พอจะมีรร.ไหนที่มีคณะผู้บริหารให้ความสำคัญกับเปลือกนอกเหมือนกันมั้ยครับ
ผมจะกล่าวถึงคณะผู้บริหารโดยเฉพาะผอ.รร.แห่งหนึ่งครับ รร.ของผมเป็นรร.รัฐชื่อดังเเห่งหนึ่งในจังหวัดครับ
เริ่มแรกที่เขาเข้ามาให้นร.ทุกคนเรียกตัวเองว่าคุณพ่อผอ.เพื่อจะได้สร้างความคุ้นเคยกับนร.
พอรับตำแหน่งเเล้วสร้างความเปลี่ยนเเปลงอย่างมากจริงๆครับ
1. ยกเลิกการรับน้องซึ่งทำกันมาหลายรุ่นทีแรกเรื่องนี้ก็สร้างความไม่พอใจให้กับนร.เป็นส่วนมากแต่ก็อย่างว่าแหละครับเรามันเป็นเด็กจะไปทำอะไรได้? เเล้วยังรวมไปถึงการให้ความสำคัญกับภายนอก
2. ห้ามให้นร.ไปทัศนศึกษาไกลเกิน 300 กม.จาก รร.แล้ววัตถุประสงค์ของการไปทัศนศึกษาคืออะไรหรอครับ สถานที่ส่วนใหญ่ที่อนุญาติให้ไปเด็กนร.ส่วนมากก็รู้จักและเคยไปกันมาไม่ต่ำกว่าสองครั้งแล้วแล้วก็ไปสถานที่เดิมๆวนกันไปมาหากจุดประสงค์ของการไปทัศนศึกษาคือการเรียนรู้และเปิดโลกกว้างซึ่งในรัศมี 300 กม.เราได้เปิดโลกกว้างขนาดนั้นเลยหรอครับทั้งๆที่ทุกปีเราได้ไปไกลกว่านั้นมากสนุกกว่านี้มากอีกครับ
3. ประเด็นเรื่องเด็กห้องพิเศษสืบต่อเนื่องมาจากประเด็นที่สองในเมื่อจำกัดเด็กคนอื่นๆได้มีหรอครับจะเด็กห้องพิเศษจะรอดไปได้สำหรับเด็กห้องพิเศษแล้วทุกคนก็คงพอจะรู้อยู่ใช่ไหมล่ะครับว่าพวกเขาต้องจ่ายค่าเทอมในส่วนของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาเพื่อไปใช้ในการจัดค่ายอบรมต่างๆ(รร.ของผมเป็นรร.รัฐบาล ค่าเทอมของเด็กห้องพิเศษจะนำไปจัดค่ายหรือใช้จ่ายในทางด้านการเรียนการสอน) ซึ่งแต่ในทุกๆปี นร.ห้องพิเศษกลุ่มนี้จะได้ไปในสถานที่ที่ดีและคุ้มค่ากับค่าเทอมที่ที่ได้จ่ายไปแต่พอมาปีนี้กลับได้เข้าค่ายแค่ภายในรร.หรือลดระยะทางจากเคยได้ไปอีกภูมิภาคหนึ่งของประเทศกลับเหลือเพียงแค่ภายในภูมิภาคเดิมแล้วงบหายไปไหนครับ ไม่ใช่แค่กลุ่มเด็กพิเศษนะครับขนาดมีติวเตอร์มาขอติวให้นร.ฟรีๆไม่คิดเงินแกยังไม่อนุญาตเลยครับบอกเปลืองค่าไฟถ้าเปิดหอประชุม ตลกดีมั้ยครับ?
