คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 22
>> เหตุผลที่ ทำไมถึงเอาศักดิ์ศรีค้ำคอ เพราะ ถ้าการมีหุ้นส่วนคนนั้นอยู่แล้ว ทำให้เรามีสามี ทั้งๆที่ไม่เต็มใจ ก็ควรออกมา
>> ไม่ได้คิดค่าตัวตายจริงๆค่ะ แค่อารมณ์ชั่ววูป มีแว่ปมาบ้าง แต่ด้วยว่า เชื่อว่ามันจะไปต่อได้ค่ะ เชื่อมั่นว่ามันจะไปได้มันพึ่งเริ่มเมื่อเทียบกับแบรนด์เพื่อนคนอื่นๆ กับงบการตลาดที่เสียไป ถือว่าของเราไปได้นะคะ เชื่อว่าต้องสู้ แต่ท้อที่จะหาเงินจากไหนมาจ่ายให้ตรงสัญญา
ไม่อยากตายค่ะ อยากมีชีวิตอยู่เพื่อประสบความสำเร็จ
ขอบคุณมากๆนะค่ะทุกคน ขอบคุณจริงๆจากใจ
>> ไม่ได้คิดค่าตัวตายจริงๆค่ะ แค่อารมณ์ชั่ววูป มีแว่ปมาบ้าง แต่ด้วยว่า เชื่อว่ามันจะไปต่อได้ค่ะ เชื่อมั่นว่ามันจะไปได้มันพึ่งเริ่มเมื่อเทียบกับแบรนด์เพื่อนคนอื่นๆ กับงบการตลาดที่เสียไป ถือว่าของเราไปได้นะคะ เชื่อว่าต้องสู้ แต่ท้อที่จะหาเงินจากไหนมาจ่ายให้ตรงสัญญา
ไม่อยากตายค่ะ อยากมีชีวิตอยู่เพื่อประสบความสำเร็จ
ขอบคุณมากๆนะค่ะทุกคน ขอบคุณจริงๆจากใจ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เสียเครดิต ดีกว่าเสียชีวิตครับ ความเสี่ยงทางธุรกิจเป็นเรื่องธรรมดา
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงคุณมา หมดมากกว่านี้แน่นอน
หากคุณจะคิดสั้นเพราะเรื่องแค่นี้ ไม่รักชีวิตคุณแล้ว งั้นก็ได้
คุณลองมองกลับไปที่คุณพ่อคุณแม่คุณสิ งั้นคุณยกชีวิตที่เหลือของคุณให้ท่านสิ ไหนๆคุณก็ว่าชีวิตคุณไม่มีค่าแล้วนิ จะเจ็บ จะทุกข์ จะอาย จะต้องหน้าด้าน คุณก็ต้องอดทน ห้ามตายเด็ดขาด งั้นถือว่าอกตัญญูต่อพ่อแม่คุณ
คุณลองคิดดูเองแล้วกัน ว่าคุณจะทำอะไรชดเชย ที่ท่านอดทนลำบาก หมดเงินทองไม่รู้เท่าไร เลี้ยงดูคุณมา
ที่นี้เรามาดูเรื่องโชคดีของคุณบ้าง
1.ธุรกิจนี้เป็นของคุณคนเดียว อยากทำอะไรก็ทำสิทธิ์ขาดอยู่ที่คุณ
2.หนี้ยังไม่เกิด ถึงเกิดก็มีเพียงเจ้าเดียวคือโรงงาน คุณมีอำนาจต่อรองเต็มที่ คนเสียเปรียบคือโรงงาน
การทำธุรกิจคือผลประโยชน์ร่วมกัน หรืออีกนัยยะนึงคือมีความเสี่ยงร่วมกัน ดังคุณกับโรงงาน
มาต่อกัน
