การอยู่ในวงการบันเทิงมานานทำให้เฉินหลงมีผลงานหลากหลายรูปแบบ แม้ส่วนใหญ่จะเป็นหนังแอ๊คชั่นแต่ในระยะหลัง เฉินหลงมักจะสอดแทรกความเป็นดรามาเอาไว้ในหนังของเขามากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่เนื้อหาจะอำนวย กระนั้นแฟน ๆ หนังของเฉินหลงก็ยังคิดถึงงานในรูปแบบเก่า ๆ ของเขา นั่นคือหนังแอ๊คชั่นเน้นคิวบู๊ที่ฉับไว แฝงอารมณ์ขันเอาไว้เป็นระยะ และแน่นอนว่าเนื้อหาของหนังต้องเบาสบายเป็นหลักสำคัญ
ถึงแม้ว่าเฉินหลงจะมีผลงานไม่ขาดสายสม่ำเสมอต่อเนื่องในทุกปี แต่ถ้าจะถามหาหนังที่เป็นแนวทางที่คนดูคุ้นเคยกลับไม่มีให้เห็นได้บ่อยนักในระยะหลัง แนวทางที่ว่าเป็นอย่างไรลองนึกถึงหนังเอย่าง
Project A (1983)
เอไกหว่า,
Police Story (1985)
วิ่ง สู้ ฟัด,
Armour of God (1987)
ใหญ่สั่งมาเกิด หรือ
Rumble in the Bronx (1995)
ใหญ่ฟัดโลก น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี หนังในแนวทางเดิมเช่นนี้เรื่องล่าสุดน่าจะเป็น
Chinese Zodiac (2012)
วิ่ง ปล้น ฟัด หรือถ้าจะย้อนกลับไปก่อนหน้านั่นน่าจะเป็น
Rob-B-Hood (2006)
วิ่งกระเตงฟัด จะเห็นว่าความถี่ของหนังแอ๊คชั่นเบา ๆ เช่นนี้เริ่มห่างทุกที มาจนถึงปีนี้แนวทางที่คอหนังเฉินหลงคุ้นเคยได้กลับมาอีกครั้งใน
Kung Fu Yoga (2017)
โยคะ สู้ ฟัด
Kung Fu Yoga (2017)
โยคะ สู้ ฟัด กลับมาสู่แนวทางเดิม ๆ กับแอ๊คชั่นเบา ๆ แม้หนังจะถ่ายทำในต่างประเทศแต่ก็ไม่มีผลกระทบกับแนวทางเฉินหลงแท้ ๆ สักเท่าไหร่ เรื่องราวในต่างแดนเป็นเป็นองค์ประกอบเพื่อให้เนื้อหาได้ขับเคลื่อนเท่านั้น แต่ภาพรวมของหนังยังคงมีความเป็นหนังฮ่องกงเกือบทุกส่วน เฉินหลงยังคงเด่นที่สุดในเรื่อง โดยมีนักแสดงรุ่นใหม่อย่างหลี่จื้อถิงมาแบ่งเบาภาระเพียงเล็กน้อยที่สำคัญหนังยังคงมีอารมณ์ขันเหมือนเดิม
โดยส่วนใหญ่แล้วมุกตลกของหนังเฉินหลงไม่ได้แสดงออกแบบพร่ำเพรื่อ หากแต่แทรกอยู่ในเนื้อเรื่อง และที่มากที่สุดคือแทรกอยู่ในฉากแอ๊คชั่น เหล่านี้กลายเป็นเอกลักษณ์ของเฉินหลงและหนังของเขาเสมอมา ฉากต่อสู้ในหนังของเฉินหลงจะฉับไว ท่ามวยสวยงาม ดุดันเมื่อจำเป็นแต่ก็มีอยู่หลายครั้งที่ดูเบาสบาย ซึ่ง
Kung Fu Yoga (2017) อาจจะขาดความดุดันไปบ้างเพราะเนื้อหาไม่เอื้อแต่ในความสนุกสนานเบาสบายกลับเป็นจุดเด่นที่สำคัญ ซึ่งแน่นอนว่าเอกลักษณ์ของเขายังไม่จางหายไปไหน
การกลับมาสู่แนวทางเก่า ๆ อีกครั้งใช่ว่าจะทำให้หนังดูเก่า ในทางตรงกันข้าม
Kung Fu Yoga (2017) กลับมีความใหม่ ความสดแฝงอยู่ในแบบที่สมดุล และนั่นน่าจะทำให้คนดูหนังรุ่นใหม่ได้สัมผัสถึงความเป็นเฉินหลงแท้ ๆ เช่นเดียวกับแฟนพันธุ์แท้เฉินหลงก็จะได้อารมณ์แบบเดิม ๆ กลับมาอีกครั้ง และเป็นการกลับมาที่ยิ่งใหญ่เสมอ
ไม่ว่าตลาดหนังจะเป็นอย่างไร วัยของเฉินหลงจะล่วงเลยไปสักเพียงใด หนังของเฉินหลงก็ยังเป็นแบบของเฉินหลง ที่เต็มไปด้วยความบันเทิง สนุกสนาน และ
Kung Fu Yoga (2017)
โยคะ สู้ ฟัด ได้กลับหวนคือสู่อารมณ์เก่า ๆ ในแบบเฉินหลงได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดในรอบหลายปีนี้ ที่แฟน ๆ ของเขาน่าจะได้รับความสุขกันอีกครั้ง