เวลามีสิ่งดีๆจะรีบมาพูดหน้าเสาธง ว่าเพิ่มสิ่งนั้นให้สิ่งนี้ให้ เมื่อถึงเวลางดกิจกรรมที่เคยมีมาหลายๆอย่าง ไม่ค่อยออกมาพูดให้นักเรียนฟังนัก ผมก็สงสัยว่าทำไม
4. มากล่าวถึงผลงานของเค้ากันบ้างครับ
4.1.บูรณน้ำตกที่บริเวณโรงพละใช้งบประมาณไปหลายเเสนมากครับแต่เหมือนจะเป็นการใช้งบประมาณอย่างสิ้นเปลืองมากครับเพราะประโยชน์ของมันก็แค่เอาไว้อวดแขกที่มาเยี่ยมรร.เท่านั่นครับ
4.2.สร้างศาลานั่งพักให้นร.ที่ด้านหลังรร. จำนวนที่สร้างก็เยอะมากเลยครับ 2 หลัง กับนร.สามพันกว่าคนแล้วเขาตัดต้นไม้บริเวณม้านั่งออกไปเยอะมากครับ(รร.ของผมไม่มีห้องเรียนประจำครับต้องอาศัยร่มไม้พวกนี้อยู่เวลาพักเที่ยงหรือเวลาว่าง)
4.3.บอกว่าตัวเองไปของบสร้างอาคารเรียนหลังใหม่มาซึ่งเรื่องนี้ขอมาตั้งหลายรุ่นแล้วครับแต่งบมันมาลงที่ปีเเกแล้วเขาก็เอาเรื่องนี้มาบอกว่าเป็นผลงานของเขาครับ
5. การเรียนไว้ทีหลัง แต่งานเอาหน้านี่ต้องมาครับถ้ามีกิจกรรมไหนได้หน้าได้ออกทีวีนี่รีบเลยครับส่งนร.ไปก่อนส่วนนร.จะเรียนทันมั้ยหรือแม้กระทั่งม.6ใกล้จะสอบแล้วแกยังจะส่งนร.ไปร่วมกิจกรรมอีกครับคือการไปร่วมกิจกรรมมันก็ดรอยู่หรอกครับแต่ถ้าไปบ่อยๆ หรืถ้าไม่ไปหักคะแนนอันนี้โดนประจำกลายเป็นว่าถ้าเด็กติดธุระจริงๆก็ซวยไปครับ
จากประเด็นที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงประเด็นหลักๆและใหญ่ๆที่ผมพอจะรู้ข้อเท็จจริงเท่านั้นมีประเด็นอีกหลากหลายประเด็นเช่น ประกาศหน้าเสาธงว่าจะซื้อเเสตนเชียร์ให้ใหม่แต่เเสตนที่ได้มาไม่ต่างจากเศษเหล็ก,เมื่อปีก่อนมีประเด็นรุ่นพี่ที่เกือบจะโดนยกเลิกงานดนตรีวันปัจฉิมออกไปด้วยแต่มีตัวแทนรุ่นพี่เข้าไปคุยจึงได้กลับคืนมา และยังมีอีกหลากหลายประเด็นที่เกิดขึ้นแต่ผมขอหยิบยกประเด็นหลักๆและเป็นประเด็นที่ผมรู้ข้อเท็จจริงขึ้นมาเพียง 5 ประเด็นคิดว่าสิ่งที่คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้อำนวยการได้ทำการเปลี่ยนแปลงหรือสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นผลงานนั้นมันดีขึ้นหรือแย่ลงหรอครับแล้วพวกผมทำอะไรได้บ้างในเมื่อเขาไม่เคยเปิดโอกาสให้นร.ได้พูดอะไรสักอย่างแล้วเวลาที่มีข่าวลือในหลายๆประเด็นเกิดขึ้น เขาก็จะออกมาอธิบายกับนร.