คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ขอต่อนะคะ ข้อความยาวเกิน ระบบโพสไม่ได้ค่ะ
เราก็แบบ หืมมมม ไหนว่าเงินช็อต หมาป่วย หวยแดรกกกก แล้วเมิงเอาเงินที่ไหนมาซื้อเนี่ย ราคากระเป๋าใบเดียวมากกว่าหนี้ที่ติดเราไว้อีกนะ เราก็โพสไป ใช้ล็อกอินพี่สาวแหละ แต่ลงท้ายเป็นชื่อของเราเอง ประมาณว่า พี่....คะ ไปรับลูกสาวที่นู่น อย่าลืมเหลือเงินมาคืนหนูบ้างนะ รอมาสองปีแล้วค่ะ เหนื่อยจะตามแล้ว ไม่ถึงนาที โพสเราก็โดนลบเลยค่ะ อ่ะ เราก็ไม่เป็นไร บางทีมือเขาอาจกระตุก เผลอลบไป เราก็โพสทวงเงินซ้ำค่ะ นางก็ลบอีกเป็นสิบกว่าเที่ยว จนในที่สุดนางโทรมาค่ะ
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เราทวงเงินครั้งที่สอง ที่นางโทรหาเราก่อน เพราะเราโทรไปนี่ถ้าสายไม่ ก็สายหลุด หรือไม่ก็รับแล้วไม่พูดตลอดค่ะ แน่นอนค่ะ นางเปิดฉากด่าเราเลยค่ะ หาว่าเราไปก่อกวน เราก็ทวงเงินนางค่ะ เอาเป็นก้อนด้วย ไม่เอาทีละพันสองพันแล้ว คือตรงนี้เราขอข้ามนะคะ เอาเป็นว่านางด่าเราแรงค่ะ เราก็กวนประสาทนางไปมากอยู่ค่ะ แต่สรุปคือนางจะให้เป็นหนี้สูญค่ะ ทำนางขายหน้าในเฟส นางเลยจะไม่จ่ายเงินเรา คำแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองเราเลยคือ ตั๋วเฮียจริงๆนะเนี่ย เราก็เครียดนะ เพราะเราก็ไม่มีใบสัญญากู้ยืมอะไรให้นางเซ็นเลยสักอย่างเดียว ให้นางยืมเปล่าตลอด ก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็พอดีว่าอาโกว แม่สามีของนาง มาหาพ่อเราที่บ้าน มาขอยืมเงินพ่อเราค่ะ เพราะว่าพี่สะใภ้ของเราหยิบเงินของสามีไปลงทุนทำนาที่บ้านเกิดหลายแสน แต่ว่าน้ำท่วมเลยเจ๊ง แต่ติดที่เงินตรงนี้มันเป็นเงินกู้ธนาคาร ต้องจ่ายดอกเขาอีก ( แต่เราไม่รู้นะว่าเขาเอาเงินก้อนนี้ไปทำอะไร ไม่ออกความเห็นค่ะ ) แต่พ่อเราไม่ให้ยืมค่ะ คำเดียวสั้นๆ กรูไม่มี 5555 คือถ้าเรากล้าพูดเหมือนพ่อก็คงดี จะได้ไม่มีปัญหาปวดหัวอย่างตอนนี้
เราก็เลยเริ่มแผนค่ะ คือเราแกล้งเปรยๆไปในหมู่ญาติค่ะ ว่านี่กำลังรับงานใหม่มา ถ้าเสร็จนี่ได้เงินก้อนใหญ่มากพอดูเลย ( เราตั้งใจพูดโกโหกค่ะ งานน่ะมีเข้ามาจริง แต่ไม่ได้เงินเยอะอะไรขนาดนั้น แต่ว่าปกติเราไม่ค่อยพูดอะไรมาก คือถ้าเรื่องไหนถ้ามันไม่จริง เราก็จะไม่พูดอ่ะ ไม่ชอบโกหกใคร เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กๆแล้ว พวกญาติๆจะรู้ดี คือถ้าเราพูดเมื่อไหร่ มันก็จะเป็นเรื่องจริง ) ไม่ถึงอาทิตย์ นางก็กลับมาค่ะ มาพร้อมน้ำตานองหน้า มาเล่าปัญหาชีวิตซ้ำกรรมซัดของนางอีก เรื่องทำนาเจ๊ง ผัวด่า แม่ผัวเกลียด ลูกไม่มีค่าเทอม บลาๆๆๆๆ ( เหตุผลที่นางไม่ให้เราบอกใครเรื่องยืมเงินเรา