่นเต้น ชอบ สนุก ดีใจ ตื้นตัน ต่างๆ นานา มาเต็ม กระเป๋าที่ลาก ล้อเริ่ม หมุนไปตามทางรถ ข้ามแยกใหญ่ เลี้ยวซ้าย ตรงไปนิด เจอซอยขวามือ เห้ย ทำไม ถนนสีขาว แล้วจะไปยังไง หิมะ ปกคลุมทาง เดิน เต็มไปหมด
อาการ ตอนนี้ หนาว มือแข็ง ปากเย็น หูเย็น จะไม่ไหว แล้ว เอาวะ ไหนๆ ก็ใกล้สุด หันไปมองหน้าแฟน ไปกันได้เน้อะ ก็ เดิน ฝ่า มาเลย ห้ะ ทะลุ ซอย ประมาณ 50 เมตร อ้าวเห้ย ถึงแล้ว สั้นจริงๆ
เด๋ว มาต่อน้ะครับ เราจะมา รอดู หน้าตา โรงแรม ของเรา
[CR] รีวิว ทริป ชวนกันไป แช่ ออนเซน top3 ของ ญี่ปุ่น เมือง kusatsu
อยากเล่น สโนบอร์ด ความคิด แรกๆ หลังจากได้ ยินคำว่า ไปญี่ปุ่นเข้ามาในหัว
ไปไหนดี ล่ะ คำถามต่อมา หลังจาก เก็บข้อมูลและได้ สอบถาม พี่ ที่ พำนักอยู่ ที่แดนปลาดิบ แนะนะ
“Gala yusawa ไหม มี รถชิงคังเซน นั่ง ต่อเดียวยาวไปถึงเลย” พี่ จากญี่ปุ่น แนะนำ
การเริ่มหาข้อมูล ก็เริ่มต้นขึ้น
“เราไป นอนแถว gala น้ะ มีลานสกีให้เล่นด้วย” คำเอ่ยเลื่อนลอย ต่อหน้า บัดดี้ ผู้ร่วมเดินทาง
“ได้” สั้นๆ ห้วนๆ แต่ หน้าตา และ สายตา เหมือนไปคนละทิศละทาง
เห็นดังนั้นแล้ว คงไม่สนุกเป็นแน่แท้ เปลี่ยน สถานที่ก็ได้ (สำหรับ ผช ที่เวลาจัดทริป พาแฟน เที่ยงคง เข้าใจ ความรู้สึก น้ะครับ)
จึงต้องวางแผนใหม่ เปิด แผนที่ พร้อมอ่าน รีวิว จาก เวป ต่างๆ ภาษไทยบ้างอังกฤษบ้าง จนมาเจอ เมืองที่ ชื่อว่า คุซัสซึ
คุซัสซี เป็นเมืองเล็กเล็ก อยู่ในจังหวัด กุมมะ มีประชากร ประมาณ 6000 กว่าคน แต่ที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้ คือ ออนเซน และ ทุกครั้ง ในโลก ของ google เมื่อ พิมพ์ คำว่า kusatsu จะต้องมี คำว่า onsen เข้ามาเกี่ยวข้อง เสมอ ซึ่ง เมืองนี้ได้ ชื่อว่า เป็นเมือง แห่ง ออนเซน ทอป 3 ในประเทศ ญี่ปุ่น กันเลย ทีเดียว
“เอาหล่ะ ไป kusatsu น้ะ มีออนเซน อันดับ สามด้วย” หลังจากที่พยายามหาข้อมูลอยู่สักระยะ ก็ได้ เริ่ม สรุปทริปอีกครั้ง
“ดีน้ะ ไปมาหลายรอบ ยังไม่เคย แช่เลยอ่ะ อาย มีแบบ ส่วนตัวไหม ไม่ต้องไปร่วมกับ คนอื่น”
การบ้านข้อที่ 2 ตามมา รายการโรงแรม จาก เวป ต่างๆ เริ่ม ไหล เข้ามา จนกระทั้ง ลงตัวที่ โรงแรม คาเนะ มิโดริ
จากการอ่าน รีวิว จาก หลายๆ เวป พบว่า เป็น โรงแรม ที่ เข้าท่ากันเลย ทีเดียว
