#มาราธอนแรกของแกมแก้ว #มันละเอียดมากอ่านไปเหมือนวิ่งไปด้วยกันค่ะ
อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ต้องไปวิ่งมาราธอนที่จอมบึงปีนี้ เพราะอายุครบ 42ปี ระยะทางเท่าๆกับ มาราธอนเลยค่ะ 42.195 KM. และงานวิ่งจอมบึงก็จัดในเดือนมกราคม เดือนเกิดของตัวเองด้วยค่ะ นี่คือเหตุผลหลักๆที่ทำไมลงวิ่ง มาราธอนแรกที่นี่ค่ะ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้วิ่งเก่งหรือขยันซ้อมอะไรเลยค่ะ ถึงจะเคยวิ่งมินิมาพอสมควร แต่ระยะฮาล์ฟก็มีแค่ครั้งเดียว แต่หลังจากตัดสินใจแล้ว ก้อเริ่มต้นสมัครวิ่งงานจอมบึง เลยชวนพี่สาวกับน้องหมวยที่เราไปวิ่งด้วยกันเป็นประจำมาวิ่งงานนี้กันไหม พี่แกมจะลงมาราธอนนะ แล้วสองคนจะลงไหม?? คำตอบคือ ทั้งสองคนลงวิ่งมาราธอนด้วย จะวิ่งเป็นเพื่อนกัน แต่การสมัครวิ่งงานจอมบึงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องอาศัยดวงล้วนๆๆค่ะ เพราะเป็นระบบล็อตโต้หรือสุ่มเลือกนั่งเองค่ะ ผลปรากฎว่า เราทั้งสามคนได้รับการคัดเลือกผลสุ่มให้ลงวิ่งมาราธอนได้ เอาล่ะสิ ได้วิ่งแล้วแน่นอน ต่อไปต้องวางแผนซ้อมๆๆๆ เพราะทั้งแกม พี่กิ๊ก น้องหมวย ผ่านการวิ่งระยะไกลๆกันมาน้อยมาก ส่วนใหญ่ลงวิ่งมินิกันมากกว่า มีแกมที่เคยผ่านระยะฮาล์ฟแรกที่นาวิกโยธินมาแล้ว ซึ่งงานนั้นก็ทำให้รู้จักคำว่า หอบกิน ค่ะ 555 พอรู้ตัวว่าเราต้องซ้อมให้ถึง คำว่าซ้อมให้ถึงคือ ต้องฝึกฝนวิ่งให้ได้ระยะไกลๆๆไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ มีเวลาเตรียมตัวฝึกซ้อมกันประมาณ6เดือน ก็วางแผนกันว่าจะต้องวิ่งยังไง แบบไหนศึกษาหาข้อมูลช่วยๆๆกันค่ะ แต่แล้วความเป็นจริงคือ ไม่มีใครซ้อมได้ระยะตามที่ควรจะได้เลย 55555 มากสุดของแกมคือ 15กม. เอาว่ะไหนๆๆก้อไหนๆๆตัดสินใจแล้ว เอาเท่าที่ได้ นึกกับตัวเอง มีเวลาเหลืออีกไม่กี่วันเองที่จะต้องไปวิ่งแล้ว ซ้อมน้อยมากถึงแทบไม่ได้ซ้อมเลยก็ว่าได้ค่ะ ... พอถึงวันใกล้แข่งขันจริงแล้ว ตื่นเต้นมาก แต่เราซ้อมวิ่งน้อย เลยต้องมีวินัยเรื่องอื่นแทนคือ กินให้ได้สารอาหารเยอะๆ นอนให้เต็มที่ ซึ่งก้อทำแบบนั้นจริงๆๆ กินๆๆโหลดๆๆเข้าไป 55555 และก็นอนให้เร็ว ฝึกตื่นเช้า ทำแบบนี้ได้1สัปดาห์ก่อนวิ่งเท่านั้นเองค่ะ .... วันเสาร์ที่ 14 มกรา เดินทางมาถึงจอมบึง ขับรถมาเองนะคะ พี่สาวยังถามเลยว่า ขากลับจะขับไหวไหม ลืมนึกเรื่องนั้นเลย 555 ... พอมาถึงจุดจัดงานวิ่งที่ ราชภัฏจอมบึง โอ้โฮ้!!!! นี่งานวิ่ง หรือ งานเฟสติวัลประจำจังหวัดค่ะ มันยิ่งใหญ่มาก เหมือนเป็นงานที่นักวิ่งทั่วประเทศมาร่วมตัวกันที่นี่อ่ะค่ะ บอกไปก็ไม่เหมือนตาเห็น งั้นปีหน้าที่ใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วต้องลองมาสัมผัสเองนะคะ เค้าต้อนรับดีมากนะคะ มีพวงมาลัยมาคล่องที่ข้อมือต้อนรับนักวิ่งทุกคน น่ารักค่ะ ประทับใจ ... ข้าพเจ้ามารับBibเสื้อกับถุงผ้า..