รอคนอื่นรีวิวมานานไม่มาสักที เมื่อวานพอดีได้มีโอกาสขี่ทางยาวๆ+ออฟโรดเลยจะมารีวิวให้ฟังกันหน่อย ไม่มีรูปนะครับเพราะขี่ไปคนเดียว
ส่วนตัวขี่รถใหญ่อยู่แล้วคันนึงก็มีความสุขกับมันดี พอดีมีเรื่องให้ต้องเข้าซ่อมแล้วช่างทำไม่จบเลยมีความคิดว่าจะซื้ออีกคันไว้ใช้งานเลยดีกว่า ส่วนคันเก่าก็เอาไว้สนองความตื่นเต้นพอ
โจทย์มีอยู่ว่าลูกอายุ3ขวบครึ่งและเมียต้องนั่งสบาย บังเอิญมีงานMotor Expoพอดี เลยได้โอกาสเทียบกันหลายๆรุ่นในทีเดียว
ตอนแรกก็มองbig scooterไว้ แต่ส่วนตัวไม่ชอบรถออโตและเมียแจ้งมาชัดเจนว่าไม่ขี่ เลยไปดูพวกเวสป้าเกียร์มือแต่กว่าจะได้รถนานมากเลยตกไป ส่วนรถจีนนั้นยังไม่กล้าเล่น เดินไปเดินมาไปเจอVan Van200ที่เปิดตัวเงียบๆในงานเลยไม่ลังเลจัดมาซะ ศูนย์อยู่ไหนยังไม่รู้โอนเงินเสร็จให้เซลส่งรถมาที่บ้านเรียบร้อย
ตัวรถนั้นก็เหมือนๆกับVanVan125ที่ออกมา3ปีที่แล้ว เปลี่ยนไปแค่เอากล่องเครื่องมือออกมาไว้ที่บังโคลนหลังพร้อมกับเอาตะแกรงหลังออก(เพื่ออะไร) และกระจกมองหลังเป็นทรงกลมแทนของเก่าที่เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส(อันนี้ชอบมาก) เบาะทรงเดิมนั่งสบายทุกตำแหน่ง ไฟหน้าสว่างมากใช้ร่วมกับIntruder1400
เครื่องยนต์เพิ่มความจุเป็น199cc และมีออยล์คูลขนาดกำลังดี(เท่ากับDR650) แต่เกียร์หายไปหนึ่งเหลือแค่5เกียร์(เพื่ออะไร) ระบบหัวฉีดแบบUnit injectorรวมปั๊มติ๊กกับหัวฉีดอยู่ด้วยกัน ดังนั้นเปลี่ยนถังน้ำมันได้ตามสะดวกใช้ของพวกคาร์บูได้เลย สตาร์ทติดทุกสถานการณ์ไม่มีอิดออดตามสไตล์รถญี่ปุ่นยุคใหม่ เครื่องเดินเบานิ่มมากเสียงท่อเงียบ(อันนี้ชอบมาก) คลัชท์เกียร์นิ่ม เกียร์ว่างหาง่าย แรงบิดรอบต่ำดีมากๆใช้ในเมืองง่ายแต่รอบสูงๆไม่จี๊ดตามประสาเครื่อง2วาล์วต่อสูบ การกินน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่30กม./ลิตรทั้งในเมือง เดินทางแช่90 หรือจะเป็นออฟโรด
ในเมืองขี่ง่ายมากวงเลี้ยวแคบคล่องตัว สามารถออกตัวได้เร็วทำให้ตามรถเล็กๆไปได้แบบสบายๆ ความร้อนไม่มีให้รู้สึก วิ่งอโศก-รัชดารถติดสุดๆกินน้ำมัน30กม./ลิตร
วิ่งทางไกลการขับขี่นิ่งเกินตัวมากทั้งที่รถเบา ตีนปลาย113กม/ชม.แบบไม่ต้องรอนาน(ถ้ามีเกียร์6น่าจะถึง125 แบบสบายๆ) การสั่นสะท้านถือว่าไม่เยอะจากที่วางเท้าแบบยางให้ตัวได้ขี่รวดเดียว160กม./2ชม.จนไฟน้ำมันขึ้นเตือนสบายๆ(เติมกลับไป5ลิตร)
