สวัสดีค๊า...นี่ก็เป็นครั้งแรกของเราเนาะ ที่มารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคนที่อยากพักกาย พักใจ พักผ่อนสมอง อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่เต็มไปด้วยออกซิเจนได้มาเติมพลังกัน ***ถ้าผิดหรือพลาดตรงจุดไหนก็ขออภัยด้วยเด้อ มือใหม่หัดรีวิวเน้อ***
ค่ะ...และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งทริปที่พวกเราชาวแก็งค์รู้สึกประทับใจมาก หลังจากเหน็ดเหนื่อยฝ่าฟันกับศึกไฟนอล(Final)ที่ไม่รู้ว่าจะได้รับชัยชนะหรือตายทั้งเป็นออกมา 555 แต่ก็ชั่งมัน เรื่องสอบเรื่องเล็กเรื่องเที่ยวหลังสอบเสร็จเรื่องใหญ่ อิอิ โดยที่ทริปนี้ทุกคนต่างมีความเห็นตรงกันว่า "อยากไปเที่ยวที่แบบอากาศดีดี ได้สัมผัสอากาศหนาวๆเพราะกรุงเทพไม่มีหน้าหนาวให้ขนลุกเลย วิวสวยๆ อยากเห็นหมอก"
เราเลยลองเสิร์ชหากันดู ก็เจอที่นี่แหละค่ะที่มันน่ามาลองเช็คอินสักครั้งในชีวิต คือเราไปเจอมาในfacebook นี่เป็นเพจของเค้า
www.facebook.com/BunternThongphaphum เราเห็นรูปที่เค้าลงบรรยากาศดูฟินมากกกกกก

เธอ...เธอเห็นหมอกเหมือนที่เราเห็นมั้ย

โฮ้วววว ค่ ด คู ล

บรรยากาศยามเย็นหรอ พระอาทิตย์ตกคือ ดีย์
นั่นแหละค่ะ...พอเอารูปมาให้เพื่อนดู ทุกคนก็ลงความเห็นกันว่าจะมาชิลกัน อีกอย่างนึงคือที่นี่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก อยู่แค่กาญจนบุรีเอ้งงง แต่เราต้องขึ้นไปทองผาภูมิอีกนะแกรรร เราแนะนำให้เอารถส่วนตัวไปเองค่ะเพราะจะสะดวกกว่า โดยใช้เส้นทางหลักทางไปทองผาภูมินี่แหละ ซึ่งทางไปลงแพจะเลยจากเขื่อนวชิราลงกรณ์ประมาณ 5กม. สังเกตุป้ายทางขวามือ ท่าแพ ซอย 4
ขับช้าๆนะค่ะ ทางค่อนข้างคดเคี้ยว เดี๋ยวเลยเน้ออ
นี่ไงป้ายแพของเรา อินดี้ๆนิดนึง เหมือนเค้าเน้นความทนทานในการใช้งาน ไม่เน้นใหญ่ เราสามารถนำรถของเราไปจอดทางด้านซ้ายมือก่อนลงแพ ไม่ต้องกลัวรถหายนะค่ะ เพราะชาวบ้านที่นี่เค้าดูแลกันเสมือนญาติมิตร ด้วยทริปนี้เป็นทริปใหญ่มีเพื่อนอีกกลุ่มที่ต้องนั่งรถตู้มาเองนาจาเพราะรถส่วนตัวเต็ม 555 ออกจากกรุงเทพโดยนั่งรถบัสสีฟ้าๆอ่ะค่ะ กรุงเทพ-กาญจนบุรี รถเต็มดีค่ะ ฝรั่งก็มี จุดหมายปลายทางสุดป้ายค่ะ เค้าเรียกขนส่งมั้งไม่แน่ใจ พอลงจากบัสก็หารถตู้ต่อขึ้นไปทองผาภูมิจ้าา

ไปซื้อตั๋วที่ตึกส้มๆนี่แหละค่ะ ไปไม่ถูกก็ถามคนแถวนั้นเอา เราก็ถามเหมือนกันค่ะ

จุดหมายปลายทางตลาดทองผาภูมิค่ะ พอถึงก็โทรให้เพื่อนที่เอารถมามารับพวกเราค่ะ อิอิ
เราได้ลงแพช่วงบ่าย2โมงกว่าๆค่ะ พอมาถึงก็ช่วยกันขนสัมภาระของตัวเองขึ้นแพ เราว่าบรรยากาศคล้ายๆหนังเรื่อง คิ ด ถึ ง วิ ท ย า ลองกลับไปดูกันสิแล้วลองมาสัมผัสกับที่นี่เอง เราว่าเราไม่ได้คิดไปเองคนเดียวนะ
.
.
.
.
นี่คือบรรยากาศของท่าเทียบแพ ไม่มีแดดเลยค๊า คือดีย์