คุณเองต้องใจเย็นๆ รีบไปแจ้ง โรงงานผลิต ว่าทางเรามีปัญหากับหุ้น จำนวนที่เราสามารถจ่ายได้วันนั้นมีเท่านี้ ทางโรงงานพอจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง จะลดจำนวนของ ตัดขายให้คนอื่น ขึ้นราคาต่อหน่วยของคุณชดเชย หรือเสนอให้โรงงานมาเป็นหุ้นส่วนคุณใหม กี่เดือนกี่ปีแล้วคุณสัญญาว่าจะซื้อหุ้นคืน (แสดงหลักฐานว่าคุณขายได้จริง) ทางคุณก็บอกไปว่าตอนนี้กำลังเร่งแก้ไข
แล้วคุณก็ดูทางนั้นตอบหรือเสนอทางเลือกให้คุณ แต่คุณต้องแสดงให้เห็นว่า คุณจริงใจทุ่มเทที่จะแก้ปัญหา
ทีนี้ คุณก็ต้องมาแสวงหาหุ้นส่วนใหม่ มองจากลูกค้าคุณที่พอจะมีพาวเวอร์ ร้านขายเครื่องสำอางค์ เพื่อนๆ ครูอาจารย์ ลองlist รายชื่อ คนที่คุณพอจะรู้จัก ได้สักกี่สิบกี่ร้อยคน ลองหารส่วนดูน่าจะเหลือ คนละไม่เท่าไร คุณก็เดินหน้าเจรจาต่อรองเลย เอาสัญญาการผลิตไปให้เค้าดู เจรจาผลประโยชน์ดู เป็นหุ้นส่วนหรือจะขายล่วงหน้า ก็ว่าไป แต่ห้ามกู้ยืมเงินเค้าเป็นอันขาด นี้ละครับธุรกิจของจริง
แล้วมาดูสมบัติอะไร ของคุณพอจะขายได้ มีทองกี่เส้น กระเป๋าอะไร ขายเลย ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์(จะเวณคืนหรือกู้เงินตัวเอง)
ความจนชั่วคราว ไม่เป็นไร ชีวิตมันมีขึ้นมีลง ค้าขายก็งี้ล่ะ
เรื่องกู้ยืมเงินเป็นเรื่องท้ายๆ ห้ามไปกู้นอกระบบ ห้ามไปขอยืมคุณพ่อคุณแม่คุณ หากคุณต้องเป็นหนี้จริงๆ ก็ให้เป็นหนี้โรงงานผลิต เจ้าเดียว ห้ามขยายไปเป็นหนี้เจ้าอื่น ห้ามไปกู้หนี้ มาใช้หนี้ เป็นอันขาด
ห้ามให้คุณพ่อคุณแม่ไปกู้เงินมาให้คุณ หากคุณล้มละลาย ก็แค่ชั่วคราว ยังไปนอนไปกินข้าวบ้านคุณพ่อคุณแม่ได้
แต่หากคุณพ่อคุณล้มไปด้วยคุณจะไม่เหลืออะไรเลย
ถ้าปัญหาแค่ระดับแสน คุณแก้ไขไม่ได้ คุณจะก้าวไปสู่ธุรกิจสิบล้าน ร้อยล้านได้อย่างๆไร
ธุรกิจยิ่งใหญ่โตเท่าไร ปัญหามันก็ใหญ่เป็นเงาตามตัวครับ
จำไว้ คุณยังเด็ก ยังไม่มีชื่อเสียง หรือหน้าตาทางสังคมอะไรให้ต้องรักษา
นักธุรกิจมือใหม่ใครๆก็พลาดกันได้ เรื่องปกติ
สู้ๆครับ ยิ้มไว้ อย่าเครียด โรงงานผลิตสิต้องเครียด รีบไปแจ้งเค้าล่ะ
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงคุณมา หมดมากกว่านี้แน่นอน
หากคุณจะคิดสั้นเพราะเรื่องแค่นี้ ไม่รักชีวิตคุณแล้ว งั้นก็ได้
คุณลองมองกลับไปที่คุณพ่อคุณแม่คุณสิ งั้นคุณยกชีวิตที่เหลือของคุณให้ท่านสิ ไหนๆคุณก็ว่าชีวิตคุณไม่มีค่าแล้วนิ จะเจ็บ จะทุกข์ จะอาย จะต้องหน้าด้าน คุณก็ต้องอดทน ห้ามตายเด็ดขาด งั้นถือว่าอกตัญญูต่อพ่อแม่คุณ
คุณลองคิดดูเองแล้วกัน ว่าคุณจะทำอะไรชดเชย ที่ท่านอดทนลำบาก หมดเงินทองไม่รู้เท่าไร เลี้ยงดูคุณมา
ที่นี้เรามาดูเรื่องโชคดีของคุณบ้าง
1.ธุรกิจนี้เป็นของคุณคนเดียว อยากทำอะไรก็ทำสิทธิ์ขาดอยู่ที่คุณ
2.หนี้ยังไม่เกิด ถึงเกิดก็มีเพียงเจ้าเดียวคือโรงงาน คุณมีอำนาจต่อรองเต็มที่ คนเสียเปรียบคือโรงงาน
การทำธุรกิจคือผลประโยชน์ร่วมกัน หรืออีกนัยยะนึงคือมีความเสี่ยงร่วมกัน ดังคุณกับโรงงาน
มาต่อกัน
คุณเองต้องใจเย็นๆ รีบไปแจ้ง โรงงานผลิต ว่าทางเรามีปัญหากับหุ้น จำนวนที่เราสามารถจ่ายได้วันนั้นมีเท่านี้ ทางโรงงานพอจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง จะลดจำนวนของ ตัดขายให้คนอื่น ขึ้นราคาต่อหน่วยของคุณชดเชย หรือเสนอให้โรงงานมาเป็นหุ้นส่วนคุณใหม กี่เดือนกี่ปีแล้วคุณสัญญาว่าจะซื้อหุ้นคืน (แสดงหลักฐานว่าคุณขายได้จริง) ทางคุณก็บอกไปว่าตอนนี้กำลังเร่งแก้ไข
แล้วคุณก็ดูทางนั้นตอบหรือเสนอทางเลือกให้คุณ แต่คุณต้องแสดงให้เห็นว่า คุณจริงใจทุ่มเทที่จะแก้ปัญหา
ทีนี้ คุณก็ต้องมาแสวงหาหุ้นส่วนใหม่ มองจากลูกค้าคุณที่พอจะมีพาวเวอร์ ร้านขายเครื่องสำอางค์ เพื่อนๆ ครูอาจารย์ ลองlist รายชื่อ คนที่คุณพอจะรู้จัก ได้สักกี่สิบกี่ร้อยคน ลองหารส่วนดูน่าจะเหลือ คนละไม่เท่าไร คุณก็เดินหน้าเจรจาต่อรองเลย เอาสัญญาการผลิตไปให้เค้าดู เจรจาผลประโยชน์ดู เป็นหุ้นส่วนหรือจะขายล่วงหน้า ก็ว่าไป แต่ห้ามกู้ยืมเงินเค้าเป็นอันขาด นี้ละครับธุรกิจของจริง
แล้วมาดูสมบัติอะไร ของคุณพอจะขายได้ มีทองกี่เส้น กระเป๋าอะไร ขายเลย ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์(จะเวณคืนหรือกู้เงินตัวเอง)
ความจนชั่วคราว ไม่เป็นไร ชีวิตมันมีขึ้นมีลง ค้าขายก็งี้ล่ะ