ก็คือเรื่องนี้แหละค่ะ คือนางสร้างเรื่องปัญหาการเงินในครอบครัวนางมาก่อนแล้ว ถ้ามาทำซ้ำอีกก็คงโดนแม่ผัวถล่มแน่ เพราะอาโกวเราน่ากลัวค่ะ คือแกไม่ได้ใจร้ายอะไรนะ แต่แกเป็นคนเอาจริงค่ะ ปากร้ายใจดี และดุมากกกก อย่างอาแปะเราเคยแอบมีเมียน้อย เช่าห้องให้อยู่ แต่เมียน้อยอยากเปิดตัว ก็มาแกรนด์โอเพนนิ่งที่บ้าน เจออาโกวเราลงไปตบนอนดิ้นกระแหงกๆค่ะ จำภาพได้ติดตาเลย )
เราก็โอเคค่ะ ทำตัวเป็นควายโง่อีกครั้ง ได้ค่ะพี่ แต่รอบนี้หนูขอให้พี่เซ็นสัญญาให้หนูได้มั้ย แบ่งเป็นสองสัญญาให้พี่เซ็นนะ หนี้เก่ากะหนี้ใหม่แล้วกัน คือหนูไว้ใจพี่นะ แต่ไม่อยากทะเลาะกันอีก พี่เซ็นให้หนูหน่อยหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นนางก็ไม่อยากเซ็นค่ะ เราก็ไม่เซ็นก็ไม่ให้เงินนะ ยื่นคำขาดไปยังงี้ แล้วเราคิดว่าเขาคงมีปัญหาอะไรจวนตัวจริงๆ ซึ่งเราไม่ทราบได้ เพราะไม่อยากไปยุ่งในเฟสอะไรนางอีกแล้ว สุดท้ายนางก็ยอมเซ็นให้ค่ะ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเราให้เงินนางง่ายๆมาตลอด ไม่เคยบอกปฏิเสธ ไม่ทวงไม่ถาม นอกจากเราเดือดร้อนจริงๆ จากนั้นเราก็กันเหนียวค่ะ ก็ทักไลน์ไป บอกประมาณว่า เงินจะได้แล้วนะ ลูกค้าจะโอนให้ พี่จะให้หนูโอนเข้าบัญชีไหน แล้วก็ไลน์ถามเรื่องหนี้เก่าไปด้วย แล้วเราก็เซฟหน้าไลน์เก็บไว้ค่ะ แล้วก็อัดเสียงช่วงนางคุยเรื่องเคลียร์หนี้เก่าไว้ด้วย เผื่อนางตุกติกอะไร
สรุปคือตอนนี้ เรามีหลักฐานในมือสามอย่าง ใบสัญญากู้ยืมหนี้เก่า หน้าไลน์ที่นางยอมรับว่ายืมเงินเรา และจะยอมใช้เงินคืนเรา แล้วก็เสียงที่พูดเรื่องการยืมเงินไป คือเราก็เลยส่งให้นางดูไป แล้วบอกว่าเรื่องเงินที่ว่าจะให้ยืม โกหกนะ เราไม่มีเงินอะไรขนาดนั้นหรอก มีแต่หนี้เก่าที่พี่ไม่ยอมใช้คืน แล้วจะไม่ยอมจ่าย คือถ้าพี่ไม่ยอมคืน คือหนูให้แฟนพี่กับอาโกวหนูดูนะ แล้วหนูไม่รู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง คือพี่จะหย่าจะเลิกกันก็เรื่องของพี่นะ แต่ว่าเรายอมให้มีการผ่อนจ่ายได้ เดือนละหนึ่งหมื่นบาท ไม่เอาดอกเบี้ยด้วย เอาเงินต้นอย่างเดียว นางก็ร้องไห้ค่ะ แล้วต่อรองว่าขอแบ่งเป็นสองงวด งวดละห้าพัน ต้นเดือน กลางเดือน เราก็โอเคได้ ซึ่งเมื่อต้นเดือนนี้ เราได้มาห้าพัน แต่พอกลางเดือนคือนางหายไปอีกแล้ว โทรไม่รับ ไลน์ไม่ตอบ เฟสก็บล็อก เราก็แบบเซ็งสุดแล้ว เอาจริงๆเราไม่อยากทำให้ครอบครัวใครแตกแยกนะ สงสารหลาน แต่คือถ้านางหายไปแบบนี้เราก็ไม่ไหวนะ เสียดายเงินเหมือนกัน เพราะว่าสำหรับเราแล้วมันไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ตอนนี้เราเลยสองจิตสองใจ คือรู้นะว่าทางแก้ปัญหาอยู่ตรงไหน แต่ก็ไม่อยากทำลายครอบครัวเขาน่ะค่ะ