โดยภาพร่วม การเตรียมตัวก่อน การเดินทาง ค่อยข้างยาก มากๆ เพราะ เมืองนี้ รีวิว ที่เป็นภาษา ไทยน้อยมาก น่าจะมีแค่ 1-3 อันแค่นั้น แต่ก็ พอได้ ข้อสรุป คราวๆ
และเมื่อ ถึงเวลาเดินทาง โดยทริปนี้ เรานอนที่ ย่าน ดิสนี่แลน 2 วัน ขอข้ามไปเลยเพราะ ย่านนี้ หาอ่านได้เยอะ
การเดินทางเริ่มต้น เมื่อ คืนก่อน วันที่กำหนด ผมนัด พี่ที่ ญี่ปุ่น มาช่วย เอาสัมพาระ ที่เกินจำเป็นไปฝากไว้ที่บ้าน เพราะในตอนเช้าเราจะมีแค่ เป้ และ กระเป๋า ลาก อย่างละใบ สำหรับการ เดินทาง ค้างอ้างแรม ต่างจังหวัด 1 คืน
เช้าวันรุ่นขึ้น ผมคำนวนเวลา ตาม google map เราจะออกจาก โรงแรม ประมาณ 9 โมง แล้ว เดินทางไปต่อ รถที่ โตเกียว สเตชั่น เพื่อ ขึ้น ชิงกังเซนไป ลง ที่ takasai
ตอนนี้ ผมเลือกที่จะ ซื้อ บัตร JR wild pass (รายละเอียด บัตร หาอ่าน ได้จาก รีวิว มีเยอะครับ)
หลังจากได้ บัตร ก็ จองที่นั่ง ชิงคังเซน ให้เรียบร้อย
ตอนที่ ซื้อ บัตร JR พนักงาน สาวชาวญี่ปุ่น น่ารักมาก สอบถามว่าจะไป ที่ไหนกัน ผมก็เปิด แผนที่จาก GG map ให้เค้าดู เค้าก็จัดการ จองตั๋ว ชิงคังเซน ให้เรียบร้อย พร้อม บอก จุดต่อรถ และ รถขบวน ถัด ไป
จากเวลาที่เรา จองไว้คือ รอบ 10.16น. ยังมีเวลา ที่จะหา อาหารเช้า ก็เลยชวน แฟน ไป เดินหาของกิน หรือที่เรียกว่า เบนโต้ะ ว่ากันว่า การมาญี่ปุ่น ต้องได้ กิน ข้าวกล่องบน ชิงคังเซน ผมก็เลยคิดเองเออ เอง ว่า แฟนก็อยากทำแบบนี้เหมือนกัน
และนี้คือหน้าตา ข้าวกล่อง ที่เรา เลือกกันมา ของผม อยากกิน อูนิ อยู่แล้ว เลย จัดก่อนเลย ส่วนแฟน บอกว่าขอ แบบ กลางๆ มีหมู อยู่หน้ากล่อง เด๋วมาดูกันต่อว่า เปิดออกมาจะเป็นอย่างไร
ตัดกลับมาที่ หลังจากซื้อข้าวกล่องเสรจ เราจะต้องเดินตามหา ชานชลา ที่จะต้องขึ้นรถ ก็ไม่ได้ยากอย่างที่ใครๆ กังวัล
ระหว่างรอ รถ นั้นแหละครับ เราก็ต้องมีการ ถ่ายรูป รถคันที่เราจะขึ้น อ้าวเห้ย พ่อหนุ่ม 2 คนนั้น เดินมาตรงนั้น เวลา นั้นพอดิบพอดี สรุปว่า ภาพที่ได้เราได้นายแบบ พรีเซนเตอ รถไฟ ชิงคังเซน มา 2 คน
ความโชคดี ของการ จองที่นั่งก่อนการขึ้นรถ จริงๆ ก็คือ ว่า ในชิงคังเซน 1 ขบวน จะเป็นตู้ที่ มีไว้สำหรับคนจองที่นั่งประมาณ 8 ตู้ แต่จะมี ตู้ที่ คนไม่ได้จอง ประมาณ 4 ตู้ ต้องไปวัดดวง เอา