โยคะ สู้ ฟัด การกลับมาของเฉินหลงในแบบที่คุ้นเคย
การอยู่ในวงการบันเทิงมานานทำให้เฉินหลงมีผลงานหลากหลายรูปแบบ แม้ส่วนใหญ่จะเป็นหนังแอ๊คชั่นแต่ในระยะหลัง เฉินหลงมักจะสอดแทรกความเป็นดรามาเอาไว้ในหนังของเขามากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่เนื้อหาจะอำนวย กระนั้นแฟน ๆ หนังของเฉินหลงก็ยังคิดถึงงานในรูปแบบเก่า ๆ ของเขา นั่นคือหนังแอ๊คชั่นเน้นคิวบู๊ที่ฉับไว แฝงอารมณ์ขันเอาไว้เป็นระยะ และแน่นอนว่าเนื้อหาของหนังต้องเบาสบายเป็นหลักสำคัญ
ถึงแม้ว่าเฉินหลงจะมีผลงานไม่ขาดสายสม่ำเสมอต่อเนื่องในทุกปี แต่ถ้าจะถามหาหนังที่เป็นแนวทางที่คนดูคุ้นเคยกลับไม่มีให้เห็นได้บ่อยนักในระยะหลัง แนวทางที่ว่าเป็นอย่างไรลองนึกถึงหนังเอย่าง Project A (1983) เอไกหว่า, Police Story (1985) วิ่ง สู้ ฟัด, Armour of God (1987) ใหญ่สั่งมาเกิด หรือ Rumble in the Bronx (1995) ใหญ่ฟัดโลก น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี หนังในแนวทางเดิมเช่นนี้เรื่องล่าสุดน่าจะเป็น Chinese Zodiac (2012) วิ่ง ปล้น ฟัด หรือถ้าจะย้อนกลับไปก่อนหน้านั่นน่าจะเป็น Rob-B-Hood (2006) วิ่งกระเตงฟัด จะเห็นว่าความถี่ของหนังแอ๊คชั่นเบา ๆ เช่นนี้เริ่มห่างทุกที มาจนถึงปีนี้แนวทางที่คอหนังเฉินหลงคุ้นเคยได้กลับมาอีกครั้งใน Kung Fu Yoga (2017) โยคะ สู้ ฟัด
Kung Fu Yoga (2017) โยคะ สู้ ฟัด กลับมาสู่แนวทางเดิม ๆ กับแอ๊คชั่นเบา ๆ แม้หนังจะถ่ายทำในต่างประเทศแต่ก็ไม่มีผลกระทบกับแนวทางเฉินหลงแท้ ๆ สักเท่าไหร่ เรื่องราวในต่างแดนเป็นเป็นองค์ประกอบเพื่อให้เนื้อหาได้ขับเคลื่อนเท่านั้น แต่ภาพรวมของหนังยังคงมีความเป็นหนังฮ่องกงเกือบทุกส่วน เฉินหลงยังคงเด่นที่สุดในเรื่อง โดยมีนักแสดงรุ่นใหม่อย่างหลี่จื้อถิงมาแบ่งเบาภาระเพียงเล็กน้อยที่สำคัญหนังยังคงมีอารมณ์ขันเหมือนเดิม
โดยส่วนใหญ่แล้วมุกตลกของหนังเฉินหลงไม่ได้แสดงออกแบบพร่ำเพรื่อ หากแต่แทรกอยู่ในเนื้อเรื่อง และที่มากที่สุดคือแทรกอยู่ในฉากแอ๊คชั่น เหล่านี้กลายเป็นเอกลักษณ์ของเฉินหลงและหนังของเขาเสมอมา ฉากต่อสู้ในหนังของเฉินหลงจะฉับไว ท่ามวยสวยงาม ดุดันเมื่อจำเป็นแต่ก็มีอยู่หลายครั้งที่ดูเบาสบาย ซึ่ง Kung Fu Yoga (2017) อาจจะขาดความดุดันไปบ้างเพราะเนื้อหาไม่เอื้อแต่ในความสนุกสนานเบาสบายกลับเป็นจุดเด่นที่สำคัญ ซึ่งแน่นอนว่าเอกลักษณ์ของเขายังไม่จางหายไปไหน
การกลับมาสู่แนวทางเก่า ๆ อีกครั้งใช่ว่าจะทำให้หนังดูเก่า ในทางตรงกันข้าม Kung Fu Yoga (2017) กลับมีความใหม่ ความสดแฝงอยู่ในแบบที่สมดุล และนั่นน่าจะทำให้คนดูหนังรุ่นใหม่ได้สัมผัสถึงความเป็นเฉินหลงแท้ ๆ เช่นเดียวกับแฟนพันธุ์แท้เฉินหลงก็จะได้อารมณ์แบบเดิม ๆ กลับมาอีกครั้ง และเป็นการกลับมาที่ยิ่งใหญ่เสมอ
ไม่ว่าตลาดหนังจะเป็นอย่างไร วัยของเฉินหลงจะล่วงเลยไปสักเพียงใด หนังของเฉินหลงก็ยังเป็นแบบของเฉินหลง ที่เต็มไปด้วยความบันเทิง สนุกสนาน และ Kung Fu Yoga (2017) โยคะ สู้ ฟัด ได้กลับหวนคือสู่อารมณ์เก่า ๆ ในแบบเฉินหลงได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดในรอบหลายปีนี้ ที่แฟน ๆ ของเขาน่าจะได้รับความสุขกันอีกครั้ง