ป.ล. ขอโทษที่ร่ายมาซะยาวนะคะ คือมันอัดอั้นสองปีไม่เคยบอกใครเลย อึดอัดใจมากกก เจ็บใจด้วย แม้แต่พ่อแม่เราก็ไม่เคยพูดค่ะ แต่นี่เราเพิ่งบอกแม่ไปเมื่อวาน แม่ก็ด่าว่าโง่แท้ลูกกรู ก็ยอมรับว่าโง่จริงๆแหละค่ะ บทเรียนชีวิตครั้งใหญ่สำหรับเราเลย
เราก็แบบ หืมมมม ไหนว่าเงินช็อต หมาป่วย หวยแดรกกกก แล้วเมิงเอาเงินที่ไหนมาซื้อเนี่ย ราคากระเป๋าใบเดียวมากกว่าหนี้ที่ติดเราไว้อีกนะ เราก็โพสไป ใช้ล็อกอินพี่สาวแหละ แต่ลงท้ายเป็นชื่อของเราเอง ประมาณว่า พี่....คะ ไปรับลูกสาวที่นู่น อย่าลืมเหลือเงินมาคืนหนูบ้างนะ รอมาสองปีแล้วค่ะ เหนื่อยจะตามแล้ว ไม่ถึงนาที โพสเราก็โดนลบเลยค่ะ อ่ะ เราก็ไม่เป็นไร บางทีมือเขาอาจกระตุก เผลอลบไป เราก็โพสทวงเงินซ้ำค่ะ นางก็ลบอีกเป็นสิบกว่าเที่ยว จนในที่สุดนางโทรมาค่ะ
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เราทวงเงินครั้งที่สอง ที่นางโทรหาเราก่อน เพราะเราโทรไปนี่ถ้าสายไม่ ก็สายหลุด หรือไม่ก็รับแล้วไม่พูดตลอดค่ะ แน่นอนค่ะ นางเปิดฉากด่าเราเลยค่ะ หาว่าเราไปก่อกวน เราก็ทวงเงินนางค่ะ เอาเป็นก้อนด้วย ไม่เอาทีละพันสองพันแล้ว คือตรงนี้เราขอข้ามนะคะ เอาเป็นว่านางด่าเราแรงค่ะ เราก็กวนประสาทนางไปมากอยู่ค่ะ แต่สรุปคือนางจะให้เป็นหนี้สูญค่ะ ทำนางขายหน้าในเฟส นางเลยจะไม่จ่ายเงินเรา คำแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองเราเลยคือ ตั๋วเฮียจริงๆนะเนี่ย เราก็เครียดนะ เพราะเราก็ไม่มีใบสัญญากู้ยืมอะไรให้นางเซ็นเลยสักอย่างเดียว ให้นางยืมเปล่าตลอด ก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็พอดีว่าอาโกว แม่สามีของนาง มาหาพ่อเราที่บ้าน มาขอยืมเงินพ่อเราค่ะ เพราะว่าพี่สะใภ้ของเราหยิบเงินของสามีไปลงทุนทำนาที่บ้านเกิดหลายแสน แต่ว่าน้ำท่วมเลยเจ๊ง แต่ติดที่เงินตรงนี้มันเป็นเงินกู้ธนาคาร ต้องจ่ายดอกเขาอีก ( แต่เราไม่รู้นะว่าเขาเอาเงินก้อนนี้ไปทำอะไร ไม่ออกความเห็นค่ะ ) แต่พ่อเราไม่ให้ยืมค่ะ คำเดียวสั้นๆ กรูไม่มี 5555 คือถ้าเรากล้าพูดเหมือนพ่อก็คงดี จะได้ไม่มีปัญหาปวดหัวอย่างตอนนี้
เราก็เลยเริ่มแผนค่ะ คือเราแกล้งเปรยๆไปในหมู่ญาติค่ะ ว่านี่กำลังรับงานใหม่มา ถ้าเสร็จนี่ได้เงินก้อนใหญ่มากพอดูเลย ( เราตั้งใจพูดโกโหกค่ะ งานน่ะมีเข้ามาจริง แต่ไม่ได้เงินเยอะอะไรขนาดนั้น แต่ว่าปกติเราไม่ค่อยพูดอะไรมาก คือถ้าเรื่องไหนถ้ามันไม่จริง เราก็จะไม่พูดอ่ะ ไม่ชอบโกหกใคร เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กๆแล้ว พวกญาติๆจะรู้ดี คือถ้าเราพูดเมื่อไหร่ มันก็จะเป็นเรื่องจริง ) ไม่ถึงอาทิตย์ นางก็กลับมาค่ะ มาพร้อมน้ำตานองหน้า มาเล่าปัญหาชีวิตซ้ำกรรมซัดของนางอีก เรื่องทำนาเจ๊ง ผัวด่า แม่ผัวเกลียด ลูกไม่มีค่าเทอม บลาๆๆๆๆ ( เหตุผลที่นางไม่ให้เราบอกใครเรื่องยืมเงินเรา ก็คือเรื่องนี้แหละค่ะ คือนางสร้างเรื่องปัญหาการเงินในครอบครัวนางมาก่อนแล้ว ถ้ามาทำซ้ำอีกก็คงโดนแม่ผัวถล่มแน่ เพราะอาโกวเราน่ากลัวค่ะ คือแกไม่ได้ใจร้ายอะไรนะ แต่แกเป็นคนเอาจริงค่ะ ปากร้ายใจดี และดุมากกกก อย่างอาแปะเราเคยแอบมีเมียน้อย เช่าห้องให้อยู่ แต่เมียน้อยอยากเปิดตัว ก็มาแกรนด์โอเพนนิ่งที่บ้าน เจออาโกวเราลงไปตบนอนดิ้นกระแหงกๆค่ะ จำภาพได้ติดตาเลย )
เราก็โอเคค่ะ ทำตัวเป็นควายโง่อีกครั้ง ได้ค่ะพี่ แต่รอบนี้หนูขอให้พี่เซ็นสัญญาให้หนูได้มั้ย แบ่งเป็นสองสัญญาให้พี่เซ็นนะ หนี้เก่ากะหนี้ใหม่แล้วกัน คือหนูไว้ใจพี่นะ แต่ไม่อยากทะเลาะกันอีก พี่เซ็นให้หนูหน่อยหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นนางก็ไม่อยากเซ็นค่ะ เราก็ไม่เซ็นก็ไม่ให้เงินนะ ยื่นคำขาดไปยังงี้ แล้วเราคิดว่าเขาคงมีปัญหาอะไรจวนตัวจริงๆ ซึ่งเราไม่ทราบได้ เพราะไม่อยากไปยุ่งในเฟสอะไรนางอีกแล้ว สุดท้ายนางก็ยอมเซ็นให้ค่ะ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเราให้เงินนางง่ายๆมาตลอด ไม่เคยบอกปฏิเสธ ไม่ทวงไม่ถาม นอกจากเราเดือดร้อนจริงๆ จากนั้นเราก็กันเหนียวค่ะ ก็ทักไลน์ไป บอกประมาณว่า เงินจะได้แล้วนะ ลูกค้าจะโอนให้ พี่จะให้หนูโอนเข้าบัญชีไหน แล้วก็ไลน์ถามเรื่องหนี้เก่าไปด้วย แล้วเราก็เซฟหน้าไลน์เก็บไว้ค่ะ แล้วก็อัดเสียงช่วงนางคุยเรื่องเคลียร์หนี้เก่าไว้ด้วย เผื่อนางตุกติกอะไร
สรุปคือตอนนี้ เรามีหลักฐานในมือสามอย่าง ใบสัญญากู้ยืมหนี้เก่า หน้าไลน์ที่นางยอมรับว่ายืมเงินเรา และจะยอมใช้เงินคืนเรา แล้วก็เสียงที่พูดเรื่องการยืมเงินไป คือเราก็เลยส่งให้นางดูไป แล้วบอกว่าเรื่องเงินที่ว่าจะให้ยืม โกหกนะ เราไม่มีเงินอะไรขนาดนั้นหรอก มีแต่หนี้เก่าที่พี่ไม่ยอมใช้คืน แล้วจะไม่ยอมจ่าย คือถ้าพี่ไม่ยอมคืน คือหนูให้แฟนพี่กับอาโกวหนูดูนะ แล้วหนูไม่รู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง คือพี่จะหย่าจะเลิกกันก็เรื่องของพี่นะ แต่ว่าเรายอมให้มีการผ่อนจ่ายได้ เดือนละหนึ่งหมื่นบาท ไม่เอาดอกเบี้ยด้วย เอาเงินต้นอย่างเดียว นางก็ร้องไห้ค่ะ แล้วต่อรองว่าขอแบ่งเป็นสองงวด งวดละห้าพัน ต้นเดือน กลางเดือน เราก็โอเคได้ ซึ่งเมื่อต้นเดือนนี้ เราได้มาห้าพัน แต่พอกลางเดือนคือนางหายไปอีกแล้ว โทรไม่รับ ไลน์ไม่ตอบ เฟสก็บล็อก เราก็แบบเซ็งสุดแล้ว เอาจริงๆเราไม่อยากทำให้ครอบครัวใครแตกแยกนะ สงสารหลาน แต่คือถ้านางหายไปแบบนี้เราก็ไม่ไหวนะ เสียดายเงินเหมือนกัน เพราะว่าสำหรับเราแล้วมันไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ตอนนี้เราเลยสองจิตสองใจ คือรู้นะว่าทางแก้ปัญหาอยู่ตรงไหน แต่ก็ไม่อยากทำลายครอบครัวเขาน่ะค่ะ