เรื่องกู้ยืมเงินเป็นเรื่องท้ายๆ ห้ามไปกู้นอกระบบ ห้ามไปขอยืมคุณพ่อคุณแม่คุณ หากคุณต้องเป็นหนี้จริงๆ ก็ให้เป็นหนี้โรงงานผลิต เจ้าเดียว ห้ามขยายไปเป็นหนี้เจ้าอื่น ห้ามไปกู้หนี้ มาใช้หนี้ เป็นอันขาด
ห้ามให้คุณพ่อคุณแม่ไปกู้เงินมาให้คุณ หากคุณล้มละลาย ก็แค่ชั่วคราว ยังไปนอนไปกินข้าวบ้านคุณพ่อคุณแม่ได้
แต่หากคุณพ่อคุณล้มไปด้วยคุณจะไม่เหลืออะไรเลย
ถ้าปัญหาแค่ระดับแสน คุณแก้ไขไม่ได้ คุณจะก้าวไปสู่ธุรกิจสิบล้าน ร้อยล้านได้อย่างๆไร
ธุรกิจยิ่งใหญ่โตเท่าไร ปัญหามันก็ใหญ่เป็นเงาตามตัวครับ
จำไว้ คุณยังเด็ก ยังไม่มีชื่อเสียง หรือหน้าตาทางสังคมอะไรให้ต้องรักษา
นักธุรกิจมือใหม่ใครๆก็พลาดกันได้ เรื่องปกติ
สู้ๆครับ ยิ้มไว้ อย่าเครียด โรงงานผลิตสิต้องเครียด รีบไปแจ้งเค้าล่ะ
ความคิดเห็นที่ 1
เคยได้ยิน ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ไหมครับ
เขาก็เจอภาวะแบบนี้แหละ
ถ้าจะทำให้เป็นผู้ดีหน่อย ให้ติดต่อผู้ผลิต แบบด่วนๆ เลยครับ
เล่าไปตามความจริง บอกเค้าตรงๆ ว่าไม่สามารถทำตามสัญญาได้
1.ขอเลื่อนการรับของออกไป ประมาณ ... วัน
2.หรือถ้าเขายังไม่ผลิต ก็ให้เขาหยุดผลิตไปก่อน
3.หรือถ้าผลิตไปแล้ว ขอผลิตครึ่งนึงได้ไหม
4. ผลิตไปแล้ว ให้เขาเอาไปขายคนอื่นได้ไหม
5. ถ้าต้องรับของมาจริงๆ ขอเปิดเครดิต ... วัน หรือ จะผ่อนชำระ กี่งวดๆว่าไป
6. ใช้บัตรเครดิตรูด แล้วโทรไปขอผ่อนกับบัตรเครดิตแทน (ดีกว่ากู้นอกระบบมา ดอกแพงกว่า มาก)
7. ถ้าสามารถหากู้อย่างอื่นได้ ดอกไม่แพง ลองดู เช่น โรงรับจำนำ ทำOD บัตรกดเงินสด ฯลฯ
8. ถ้าหาอะไรขายเปลี่ยนเป็นเงินได้ก่อน รีบทำ (ของนั้นเราต้องไม่ใช้หาเงินหรือใช้ประจำนะ)
ไม่จำเป็นต้องขอเงินแม่ แต่ "ขอยืม" แล้วผ่อนคืนก็ได้ ถ้าแม่มีเงินเหลือ
ทุกอย่าง ถ้ามีดอกเบี้ย ให้ดูด้วยว่าดอกแพงหรือถูก
สำหรับผม 15% ต่อปีแบบลดต้นลดดอก หรือ เดือน ละ 1.5% นี่คือ Upper limit แล้ว มากกว่านี้มันจะผ่อนคืนไม่ไหว
ถ้าดอกเกินนี้ยอมทนโดนด่า โดนฟ้อง
เรื่องนี้ให้เป็นบทเรียนเลยครับ
หุ้นส่วนก็ใช่ว่าจะคงกระพัน
วันดีคืนดี พลิกได้เลย