จากนั้นก็กลับเข้าที่พัก ซึ่งก็ไปได้ที่พักไกลถึง สวนผึ้ง เพราะที่จอมบึงทีพักเต็มค่ะ .... ตัดภาพมาที่วันวิ่งจริงเลยคะ ด้วยที่พักไกล เลยต้องตื่นเช้ากว่าคนอื่นคือ ตั้งนาฬิกาปลุก เที่ยงคืนสี่สิบห้า เตรียมตัวอุปกรณ์เสื้อผ้าหน้าผมเสร็จ ตีหนึ่งครึ่งเราออกเดินทางมาที่จอมบึงค่ะ มาเร็วๆเพื่อมาหาที่จอดรถค่ะ ซึ่งก็ได้ที่จอดรถใกล้จุดวิ่งมาก ถือว่าโชคดี... มาถึงที่งานประมาณ ตีสองยี่สิบ เราก็นั่งรอเวลาในรถ ณ เวลานั้น ก็ต้องกินอาหารเข้าท้อง เพื่อให้มีพลังงานค่ะ อาหารที่โหลดเข้าไป มี ขนมปังโฮลวีต 3 แผ่น นมถั่วเหลือง 2กล่อง อิ่มมากค่ะ … ส่วนอาหารทีเตรียมไประหว่างวิ่ง ไม่มีค่ะ เราพกไปแค่ เจลลี่เสริมพลังงาน 5เม็ด กับ อินทผาลัม 5 เม็ด … ตอนนี้ เวลาใกล้จะตีสี่แล้ว ตีสี่เป็นเวลาปล่อยตัวของนักวิ่งมาราธอน ทุกคนมายืนรอประจำจุดที่แบ่งออกเป็นโซน A B C D และ E พวกเราอยู่โซน E เป็นโซนนักวิ่งขาช้าค่ะ 555 มีนักวิ่งมาราธอนทั้งหมด 5,000กว่าคนที่มาร่วมงานวิ่งนี้ ซึ่งเยอะมากกกกกกค่ะ พอได้เวลาปล่อยตัว ความตื่นเต้นกับ #มาราธอนแรก กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วค่ะ .........//// ปล่อยตัวแล้ว พวกเราก็วิ่งๆๆกันไปค่ะ ข้าพเจ้ามีความตั้งใจจริงอยู่อย่างหนึ่งกับมาราธอนแรกนี้คือ ไม่สนใจเวลาที่จะทำได้ ขอแค่ให้เข้าเส้นชัยแบบ #จบแต่ไม่เจ็บ ค่ะ และตั้งใจที่สองคือ จะวิ่งและเข้าเส้นชัยพร้อมๆกับพี่สาวค่ะ ... พอทุกคนตั้งหน้าตั้งตาวิ่งตัวใครตัวมัน ข้าพเจ้ากับพี่สาว ก็วิ่งคู่กันไปเรื่อยๆๆ ได้ระยะประมาณ 2 -3 กิโลเมตร พี่สาวก็เริ่มไม่ไหว ขอเดิน แล้วก็ไล่ให้ข้าพเจ้าวิ่งไปก่อนเลย ข้าพเจ้าก็ยอมรับว่าวิ่งไปเรื่อยๆไม่ได้รอพี่สาว วิ่งทิ้งห่างออกมาเรื่อยๆๆๆ จนมองหากันไม่เจอแล้ว ข้าพเจ้าเลยตัดใจทิ้งพี่เลย 55555 คราวนี้วิ่งคนเดียวแล้ว วิ่งมาได้ระยะประมาณกิโลเมตรที่ 7 เริ่มปวดท้องหนัก มองหาห้องน้ำ โชคดีค่ะเจอ ปั๊มน้ำมันค่ะ แวะก่อนเลย OMG!!! คนต่อคิวเยอะมากถามว่ารอไหม?? รอซิค่ะ ก็มันปวดหนักนี่น่า รอ รอ รอ รอ แต่ละคน คงปวดหนักหรือใส่กางเกงลำบาก 555 เพราะกางเกงรัดกล้ามเนื้อที่ราคาแพงๆๆนั้น มันใส่ยากค่ะ ต้องใช้เวลา แอบได้ยินมาค่ะ 555 ยอมรับเลยนะคะ ว่า เสียเวลากับการรอห้องน้ำ รวมกับทำธุระของตัวเองเป็นเวลา 30 นาที ตรงนี้ทำให้เราเสียเวลามากค่ะ แต่จะไม่เข้าก็ไม่ได้ 555 พอเสร็จธุระออกมา อ้าว! ผู้คนหายไม่ไหนกันหมด มีวิ่งอยู่ไม่กี่คนเอง ข้าพเจ้าเลยวิ่งตามๆเค้าไปที่ออกมาจากปั๊มด้วยกัน เป็นผู้หญิง3คน เค้าชวนวิ่งไปด้วยกัน เออดีค่ะ มีเพื่อนวิ่งแล้ววววว พอวิ่งไปได้สักระยะ แรงคนเราไม่เท่ากัน เค้าทั้ง3คนวิ่งทิ้งข้าพเจ้าไปแล้วววววว เหลือคนเดียว ก็วิ่งไปเรื่อยๆๆ ประมาณกิโลเมตรที่ 10 เจอคุณลุงเป้งจากชมรมสถาวรค่ะ คุณลุงชวนวิ่งไปพร้อมๆกัน ชวนคุยตลอดทาง สอนให้วิ่งช้าๆไม่ต้องรีบ เก็บแรงไว้10กิโลสุดท้ายค่อยใส่เต็ม เออๆข้าพเจ้าก็วิ่งไปเรื่อยๆกับคุณลุงเป้ง สักพักก็เจอเพื่อนนักวิ่งแฟนซีค่ะ ที่ชื่อ คุณเอ็มมิโกะ (เป็นผู้ชายนะคะ) ก็ชวนกันไปพร้อมกัน