ไม่ให้ยืมเงินถึงขนาดตัดเพื่อน ... นับถือจริงๆ

เมื่อสายวันนี้มีรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งผมให้เคารพมากๆมาขอยืมเงินจำนวน 30000 บาท  ผมอึ้งครับและถามว่าเอาไปทำอะไร  เธอตอบว่าต้องเอาไปจ่ายค่าเทอมลูกๆ ทั้ง2คน  เพราะกำลังลงเรียนภาคฤดูร้อน ( ปวช. กับ ปวส. )  ผมเลยตอบปฏิเสธกลับไปว่า'  'โทดครับพี่ผมก็เป็นหนี้เหมือนกัน  ตอนนี้มีเงินเหลือติดตัวแค่ 600 ผมกำลังหายืมคนอื่นเหมือนกัน ''   เธอยิ้มนิดๆและบอก '' ไม่เป็นไรค่ะ '' และขอตัวกลับ

     จนกระทั้งตอนเย็นหมาดๆนี่เองผมโทรไปหาพี่เขาด้วยความเป็นห่วงซึ่งปกติเธอจะรับสายอยู่แล้ว   พอผมโทรไปพี่เขากลับไม่รับสาย  ไลน์ไม่ตอบ  ไม่ขึ้นสถานะใดๆว่าอ่านแล้ว   เหมือนกับว่าเงิน 30000 นี่มันสามารถฆ่าเพื่อนเลยหรือนี่   ไม่เข้าใจจริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
ดีใจด้วยค่ะ อย่าไปเสียใจเสียดายอะไร คนแบบนี้เดินออกไปจากชีวิตคุณตอนนี้ ดีกว่าเดินออกไปตอนได้เงินคุณนะคะ เขาตัดความสัมพันธ์ ก็ชัดเจนแล้วว่าเงินสำคัญกว่ามิตรภาพ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
มุมของผมคิดว่ากลางเฮี่ยๆ ที่สุดแล้วนะ อ่านเคสตั้งใจพิมพ์เพื่อคุณเลยเพราะเคยเห็นโลกแบบนี้มาพอสมควร

ใจเย็นๆ ก่อนครับ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินภายในระยะเวลาข้ามคืนข้ามวัน เดี๋ยวนี้อยากดูคนอยากรักษาความสัมพันธ์ต้องดูกันยาวๆ ไม่เร่งตัดสิน

อย่างที่ คห.4 ว่าไว้ เขากำลังลำบาก และเมื่อถูกคุณปฏิเสธ เขาอาจจะกำลังหาทางแก้ไขปัญหาเอาตัวรอดทางอื่นอยู่ก็ได้ จึงไม่มีเวลารับสาย/มีความต้องการคุยกับคุณ อีกแง่หนึ่ง ผมอยากให้คุณยังมองเขาเป็นมนุษย์มีรักโลภโกรธหลง เมื่อผิดหวัง/โกรธจากการถูกปฏิเสธ อาจเป็นไปได้ที่เขาอาจรู้สึกผิดหวังหรือโกรธในตัวคุณ คนเราถ้าเจอปัญหาชีวิต สมาธิในการใช้เหตุผลและความสามารถในการควบคุมอารมณ์ไขว้เขวได้ครับ ซึ่งเป็นสภาวะหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นและดับลงได้

ถ้าคนมี eq มีความสามารถในการจัดการกับอารมณ์ตนเอง อาจเกิดชั่วครู่แล้วหายได้ครับ คนในครอบครัวเดียวกัน พ่อเราแม่เราแท้ๆ ยังมีบางช่วงที่ผิดหวังกัน ขัดแย้งกันบ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวเอาไว้ไม่ได้ อย่าไปอินกับวาทกรรมภาพโฆษณาคอนโดบ้านจัดสรรมากครับ ที่ทุกคนต้องฉีกยิ้มกว้างๆ มีความสุขตลอดเวลา ไม่เคยมีเวลาไม่พอใจกันเลย นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์มากๆ กับคนในครอบครัวยังมีได้ นับประสาอะไรกับความสัมพันธ์ระดับเพื่อน,รุุ่นพี่รุ่นน้อง เขาอาจโกรธอาจผิดหวัง แต่แค่วันเดียวคืนเดียวมันเร็วไปที่จะบอกว่าเขาอยากหักกับเราเต็มร้อย

ตอนอายุยังน้อย ผมเคยอยู่ฐานะยืมเงินคนอื่น และถูกคนอื่นมายืมเงินครับ รวมกับประสบการณ์ที่เจอคนเจอโลกกว้าง เรื่องการยืมเงินระหว่างเพื่อน ถ้าแยกผลลัพธ์ออกมาเป็น grid จะได้ 4 ช่องดังนี้ครับ

1) เราลำบากเพื่อนให้ยืมเงิน

- ข้อดีคือเราได้เงินจากเพื่อนมาแก้ปัญหาชีวิตตนเองเฉพาะหน้าได้
- ข้อเสียคือ ตกอยู่ในสถานะลูกหนี้ เสียความภาคภูมิใจ บางคนอาจเกิดความรู้สึกอายที่รับผิดชอบชีวิตตนเองได้ไม่ดีพอ อาจถูกเจ้าหนี้ลำเลิกบุญคุณหรือเอาไปพูดในทางที่ไม่ดีได้