การขายของ ช่วงขายดีก็ไม่ได้แปลว่าจะดีตลอด
ช่วงขายแย่ก็ไม่ได้แปลว่าจะแย่ตลอด
เขาก็เจอภาวะแบบนี้แหละ
ถ้าจะทำให้เป็นผู้ดีหน่อย ให้ติดต่อผู้ผลิต แบบด่วนๆ เลยครับ
เล่าไปตามความจริง บอกเค้าตรงๆ ว่าไม่สามารถทำตามสัญญาได้
1.ขอเลื่อนการรับของออกไป ประมาณ ... วัน
2.หรือถ้าเขายังไม่ผลิต ก็ให้เขาหยุดผลิตไปก่อน
3.หรือถ้าผลิตไปแล้ว ขอผลิตครึ่งนึงได้ไหม
4. ผลิตไปแล้ว ให้เขาเอาไปขายคนอื่นได้ไหม
5. ถ้าต้องรับของมาจริงๆ ขอเปิดเครดิต ... วัน หรือ จะผ่อนชำระ กี่งวดๆว่าไป
6. ใช้บัตรเครดิตรูด แล้วโทรไปขอผ่อนกับบัตรเครดิตแทน (ดีกว่ากู้นอกระบบมา ดอกแพงกว่า มาก)
7. ถ้าสามารถหากู้อย่างอื่นได้ ดอกไม่แพง ลองดู เช่น โรงรับจำนำ ทำOD บัตรกดเงินสด ฯลฯ
8. ถ้าหาอะไรขายเปลี่ยนเป็นเงินได้ก่อน รีบทำ (ของนั้นเราต้องไม่ใช้หาเงินหรือใช้ประจำนะ)
ไม่จำเป็นต้องขอเงินแม่ แต่ "ขอยืม" แล้วผ่อนคืนก็ได้ ถ้าแม่มีเงินเหลือ
ทุกอย่าง ถ้ามีดอกเบี้ย ให้ดูด้วยว่าดอกแพงหรือถูก
สำหรับผม 15% ต่อปีแบบลดต้นลดดอก หรือ เดือน ละ 1.5% นี่คือ Upper limit แล้ว มากกว่านี้มันจะผ่อนคืนไม่ไหว
ถ้าดอกเกินนี้ยอมทนโดนด่า โดนฟ้อง
เรื่องนี้ให้เป็นบทเรียนเลยครับ
หุ้นส่วนก็ใช่ว่าจะคงกระพัน
วันดีคืนดี พลิกได้เลย
การขายของ ช่วงขายดีก็ไม่ได้แปลว่าจะดีตลอด
ช่วงขายแย่ก็ไม่ได้แปลว่าจะแย่ตลอด
แสดงความคิดเห็น
ช่วยแชร์ประสบณ์การเพื่อนๆที่ผ่านวิกฤติการเงินให้เราอ่านเป็นกำลังใจหน่อยค่ะ กำลังมีปัญหาทางการเงิน และมีภาวะคิดสั้น
แต่ด้วยเรื่องความชู้สาว(เราชอบเรา แต่เราไม่ได้ชอบ ประมาณว่ามาหุ้นเพราะความเสน่หา มากกว่าเรื่องงาน)
ทะเลาะ.... ผู้ชายบอกว่าจะถอนหุ้น เราเองก็ผิดศักดิ์ศรีค้ำคอ ประมาณว่า ทำคนเดียวก็ได้
และมีสัญญา กับบริษัทต้นผลิต ( ผลิตแลปต่างประเทศ ) ว่าอีก 2 เดือนต้องสั่ง Stock ของเพิ่ม เป็นเงินเบล็ดเสร็จ 350,000
โดยแบบนี้นะคะ เราสั่งผลิต จ่ายไปแล้ว 300,000 ช่วงแรก
ช่วงแรกเงินลงทุนจริงๆคือคนละ 200,000 ค่ะ = 400,000 เป็นค่า Product 300,000 // Marketing 100,000 โดยเราทำเองทุกอย่าง
คาวนี้ทะเลาะกัน...