คราวนี้มี 3 คนล่ะ อีกสักพักมีน้องผู้หญิงวิ่งมาร่วมแจมด้วยค่ะ บังเอิญๆๆๆๆๆ น้องผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนน้องส้มที่ทำงานค่ะ และก็มาเจอป้าเนเน่ ที่แต่งแฟนซีอีกคน ก็เลยวิ่งไปคุยกันไป5คน สนุกไปเลยค่ะ ....... พอวิ่งๆเดินๆกันมาถึงระยะกิโลเมตรที่เท่าไหร่จำไม่ได้ค่ะ แต่มี พระสงฆ์ที่มาค่อย รดน้ำมันต์ให้สินให้พร “กล้ามเนื้อซ้ายแข็งแรง กล้ามเนื้อขวาแข็งแรง” พระท่านให้พรแบบนี้จริงๆนะคะ ซึ่งก็เป็นกำลังใจอย่างมากค่ะ .... หลังจากตรงนี้แล้ว ข้าพเจ้ากับน้องแหม่ม ก็เริ่มวิ่งตีจาก พี่ๆทั้งสามออกมา เพราะมองจากป้ายกับเวลาที่ควรถึงมันไม่ทันล่ะ และอีกอย่าง ผู้คนเค้าเริ่มวิ่งกลับตัวสวนทางมากันเยอะมากแล้ว เรายังไม่ไปไหนเลยค่ะ อีกประมาณเกือบ 7 กิโล ถึงจะไปถึงจุดกลับตัวคือ กิโลเมตรที่ 24 เป็นจุดกลับตัว ..... ข้าพเจ้ากับน้องแหม่ม ก้อวิ่งคู่กันมาเรื่อยๆๆ ส่วนสายตาก็มองหาพี่สาวว่าถึงไหนแล้ว แต่ในใจนึกไว้อยู่แล้วว่าเค้าต้องนำเราไปไกลแล้วล่ะค่ะ ตลอดระยะทางที่จะวิ่งไปให้ถึงจุดกลับตัว ก็เจอเพื่อนสายนักวิ่งหลากหลายคนที่เค้ากลับตัวกันมาแล้วนั้น ทุกคนก้อทักทายกัน ส่งกำลังใจให้กันค่ะ “สู้ๆๆครับ ... อีกนิดเดียวครับก็กลับตัวแล้ว” นึกในใจนี่หลอกตรูป่าว อีกนิดๆๆๆอ่ะ 55555 พอใกล้ถึงจุดกลับตัว ประมาณกิโลเมตรที่ 22ของข้าพเจ้า .... ก็ได้เจอพี่สาวที่ได้กลับตัวมาแล้ว ดีใจมากๆๆค่ะ เย่ๆๆๆๆๆพี่กิ๊กวิ่งได้ไกลมากแล้ว เก่งที่สุด หมดกังวลล่ะค่ะเจอล่ะ ... ตัวเองเลยพยายามวิ่งให้ถึงจุดกลับตัวให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ตามพี่สาวทัน แล้ววิ่งไปพร้อมๆกัน ซึ่งระยะห่างของข้าพเจ้ากับพี่สาวก็หลายกิโลอยู่ .... พอถึงจุดกลับตัว ก็เกือบถอดใจนะคะ เพราะตอนนั้น ขามันเริ่มจะหมดแรง เจอหน่วยแพทย์ เลยขอแวะให้เค้า ทายาและนวดขาให้ก่อนสักพัก พร้อมขอฉีดสเปรยไม่ให้เป็นตะคริว หลังจากผ่านจุดกลับตัวมาแล้วนั้น ข้าพเจ้าก็ทิ้งน้องแหม่มไว้ แล้วตัวเองก็วิ่งช้าๆวิ่งเหยาะๆและเดินๆๆๆ จนตามพี่สาวทันที่กิโลเมตรที่ 27นี่ล่ะค่ะ เย่ๆๆๆ ตามทันแล้ว จากนี้เราจะไปพร้อมๆๆกันนะ ตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก จากนี้เหลืออีกประมาณ 14-15 กิโลเมตร ก็จะถึงเส้นชัยกันแล้ว ตอนนั้นนาฬิกาอยู่ที่ 09.25 น.โดยประมาณ แต่พี่กิ๊กไม่วิ่งแล้วอ่ะ พี่กิ๊กเดินเร็วๆๆๆอย่างเดียว ข้าพเจ้าเป็นคนเดินเร็วไม่ได้ เลยต้องวิ่งเหยาะๆๆสลับเดินๆๆ เราทำแบบนี้กันไปตลอดทางจนถึงกิโลเมตรที่ 34 .... เริ่มจากกิโลเมตรที่34 ตัวข้าพเจ้าเริ่มเดินเร็วๆๆเป็นแล้ว เดินกันอย่างเร็ว เราแซงทุกคนที่เดิน อารมณ์เวลา ณ ตอนนั้น คือ walking dead ร้อนมากๆๆๆๆ แต่ต้องเดิน อดทนมากๆๆๆ มีหน่วยอาสา แวะเวียนมาถามตลอดว่า “ไหวไหม ไม่ไหวขึ้นรถไปไหม” ซึ่งเราก็ตอบไปว่า “ไหวค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ” เดินๆๆๆกันมาจนเหลืออีก 2กิโลเมตรสุดท้าย