(บรรยากาศรูปตอนลงแพ) มีความช่วยกันขนของ
เสร็จแล้วก็จะมีเรือหางยาวลากแพไปยังจุดพัก ซึ่งตรงนั้นจะเป็นบริเวณหน้าผา บรรยากาศเป็นส่วนตัวม้ากกกกกกก สามารถปาร์ตี้ได้อย่างไม่ต้องเกรงใจใครเลยค่ะ เสียงดังได้ไม่มีใครได้ยินหรือได้ยินก็เรื่องของเค้าค่ะ 555
มาดูบนแพกันค่ะ...จะเป็นยังไงม่าง

ช่องทางเดินผ่ากลางไปหลังแพ แล้วก็แบ่งห้อง2ฝั่งค่ะ







มีห้องนอนสี่ห้องและห้องน้ำในตัวทุกห้อง ห้องน้ำมี 6ห้องเด้อ ไม่ต้องแย่งกันจ้าได้เข้าทุกคน มองภาพรวมไม่ได้หรูมากแต่สะอาดดีค่ะ บรรยากาศก็ดี ไม่มีแอร์นาจามีแต่พัดลมกับลมเย็นๆจากธรรมชาตินาจา

ส่วนท้ายของแพก็จะเป็นครัวและที่ตากผ้า
แต่ละกลุ่มจะต้องมีเพื่อนแบบนี้ทุกกลุ่ม...เชื่อแบบนั้น *นัดรวมที่เมืองกาญน์11โมง-เที่ยง ไม่ให้เกินเที่ยง พอถึงเที่ยงโทรตามนางยังอยู่กรุงเทพอยู่เลยจ้าาา งั้นก็...ตามไปทีหลัง ไม่รอนาจา

จ้ะ จุดจบสายสโลวไลฟ์ นั่งเรือหางยาวตามมา 555
หลังเก็บสัมภาระเรียบร้อยก็ถึงเวลาเล่นน้ำแล้วค๊าาาาาา






ทางแพจะมีเสื้อชูชีพบริการให้ น้ำลึกและใสมากค่ะ





บางคนก็พายเรือแคนูเล่นชิวๆ

หรือถ้าใครไม่กล้าลงเล่นน้ำ บนแพก็มีสระน้ำเล็กๆไว้ให้นั่งแช่เบาๆ ปล. ส่วนเป็ดเราเอามาเอง

เล่นในสระไม่ต้องกลัวจมค่ะลูก ถอดชูชีพก็ได้ น้ำแค่เข่าเด้อ

หรือถ้าไม่อยากเล่นน้ำ บนแพก็มีกีต้าร์ให้เล่น ร้องเพลง ชมนกดูไม้มองภูเขากันไป

หลังเล่นน้ำก็มาเติมพลังกับมื้อเย็น โดยจะมีเรือนำอาหารมาส่ง อาหารรสชาติถูกปากมาก ดีตรงให้เยอะด้วยค่ะ ถูกใจม้ากกก
เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน บวกฟ้าที่เริ่มมืด อากาศที่เริ่มเย็น ลมพัดอ่อนๆ แต่วัยรุ่นอย่างเราเวลานี้ไม่ใช่เวลานอนจ้า มานั่งคุยนั่งจิบชากันเบาๆ เปิดเพลงคลอรออาหารย่อย มีเล่นเกมส์กระดาษบ้างนิดหน่อยพอมีเงินเก็บ 55555 จนเวลาประมาณเที่ยงคือก็ค่อยเข้านอนกัน เราตั้งกล้องถ่ายดาวไว้กันด้วย

เอ้อออออ เอาสี้เห็นดาวเต็มท้องฟ้าเลยเด้อออ สวยเนาะ ตามสโลแกนของแพเลยแกเอ๊ย " ด า ว ทั้ ง ฟ้ า จ ะ ห า ม า ใ ห้ เ ธ อ " มีใครให้เสี่ยวกว่านี้มั้ยคะ ???
ตอนเช้าของวันที่สอง บรรยากาศตอนเช้าเหมาะกับถ่ายรูปมากกกกก


อากาศดูปิดๆ ไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นง่ะ หรือเราตื่นสาย ?
ก่อนแยกย้ายกันทำธุระส่วนตัวเก็บสัมภาระ ช่วงประมาณแปดโมงก็จะมีอาหารมาส่ง เป็นข้าวต้มปลา เนื้อปลาเน้นๆเลยครัชคุณณณณ คือปลานางสดอย่างกับลงไปกินในน้ำ อาหารของนางแต่ละมื้อนี่ไม่ทำให้กระเพาะผิดหวังจีจี ทั้งรสชาติทั้งคุณภาพ กินวนไปค่ะอย่าให้เหลือ

หลังจากนั้นก็มาถ่ายรูปกันต่อตามประสาคนบ้ากล้อง




เทอมนึงได้เที่ยวทีนึง จัดให้คุ้มสิครัช

บางคนก็นอนเล่นโทรศัพท์ชิวๆ



อปป้ามากข่าาา

นี่นางเผลอ...หราาาาา




มาถ่ายแบบหรอแกรรรรรร


ดูแบ้ว

เหมือนกระหาย

ใครเรียกบิวคะ ?