ป.ล. ขอโทษที่ร่ายมาซะยาวนะคะ คือมันอัดอั้นสองปีไม่เคยบอกใครเลย อึดอัดใจมากกก เจ็บใจด้วย แม้แต่พ่อแม่เราก็ไม่เคยพูดค่ะ แต่นี่เราเพิ่งบอกแม่ไปเมื่อวาน แม่ก็ด่าว่าโง่แท้ลูกกรู ก็ยอมรับว่าโง่จริงๆแหละค่ะ บทเรียนชีวิตครั้งใหญ่สำหรับเราเลย

แสดงความคิดเห็น
ห้ามใจตัวเองไม่อยู่จริงๆค่ะ เราควรไปทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกดีหรือเปล่าคะ เรื่องเงินค่ะ
ขอเล่าเรื่องเลยว่า เรามีญาติคนหนึ่ง คือเขาอยู่ในฐานะพี่สะใภ้ค่ะ เพราะเป็นภรรยาของพี่ชายเรา แต่พี่ชายคนนี้ไม่ใช่พี่แท้ๆนะคะ เป็นลูกพี่ลูกน้องของเราค่ะ ( ถ้างงต้องขอโทษค่ะ คืออาก๋งเรามีภรรยาสองคน คนแรกแม่ใหญ่มีลูกหก คนที่สองคืออาม่าเรา ลูกแปดค่ะ เวลาเรียงลำดับญาติเลยค่อนข้างยากนิดหนึ่งค่ะ )
ซึ่งเราค่อนข้างสนิทกับพี่สะใภ้คนนี้มาก เพราะบ้านอยู่ใกล้ๆกัน พูดจากันถูกคอรู้เรื่องดี แต่ก็ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นเป็นเพื่อนตายอะไรขนาดนั้น แค่ไปเที่ยวกินข้าวดูหนังเวลาว่างๆอะไรอย่างนี้มากกว่า จนเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ลูกพี่สะใภ้เกิดป่วยหนัก ต้องเข้าแอดมิทที่โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งพี่สะใภ้ของเราค่อนข้างติดหรู ข้าวของทุกอย่างต้องแบรนเนม ขนาดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นอยู่บ้านก็ต้องยี่ห้อเท่านั้นค่ะ ( MNG H&M อะไรพวกนี้ คือเราไม่ค่อยรู้จักยี่ห้ออะไรมากนักนะคะ บอกตามตรง คือไม่รู้ว่าสำหรับคนอื่นจะถือว่าแพงหรือเปล่านะคะ แต่สำหรับเราเสื้อยืดอยู่บ้านถ้าเกินร้อยหนึ่งคือแพงค่ะ ปกติเราใส่เสื้อสามตัวร้อยตามตลาดนัดน่ะค่ะ )
ส่วนเราก็ไปเยี่ยมหลานที่โรงพยาบาล พี่สะใภ้ก็เล่าปรับทุกข์ไปว่าค่ารักษาน้องแพง ไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาจาก บลาๆๆๆ เล่าไปร้องไห้ไป เราตอนนั้นก็แบบนางเอ๊กกก นางเอกอ่ะค่ะ คือสงสาร เห็นใจ อยากเป็นคนดี แล้วโง่มากๆด้วย 555 ก็เลยให้เขายืมเงินไปค่ะ ประมาณเกือบๆครึ่งแสน แบบให้เปล่าๆด้วยนะ สัญญากู้ยืมอะไรก็ไม่มี ดอกเบี้ยไม่คิด บอกพี่พร้อมเมื่อไหร่ค่อยมาจ่ายคืนก็ได้