บอกพี่กิ๊กว่า อีกนิดเดียวจะถึงแล้ว สู้ๆๆกันเนอะ เราจะเข้าเส้นชัยพร้อมๆกันนะ .... จนมาถึงกิโลเมตรสุดท้าย เค้าจะกัน กรวยสีส้มไว้กลางถนน เป็นลู่ให้นักวิ่งมาราธอน วิ่งเข้าเส้นชัย ...... เราเดินกันจนถึง จุดเลี้ยวโค้งจะเข้าเส้นชัยอีก 900 เมตร มีคนมาบิ้วให้วิ่งๆๆๆ เหลือเวลาอีก9 นาทีจะคัทออฟแล้ว มองหน้ากันสองคน วิ่งนะพี่กิ๊ก อ่ะเครวิ่ง วิ่งกันมาได้ถึง 700เมตร พี่กิ๊กไม่ไหว เดินๆๆกันต่อ คนมาบิ้วอีก เหลือเวลาอีก 5 นาทีครับ วิ่งเร็วๆๆๆ อ้าววิ่งๆๆกันอีกมาถึง 500เมตรสุดท้าย ไม่ไหวเดินกันต่อ คราวนี้เสียงบิ้วมาอีกเหลืออีก3นาทีเองนะ วิ่งๆๆๆเร็วๆๆครับ อ้าววิ่งมาถึง 300เมตรสุดท้าย หยุดวิ่งเพราะพี่สาวบอกว่าไม่ไหวแล้วบอกว่า แกมไปก่อนเถอะ เราก็บอกว่าไม่เป็นไรไปพร้อมกันนี้ล่ะ ......จน 100 เมตรสุดท้าย เสียงบิ้วมาอีกบอกว่าให้วิ่งเหลืออีก 20 วินาที ให้วิ่งหมดแม็ก มองหน้ากันแล้วมือก็ผลักดันพี่สาวให้วิ่ง บอกว่าวิ่งไปพี่กิ๊ก หมดแม็กเต็มที่ พี่กิ๊กก็ยอมวิ่งจนสุดทรีน(เค้าบอกแบบนั้น) 100เมตรสุดท้ายเป็นอะไรที่ลุ้นมาก เสียงเชียร์กระหึ่มเต็มรอบสนาม ไม่วิ่งก็ไม่ได้ เพราะทุกคนเชียร์อยู่และลุ้นมากให้เข้าเส้นชัยทัน CutOff ซึ่งเหลือเพียง 20 วินาที เท่านั้น .... สุดท้าย เราสองคนพี่น้องก็เข้าทัน CutOff (เที่ยงตรง) สองคนสุดท้ายจริงๆๆค่ะ... เย่ๆๆๆดีใจค่ะ เราทำสำเร็จ #มาราธอนแรก ของเราสองคนพี่น้อง มันสำเร็จแล้วววววว ฟูลแรกที่ใช้เวลาเต็มฟูล8ชั่วโมงจริงๆๆๆ /// ขอบคุณที่อ่านมาจนจบถึงตรงนี้ อยากบอกว่า ความลับ มาราธอนแรก มันไม่มีหรอกค่ะ แค่อยากหลอกให้อ่าน แล้วอยากให้ลอง มาวิ่งกันดูค่ะ มาค้นหาตัวเองกัน จากการ #วิ่ง เพราะการวิ่งมาราธอน สอนเราหลายอย่างมาก ให้อะไรเราก็หลายอย่างก็มากค่ะ ซึ่งบอกไปมันก็ไม่เหมือนมาสัมผัสเองอ่ะค่ะ แกมได้สัมผัสแล้วกับ #มาราธอนแรก แล้ว รู้แล้วมันเป็นยังไง มันก็ไม่ได้โหดร้ายมากมาย อยู่ที่เราพร้อมทั้งกายและหัวใจ ว่า พร้อมไหมที่จะสู้กับมัน และ สู้กับตัวเอง ... #ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้ค่ะ .... จบล่ะค่ะ #มาราธอนแรกที่จอมบึง อ๋อลืมบอกว่า ทำไมต้อง มาราธอนแรกที่จอมบึง เพราะ จอมบึงเค้าพร้อมทุกๆด้าน เลยมั่นใจความปลอดภัยค่ะ (ยกเว้นห้องน้ำ55555)....มาวิ่งกันเถอะมาวิ่งกันเถอะค่ะ คิดว่าจะมีฟูลครั้งต่อไปค่ะ ^^
#ขอบคุณพี่สาวคนสวยที่ตัดสินใจลงมาราธอนวิ่งเป็นเพื่อนแกม
#ขอบคุณน้องหมวยที่คอยมาเป็นเพื่อนทุกสนามวิ่ง
#ขอบคุณแรงกำลังใจของน้องอ้นและชาวชมรมวิ่งไทยพีบีเอส
#ขอบคุณป้ายมาราธอนแรกจากน้องฝนค่ะ
#ขอบคุณเพื่อนทุกๆคนที่ส่งกำลังใจมาให้
#ขอบคุณคุณคนพิเศษที่แอบส่งข้อความสู้ๆมาให้ค่ะ
#ขอบคุณนักวิ่งทุกท่านในงานที่ส่งเสียงเชียร์กระหึ่มมาให้ค่ะ
#ขอบคุณสนามวิ่งงานจอมบึงตลอดทั้งชาวบ้านทุกๆท่านที่ส่งเชียร์เด็กน้อยที่ขอจับมืออย่างกับเราดารา^^
#ขอบคุณตัวเองที่กล้าทำในสิ่งที่เกินขีดจำกัดของตัวเองค่ะ

ปล.ขอบคุณภาพจากชัตเตอร์รันนิ่งค่ะ