2) เราลำบากเพื่อนไม่ให้ยืมเงิน

- ข้อดีคือ ใครผ่านตรงนี้ได้จะ strong และบรรลุถึงปรัชญาชีวิตเรื่องการเอาตัวรอดและพึ่งพาตนเอง ส่วนใหญ่ที่ผมเห็น ใครเจอช่วงเวลาแบบนี้มักโตเป็นคนที่จิตใจเข้มแข็ง ตัดสินใจเด็ดเดียวครับ
- ข้อเสีย บางคนอาจกลายเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นเพื่อนได้ ตรงนี้จะโยงไปถึงข้อ 4 ของผมด้วย

3) เพื่อนลำบากมายืมเงินเราแล้วเราให้

- ข้อดีคือ ถ้าทำถูกคน สามารถซื้อใจคนได้ ผูกมิตรแบบยั่งยืน สร้างความจงรักภักดีชนิดร่วมเป็นร่วมตายกันได้ วันหนึ่งเขาเจริญก้าวหน้าอาจสำนึกบุญคุณและกลับมาส่งเสริมชีวิตเราในแบบที่คาดไม่ถึง
- ข้อเสียคือ ถ้าทำผิดคน ก็มีปัญหาเรื่องยืมเงินไม่คืน ความสัมพันธ์มีปัญหาและอาจแตกหักเลิกคบกันไปได้

โมเดลนี้เรียกว่า high risk ถ้าได้กำไรก็ high return เช่นกันครับ

4) เพื่อนลำบากมายืมเงินเราแล้วเราไม่ให้
- ข้อดีคือ เซฟความเสี่ยงหนี้เสียเป็นศูนย์ ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะคืนหรือไม่คืน
- ข้อเสียคือ ณ วันที่เราปฏิเสธไม่ให้ความช่วยเหลือ แต่หากวันใดเพื่อนคนนั้นเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา เขาจะตัดเราออกจากสมองและสายตาทันทีครับ หากเราจะขอคอนเนคชั่นหรือความช่วยเหลือใดๆ ในอนาคต เราจะเป็นตัวเลือกที่เขาคัดทิ้งแบบไม่ต้องสงสัย จะหน้าด้านไปขอมีเอี่ยวผลประโยชน์ด้วยก็ไม่ได้

ดังนั้น ไม่มีสูตรตายตัวในการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินกับคนครับ อาจจะต้องประเมินเรื่องนิสัย วิสัยทัศน์ ระยะเวลามิตรภาพที่สะสมด้วยกันมา ส่วนตัวถ้าเรียงลำดับเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์ + ความรู้สึก ขอให้ลำดับความสำคัญแบบหยาบๆ ดังนี้ครับ โมเดล 3>2>4>1 ถอดมาเป็นประโยคคือ ช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่ทำได้อาจจะไม่ใช่เงินแต่รวมถึงด้านความรู้สึก>ถ้าคนอื่นไม่ช่วยเหลือก็ไม่ถือสา>เป็นกลางตัดความรู้สึก กรูดูแลตัวเองได้ไม่คิดจะรบกวนใครแต่เมริงก็อย่ามารบกวนกรู>ไม่อยากรบกวนใคร ขอเป็นวิธีสุดท้ายที่จะต้องใช้

Giver หรือผู้ให้ เป็นโมเดลที่สูงสุด ถ้าลงทุนถูกที่ ถูกคน ถูกเวลา จะได้คำโตกลับมาในท้ายที่สุดครับ แต่ถ้าเสียก็เสียหนักไปเลย เสียทั้งเงิน เสียทั้งเพื่อน


อย่างไรก็ตามไม่อยากให้มองเรื่องนี้แบบสุดโต่งครับ สามารถแบ่งสัดส่วนและใช้ดุลพินิจส่วนตัวประกอบได้ครับ เช่นพี่เขาเดือดร้อนสามหมื่น คุณอาจจะพอช่วยได้แค่สามพัน หรือช่วยเงินไม่ได้ ก็ช่วยเป็นที่พึ่งทางใจ รับฟังเขาระบาย

หนึ่งวันหนึ่งคืนเร็วไปสำหรับผมครับที่จะสรุปเรื่องความรู้สึกของคน ดูกันไปก่อนครับ แต่ถ้าท้ายที่สุด ในระยะยาวถ้าเขาจะถือสาเรื่องนี้แล้วเลิกคบกับคุณ ก็ต้อง เลทอิทบี ปล่อยไปตามครรลองครับ

เวลามีการยืมเงินกัน ไม่ว่าเรายืมหรือเขายืม สมหวังหรือผิดหวัง แต่ทั้งเราและเขาต่างต้องรับผิดชอบความรู้สึกของตนเองในเวลาต่อมาทั้งนั้นครับ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ไม่มีใครรับผิดชอบความรู้สึกแทนกันได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่