หลังจากนั้นเหมือนเราหลงเข้าไปในดงควายค่ะ เพราะว่าพี่เขาคอยยืมเงินเราตลอดค่ะ ทำธุรกิจหมุนไม่ทัน ค่าบ้านจ่ายไม่ตรง โดนบวกดอกเบี้ย ค่ารถที่เอาเข้าธนาคาร ค่าเรียนลูก มีคนยืมตังค์ไปไม่ยอมจ่าย คือแบบเจอหน้าเราที่ไรมีแต่เรื่องยืมเงินตลอดค่ะ เราก็แบบโง่ไง บอกแล้วหลงเข้าไปในดงควาย ก็ให้ยืมไปตลอด จากครึ่งแสน เป็นเหยียบแสน แล้วก็แสนต้นๆ จนตอนนี้อีกไม่กี่พันก็ครบสองแสนแล้วค่ะ แล้วทุกครั้งที่ยืมนางจะมีคำพูดสวยหรูตลอด แบบจะให้ดอกเบี้ยเท่านั้นเท่านี้ แต่เอาจริงๆ เราได้เงินค่าดอกเบี้ยแค่สองครั้งเท่านั้น ในรอบสองปีอ่ะค่ะ ส่วนเรื่องจ่ายเงินคืน ตอนแรกๆนางก็พูดว่าเดี๋ยวคืนให้เป็นเงินก้อนตอนกลางปีนะ สักพักก็ปลายปี แล้วก็สิ้นปี ก่อนเปลี่ยนจะเป็นทะยอยคืนทุกเดือน แต่สรุปว่าผ่านมาตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ ได้เงินคืนมาประมาณ สองพันบาทค่ะ จากหนี้หลักแสนนะคะ ฮุๆๆๆๆ ดงควายนี่มันเข้าแล้วออกยากจิงๆค่ะ
แต่ช่วงนั้นเราก็นางเอกไง คือแบบมานั่งคิดตอนนี้นี่ขำตัวเองนะ จะดาวพระศุกษ์ไปถึงไหนวะกรู เพราะเราปิดปากเงียบมาก ไม่เคยพูด ไม่เคยทวง ไม่เคยบอกใครให้ฟังเรื่องหนี้ก้อนนี้เลยค่ะ ( นางขอไม่ให้บอกใครเลยค่ะ เดี๋ยวจะบอกเหตุผลให้ฟังตอนหลัง ) ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เราถึงได้โง่ได้ขนาดนั้นนะคะ ยิ่งกว่าคนโดนของอีกค่ะ คือนางเอ่ยปากขอยืมปุ๊บ เราก็แทบเอาเงินไปประเคนแทบเท้านางเลย แต่คิดว่าส่วนหนึ่งช่วงนั้นเราทะเลาะกับพ่อแม่และพี่สาวแท้ๆค่อนข้างหนักค่ะ คือเราอยากเลิกงานออฟฟิสมารับฟรีแลนซ์ด้วยตัวเอง แต่พ่อ แม่ พี่สาวของเราห้ามค่ะ เพราะงานเราตอนนั้นอยู่ตัวแล้วแทบทุกอย่าง แล้วอายุเราคือไม่ใช่วัยเริ่มต้นทำงาน ( จะสามสิบแล้วค่ะ ) ถ้าเกิดไปไม่รอด หางานใหม่ก็ยาก เศรษฐกิจก็ไม่ดีด้วย จะออกมาเสี่ยงเป็นคนว่างงานเพื่ออะไร แต่เราแบบตอนนั้นเบื่ออ่ะ เบื่อที่จะต้องตื่นเช้า ตาลีตาเหลือกไปทำงาน ตกเย็นกลับบ้านไปก็นอนสลบละ ชีวิตทำแบบนี้มาเกือบสิบปี คือมันไม่ไหวละ เราอยากทำอะไรที่เป็นของตัวเอง มีเวลาเที่ยวเปิดหูเปิดตา มีเวลาอยู่กับครอบครัวที่บ้านมากขึ้น แต่ช่วงนั้นเหมือนไม่มีใครเห็นด้วยเลย มีแต่พี่สะใภ้ของเรานี่ล่ะที่เห็นด้วยกับเราในตอนนั้น เป็นที่ปรึกษาให้เราระบายความรู้สึกในตอนนั้น เราก็เลยเหมือนไว้ใจเขานะ เชื่อใจเขามากขนาดนั้น
จนวันที่เริ่มตาสว่าง เมื่อช่วงต้นปีที่แล้วค่ะ เราปวดหูมากกกกก ปวดแบบนอนร้องไห้จนทนไม่ไหว มีน้ำหนองไหลออกมา ต้องไปหาหมอแล้ว แต่จะไปยังไงล่ะ งานฟรีแลนซ์ของตัวเองก็ยังทรงๆทรุดๆอยู่ เงินเก็บก็ไม่ค่อยมี ให้เขายืมไปเกือบหมดตัวแล้ว จะขอพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ เพราะเขาก็ต้องสงสัยว่าเงินเก็บเราไปไหนหมด ถ้าถามความก็ต้องแตก เราเลยตัดสินใจค่ะ โทรไปทวงเงินนางเป็นครั้งแรก