#มาราธอนแรกของข้าพเจ้า ที่ จอมบึงมาราธอน#32
อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ต้องไปวิ่งมาราธอนที่จอมบึงปีนี้ เพราะอายุครบ 42ปี ระยะทางเท่าๆกับ มาราธอนเลยค่ะ 42.195 KM. และงานวิ่งจอมบึงก็จัดในเดือนมกราคม เดือนเกิดของตัวเองด้วยค่ะ นี่คือเหตุผลหลักๆที่ทำไมลงวิ่ง มาราธอนแรกที่นี่ค่ะ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้วิ่งเก่งหรือขยันซ้อมอะไรเลยค่ะ ถึงจะเคยวิ่งมินิมาพอสมควร แต่ระยะฮาล์ฟก็มีแค่ครั้งเดียว แต่หลังจากตัดสินใจแล้ว ก้อเริ่มต้นสมัครวิ่งงานจอมบึง เลยชวนพี่สาวกับน้องหมวยที่เราไปวิ่งด้วยกันเป็นประจำมาวิ่งงานนี้กันไหม พี่แกมจะลงมาราธอนนะ แล้วสองคนจะลงไหม?? คำตอบคือ ทั้งสองคนลงวิ่งมาราธอนด้วย จะวิ่งเป็นเพื่อนกัน แต่การสมัครวิ่งงานจอมบึงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องอาศัยดวงล้วนๆๆค่ะ เพราะเป็นระบบล็อตโต้หรือสุ่มเลือกนั่งเองค่ะ ผลปรากฎว่า เราทั้งสามคนได้รับการคัดเลือกผลสุ่มให้ลงวิ่งมาราธอนได้ เอาล่ะสิ ได้วิ่งแล้วแน่นอน ต่อไปต้องวางแผนซ้อมๆๆๆ เพราะทั้งแกม พี่กิ๊ก น้องหมวย ผ่านการวิ่งระยะไกลๆกันมาน้อยมาก ส่วนใหญ่ลงวิ่งมินิกันมากกว่า มีแกมที่เคยผ่านระยะฮาล์ฟแรกที่นาวิกโยธินมาแล้ว ซึ่งงานนั้นก็ทำให้รู้จักคำว่า หอบกิน ค่ะ 555 พอรู้ตัวว่าเราต้องซ้อมให้ถึง คำว่าซ้อมให้ถึงคือ ต้องฝึกฝนวิ่งให้ได้ระยะไกลๆๆไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ มีเวลาเตรียมตัวฝึกซ้อมกันประมาณ6เดือน ก็วางแผนกันว่าจะต้องวิ่งยังไง แบบไหนศึกษาหาข้อมูลช่วยๆๆกันค่ะ แต่แล้วความเป็นจริงคือ ไม่มีใครซ้อมได้ระยะตามที่ควรจะได้เลย 55555 มากสุดของแกมคือ 15กม. เอาว่ะไหนๆๆก้อไหนๆๆตัดสินใจแล้ว เอาเท่าที่ได้ นึกกับตัวเอง มีเวลาเหลืออีกไม่กี่วันเองที่จะต้องไปวิ่งแล้ว ซ้อมน้อยมากถึงแทบไม่ได้ซ้อมเลยก็ว่าได้ค่ะ ... พอถึงวันใกล้แข่งขันจริงแล้ว ตื่นเต้นมาก แต่เราซ้อมวิ่งน้อย เลยต้องมีวินัยเรื่องอื่นแทนคือ กินให้ได้สารอาหารเยอะๆ นอนให้เต็มที่ ซึ่งก้อทำแบบนั้นจริงๆๆ กินๆๆโหลดๆๆเข้าไป 55555 และก็นอนให้เร็ว ฝึกตื่นเช้า ทำแบบนี้ได้1สัปดาห์ก่อนวิ่งเท่านั้นเองค่ะ .... วันเสาร์ที่ 14 มกรา เดินทางมาถึงจอมบึง ขับรถมาเองนะคะ พี่สาวยังถามเลยว่า ขากลับจะขับไหวไหม ลืมนึกเรื่องนั้นเลย 555 ... พอมาถึงจุดจัดงานวิ่งที่ ราชภัฏจอมบึง โอ้โฮ้!!!! นี่งานวิ่ง หรือ งานเฟสติวัลประจำจังหวัดค่ะ มันยิ่งใหญ่มาก เหมือนเป็นงานที่นักวิ่งทั่วประเทศมาร่วมตัวกันที่นี่อ่ะค่ะ บอกไปก็ไม่เหมือนตาเห็น งั้นปีหน้าที่ใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วต้องลองมาสัมผัสเองนะคะ เค้าต้อนรับดีมากนะคะ มีพวงมาลัยมาคล่องที่ข้อมือต้อนรับนักวิ่งทุกคน น่ารักค่ะ ประทับใจ ... ข้าพเจ้ามารับBibเสื้อกับถุงผ้า..