ที่หน้าเสาธงด้วยคำพูดที่สวยหรูเพื่อหยุดคำวิพากวิจารณ์ต่างๆแต่กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามโดยไม่เปิดโอกาศให้พวกผมได้พูดอะไรเลย เเต่พอมีเด็กเอาไปโพสลงในโซเชี่ยล(แต่ขอย้ำนะครับว่ายังไม่มีใครได้เอ่ยชื่อของเค้าเลยนะครับ) เขาก็จะร้อนตัวออกมาห้ามนร.โพสนู้นนี่นั่น พร้อมกับคำเตือนเรื่องพรบ.คอมพิวเตอร์ที่บอกว่าถ้าเกิดฟ้องแล้วอย่ามาขอให้เขาช่วยนะเพราะเขาได้เตือนเเล้วสรุปง่ายๆคือเขาปิดหู ปิดตา แล้วยังจะปิดปากเด็กนร.อีกครับ ห้ามแม้กระทั่งวิพากวิจารย์หรือบ่น นี่หรือครับรร.ประชาธิปไตย
แต่สิ่งที่ผมอยากบอกกับเขาคือ พวกผมไม่ได้ต้องการการเปลี่ยนเเปลงอะไรแบบนี้ พวกผมไม่ได้อยากไปเที่ยวไกลสุดขอบโลก พวกผมไม่ได้อยากรับน้องเอาสนุก พวกผมไม่ได้อยากบ้ากีฬาสีเพื่อแย่งชิงขนมปี๊บ พวกผมไม่ได้อยากเต้นสุดเหวี่ยงในงานปัจฉิมและพวกผมก็ไม่ได้อยากแค่เล่นสนุกแต่สิ่งที่พวกผมอยากได้คือให้มันเป็นไปตามวิถีเดิมที่มันเคยเป็นเหมือนเมื่อก่อนถึงจะไม่ได้มีอะไรมากแต่เราก็พอใจกลับสิ่งที่ได้ไม่ได้ถูกจำกัดสิทธิ์ว่าจะต้องไปแค่ที่นี้ ต้องทำแบบนี้ ต้องเป็นแบบนี้ ได้แค่นี้ ต้องพูดแบบนี้ มากกว่านี้ก็หาว่าพวกผมเว่อร์พวกผมเอาแต่ความคิดของตัวเองอยากแต่จะเเล่นสนุกขนาดด้านวิชาการยังไม่สนับสนุนนร.เลยครับแล้วเรื่องอื่นๆนี่ผมคงไม่มีหวัง และพอมีเพื่อนสักคนเริ่มโวยวายก็จะถูกตอกกลับมาด้วยคำพูดที่ว่า ก่อนจะเรียกร้องอะไรพวกเธอเคยให้อะไรกับรร.รึยัง พวกผมขอมากไปหรอครับพวกผมแค่ขอสิ่งที่เคยเป็นไปกลับคืนมาแค่นั้นเองครับ
มีรร.ที่ไหนเป็นเหมือนกันมั้ยครับ
ผมจะกล่าวถึงคณะผู้บริหารโดยเฉพาะผอ.รร.แห่งหนึ่งครับ รร.ของผมเป็นรร.รัฐชื่อดังเเห่งหนึ่งในจังหวัดครับ
เริ่มแรกที่เขาเข้ามาให้นร.ทุกคนเรียกตัวเองว่าคุณพ่อผอ.เพื่อจะได้สร้างความคุ้นเคยกับนร.
พอรับตำแหน่งเเล้วสร้างความเปลี่ยนเเปลงอย่างมากจริงๆครับ
1. ยกเลิกการรับน้องซึ่งทำกันมาหลายรุ่นทีแรกเรื่องนี้ก็สร้างความไม่พอใจให้กับนร.เป็นส่วนมากแต่ก็อย่างว่าแหละครับเรามันเป็นเด็กจะไปทำอะไรได้? เเล้วยังรวมไปถึงการให้ความสำคัญกับภายนอก
2. ห้ามให้นร.ไปทัศนศึกษาไกลเกิน 300 กม.จาก รร.แล้ววัตถุประสงค์ของการไปทัศนศึกษาคืออะไรหรอครับ สถานที่ส่วนใหญ่ที่อนุญาติให้ไปเด็กนร.ส่วนมากก็รู้จักและเคยไปกันมาไม่ต่ำกว่าสองครั้งแล้วแล้วก็ไปสถานที่เดิมๆวนกันไปมาหากจุดประสงค์ของการไปทัศนศึกษาคือการเรียนรู้และเปิดโลกกว้างซึ่งในรัศมี 300 กม.เราได้เปิดโลกกว้างขนาดนั้นเลยหรอครับทั้งๆที่ทุกปีเราได้ไปไกลกว่านั้นมากสนุกกว่านี้มากอีกครับ
