โรคจิต

สวัสดีคะ. ไม่รู้จะกล่าวเริ่มยังไง  ขอเล่าเป็นประวัติคร่าวๆ  แล้วกัน. เราเป็น ผญ อายุ 26ปี ครอบครัวเราอยู่กัน4คน พ่อ แม่ เรา และพี่ชายฝาแฝด.  บ้านเราทำธุรกิจครอบครัวเล็กๆ พอกินและพอเก็บ.  เรามีหน้าที่ต้องช่วยเหลืองานบ้านและงานที่ร้าน เราเต็มใจจะทำทุกๆอย่างที่ช่วยเหลือพ่อแม่ได้ ส่วนพี่ชายเราเขาไม่ค่อยสนอะไรติดเกมตื่นบ่าย ซึ่งเราก็ไม่ซีเรียสเพราะเราคิดว่า ใครอยากทำอะไรก็ทำ ถ้าเขาไม่อยากช่วยพ่อแม่ก็แล้วแต่เขาเราไม่อะไร  แต่ก็ใช่ว่าเราจะเป็นคนขยันอะไรขนาดนั้น เราก็มีวันขยัน วันขี้เกียจ และงานร้านหรืองานบ้านที่เราทำมันไม่ได้เนี๊ยบหรือเฟอร์เฟคไปหมดทุกอย่างเราก็ทำตามที่เราคิดว่ามันดีแล้วในความคิดเรา แต่มันไม่เคยพอสำหรับแม่เราเลย ทุกครั้งต้องมีคำว่าตลอด อาทิเช่น ทำแบบนี้ไม่ต้องทำดีกว่า , ไปไกลๆไป ทำอะไรไม่เคยได้เรื่อง และอาการที่แม่แสดงออกอย่างเช่น กระชากของที่เราทำออกไปจากมือ โวยวายไล่เราหนี ถ้าเราไม่หนีเขาก็จะเอาอะไรก็ได้ที่ใกล้มือตีไล่ให้เราหนี(เมื่อก่อนเป็นบ่อยแต่เดวนี้ไม่ค่อยตี เพราะ มีเหตุการณ์ที่เรากับแม่ทะเลาะกันเรื่องลูกค้าที่มาให้เขียนบิลแบบไม่ลงเงิน เราไม่เขียนแล้วบอกลูกค้าว่าอยากได้เขียนเอาเลย  แล้วเขาหยิบไม้กวาดมาตีเรา เราด้วยความน้อยใจและอะไรสักอย่าง ตอนที่แม่กำลังตีเรา เราแย่งไม้กวาดออกมาจากมือแม่ และตีตัวเอง ออกแนวเหมือนบ้านิดๆแต่ตอนนั้นจำเรื่องไม่ได้แน่ชัดว่าพูดอะไรออกไปมั้ย)  เราเคยพูดเรื่องนี้กับเพื่อน เพื่อนเราก็บอกว่าแม่ทุกคนก็บ่น ด่าลูก เหมืนกันหมดแหละ. แต่สำหรับเรา เราว่ามันไม่ใช่. แม่เราห้ามลูกล็อคห้องนอน เขาบอกว่าเป็นบ้านเขา เขามีสิทธิเดินเขาออกทุกห้อง. แม่เราชอบรับโทรศัพท์แทนและด้วยความที่เสียงคล้ายกัน แม่ก็จะแอ๊บว่าเป็นเรา ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจว่าทำ ทำไม. เมื่อสี่ปีก่อนแม่เราทุบห้องพี่ชายกับห้องเราให้เป็นห้องเดียวกันแล้วเปลี่ยนประตูไม้เป็นกระจก.  แม่เราชอบแอบฟังเวลาเราคุยโทรศัพท์. และที่สำคัญ แม่ไม่เคยชื่นชมอะไรเลยที่เราทำ คำพูดประจำของแม่คือ ทำแบบนี้ไม่ทำยังดีกว่า เขาชอบพูดให้เรารู้สึกแย่ ไร้ค่า ไม่มีประโยชน์ ตลอดเวลา.  เราอึกอัดมาก ถ้าต้องนั่งอยู่กับแม่สองต่อสอง เหมือนถูกทิ้งให้อยู่ในห้องกับวอคเกอร์ เราเหมือนหายใจไม่ออก เหมือนโดนบีบให้อยู่ในห้องที่แคบมาก(เราไม่ได้กลัวที่แคบนะ)


สุดท้าย เรารักแม่เรามากนะ เราเคยคิดว่าถ้าวันนึงเราต้องสละอวัยวะให้แม่(บ้านแม่เราเขาเป็นโรคต่อตากันเยอะ) เราทำได้อย่างไม่ลังเลและยินดีที่จะทำด้วยความสุขด้วย และเราก็รู้ว่าเขารักเรามากเช่นกัน  แต่เราแค่จะนั่งอยู่กับเขาแบบปกติ เราทำไม่ได้ และตอนนี้เราก็ย้ายออกจากบ้านมาอยู่กับแฟน.  เราก็มีปัญหาด้านอารมณ์ แฟนเราปากไม่ดี ชอบพูดจาแรงๆ เหมือนมันคิดว่าตัวเองเป็น นายหัวชินภัทรจากเรื่องคนละขอบฟ้า หรือไม่ก็คงคิดว่าตัวเองเป็นอั้มอธิชาติในเรื่องจำเลยรัก.  ซึ่งเรารู้สึกแย่มาก พอพูดหลายๆครั้งเราทนไม่ไหว เราร้องไห้ทุบตีตัวเอง  ไม่งั้นเราก็อาละวาดแพดเสียงดังเขวี้ยงปาข้าวของทุบตีตัวเอง (เหมืนที่แม่เราทำ)

เราไม่อยากเป็นแบบนี้เลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่