จากนั้นก็กลับเข้าที่พัก ซึ่งก็ไปได้ที่พักไกลถึง สวนผึ้ง เพราะที่จอมบึงทีพักเต็มค่ะ .... ตัดภาพมาที่วันวิ่งจริงเลยคะ ด้วยที่พักไกล เลยต้องตื่นเช้ากว่าคนอื่นคือ ตั้งนาฬิกาปลุก เที่ยงคืนสี่สิบห้า เตรียมตัวอุปกรณ์เสื้อผ้าหน้าผมเสร็จ ตีหนึ่งครึ่งเราออกเดินทางมาที่จอมบึงค่ะ มาเร็วๆเพื่อมาหาที่จอดรถค่ะ ซึ่งก็ได้ที่จอดรถใกล้จุดวิ่งมาก ถือว่าโชคดี... มาถึงที่งานประมาณ ตีสองยี่สิบ เราก็นั่งรอเวลาในรถ ณ เวลานั้น ก็ต้องกินอาหารเข้าท้อง เพื่อให้มีพลังงานค่ะ อาหารที่โหลดเข้าไป มี ขนมปังโฮลวีต 3 แผ่น นมถั่วเหลือง 2กล่อง อิ่มมากค่ะ … ส่วนอาหารทีเตรียมไประหว่างวิ่ง ไม่มีค่ะ เราพกไปแค่ เจลลี่เสริมพลังงาน 5เม็ด กับ อินทผาลัม 5 เม็ด … ตอนนี้ เวลาใกล้จะตีสี่แล้ว ตีสี่เป็นเวลาปล่อยตัวของนักวิ่งมาราธอน ทุกคนมายืนรอประจำจุดที่แบ่งออกเป็นโซน A B C D และ E พวกเราอยู่โซน E เป็นโซนนักวิ่งขาช้าค่ะ 555 มีนักวิ่งมาราธอนทั้งหมด 5,000กว่าคนที่มาร่วมงานวิ่งนี้ ซึ่งเยอะมากกกกกกค่ะ พอได้เวลาปล่อยตัว ความตื่นเต้นกับ #มาราธอนแรก กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วค่ะ .........//// ปล่อยตัวแล้ว พวกเราก็วิ่งๆๆกันไปค่ะ ข้าพเจ้ามีความตั้งใจจริงอยู่อย่างหนึ่งกับมาราธอนแรกนี้คือ ไม่สนใจเวลาที่จะทำได้ ขอแค่ให้เข้าเส้นชัยแบบ #จบแต่ไม่เจ็บ ค่ะ และตั้งใจที่สองคือ จะวิ่งและเข้าเส้นชัยพร้อมๆกับพี่สาวค่ะ ... พอทุกคนตั้งหน้าตั้งตาวิ่งตัวใครตัวมัน ข้าพเจ้ากับพี่สาว ก็วิ่งคู่กันไปเรื่อยๆๆ ได้ระยะประมาณ 2 -3 กิโลเมตร พี่สาวก็เริ่มไม่ไหว ขอเดิน แล้วก็ไล่ให้ข้าพเจ้าวิ่งไปก่อนเลย ข้าพเจ้าก็ยอมรับว่าวิ่งไปเรื่อยๆไม่ได้รอพี่สาว วิ่งทิ้งห่างออกมาเรื่อยๆๆๆ จนมองหากันไม่เจอแล้ว ข้าพเจ้าเลยตัดใจทิ้งพี่เลย 55555 คราวนี้วิ่งคนเดียวแล้ว วิ่งมาได้ระยะประมาณกิโลเมตรที่ 7 เริ่มปวดท้องหนัก มองหาห้องน้ำ โชคดีค่ะเจอ ปั๊มน้ำมันค่ะ แวะก่อนเลย OMG!!! คนต่อคิวเยอะมากถามว่ารอไหม?? รอซิค่ะ ก็มันปวดหนักนี่น่า รอ รอ รอ รอ แต่ละคน คงปวดหนักหรือใส่กางเกงลำบาก 555 เพราะกางเกงรัดกล้ามเนื้อที่ราคาแพงๆๆนั้น มันใส่ยากค่ะ ต้องใช้เวลา แอบได้ยินมาค่ะ 555 ยอมรับเลยนะคะ ว่า เสียเวลากับการรอห้องน้ำ รวมกับทำธุระของตัวเองเป็นเวลา 30 นาที ตรงนี้ทำให้เราเสียเวลามากค่ะ แต่จะไม่เข้าก็ไม่ได้ 555 พอเสร็จธุระออกมา อ้าว! ผู้คนหายไม่ไหนกันหมด มีวิ่งอยู่ไม่กี่คนเอง ข้าพเจ้าเลยวิ่งตามๆเค้าไปที่ออกมาจากปั๊มด้วยกัน เป็นผู้หญิง3คน เค้าชวนวิ่งไปด้วยกัน เออดีค่ะ มีเพื่อนวิ่งแล้ววววว พอวิ่งไปได้สักระยะ แรงคนเราไม่เท่ากัน เค้าทั้ง3คนวิ่งทิ้งข้าพเจ้าไปแล้วววววว เหลือคนเดียว ก็วิ่งไปเรื่อยๆๆ ประมาณกิโลเมตรที่ 10 เจอคุณลุงเป้งจากชมรมสถาวรค่ะ คุณลุงชวนวิ่งไปพร้อมๆกัน ชวนคุยตลอดทาง สอนให้วิ่งช้าๆไม่ต้องรีบ เก็บแรงไว้10กิโลสุดท้ายค่อยใส่เต็ม เออๆข้าพเจ้าก็วิ่งไปเรื่อยๆกับคุณลุงเป้ง สักพักก็เจอเพื่อนนักวิ่งแฟนซีค่ะ ที่ชื่อ คุณเอ็มมิโกะ (เป็นผู้ชายนะคะ) ก็ชวนกันไปพร้อมกัน