3. ประเด็นเรื่องเด็กห้องพิเศษสืบต่อเนื่องมาจากประเด็นที่สองในเมื่อจำกัดเด็กคนอื่นๆได้มีหรอครับจะเด็กห้องพิเศษจะรอดไปได้สำหรับเด็กห้องพิเศษแล้วทุกคนก็คงพอจะรู้อยู่ใช่ไหมล่ะครับว่าพวกเขาต้องจ่ายค่าเทอมในส่วนของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาเพื่อไปใช้ในการจัดค่ายอบรมต่างๆ(รร.ของผมเป็นรร.รัฐบาล ค่าเทอมของเด็กห้องพิเศษจะนำไปจัดค่ายหรือใช้จ่ายในทางด้านการเรียนการสอน) ซึ่งแต่ในทุกๆปี นร.ห้องพิเศษกลุ่มนี้จะได้ไปในสถานที่ที่ดีและคุ้มค่ากับค่าเทอมที่ที่ได้จ่ายไปแต่พอมาปีนี้กลับได้เข้าค่ายแค่ภายในรร.หรือลดระยะทางจากเคยได้ไปอีกภูมิภาคหนึ่งของประเทศกลับเหลือเพียงแค่ภายในภูมิภาคเดิมแล้วงบหายไปไหนครับ ไม่ใช่แค่กลุ่มเด็กพิเศษนะครับขนาดมีติวเตอร์มาขอติวให้นร.ฟรีๆไม่คิดเงินแกยังไม่อนุญาตเลยครับบอกเปลืองค่าไฟถ้าเปิดหอประชุม ตลกดีมั้ยครับ?
เวลามีสิ่งดีๆจะรีบมาพูดหน้าเสาธง ว่าเพิ่มสิ่งนั้นให้สิ่งนี้ให้ เมื่อถึงเวลางดกิจกรรมที่เคยมีมาหลายๆอย่าง ไม่ค่อยออกมาพูดให้นักเรียนฟังนัก ผมก็สงสัยว่าทำไม
4. มากล่าวถึงผลงานของเค้ากันบ้างครับ
4.1.บูรณน้ำตกที่บริเวณโรงพละใช้งบประมาณไปหลายเเสนมากครับแต่เหมือนจะเป็นการใช้งบประมาณอย่างสิ้นเปลืองมากครับเพราะประโยชน์ของมันก็แค่เอาไว้อวดแขกที่มาเยี่ยมรร.เท่านั่นครับ
4.2.สร้างศาลานั่งพักให้นร.ที่ด้านหลังรร. จำนวนที่สร้างก็เยอะมากเลยครับ 2 หลัง กับนร.สามพันกว่าคนแล้วเขาตัดต้นไม้บริเวณม้านั่งออกไปเยอะมากครับ(รร.ของผมไม่มีห้องเรียนประจำครับต้องอาศัยร่มไม้พวกนี้อยู่เวลาพักเที่ยงหรือเวลาว่าง)
4.3.บอกว่าตัวเองไปของบสร้างอาคารเรียนหลังใหม่มาซึ่งเรื่องนี้ขอมาตั้งหลายรุ่นแล้วครับแต่งบมันมาลงที่ปีเเกแล้วเขาก็เอาเรื่องนี้มาบอกว่าเป็นผลงานของเขาครับ
5. การเรียนไว้ทีหลัง แต่งานเอาหน้านี่ต้องมาครับถ้ามีกิจกรรมไหนได้หน้าได้ออกทีวีนี่รีบเลยครับส่งนร.ไปก่อนส่วนนร.จะเรียนทันมั้ยหรือแม้กระทั่งม.6ใกล้จะสอบแล้วแกยังจะส่งนร.ไปร่วมกิจกรรมอีกครับคือการไปร่วมกิจกรรมมันก็ดรอยู่หรอกครับแต่ถ้าไปบ่อยๆ หรืถ้าไม่ไปหักคะแนนอันนี้โดนประจำกลายเป็นว่าถ้าเด็กติดธุระจริงๆก็ซวยไปครับ
