"โดนด่าว่าเนรคุณ" และเริ่มรู้สึกหมดศรัทธาในการทำความดี

กระทู้คำถาม
กระทู้แรกเลย เคยแต่อ่าน กระทู้นี้บอกก่อนเลยว่า แค่อยากระบาย เผื่อจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
.....พ่อเราทำงานรัฐวิสาหกิจ เงินเดือนขึ้นมาระดับพอใช้ได้ ตอนเกษียนจึงได้เงินมาก้อนนึง แม่เราเป็นแม่ค้าแต่ท่านเสียตอนเราอยู่มหาลัย พ่อเรามีเพื่อนสนิททำงานด้วยกันแต่อายุน้อยกว่า ตอนท่านเกษียนได้มาขอยืมเงินไปทำธุระส่วนตัว 3 แสน ผ่านไป 4 ปี เกษียนจึงคืนเงินพ่อ (ระหว่างนั้นพ่อไม่เคยทวง ไม่เคยถามเพื่อนถึงเรื่องเงิน) เราเพิ่งมารู้ว่าพ่อให้เพื่อนยืมตอนที่เรากลับมาจากเมืองนอกแล้ว เพราะพ่อเอาเงินนั้นไปซื้อสลากออมสินแล้วถูกรางวัล เราเอาเงินเข้าบัญชีพ่อ เอาสมุดไปอัพเห็นยอดเงินแปลกๆเข้ามาเลยไปถามจึงได้รู้  
....,พ่ออยากให้เราสอบเข้าราชการหรือรัฐวิสาหกิจ แต่เราคงได้เลือดแม่มาแรง ชอบเป็นแม่ค้ามากกว่า จึงหันหน้ามาทำธุรกิจส่วนตัว ร่วมงานกับต่างชาติ และทุกอย่างก็ไปได้โอเค ถึงไม่ราบรื่น แต่ก็ไม่เดือดร้อน หมุนเงินเป็นระบบเข้าที่เข้าทาง จนถึงช่วงเศรษฐกิจขาลง เราโดนลูกค้าโกงเกือบ 4 ล้าน เราเอาบ้านไปจำนองธนาคาร ขายฝากที่ดินมรดก จำนำทอง รวบรวมเงินไปใช้หนี้โรงงานที่สั่งผลิตของ และใช้เงินในการสู้คดีความฟ้องร้องลูกค้าที่โกงไป นี่เป็นฉนวนให้เราเริ่มคิดน้อยใจชีวิต ว่าทำไมเราทำดีมาตลอด ตลอดชีวิตเราไม่เคยโกงเงินใครสักบาท พ่อแม่สอนปลูกฝังเราให้ทำดี เราทำบุตรใส่บาตรกับพ่อทุกเช้า มีโอกาสทำดี ช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่ช่วยได้เราทำทุกครั้ง  ทำไมเราถึงเจอเรื่องแบบนี้ได้  ก็เลยได้แต่คิดว่าอาจจะเป็นกรรมเก่าที่เราเคยทำไม่ดีไว้ ถือซะว่าชดใช้กรรมไป เริ่มต้นเอาใหม่ เราเชื่อว่าเราทำได้ และในตอนนั้นที่เรารวบรวมเงิน พ่อได้ไปขอยืมเพื่อนสนิทพ่อคนนี้ เขาก็ให้มา 3 แสน เท่ากันกับที่พ่อเคยให้เขายืม ในระหว่างที่เราเป็นหนี้เขา เราทำงานอย่างหนัก มากขึ้นถึง2เท่า ตื่นเช้านอนดึกทุกวัน ไม่ได้ไปช้อปปิ้งหรือกินข้าวนอกบ้านหรูๆ ของที่ไม่จำเป็นมาก กัดฟันไม่ซื้อถ้าไม่ถึงขีดสุดๆแล้วจริงๆ  วันเวลาผ่านไปเดือนสองเดือนเราเริ่มเก็บเงินจากลูกค้ารายอื่นได้ตามรอบบิลเครดิต เราคืนเขาไปก้อนแรกแสนนึง ตอนนั้นเราผ่อนแบงค์ไปด้วย จ่ายดอกเบี้ยที่ไปกู้มา พอมีเงินหมุนทำงานได้ จากวันที่เราคืนเงินเขาไปแสนนึงผ่านไป17 วัน เขาโทรมาทวง เราก็มีเงินไม่พอที่จะคืนให้เขา  ก็ให้ไป 5  หมื่น ทีนี้แหละเงินหมุนเรื่องงานเรามีปัญหา เพราะเราคืนให้เขาไป เราก็เลยบอกเขาว่า "ขอหนูทำงานและหมุนเงินไปได้ก่อนสักพักนะคะ หนูจะคืนให้เลยทีเดียวที่เหลืออีกแสนห้า " เขาก็เงียบไป ผ่านไป 2 เดือน เราคืนเขาครบหมดพร้อมดอกเบี้ยเป็นสินน้ำใจ วันเวลาผ่านไป 2 ปี เราการเงินอยู่ตัวแล้ว ใช้หนี้ทุกอย่างหมดแล้ว กลับมาอยู่ในสภาวะปกติ วันนึงรถพ่อเราเสียคันเก่าใช้มาเป็น10 ปีแล้ว ส่วนคันใหม่เราขับไปต่างจังหวัด รถพ่อเราเข้าซ่อมศูนย์เป็นอาทิตย์ ระหว่างนั้นพ่อเราต้องไปทำธุระเรื่องงานให้เราที่ต่างจังหวัด ไปกับผู้ช่วยเรา แต่ไม่มีรถไป เราบอกให้พ่อขอยืมรถเพื่อนสนิท พ่อบอกเกรงใจเขา เช่ารถดีกว่า เราก็ไม่คิดอะไรมาก แต่ผู้ช่วยเราแอบมาบอกเราว่า พ่อโทรไปยืมเพื่อน แต่เพื่อนไม่ให้ บอกว่ารถเขาใช้อยู่ ไม่สะดวกจะให้ (เพื่อนพ่อมีรถ2 คัน ของลูกชายคันเขาคัน ) ในตอนนั้นเราแอบเคืองนะ ว่าพ่อเราจำเป็นต้องใช้รถจริงๆ เพื่อนพ่อก็มีรถของลูกเขาซึ่งลูกเขาขับไปทำงานกลับมาตอนเย็น หลังจากเกษียณเขาก็ไม่ได้ไปไหน อยู่บ้านเลี้ยงหลาน แต่เราก็คิดว่า เราไม่มีสิทธิ์ไปโกรธเขาเพราะรถของเขา เขาอาจไม่สะดวกที่จะให้ยืมจริงๆก็ได้ และเรื่องก็ผ่านไป จนมาวันนึงเขามายืมเงินเรากับพ่ออีก บอกว่าตอนนี้เขาไม่มีเงินแม้จะจ่ายค่าเทอมหลาน ลืมเล่าไปว่าลูกชายเขาเลิกกับภรรยา แต่ลูกอยู่กับเขา ทำงานราชการเงินเดือนหมื่นห้า(ที่พ่อบอกเรา) แต่การใช้ชีวิตหรูหรามาก เพิ่งมารู้จริงๆว่า ก็ใช้เงินของพ่อเขาอยู่นี่แหละ ตอนนี้ก็เลยมาขอยืมเงินจากเราอีก ตอนแรกก็จะให้ แต่ก็ชั่งใจนั่งคิดนอนคิดว่าถ้าให้ยืมเขาจะคืนเราเมื่อไหร่ หรือจะให้เปล่าๆเป็นการช่วยเหลือไปเลย และมานั่งปรึกษากันกับพ่อว่าเขาก็เคยช่วยเหลือเรา เราก็เคยช่วยเหลือเขา คุยไปคุยมา พ่อหลุดออกมาหลายเรื่อง เราจับผิดพ่อได้ จึงเค้นถามจากป้าแม่บ้าน ถามพ่อพ่อก็ปากแข็งไม่ตอบ ตามสไตล์คนรักเพื่อน ได้ความว่าระหว่างที่เรายืมเงินและยังคืนไม่หมด พ่อแอบร้องไห้หลายครั้งเพราะโดนเพื่อนด่า เพื่อนทวงเช้าทวงเย็น โดนด่าเสียๆหายๆ จะฟ้องร้องเราบ้าง จะเอาสัญญาเงินกู้มาให้เราเซ็นบ้าง จะประจานในกลุ่มเพื่อนบ้าง แต่พ่อปิดไม่บอกเรา เราร้องไห้เลยตอนนั้น พ่อบอกว่าเราทำงานหนักดูแลครอบครัว เรามีเรื่องให้เครียดมากมายแล้ว พ่อไม่อยากให้เราเครียดกับเรื่องนี้อีก ก็ว่าแล้วว่าทำไมหลังจากคืนไปแสนห้า ผ่านไป 2 เดือน ไม่ทวงเลย เราเข้าไปขอโทษพ่อ บอกว่า หนูขอโทษที่ทำให้พ่อต้องร้องไห้ ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเราจะไม่ปิดบังกันนะ เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะ ตอนนั้นกอดกันร้องไห้เลย 3 คนกับป้าแม่บ้าน และก็คุยกับพ่อว่าเราอยากช่วยเหลือเขานะ แต่ถ้าช่วยตอนนี้ แล้วเงินที่เราช่วยไปเขาไม่เอาไปทำอาชีพเพื่อตั้งตัว เอาไปจ่ายวันๆ วันนึงก็หมดอีก ทีนี้ก็ต้องมายืมพวกเราอีก เลยบอกพ่อว่าเราจะให้เขาตลอดไปไม่ได้หรอก พ่อต้องไปคุยกับเขา ว่าเงินนี้เราให้ยืม มีเมื่อไหร่ก็ค่อยเอามาคืน คือจริงๆเราคิดกันไว้แล้วว่าให้เลย ในจำนวนหนึ่ง70%ของเงินที่เขาขอยืม  เงินจำนวนนี้ตั้งตัวได้โดยไม่เดือนร้อนเลย แต่เรากำชับพ่อว่าไม่ให้บอกว่าเราให้กลัวเขาไม่กระตือรือร้นที่จะทำงานช่วยเหลือตัวเอง ลูกชายเขาอายุมากกว่าเรา 3 ปี มีลูกแล้วแต่ก็ยังเที่ยวเล่นอยู่(นี่เป็นอีกอย่างที่เราไม่ชอบ) เขาตอบพ่อกลับมาว่า เขายืนยันจะยืมจำนวนนั้นที่บอกมา ดูจากท่าทางแล้วต้องการใช้เงินจำนวนประมาณนั้น พ่อก็กลับมาคุยกับเรา เราบอกว่า เราช่วยได้เท่านี้ มากกว่านี้เราไม่โอเค กลายเป็นว่าเขาพิมด่าเรามายาวมาก ว่าเราเนรคุณ ลืมบุญคุณ ที่เขาเคยช่วยเหลือ และคำหยาบคายอีกหลายอย่าง เราอ่านแล้วแบบใจเสียเลย คนที่เราเห็นมาตั้งแต่จำความได้ ใช้คำแบบนี้ด่าเรา เรามาสุดๆเอาคำว่า "ทำอะไรไม่เจริญหรอก" มาแช่งเราซะงั้น ตอนนี้เรานั่งคิดนอนคิดว่าเราใจดำไปจริงหรือ พยายามบอกพ่อว่าไม่ต้องคิดมากเดี๋ยวหนูเคลียร์เอง  เราย้อนคิดไปสมัยโน้น ที่เขายืมเงินพ่อเรา พ่อเราไม่เคยทวง 4 ปีถึงคืน พอตอนเรายืมเขา เราคืนครบไม่เกิน 5 เดือน และรู้มาอีกว่า โทรมาทวงเช้าเย็น ขู่จะฟ้องโน้นนี่มากมาย ตอนนี้เลยตัดสินใจว่า ไม่ให้ เพราะเราคิดว่า ถ้าเราให้ ครั้งหน้าเราไม่ให้ หรือให้ไม่ได้ เรากลายเป็นคนผิดแล้วโดนด่าอยู่ดี  ใจจริงก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ แต่เราเลือกที่จะตัดปัญหาตั้งแต่ตอนนี้ เพราะพอพ่อเรายิ่งอายุมากขึ้น ถ้าท่านไม่สบายใจก็จะยิ่งเป็นผลเสียต่อสุขภาพ เหลือแค่เราต้องไปคุยและอธิบายเหตุผลให้พ่อเข้าใจ
...สิ่งที่ทำให้เราเป็นเราในตอนนี้ ไม่มองโลกสวย ไม่ยืนอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ เพราะประสบการณ์สอนเรามาว่าการเดินในดงกุหลาบหนามคมมันเจ็บปวดแค่ไหนกว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้  อาจจะดูใจร้ายใจดำแต่นั่นก็เพื่อปกป้องตัวเองและคนที่เรารัก เรื่องการทำดีเราก็ยังทำต่อไป แต่ไม่เหมือนเดิมตรงที่ว่า เราเลือกคนที่เราจะทำดีด้วย และก็อีกนั่นแหละว่าประสบการณ์ก็สอนเราเช่นกันว่า การทำดีกับคนผิดคน ทำให้เราเดือดร้อน และไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย

......ยาวไปหน่อย แต่พอได้ระบาย สิ่งที่อัดอั้นก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ขอบคุณพื้นที่ในพันทิปค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่