คราวนี้มี 3 คนล่ะ อีกสักพักมีน้องผู้หญิงวิ่งมาร่วมแจมด้วยค่ะ บังเอิญๆๆๆๆๆ น้องผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนน้องส้มที่ทำงานค่ะ และก็มาเจอป้าเนเน่ ที่แต่งแฟนซีอีกคน ก็เลยวิ่งไปคุยกันไป5คน สนุกไปเลยค่ะ ....... พอวิ่งๆเดินๆกันมาถึงระยะกิโลเมตรที่เท่าไหร่จำไม่ได้ค่ะ แต่มี พระสงฆ์ที่มาค่อย รดน้ำมันต์ให้สินให้พร “กล้ามเนื้อซ้ายแข็งแรง กล้ามเนื้อขวาแข็งแรง” พระท่านให้พรแบบนี้จริงๆนะคะ ซึ่งก็เป็นกำลังใจอย่างมากค่ะ .... หลังจากตรงนี้แล้ว ข้าพเจ้ากับน้องแหม่ม ก็เริ่มวิ่งตีจาก พี่ๆทั้งสามออกมา เพราะมองจากป้ายกับเวลาที่ควรถึงมันไม่ทันล่ะ และอีกอย่าง ผู้คนเค้าเริ่มวิ่งกลับตัวสวนทางมากันเยอะมากแล้ว เรายังไม่ไปไหนเลยค่ะ อีกประมาณเกือบ 7 กิโล ถึงจะไปถึงจุดกลับตัวคือ กิโลเมตรที่ 24 เป็นจุดกลับตัว ..... ข้าพเจ้ากับน้องแหม่ม ก้อวิ่งคู่กันมาเรื่อยๆๆ ส่วนสายตาก็มองหาพี่สาวว่าถึงไหนแล้ว แต่ในใจนึกไว้อยู่แล้วว่าเค้าต้องนำเราไปไกลแล้วล่ะค่ะ ตลอดระยะทางที่จะวิ่งไปให้ถึงจุดกลับตัว ก็เจอเพื่อนสายนักวิ่งหลากหลายคนที่เค้ากลับตัวกันมาแล้วนั้น ทุกคนก้อทักทายกัน ส่งกำลังใจให้กันค่ะ “สู้ๆๆครับ ... อีกนิดเดียวครับก็กลับตัวแล้ว” นึกในใจนี่หลอกตรูป่าว อีกนิดๆๆๆอ่ะ 55555 พอใกล้ถึงจุดกลับตัว ประมาณกิโลเมตรที่ 22ของข้าพเจ้า .... ก็ได้เจอพี่สาวที่ได้กลับตัวมาแล้ว ดีใจมากๆๆค่ะ เย่ๆๆๆๆๆพี่กิ๊กวิ่งได้ไกลมากแล้ว เก่งที่สุด หมดกังวลล่ะค่ะเจอล่ะ ... ตัวเองเลยพยายามวิ่งให้ถึงจุดกลับตัวให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ตามพี่สาวทัน แล้ววิ่งไปพร้อมๆกัน ซึ่งระยะห่างของข้าพเจ้ากับพี่สาวก็หลายกิโลอยู่ .... พอถึงจุดกลับตัว ก็เกือบถอดใจนะคะ เพราะตอนนั้น ขามันเริ่มจะหมดแรง เจอหน่วยแพทย์ เลยขอแวะให้เค้า ทายาและนวดขาให้ก่อนสักพัก พร้อมขอฉีดสเปรยไม่ให้เป็นตะคริว หลังจากผ่านจุดกลับตัวมาแล้วนั้น ข้าพเจ้าก็ทิ้งน้องแหม่มไว้ แล้วตัวเองก็วิ่งช้าๆวิ่งเหยาะๆและเดินๆๆๆ จนตามพี่สาวทันที่กิโลเมตรที่ 27นี่ล่ะค่ะ เย่ๆๆๆ ตามทันแล้ว จากนี้เราจะไปพร้อมๆๆกันนะ ตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก จากนี้เหลืออีกประมาณ 14-15 กิโลเมตร ก็จะถึงเส้นชัยกันแล้ว ตอนนั้นนาฬิกาอยู่ที่ 09.25 น.โดยประมาณ แต่พี่กิ๊กไม่วิ่งแล้วอ่ะ พี่กิ๊กเดินเร็วๆๆๆอย่างเดียว ข้าพเจ้าเป็นคนเดินเร็วไม่ได้ เลยต้องวิ่งเหยาะๆๆสลับเดินๆๆ เราทำแบบนี้กันไปตลอดทางจนถึงกิโลเมตรที่ 34 .... เริ่มจากกิโลเมตรที่34 ตัวข้าพเจ้าเริ่มเดินเร็วๆๆเป็นแล้ว เดินกันอย่างเร็ว เราแซงทุกคนที่เดิน อารมณ์เวลา ณ ตอนนั้น คือ walking dead ร้อนมากๆๆๆๆ แต่ต้องเดิน อดทนมากๆๆๆ มีหน่วยอาสา แวะเวียนมาถามตลอดว่า “ไหวไหม ไม่ไหวขึ้นรถไปไหม” ซึ่งเราก็ตอบไปว่า “ไหวค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ” เดินๆๆๆกันมาจนเหลืออีก 2กิโลเมตรสุดท้าย บอกพี่กิ๊กว่า