ปล.มาทราบที่หลังว่า การจองที่นั่ง จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ไม่เคยรู้มาก่อน เพราะ ทุกครั้งที่มา ซื้อ พาส วัน พาสสัปดาห์ ใช้ สามารถจองที่นั่งได้ทุกครั้ง
หลังจากได้ที่นั่งเรียบร้อย ก็ถึงเวลาอาหาร เช้า
และนี้คือ หน้าตา ข้าวหน้าอูนิ ของผม ขอบรรยาย แบบ ตรงๆ ไข่หอยเม่น ชินเล็กๆ ระเอียด มาก ข้าวสีออก น้ำตาล น่าจะ คลุก ซีอี้วมา จาก สภาพ หน้าตา ให้ 3/5 คะแนน ได้คะแนน จากหีบห่อ
ต่อไป ดูข้าวหน้า หมู
หันไปมอง ของ แฟน แล้ว เหมือนจะ อิจฉาเล็กๆ หมูชิ้น โตมาก ข้าวขาวสวย มีบ้วย1 เม็ด ดู น่ารับประทาน ยิ่งนัก ผมให้คะแนน ในใจ 5 เต็ม 5 กันไปเลย
หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จ ท้องก็เริ่มร้อง เราก็เริ่ม ลงมือ รับประทาน ขณะนั้น รถไฟ จอดรับคนอยู่ที่ สถานนี โอมิยะ
จังหวัด กำลัง ใช้ตะเกียบคีบ ข้าว จะใส่ปาก รถชิงคันเซนตัวแรงก็ออกตัว ล้อฟรีจาก สถานี โอมิยะ ข้าว คำแรก ที่สัมผัสลิ้น บวกความแรงการออก ตัว พุงทะยาน ทะลุ ลงคอไป ความเย็นยะเยือก ของ เม็ดข้าว สัมผัส กับพื้นผิว คอ วาบ ขนลุกขึ้นมาทันที
มันเย็นมาก เราสองคน หันมองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย ข้าวเย็น หมูก็เย็น ไม่มีความกรอบ ของ ทงคัสซึ เลยแม้แต่ น้อย ด้วยความโชคดีของผมที่เป็นข้าวหน้าอูนิ การกิน เย็นๆ เลยดูไม่ลำบากเท่า หมูทอดทงคัสซึ แบบเย็น ใจนึงจะ แลกกัน กับแฟน จะได้ กินไม่ลำบาก ก็ทำไม่ได้ ด้วยแฟนไม่กิน ของดิบ ลองนึกภาพ คนใส่เหล็กดัดฟัน แล้วต้องกัด หมูทอดทงคัสสึเย็น ปวดร้าวไป ถึง ภายใน
ตอนนี้คะแนน อาหาร กล่อง ของ ข้าวหน้า อูนิ ลดมาเหลือ 2/5 ยังดีที่ อูนิสด ระดับนึง แต่ ข้าวหน้ามูมู่ทอดทงคัสสึเย็นนิสิ คงเหลือแค่ 1 เต็ม 10 ก็ไม่ปาน ยังดีที่เครื่องเคียง อร่อย
ปล. การให้คะแนน เป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับ การใช้ ลิ้นเทพในการตัดสินคะแนนของอาหาร แบบ รายการทีวี ดังๆ
โดย ธรรมชาติ ของคนญี่ปุ่น เค้าอาจจะชินกับการ กินอาหาร แบบนี้ แต่ ธรรมชาติของคนไทย ที่ ลิ้นเราเคยแต่สัมผัส ข้าวร้อนๆ แกงอุ่นๆ โอ้ย คิดแล้วก็ยังขนลุก ซู่ซุ่อยู่เลย