ทางออฟโรดไปได้ดีมากๆเร็วมั่นคงช่วงล่างเซ็ตมาดีจริงๆ จากความที่เบาะเตี้ยควบคุมง่าย ยืนขี่ก็ไม่เก้งก้างทำให้กล้าไปได้เร็วกว่ารถวิบากรุ่นนิยมพิกัดใกล้ๆกัน(จับมาเช็งกันเรียบร้อย) สามารถพลิกรถสไลด์ก่อนเข้าโค้งได้ง่ายมากๆ ข้อเสียเดียวที่พบคือเบรกหลังแบบดรัมใช้ก้านดึงนั้นจะเบรกมากกว่าเดิมตอนช่วงล่างยุบทำให้บางจังหวะเบรกจนล้อล๊อคโดยไม่จำเป็น แต่ด้วยความที่น้ำหนักตัวอันแสนเบาเลยกลายเป็นความสนุกมากกว่าน่ากลัว และแรงบิดรอบต้นๆที่ดีทำให้สามารถส่งล้อหน้าลอยข้ามเนินเล็กๆได้ง่าย
ข้อเสียที่อยากเรียกว่าข้อจำกัดมากกว่าคือ
ขอ6เกียร์ได้ไหม ตีนปลายเหมือนโดนอั้นไว้มากกว่าจะเป็นแรงสูงสุดที่เครื่องทำได้ 80-113 นี่หนีรถตู้ขามุดสบายจากนั้นหลบให้เค้าไป เจอM-Slashแซงจนชิน และด้วยความที่เป็น5เกียร์ทำให้อัตราทดเกียร์1ห่างจากเกียร์2เกินไปนิด 2-5ถือว่าเหมาะสม
อยากได้Tubeless แต่เท่าที่เช็คมายางหลังไซส์นี้ไม่มีTubeless อาจจะต้องเปลี่ยนไซส์ยางถ้าจะแปลง
ขอดิสก์หลัง จะได้แก้ปัญหาตอนเอาไปลุยออฟโรด
สรุปเป็นรถที่คุ้มค่ามากสำหรับผม สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ดีทั้งในเมือง นอกเมือง(แบบธรรมดา) และไปได้ดีเกินตัวกับทางออฟโรด คุณภาพการประกอบจากญี่ปุ่นทั้งคันแทบไม่มีจุดอ่อนจากการออกแบบ ลูกเมียนั่งได้สบาย ขี่ไปร้านอาหารแพงๆแบบไม่เขิน
ขอจบการรีวิวไว้เท่านี้ครับ สงสัยอะไรถามไว้เลยเดี๋ยวตามมาตอบให้
[CR] Suzuki VanVan200 รถไม่แรงที่ขี่สนุก(มาก)
ส่วนตัวขี่รถใหญ่อยู่แล้วคันนึงก็มีความสุขกับมันดี พอดีมีเรื่องให้ต้องเข้าซ่อมแล้วช่างทำไม่จบเลยมีความคิดว่าจะซื้ออีกคันไว้ใช้งานเลยดีกว่า ส่วนคันเก่าก็เอาไว้สนองความตื่นเต้นพอ
โจทย์มีอยู่ว่าลูกอายุ3ขวบครึ่งและเมียต้องนั่งสบาย บังเอิญมีงานMotor Expoพอดี เลยได้โอกาสเทียบกันหลายๆรุ่นในทีเดียว
ตอนแรกก็มองbig scooterไว้ แต่ส่วนตัวไม่ชอบรถออโตและเมียแจ้งมาชัดเจนว่าไม่ขี่ เลยไปดูพวกเวสป้าเกียร์มือแต่กว่าจะได้รถนานมากเลยตกไป ส่วนรถจีนนั้นยังไม่กล้าเล่น เดินไปเดินมาไปเจอVan Van200ที่เปิดตัวเงียบๆในงานเลยไม่ลังเลจัดมาซะ ศูนย์อยู่ไหนยังไม่รู้โอนเงินเสร็จให้เซลส่งรถมาที่บ้านเรียบร้อย
ตัวรถนั้นก็เหมือนๆกับVanVan125ที่ออกมา3ปีที่แล้ว เปลี่ยนไปแค่เอากล่องเครื่องมือออกมาไว้ที่บังโคลนหลังพร้อมกับเอาตะแกรงหลังออก(เพื่ออะไร) และกระจกมองหลังเป็นทรงกลมแทนของเก่าที่เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส(อันนี้ชอบมาก) เบาะทรงเดิมนั่งสบายทุกตำแหน่ง ไฟหน้าสว่างมากใช้ร่วมกับIntruder1400