อีกนิดเดียวจะถึงแล้ว สู้ๆๆกันเนอะ เราจะเข้าเส้นชัยพร้อมๆกันนะ .... จนมาถึงกิโลเมตรสุดท้าย เค้าจะกัน กรวยสีส้มไว้กลางถนน เป็นลู่ให้นักวิ่งมาราธอน วิ่งเข้าเส้นชัย ...... เราเดินกันจนถึง จุดเลี้ยวโค้งจะเข้าเส้นชัยอีก 900 เมตร มีคนมาบิ้วให้วิ่งๆๆๆ เหลือเวลาอีก9 นาทีจะคัทออฟแล้ว มองหน้ากันสองคน วิ่งนะพี่กิ๊ก อ่ะเครวิ่ง วิ่งกันมาได้ถึง 700เมตร พี่กิ๊กไม่ไหว เดินๆๆกันต่อ คนมาบิ้วอีก เหลือเวลาอีก 5 นาทีครับ วิ่งเร็วๆๆๆ อ้าววิ่งๆๆกันอีกมาถึง 500เมตรสุดท้าย ไม่ไหวเดินกันต่อ คราวนี้เสียงบิ้วมาอีกเหลืออีก3นาทีเองนะ วิ่งๆๆๆเร็วๆๆครับ อ้าววิ่งมาถึง 300เมตรสุดท้าย หยุดวิ่งเพราะพี่สาวบอกว่าไม่ไหวแล้วบอกว่า แกมไปก่อนเถอะ เราก็บอกว่าไม่เป็นไรไปพร้อมกันนี้ล่ะ ......จน 100 เมตรสุดท้าย เสียงบิ้วมาอีกบอกว่าให้วิ่งเหลืออีก 20 วินาที ให้วิ่งหมดแม็ก มองหน้ากันแล้วมือก็ผลักดันพี่สาวให้วิ่ง บอกว่าวิ่งไปพี่กิ๊ก หมดแม็กเต็มที่ พี่กิ๊กก็ยอมวิ่งจนสุดทรีน(เค้าบอกแบบนั้น) 100เมตรสุดท้ายเป็นอะไรที่ลุ้นมาก เสียงเชียร์กระหึ่มเต็มรอบสนาม ไม่วิ่งก็ไม่ได้ เพราะทุกคนเชียร์อยู่และลุ้นมากให้เข้าเส้นชัยทัน CutOff ซึ่งเหลือเพียง 20 วินาที เท่านั้น .... สุดท้าย เราสองคนพี่น้องก็เข้าทัน CutOff (เที่ยงตรง) สองคนสุดท้ายจริงๆๆค่ะ... เย่ๆๆๆดีใจค่ะ เราทำสำเร็จ #มาราธอนแรก ของเราสองคนพี่น้อง มันสำเร็จแล้วววววว ฟูลแรกที่ใช้เวลาเต็มฟูล8ชั่วโมงจริงๆๆๆ /// ขอบคุณที่อ่านมาจนจบถึงตรงนี้ อยากบอกว่า ความลับ มาราธอนแรก มันไม่มีหรอกค่ะ แค่อยากหลอกให้อ่าน แล้วอยากให้ลอง มาวิ่งกันดูค่ะ มาค้นหาตัวเองกัน จากการ #วิ่ง เพราะการวิ่งมาราธอน สอนเราหลายอย่างมาก ให้อะไรเราก็หลายอย่างก็มากค่ะ ซึ่งบอกไปมันก็ไม่เหมือนมาสัมผัสเองอ่ะค่ะ แกมได้สัมผัสแล้วกับ #มาราธอนแรก แล้ว รู้แล้วมันเป็นยังไง มันก็ไม่ได้โหดร้ายมากมาย อยู่ที่เราพร้อมทั้งกายและหัวใจ ว่า พร้อมไหมที่จะสู้กับมัน และ สู้กับตัวเอง ... #ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้ค่ะ .... จบล่ะค่ะ #มาราธอนแรกที่จอมบึง อ๋อลืมบอกว่า ทำไมต้อง มาราธอนแรกที่จอมบึง เพราะ จอมบึงเค้าพร้อมทุกๆด้าน เลยมั่นใจความปลอดภัยค่ะ (ยกเว้นห้องน้ำ55555)....มาวิ่งกันเถอะมาวิ่งกันเถอะค่ะ คิดว่าจะมีฟูลครั้งต่อไปค่ะ ^^
#ขอบคุณพี่สาวคนสวยที่ตัดสินใจลงมาราธอนวิ่งเป็นเพื่อนแกม
#ขอบคุณน้องหมวยที่คอยมาเป็นเพื่อนทุกสนามวิ่ง
#ขอบคุณแรงกำลังใจของน้องอ้นและชาวชมรมวิ่งไทยพีบีเอส
#ขอบคุณป้ายมาราธอนแรกจากน้องฝนค่ะ
#ขอบคุณเพื่อนทุกๆคนที่ส่งกำลังใจมาให้
#ขอบคุณคุณคนพิเศษที่แอบส่งข้อความสู้ๆมาให้ค่ะ
#ขอบคุณนักวิ่งทุกท่านในงานที่ส่งเสียงเชียร์กระหึ่มมาให้ค่ะ
#ขอบคุณสนามวิ่งงานจอมบึงตลอดทั้งชาวบ้านทุกๆท่านที่ส่งเชียร์เด็กน้อยที่ขอจับมืออย่างกับเราดารา^^
#ขอบคุณตัวเองที่กล้าทำในสิ่งที่เกินขีดจำกัดของตัวเองค่ะ
ปล.ขอบคุณภาพจากชัตเตอร์รันนิ่งค่ะ