จากประเด็นที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงประเด็นหลักๆและใหญ่ๆที่ผมพอจะรู้ข้อเท็จจริงเท่านั้นมีประเด็นอีกหลากหลายประเด็นเช่น ประกาศหน้าเสาธงว่าจะซื้อเเสตนเชียร์ให้ใหม่แต่เเสตนที่ได้มาไม่ต่างจากเศษเหล็ก,เมื่อปีก่อนมีประเด็นรุ่นพี่ที่เกือบจะโดนยกเลิกงานดนตรีวันปัจฉิมออกไปด้วยแต่มีตัวแทนรุ่นพี่เข้าไปคุยจึงได้กลับคืนมา และยังมีอีกหลากหลายประเด็นที่เกิดขึ้นแต่ผมขอหยิบยกประเด็นหลักๆและเป็นประเด็นที่ผมรู้ข้อเท็จจริงขึ้นมาเพียง 5 ประเด็นคิดว่าสิ่งที่คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้อำนวยการได้ทำการเปลี่ยนแปลงหรือสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นผลงานนั้นมันดีขึ้นหรือแย่ลงหรอครับแล้วพวกผมทำอะไรได้บ้างในเมื่อเขาไม่เคยเปิดโอกาสให้นร.ได้พูดอะไรสักอย่างแล้วเวลาที่มีข่าวลือในหลายๆประเด็นเกิดขึ้น เขาก็จะออกมาอธิบายกับนร.ที่หน้าเสาธงด้วยคำพูดที่สวยหรูเพื่อหยุดคำวิพากวิจารณ์ต่างๆแต่กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามโดยไม่เปิดโอกาศให้พวกผมได้พูดอะไรเลย เเต่พอมีเด็กเอาไปโพสลงในโซเชี่ยล(แต่ขอย้ำนะครับว่ายังไม่มีใครได้เอ่ยชื่อของเค้าเลยนะครับ) เขาก็จะร้อนตัวออกมาห้ามนร.โพสนู้นนี่นั่น พร้อมกับคำเตือนเรื่องพรบ.คอมพิวเตอร์ที่บอกว่าถ้าเกิดฟ้องแล้วอย่ามาขอให้เขาช่วยนะเพราะเขาได้เตือนเเล้วสรุปง่ายๆคือเขาปิดหู ปิดตา แล้วยังจะปิดปากเด็กนร.อีกครับ ห้ามแม้กระทั่งวิพากวิจารย์หรือบ่น นี่หรือครับรร.ประชาธิปไตย
แต่สิ่งที่ผมอยากบอกกับเขาคือ พวกผมไม่ได้ต้องการการเปลี่ยนเเปลงอะไรแบบนี้ พวกผมไม่ได้อยากไปเที่ยวไกลสุดขอบโลก พวกผมไม่ได้อยากรับน้องเอาสนุก พวกผมไม่ได้อยากบ้ากีฬาสีเพื่อแย่งชิงขนมปี๊บ พวกผมไม่ได้อยากเต้นสุดเหวี่ยงในงานปัจฉิมและพวกผมก็ไม่ได้อยากแค่เล่นสนุกแต่สิ่งที่พวกผมอยากได้คือให้มันเป็นไปตามวิถีเดิมที่มันเคยเป็นเหมือนเมื่อก่อนถึงจะไม่ได้มีอะไรมากแต่เราก็พอใจกลับสิ่งที่ได้ไม่ได้ถูกจำกัดสิทธิ์ว่าจะต้องไปแค่ที่นี้ ต้องทำแบบนี้ ต้องเป็นแบบนี้ ได้แค่นี้ ต้องพูดแบบนี้ มากกว่านี้ก็หาว่าพวกผมเว่อร์พวกผมเอาแต่ความคิดของตัวเองอยากแต่จะเเล่นสนุกขนาดด้านวิชาการยังไม่สนับสนุนนร.เลยครับแล้วเรื่องอื่นๆนี่ผมคงไม่มีหวัง และพอมีเพื่อนสักคนเริ่มโวยวายก็จะถูกตอกกลับมาด้วยคำพูดที่ว่า ก่อนจะเรียกร้องอะไรพวกเธอเคยให้อะไรกับรร.รึยัง พวกผมขอมากไปหรอครับพวกผมแค่ขอสิ่งที่เคยเป็นไปกลับคืนมาแค่นั้นเองครับ