( ปัญญาส่วนตัวเราขอไม่ลงลึกมาก เพราะมันจบไปแล้ว ประมาณว่า พอเริ่มทำแบรนด์ เราเริ่มหา connection มีสังคม มีเหตุผล และเริ่มรู้สึกว่าเราทำงานคนเดียว ผู้ชายก็ออกแนวหึงหวง ทั้งที่จริงๆตกลงกันแล้วเรื่องความสัมพันธ์ว่าพี่น้องทำธุรกิจ )
ผู้ชายบอกว่าจะถอนหุ้น เราเองก็ผิดศักดิ์ศรี ทำเองก็ได้ คิดตื้นๆ
สรุป เราเอาเงินเก็นที่เหลือ 240,000 มาซื้อหุ้นคืน 200,000 และเหลือเงิน ทำตลาด 40,000
กลายเป็นว่า สรุปทุนทั้งหมด product 300,000 marketing 40,000
ตอนนั้นเราอายุ 24 ค่ะ เงินทั้งหมดนั้น คือเงินเก็บของเรา บ้านเราไม่ได้รวย ฐานะปานกลาง ค่อนไปทางรากหญ้า ที่บ้านมีคุณแม่คนเดียวรับราชการ เราหาเงินเก็บตรงนี้จาก การเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ขายของ online ไปด้วย
จริงๆเงินนี้เราตั้งใจว่า จะ ดาวน์รถ หรือลงทุนอะไรดี เราเลยเลือกลงทุนอะไรสักอย่าง อดีตเราเคยขายเครื่องสำอางค์ค่ะ แต่ไม่ใช่แบรนด์ตัวเอง เลยเลือกลงทุนเครื่องสำอางค์แบรนด์ตัวเอง มันคือเงินก้อนสุดท้ายของเรา
เราไม่ใช้เด็กเที่ยวเตร่ เกเร หรือหาผุชายเลี้ยงนะคะ เราแบบว่าทำงานคือทำงานจริงๆ
พื้นเพ ของความเคียดเกิดจากข้อความด้านบน
และตอนนี้...
เราขายของมาได้ 45 วันแล้วค่ะ countdown อีก 15 วันที่เราต้องจ่ายให้โรงงานตามสัญญาอีก 350,000
และเราเริ่มธูรกิจแบบประสบการณ์น้อย ทำเองคนเดียวทุกหน้าที่ ทุกตำแหน่งเพราะต้องประหยัดเงิน ตอนนี้มีเงินเก็บทั้งหมด 50,000
ยังห่างไกลจาก 350,000 มากๆ
ของเราขายได้เรื่อยๆนะคะ มันค่อยๆโตเรื่อยๆ ขายได้เราก็เอามาหมุนค่าการตลาดบ้าง
Net idol จะจ้างรีวิว แต่ละทีคือแพงมากๆค่ะ เอาเท่าที่จำเป็นจริงๆ
เคียดมากๆว่าอีก 15 วันจะหาเงิน 300,000 มาได้ยังไง ถึงเวลานั้นจริงๆ เราไม่สามารถไปขอแม่ เราได้ เพราะแม่เราเป็นมะเร็ง ต้องใช้เงินรักษาตัวเอง
รู้เรื่องนี้เราไปปั่นทอนจิตใจท่านมาก
จะก็เราก็ไม่มีสินทรัพย์ใดๆไปค้ำประกัน
บัตร Credit เราก็ไม่มี เพราะเราไม่อยากเป็นหนี้จึงไม่คิดทำ และตอนนี้ก็ทำไม่ได้แล้วค่ะ เพราะออกจากงานประจำ
ขอโทษนะคะที่บ่นยาวเยียด
เราเคียดมากๆ และอยากระบายจริงๆ
จึงใครขอเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆช่วยแชร์ประสบการณ์
ที่เคยเกิดเหตุการประมาณนี้และแก้ปัญหาได้ยังไง
เราอยากอ่านจริงๆเป็นกำลังใจให้ตัวเอง ตอนนี้จิตตก เคียด คิดไรไม่ออกมากค่ะ ค่อนข้างแย่
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ^^
ขออภัยหากพิมพ์ผิดค่ะ