นั่งมอง วิว ระหว่างทาง รถไฟ ทำความเร็ว 236 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง กำลังพา เราออกต่างจังหวัดเรื่อยๆ นั่งได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมงดี ก็มา ถึง สถานี takasaki สถานที่เราจะต้อง นั่งรถไฟ หวานเย็น ไป ยัง สถานี naganohara – kusatsuguchi ตอนนี้เรา มี ตั๋วอีกใบ อยู่ในมือ เป็นตั๋วที่ พนักงาน JR ที่เราไปซื้อตั๋วตอนแรกให้มา
ความคิดผม ยังงง เพราะ ตอนอ่านรีวิว บอกว่าเมื่อถึง สถานี ทาคาซากิ แล้วจะต้องต่อ รถไฟ หวานเย็น ความคิดในหัว รถไฟหวานเยน รถไฟหวานเยน คงเป็นรถ ไฟฟ้า คล้าย ดีเซลรางบ้านเรา กระมั่ง
นี้คือ ภาพ รถที่ผม คิด ว่าคง คล้ายๆ รถที่ใช้ตอน นั่งจาก เกียวโต ไป นารา ประมาณ นั้น
แต่ อ้าวเห้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่น่า รถที่ วิ่งเข้า ชานชลา มา หน้าตาไม่น่าจะเรียกว่า รถหวานเยน น้ะครับ
ผมหันไปมองหน้าแฟน แล้ว เห้ย มันถูกคันเปล่าเนี้ยะ เพราะผม โม้ไว้เยอะว่า เดินทางลำบาก ต้องนั่งรถไฟหวานเยน
จนกระทั่ง มันมา ใกล้ๆ จนเห็น รูป สัญลัก บ่อน้ำร้อน และ คำว่า kusatsu มันถูกแล้วครับ ไม่ผิด เลย คันนี้แหละ นี้เรียก รถไฟหวานเยน เหรอ ห้ะ แล้วบ้าน กู เรียก อะไร ว้ะ
ระหว่างทางเราก็ พอมองเห็น หิมะ ปะปราย จนกระทั่ง ถึง สถานี นากาโนะฮาระ-คุซัสซึกุชิ มาถึงตรงนี้ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 8 นาที ลงจาก รถไฟ
จากนี้ต้องไป ต่อรถบัส เพื่อ ขึ้นไป ที่ คุซัสซึ ออนเซน สเตชั่น จากการ ศึกษา ข้อมูล ในหลายๆ เวป ให้ความเห็นว่า การเดินหา ป้ายรถประจำทาง ที่จะขึ้นไป ที่ คุซัสซึ นั้นไม่ยาก เลย ตรงไหน แถวยาวๆ ไปต่อตรงนั้นแหละ คนจะหลั่งไหล ไปทางนั้น
ผม โชคดีที่ได้นั่ง ส่วน หัวหรือ ตู้ขบวนที่ 2 ทำให้สามารถ ออกจาก สถานีได้ก่อน เพื่อน เหมือน กับดีใจว่าเราเข้าเส้นชัยเป็น ทอป 3 ยังไง ยังงั้น หันซ้ายหันขวา เห็นห้องน้ำ เอาน่าเข้าก่อนดีกว่าเด๋ว จะนั่งรถอีกยาว จึงตัดสินใจเดินไปเข้าห้องน้ำ เพียงแค่ ราว 2 นาที กลับออกมา แถว ยาวมาก ตรงนี้น่าจะเป็นผู้โดย สาร จาก ตู้ที่ 3 4 5 เริ่มมา แซง ประหนึ่ง นิทาน กระต่ายกับเต่า เรามาถึงก่อน แต่แวะ ลั้ลล้า อยู่ จึง ตัดสินใจ รีบก้าวขา ยาวๆไป ยัง แถว เพื่อ รอขึ้นรถ
