หลายๆ คนอาจสับสนแบบผม คิดว่าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) กับหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) คิดว่าเป็นอันเดียวกัน จริงๆ แล้วไม่เหมือนกันนะครับ และสิ่งที่สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) แตกต่างจากหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) คือ
1. GI : เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ มีชื่อเสียงเชื่อมโยงกับแหล่งผลิต และมีเอกลักษณ์เฉพาะ มีความเชื่อมโยงกับแหล่งภูมิศาสตร์ รวมถึงภูมิปัญญาของผู้ผลิต
OTOP : เป็นสินค้าประจำท้องถิ่นอาจแสดงถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นแต่ไม่จำเป็นต้องมีเอกลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับแหล่งภูมิศาสตร์ที่ผลิต
2. GI : มีระบบขึ้นทะเบียนให้ความคุ้มครองชื่อสินค้าตามกฎหมาย
OTOP : ไม่มีการขึ้นทะเบียนคุ้มครองชื่อสินค้าตามกฎหมาย
3. GI : ต้องผลิตอยู่ในพื้นที่ที่ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนเท่านั้น
OTOP : ไม่กำหนดขอบเขตพื้นที่การผลิต
4. GI : การใช้ตราสัญลักษณ์ GI จำเป็นต้องขึ้นบัญชี และผ่านการตรวจสอบรับรองตามข้อกำหนด หรือหลักเกณฑ์ตามระบบควบคุมคุณภาพที่ชัดเจน
OTOP : การใช้ตราสัญลักษณ์ไม่จำเป็นต้องขึ้นบัญชีหรือผ่านการตรวจสอบ และไม่มีข้อกำหนด หรือหลักเกณฑ์การควบคุมคุณภาพที่ชัดเจน
5. GI : ผู้ผลิตต้องอยู่ในชุมชนนั้นๆ และมีความร่วมมือเป็นกลุ่ม เนื่องจากเป็นสิทธิของชุมชน
OTOP : ผู้ผลิตแต่ละราย เป็นเอกเทศ
ไม่ว่าจะเป็น GI หรือ OTOP ล้วนเป็นความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ทำให้แต่ละหมู่บ้านมีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเองจนพัฒนากลายเป็นสินค้าที่สร้างรายได้ให้แต่ละชุมชนได้
รู้หรือป่าว ? สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ต่างจากหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) อย่างไร
1. GI : เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ มีชื่อเสียงเชื่อมโยงกับแหล่งผลิต และมีเอกลักษณ์เฉพาะ มีความเชื่อมโยงกับแหล่งภูมิศาสตร์ รวมถึงภูมิปัญญาของผู้ผลิต
OTOP : เป็นสินค้าประจำท้องถิ่นอาจแสดงถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นแต่ไม่จำเป็นต้องมีเอกลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับแหล่งภูมิศาสตร์ที่ผลิต
2. GI : มีระบบขึ้นทะเบียนให้ความคุ้มครองชื่อสินค้าตามกฎหมาย
OTOP : ไม่มีการขึ้นทะเบียนคุ้มครองชื่อสินค้าตามกฎหมาย
3. GI : ต้องผลิตอยู่ในพื้นที่ที่ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนเท่านั้น
OTOP : ไม่กำหนดขอบเขตพื้นที่การผลิต
4. GI : การใช้ตราสัญลักษณ์ GI จำเป็นต้องขึ้นบัญชี และผ่านการตรวจสอบรับรองตามข้อกำหนด หรือหลักเกณฑ์ตามระบบควบคุมคุณภาพที่ชัดเจน
OTOP : การใช้ตราสัญลักษณ์ไม่จำเป็นต้องขึ้นบัญชีหรือผ่านการตรวจสอบ และไม่มีข้อกำหนด หรือหลักเกณฑ์การควบคุมคุณภาพที่ชัดเจน
5. GI : ผู้ผลิตต้องอยู่ในชุมชนนั้นๆ และมีความร่วมมือเป็นกลุ่ม เนื่องจากเป็นสิทธิของชุมชน
OTOP : ผู้ผลิตแต่ละราย เป็นเอกเทศ
ไม่ว่าจะเป็น GI หรือ OTOP ล้วนเป็นความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ทำให้แต่ละหมู่บ้านมีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเองจนพัฒนากลายเป็นสินค้าที่สร้างรายได้ให้แต่ละชุมชนได้