นับแต่ให้นางยืมเงินไปค่ะ ขอทวงมาประมาณสามพันบาท ( จากหนี้เกือบสองแสนค่ะ ) อู๊ยยยย นางเยอะมาเลยจ้า ว่าต้องเอาเงินไปจ่ายนั่นจ่ายนี่เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือเสียงหงุดหงิดอารมณ์เสียมากกกก เพราะก่อนหน้านั้นจะเสียงออกแนวโทนโศกรันทดตลอด สรุปคือ นางมีให้เราห้าร้อยค่ะ แล้วคืออารมณ์แบบเหมือนเขาทำทานให้ขอทานอ่ะค่ะ คือเราอ่ะเป็นขอทานนะ ประมาณกรูกรุณาเมิงมากนะ ที่คืนเงินให้เมิงตั้งห้าร้อย แต่ตอนนั้นเราก็รับค่ะ แล้วก็ตื่นตีสี่ นั่งรถเมล์ไปโรงพยาบาลรัฐ ไม่กล้านั่งแท๊กซี่กลัวตังไม่พอค่ะ ตรวจเสร็จก็เกือบบ่ายสาม ทนเจ็บทนเหนื่อยไปค่ะ แต่หลังจากนั้นคือพี่สะใภ้เราก็เริ่มห่างไปค่ะ จากเมื่อก่อนเจอหน้าคุยจุ๊กจิ๊ก ไปเที่ยวไปกิน ดึกๆก็คุยไลน์เม้าท์มอยแทบทุกวัน นางก็หายไปค่ะ เป็นนานๆเจอที แล้วไม่ค่อยคุยกับเราเหมือนเดิม ไลน์ไปก็อ่านนะ แต่ไม่ตอบจ้า เราตอนนั้นก็เริ่มรู้สึกนิดๆแล้วนะ แต่ก็ยังอยู่ในดงควาย ก็เลยคิดว่านางคงมีเรื่องเครียดไรมั้ง หรือเลี้ยงลูกไม่มีเวลาคุยกับเราเหมือนเมื่อก่อน
จนมาอีกรอบหนึ่ง คือช่วงปลายปีที่แล้วค่ะ เราต้องพาแม่ไปหาหมอ เนื่องจากคุณแม่มีโรคประจำตัว ต้องไปพบหมอทุกสามเดือน ซึ่งตอนนั้นงานเราเริ่มมา รายได้เริ่มมั่นคงละ แต่ติดว่าช่วงนั้นลูกค้าขอเลื่อนจ่ายเงินไปหน่อย แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก เราก็โอเค แต่ติดว่าที่ต้องพาแม่ไปหาหมอน่ะสิ เราไม่อยากใช้เงินที่เราเริ่มเก็บใหม่ ( เราฝากเป็นสลากออมสินค่ะ ถ้าไม่ครบกำหนดแล้วไปถอนจะโดนหัก % เลยไม่อยากถอน ) เราก็เลยไลน์ไปบอกนางล่วงหน้าเกือบหนึ่งเดือน ว่าเราต้องพาแม่ไปหาหมอนะ มีค่าใช้จ่ายจำเป็น เพราะฉะนั้นขอเงินคืนสักห้าพันแล้วกัน นางก็ตอบกลับมาสั้นๆว่า โอเค แล้วก็เงียบไป จนอีกสองสามวันจะถึงวันนัดหมอ เราก็เดินไปทวงเงินค่ะ แล้วนางก็เล่นใหญ่ใส่เราอีกแล้วค่ะ นางมีภาระค่าใช้จ่ายนู่นนี่นั่น หมุนเงินไม่ทัน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าบ้านค่ารถ ลูกจะเรียนพิเศษ ผัวทำธุรกิจเจ๊ง หมาป่วย ปัญหานางยิ่งกว่าสึนามิถล่มค่ะ เราเงียบอย่างเดียว เพราะตอนนั้นปอดแหกค่ะ เป็นคนขี้กลัว ไม่กล้าสู้คนค่ะ 55555 สรุปได้เงินมาพันห้า รวมกับคราวที่แล้วเป็นสองพัน จากยอดเกือบสองแสนนะคะ สภาพเหมือนเดิมค่ะ เราเหมือนเป็นขอทานค่ะ
แต่ว่าในใจของเราตอนนั้น คือเปลี่ยนไปแล้ว จากที่เคยหลงในดงควาย เราเริ่มตาสว่างมากขึ้นแล้วล่ะ คือนั่นเงินกรูนะ เป็นเงินที่กรูจะพาแม่จะไปหาหมอนะ แล้วบอกล่วงหน้าไปเกือบเดือน แล้วยังมีหน้ามาไม่จ่าย มาดราม่าใส่กรูอีก มันใช่เหรอออออ !!!!