หันไปเห็น รถ บัส ออกไปแล้ว 2 คัน เรา ยืนรอ แถว อยู่ คันที่ 3 คิดในใจ มันถูกคันไหมน้ะ หัน ซ้าย หันขวา มีแต่ภาษา ญี่ปุ่น และคนญี่ปุ่น ไม่เห็นคนไทย แม้แต่คนเดียว แต่จะเห็น ฝรั่งหัวเหลืองหัวทองกันเยอะ จากการประมาณ การ นักท่องเที่ยว จากสายตา เป็น คน ญี่ปุ่น 90% ฝรั่งหัวทอง 5% ย่านเอเชีย 5% คนไทย มีเพียงแค่เรา
กลับมาที่ รถ จังหวะนี้ กระเป๋า ที่ลากมา และ สะพายอยุ่ ต้อง รีบ รุด ขึ้นรถให้ได้ เลยไม่ทันได้เก็บ ภาพ มาฝาก พอขึ้นไปจับจองที่นั่งบนรถได้ แล้วก็ เห็น ทีวี กลางรถ ที่บ้านเราจะไว้เปิด หนังหรือ คาราโอเกะกัน แต่รถบัส ญี่ปุ่น จะบอก เป็นสถานี ต่อไปว่าจะไปที่ไหน และ ฉาย วนๆ สลับกับ ที่หมาย ปลายทางทำให้เรามั่นใจ ว่ามาถูกคัน
จากตรงจุดนี้ หิมะ ปกคลุมพื้นที่ เต็มไปหมด ระหว่าง ต่อแถวขึ้นรถ นั้น ปากเริ่มซีด เพราะ ตอนอยู่บนรถไฟหวานเย็น เค้าปรับ อุณหภูมิภายในไม่ได้ รับรู้สัมผัส อากาศข้างนอก
รถบัสเริ่มเคลื่อนตัว วิ่ง บนเขา วนซ้ายบ่ายขวา ด้วยความเร็ว ไม่มาก เหมือนกับ ขึ้น ดอยอิทนนท์ บรรยากาศ รอบข้าง เป็นสีขาวโพลน
ความตื่นเต้นเริ่มเข้ามา แม้ว่าจะเคยไปเล่น สโนบอร์ดที่เกาหลีมาแล้วแต่ในครั้งนั้นไป ช่วงท้าย ฤดู หิมะปลอมๆ ของที่ลานสกีทำขึ้น นี้เป็นหิมะ จริงครั้งแรก ในชีวิต เราจะได้เห็น แล้ว ตื้นเต้นตื่นเต้น ผ่านไปราว 30 นาที ก็มาถึง สถานี คุซัสซึ ที่หมายเรา เวลาประมาณ บ่าย โมง เกือบบ่าย 2
หลังจาก ลงจาก รถ งง สิห้ะ ทุกอย่าง ทุกทิศทาง เป็น ภาษา ญี่ปุ่น ล้วนๆ เลยห้ะ จะไปทางไหน ทิศไหน คว้ามือถือมาดู เราต้องออกไปแล้วเดิน ข้ามแยก gg map บอกทาง ไว้ 3 เส้นทาง เส้นที่สั้นที่ สุด ระยะ ทาง 220 เมตร อีกทาง 290 เมตร และ 270 เมตร เราก็ต้องเลือก 220 เมตร สิน้ะ
วืบแรก ที่ใบหน้าสัมผัส อากาศ จริง ณ เมือง คุซัสซึ ที่ อุณหภูมิ -2 องศา มีละออง หิมะ โปรยปราย ตื่นเต้น ชอบ สนุก ดีใจ ตื้นตัน ต่างๆ นานา มาเต็ม กระเป๋าที่ลาก ล้อเริ่ม หมุนไปตามทางรถ ข้ามแยกใหญ่ เลี้ยวซ้าย ตรงไปนิด เจอซอยขวามือ เห้ย ทำไม ถนนสีขาว แล้วจะไปยังไง หิมะ ปกคลุมทาง เดิน เต็มไปหมด
อาการ ตอนนี้ หนาว มือแข็ง ปากเย็น หูเย็น จะไม่ไหว แล้ว เอาวะ ไหนๆ ก็ใกล้สุด หันไปมองหน้าแฟน ไปกันได้เน้อะ ก็ เดิน ฝ่า มาเลย ห้ะ ทะลุ ซอย ประมาณ 50 เมตร อ้าวเห้ย ถึงแล้ว สั้นจริงๆ
เด๋ว มาต่อน้ะครับ เราจะมา รอดู หน้าตา โรงแรม ของเรา
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น