คุยไรกันอ๊าแกรรรร

ง่วงหรือยังไง ?

นอนจนอืดข่าาา

รูปปิดทริปแบบครบๆก่อนจาก
สุดท้ายจะมีเรือมาลากแพกลับเน้อ มายังไงก็กลับแบบนั้นหล่ะจ้ะ
การไปพักผ่อนครั้งนี้เราว่ามันคุ้มมากนะ เป็น2วัน1คืนที่เต็มอิ่มดี ไม่เสียใจเลยที่ได้มาที่นี่ ธรรมชาติรอบๆตัวเป็นตัวบำบัดความเครียดหลังการสอบได้ดีมาก ใครที่มีเรื่องเครียด ซีเรียสเราแนะนำให้เอามาปลดปล่อยที่นี่แล้วกัน แล้วคุณจะติดใจเหมือนกับเรา คริคริ
เอ้อ...ลืมบอกไป เราแอบจองโปรมาตั้งแต่เดือนมิถุนาแล้วค่ะ ระหว่างนั้นก็นั่งนับวันนับเดือน อ่านหนังสือสอบให้จบก็เพื่อวันนี้ จนถึงธันวานี่แหละ ฉ่ำฉ่ำเลยจ้าาาา
[CR] ทริปอยากอวด แพเรือยอร์ชแห่งเขื่อนวชิราลงกรณ ทองผาภูมิ กาญนะจ๊ะบุรี
ค่ะ...และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งทริปที่พวกเราชาวแก็งค์รู้สึกประทับใจมาก หลังจากเหน็ดเหนื่อยฝ่าฟันกับศึกไฟนอล(Final)ที่ไม่รู้ว่าจะได้รับชัยชนะหรือตายทั้งเป็นออกมา 555 แต่ก็ชั่งมัน เรื่องสอบเรื่องเล็กเรื่องเที่ยวหลังสอบเสร็จเรื่องใหญ่ อิอิ โดยที่ทริปนี้ทุกคนต่างมีความเห็นตรงกันว่า "อยากไปเที่ยวที่แบบอากาศดีดี ได้สัมผัสอากาศหนาวๆเพราะกรุงเทพไม่มีหน้าหนาวให้ขนลุกเลย วิวสวยๆ อยากเห็นหมอก"
เราเลยลองเสิร์ชหากันดู ก็เจอที่นี่แหละค่ะที่มันน่ามาลองเช็คอินสักครั้งในชีวิต คือเราไปเจอมาในfacebook นี่เป็นเพจของเค้า www.facebook.com/BunternThongphaphum เราเห็นรูปที่เค้าลงบรรยากาศดูฟินมากกกกกก
นั่นแหละค่ะ...พอเอารูปมาให้เพื่อนดู ทุกคนก็ลงความเห็นกันว่าจะมาชิลกัน อีกอย่างนึงคือที่นี่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก อยู่แค่กาญจนบุรีเอ้งงง แต่เราต้องขึ้นไปทองผาภูมิอีกนะแกรรร เราแนะนำให้เอารถส่วนตัวไปเองค่ะเพราะจะสะดวกกว่า โดยใช้เส้นทางหลักทางไปทองผาภูมินี่แหละ ซึ่งทางไปลงแพจะเลยจากเขื่อนวชิราลงกรณ์ประมาณ 5กม. สังเกตุป้ายทางขวามือ ท่าแพ ซอย 4
ขับช้าๆนะค่ะ ทางค่อนข้างคดเคี้ยว เดี๋ยวเลยเน้ออ
นี่ไงป้ายแพของเรา อินดี้ๆนิดนึง เหมือนเค้าเน้นความทนทานในการใช้งาน ไม่เน้นใหญ่ เราสามารถนำรถของเราไปจอดทางด้านซ้ายมือก่อนลงแพ ไม่ต้องกลัวรถหายนะค่ะ เพราะชาวบ้านที่นี่เค้าดูแลกันเสมือนญาติมิตร ด้วยทริปนี้เป็นทริปใหญ่มีเพื่อนอีกกลุ่มที่ต้องนั่งรถตู้มาเองนาจาเพราะรถส่วนตัวเต็ม 555 ออกจากกรุงเทพโดยนั่งรถบัสสีฟ้าๆอ่ะค่ะ กรุงเทพ-กาญจนบุรี รถเต็มดีค่ะ ฝรั่งก็มี จุดหมายปลายทางสุดป้ายค่ะ เค้าเรียกขนส่งมั้งไม่แน่ใจ พอลงจากบัสก็หารถตู้ต่อขึ้นไปทองผาภูมิจ้าา