จนมาตาสว่างสุดๆก็จากเฟสบุ๊คน่ะค่ะ คือปกติเราไม่เล่นเฟสค่ะ ส่วนใหญ่เล่นไลน์มากกว่า แต่ว่าคนตระกูลเรานี่จะเล่นกันทุกคนค่ะ แล้วก็จะมีกรุ๊บของตระกูลค่ะ ตอนนั้นคือพี่สะใภ้นางหายเงียบไปจากชีวิตของเราเลยค่ะ ไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งแทน ( บ้านของเราเป็นตึกแถวค่ะ ซื้อมาแต่รุ่นอาก๋ง มีหลายห้อง ให้ลูกหลานอยู่อาศัยและทำมาหากินค่ะ แต่อาโกวของเรา ( แม่สามีของนาง ) มีทาวน์เฮาส์อีกหลังอยู่แถวชานเมืองค่ะ นางก็ไปอยู่ที่นั่นค่ะช่วงเสาร์อาทิตย์ พอจันทร์ศุกร์ก็พาลูกมาโรงเรียน พยายามหลบหน้าเราตลอด แล้วถ้าลูกปิดเทอม นางก็หายไปยาวเลยค่ะ ไม่คุย ไม่ไลน์กับเราเลย เราก็อยากรู้ว่านางอยู่ไหน เรื่องเงินเราจะคืนยังไง เราก็เลยยืมล็อกอินพี่สาวแท้ๆ เข้าไปในกรุ๊ปตระกูล ปรากฏว่าชีวิตในเฟสนางสวยงามเพียบพร้อมมากค่ะ ( ญาติเราส่วนใหญ่ขี้อวดค่ะ มีทั้งรวยจริง รวยไม่จริง แต่อวดไว้ก่อน ส่วนหนึ่งเราไม่อยากเล่นเฟสเพราะสาเหตุนี้แหละ บ้านเราจนที่สุดในตระกูลค่ะ ไม่มีอะไรไปอวดกะเขา 5555 )
จากนั้นเราก็เลยตามไปจนถึงเฟสบุ๊คส่วนตัวของค่ะ ไฮโซหนักกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่นไปทำบุญที่พม่า เสริมชะตาที่ฮ่องกง ( นางไปจริงค่ะ มีรูปมายืนยัน ) หรือเสื้อผ้าของคุณลูกก็ใส่ยี่ห้อไทยไม่ได้ค่ะ ต้องสั่งจากญี่ปุ่น มิกิเฮาส์เท่านั้น ( แต่อันนี้เข้าใจนะ พ่อแม่ถ้าเลือกได้ ก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกตัวเอง ) ไปกินอาหารหรู อย่างวันก่อนพาคุณลูกไปกินหูฉลามที่ภัตตาคารเยาวราช คุณลูกติดใจอยากไปอีก เดี๋ยวเย็นนี้คุณแม่จัดให้ ( โพสนี้เคืองสุด เพราะตัวเราเองเนี่ย ถ้าปีไหนไม่มีคนแต่งงาน คือไม่ล่ายแหลกนะหูฉลามเยาวราชเนี่ย รอกินวันแต่งงานคนอื่นเขาอย่างเดียว ) ล่าสุดนางจะไปเที่ยวฮ่องกงอีกแล้วค่าาาาาา แล้วนางก็โพสกระเป๋ายี่ห้อน้องม้า บอกประมาณว่า รอก่อนนะจ๊ะลูกสาวคนใหม่ เดี๋ยวแม่บินไปรับถึงที่
+++++แก้ไขหัวกระทู้ค่ะ คือตอนโพสไป อารมณ์เราอยากระเบิดใส่คนๆนั้นจริงๆ ไม่ทันดูความเหมาะสม ไม่เหมาะสม เกรงคนจะเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องชู้สาวค่ะ