เครื่องยนต์เพิ่มความจุเป็น199cc และมีออยล์คูลขนาดกำลังดี(เท่ากับDR650) แต่เกียร์หายไปหนึ่งเหลือแค่5เกียร์(เพื่ออะไร) ระบบหัวฉีดแบบUnit injectorรวมปั๊มติ๊กกับหัวฉีดอยู่ด้วยกัน ดังนั้นเปลี่ยนถังน้ำมันได้ตามสะดวกใช้ของพวกคาร์บูได้เลย สตาร์ทติดทุกสถานการณ์ไม่มีอิดออดตามสไตล์รถญี่ปุ่นยุคใหม่ เครื่องเดินเบานิ่มมากเสียงท่อเงียบ(อันนี้ชอบมาก) คลัชท์เกียร์นิ่ม เกียร์ว่างหาง่าย แรงบิดรอบต่ำดีมากๆใช้ในเมืองง่ายแต่รอบสูงๆไม่จี๊ดตามประสาเครื่อง2วาล์วต่อสูบ การกินน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่30กม./ลิตรทั้งในเมือง เดินทางแช่90 หรือจะเป็นออฟโรด
ในเมืองขี่ง่ายมากวงเลี้ยวแคบคล่องตัว สามารถออกตัวได้เร็วทำให้ตามรถเล็กๆไปได้แบบสบายๆ ความร้อนไม่มีให้รู้สึก วิ่งอโศก-รัชดารถติดสุดๆกินน้ำมัน30กม./ลิตร
วิ่งทางไกลการขับขี่นิ่งเกินตัวมากทั้งที่รถเบา ตีนปลาย113กม/ชม.แบบไม่ต้องรอนาน(ถ้ามีเกียร์6น่าจะถึง125 แบบสบายๆ) การสั่นสะท้านถือว่าไม่เยอะจากที่วางเท้าแบบยางให้ตัวได้ขี่รวดเดียว160กม./2ชม.จนไฟน้ำมันขึ้นเตือนสบายๆ(เติมกลับไป5ลิตร)
ทางออฟโรดไปได้ดีมากๆเร็วมั่นคงช่วงล่างเซ็ตมาดีจริงๆ จากความที่เบาะเตี้ยควบคุมง่าย ยืนขี่ก็ไม่เก้งก้างทำให้กล้าไปได้เร็วกว่ารถวิบากรุ่นนิยมพิกัดใกล้ๆกัน(จับมาเช็งกันเรียบร้อย) สามารถพลิกรถสไลด์ก่อนเข้าโค้งได้ง่ายมากๆ ข้อเสียเดียวที่พบคือเบรกหลังแบบดรัมใช้ก้านดึงนั้นจะเบรกมากกว่าเดิมตอนช่วงล่างยุบทำให้บางจังหวะเบรกจนล้อล๊อคโดยไม่จำเป็น แต่ด้วยความที่น้ำหนักตัวอันแสนเบาเลยกลายเป็นความสนุกมากกว่าน่ากลัว และแรงบิดรอบต้นๆที่ดีทำให้สามารถส่งล้อหน้าลอยข้ามเนินเล็กๆได้ง่าย
ข้อเสียที่อยากเรียกว่าข้อจำกัดมากกว่าคือ
ขอ6เกียร์ได้ไหม ตีนปลายเหมือนโดนอั้นไว้มากกว่าจะเป็นแรงสูงสุดที่เครื่องทำได้ 80-113 นี่หนีรถตู้ขามุดสบายจากนั้นหลบให้เค้าไป เจอM-Slashแซงจนชิน และด้วยความที่เป็น5เกียร์ทำให้อัตราทดเกียร์1ห่างจากเกียร์2เกินไปนิด 2-5ถือว่าเหมาะสม
อยากได้Tubeless แต่เท่าที่เช็คมายางหลังไซส์นี้ไม่มีTubeless อาจจะต้องเปลี่ยนไซส์ยางถ้าจะแปลง
ขอดิสก์หลัง จะได้แก้ปัญหาตอนเอาไปลุยออฟโรด
สรุปเป็นรถที่คุ้มค่ามากสำหรับผม สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ดีทั้งในเมือง นอกเมือง(แบบธรรมดา) และไปได้ดีเกินตัวกับทางออฟโรด คุณภาพการประกอบจากญี่ปุ่นทั้งคันแทบไม่มีจุดอ่อนจากการออกแบบ ลูกเมียนั่งได้สบาย ขี่ไปร้านอาหารแพงๆแบบไม่เขิน
ขอจบการรีวิวไว้เท่านี้ครับ สงสัยอะไรถามไว้เลยเดี๋ยวตามมาตอบให้