เราได้ลงแพช่วงบ่าย2โมงกว่าๆค่ะ พอมาถึงก็ช่วยกันขนสัมภาระของตัวเองขึ้นแพ เราว่าบรรยากาศคล้ายๆหนังเรื่อง คิ ด ถึ ง วิ ท ย า ลองกลับไปดูกันสิแล้วลองมาสัมผัสกับที่นี่เอง เราว่าเราไม่ได้คิดไปเองคนเดียวนะ
.
.
.
.
นี่คือบรรยากาศของท่าเทียบแพ ไม่มีแดดเลยค๊า คือดีย์
เสร็จแล้วก็จะมีเรือหางยาวลากแพไปยังจุดพัก ซึ่งตรงนั้นจะเป็นบริเวณหน้าผา บรรยากาศเป็นส่วนตัวม้ากกกกกกก สามารถปาร์ตี้ได้อย่างไม่ต้องเกรงใจใครเลยค่ะ เสียงดังได้ไม่มีใครได้ยินหรือได้ยินก็เรื่องของเค้าค่ะ 555
มาดูบนแพกันค่ะ...จะเป็นยังไงม่าง
แต่ละกลุ่มจะต้องมีเพื่อนแบบนี้ทุกกลุ่ม...เชื่อแบบนั้น *นัดรวมที่เมืองกาญน์11โมง-เที่ยง ไม่ให้เกินเที่ยง พอถึงเที่ยงโทรตามนางยังอยู่กรุงเทพอยู่เลยจ้าาา งั้นก็...ตามไปทีหลัง ไม่รอนาจา
หลังเก็บสัมภาระเรียบร้อยก็ถึงเวลาเล่นน้ำแล้วค๊าาาาาา
เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน บวกฟ้าที่เริ่มมืด อากาศที่เริ่มเย็น ลมพัดอ่อนๆ แต่วัยรุ่นอย่างเราเวลานี้ไม่ใช่เวลานอนจ้า มานั่งคุยนั่งจิบชากันเบาๆ เปิดเพลงคลอรออาหารย่อย มีเล่นเกมส์กระดาษบ้างนิดหน่อยพอมีเงินเก็บ 55555 จนเวลาประมาณเที่ยงคือก็ค่อยเข้านอนกัน เราตั้งกล้องถ่ายดาวไว้กันด้วย
ตอนเช้าของวันที่สอง บรรยากาศตอนเช้าเหมาะกับถ่ายรูปมากกกกก
ก่อนแยกย้ายกันทำธุระส่วนตัวเก็บสัมภาระ ช่วงประมาณแปดโมงก็จะมีอาหารมาส่ง เป็นข้าวต้มปลา เนื้อปลาเน้นๆเลยครัชคุณณณณ คือปลานางสดอย่างกับลงไปกินในน้ำ อาหารของนางแต่ละมื้อนี่ไม่ทำให้กระเพาะผิดหวังจีจี ทั้งรสชาติทั้งคุณภาพ กินวนไปค่ะอย่าให้เหลือ
หลังจากนั้นก็มาถ่ายรูปกันต่อตามประสาคนบ้ากล้อง
สุดท้ายจะมีเรือมาลากแพกลับเน้อ มายังไงก็กลับแบบนั้นหล่ะจ้ะ
การไปพักผ่อนครั้งนี้เราว่ามันคุ้มมากนะ เป็น2วัน1คืนที่เต็มอิ่มดี ไม่เสียใจเลยที่ได้มาที่นี่ ธรรมชาติรอบๆตัวเป็นตัวบำบัดความเครียดหลังการสอบได้ดีมาก ใครที่มีเรื่องเครียด ซีเรียสเราแนะนำให้เอามาปลดปล่อยที่นี่แล้วกัน แล้วคุณจะติดใจเหมือนกับเรา คริคริ
เอ้อ...ลืมบอกไป เราแอบจองโปรมาตั้งแต่เดือนมิถุนาแล้วค่ะ ระหว่างนั้นก็นั่งนับวันนับเดือน อ่านหนังสือสอบให้จบก็เพื่อวันนี้ จนถึงธันวานี่แหละ ฉ่ำฉ่ำเลยจ้าาาา
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น