กระทู้นี้ผมตั้งใจทำเพื่อสาวก LPG โดยเฉพาะครับ (แต่คนใช้รถน้ำมัน รถไฟฟ้า รถประจำทาง ใช้พี่วิน ก็อ่านได้นะแจ๊ะ) โดยส่วนตัวรถผติดแก๊ส LPG ของ Energy Reform ใช้งานมาหลายปีแล้ว กับระยะทางเกือบแสน กม. ยังมีความสุขดีครับ
และผมได้ทราบมาว่าการใช้งาน LPG อาจทำให้เครื่องยนต์สึกหรอมากกว่าน้ำมัน ต้นเหตุหนึ่งมาจาก LPG มีอัตราการลามไฟที่ช้ากว่าน้ำมัน (หมายถึง เมื่อเทียบกับน้ำมันแล้ว ต้องใช้เวลานานกว่าที่จะเผาไหม้แก๊สจนหมด) เมื่อเผาหมดช้า ไม่หมดภายในห้องเผาไหม้ มีเหลือเล็ดรอดออกไปด้านนอก ก็มีส่วนทำให้บ่าวาล์วสึกหรอมากขึ้น เป็นเหตุให้ต้องมีการตั้งวาล์วบ่อยขึ้น จึงได้มีคนคิดค้น TAP - Timimg Advance Processor ขึ้นมาเพื่อให้หัวเทียนจุดระเบิดไวขึ้น จะได้เผาไหม้หมดจด ความร้อนไม่เหลือเร็ดรอดออกทำร้ายบ่าวาล์วนั่นเองครับ
ข้อมูลทั่วไปของรถ
ยี่ห้อ รุ่น ปี : โตโยต้า อัลติส 2004 E
เครื่องยนต์ : 2zz-ge 6MT
ระบบไอดี : กรองอากาศ ผ้า K&N
ระบบไอเสีย : ท่อร่วมไอเสียเดิม + ท่อเดิม 3 นิ้วกั้นกลาง + ท่อเลส 2.25 นิ้วทั้งเส้น + พักกลาง 2.5 นิ้วไส้เกลียว + พักกลาง 2.25 นิ้วไส้ตรง + พักปลายไส้เยื้อง 2.5 นิ้ว + ไซเลนเซอร์ 2.25 นิ้ว
* รถผมเป็นสเตปรถบ้าน เน้นขับง่าย นั่งสบาย ท่อเงียบ แอร์เย็น เพลงเพราะ มีถังแก๊ส มีตู้ซับ อาจจะไม่ถูกใจขาซิ่งสักเท่าไร ตรงนี้ต้องขออภัยครับ
หน้าตากล่อง TAP ยี่ห้อ ATD ตัว 32 bit ครับ
ช่างกำลังติดตั้งครับ มีการตัดต่อ 4 เส้น ถ้าจำไม่ผิด
ที่ผมกล่าวมาเบื้องต้น เป็นประโยชน์หลักๆที่ TAP หรือบางคนเรียกว่า "กล่องจูนไฟ" จะช่วยเซฟเครื่องยนต์ที่ใช้แก๊สให้สึกหรอช้าลงนะครับ แต่ประโยชน์รองลงมาของ TAP ที่ชาวเน็ตร่ำลือกันอีกเรื่องคือ รถจะประหยัดแก๊สมากขึ้น และ รถจะแรงขึ้น หลังจากใช้งาน TAP ครับ เป็นที่มาของการทดลองทั้งสองเรื่องครับ
ทดสอบการประหยัดเชื้อเพลิง
หลังจากติดตั้งและปรับจูนองศาการจุดระเบิดให้พอดี ช่างจูนบอกว่าควรไปปรับจูนแก๊สใหม่อีกรอบเนื่องจากช่วงรอบ 5000 ขึ้นไปแก๊สบางไปหน่อย แต่เนื่องจากผมอยากรู้ว่าถ้าจูนไฟอย่างเดียวกับระบบเดิมๆจะได้ผลเป็นอย่างไร หลังจากผมใช้งานไปประมาณสัปดาห์นึงจึงไปทดสอบอัตราการกินเชื้อเพลิง ได้ผลดังนี้ครับ
ระยะทางทดสอบ : 123 กม.
ความเร็วทดสอบ : 110 กม./ชม.
รอบเปลี่ยนเกียร์ : 3000 รอบ
สภาพการจราจร : Before โล่งมาก ผ่อนความเร็ว-เบรค น้อยครั้ง, After ค่อนข้างโล่ง ต้องผ่อนและเบรคบ่อยกว่านิดหน่อย
หลังจากนั้นผมได้ไปจูนแก๊สใหม่อีกรอบ และไปจูนไฟใหม่อีกรอบ (ขับเนียนขึ้นอีกเยอะเลย) ใช้รถไปอีกประมาณ 5 พัน กม. ไปเที่ยวเหนือมาครับ หลังจากนั้นก็มาเก็บข้อมูลใหม่อีกรอบ โดยผมยังใช้น้ำมันเครื่องชุดเดิม ซึ่งน่าจะไกล้ระยะเปลี่ยนถ่ายแล้ว และผมได้ไปสลับยางมาก่อนจะไปทดสอบครับ อาจสร้างผลคลาดเคลื่อนได้อีกเล็กน้อย ผลการทดลองสรุป 3 ครั้ง ได้ออกมาแบบนี้ครับ
จากผลการทดลอง ทำให้ผมคิดว่าการใช้กล่องจูนไฟ หรือกล่อง TAP กับรถผม ไม่ได้ช่วยให้ประหยัดขึ้นแต่อย่างใดครับ ยิ่งหลังจูนแก๊สใหม่ ที่ผมคิดว่าน่าจะจูนหนากว่าเดิม ยิ่งประหยัดแก๊สน้อยลง
ทดสอบอัตราเร่ง
ความรู้สึกหลังจากการจูน TAP ในการใช้งานปกติสำหรับผมแล้วถือว่าดีขึ้นชัดเจนครับ อาการเต้นในรอบต่ำลดลง แตะคันเร่งเท่าเดิมแต่อัตราเร่งมาไวติดเท้าดีขึ้นชัดเจน แรงดึงอะไรต่างๆรู้สึกได้ว่ามากขึ้นกว่าเก่า ยิ่งตอนที่ไปเที่ยวเหนือ ได้ทดสอบอัตราเร่งกันหลายรอบมากจากการเข้าโค้ง การขึ้นเน้นต่างๆ รู้สึกได้ว่ามันดีขึ้นกว่าเดิม อาจจะไม่มากมาย แต่รู้สึกได้ชัดครับ แต่นั่นเป็นเพียงความรู้สึกครับ เรามาว่ากันที่การทดสอบออกมาเป็นตัวเลขชัดๆกันเลยดีกว่า
ก่อนติดตั้ง TAP ได้ผลดังนี้
Run 1 - 10.40, 28.87
Run 2 - 10.07, 28.11
Run 3 - 9.92, 28.05
เฉลี่ย - 10.13, 28.34
หลังติดตั้ง TAP ได้ผลดังนี้ (หลังไปเที่ยวเหนือ)
Run 1 - 10.08, 27.76
Run 2 - 9.67, 26.30
Run 3 - 10.70, 29.50
เฉลี่ย - 10.15, 27.85
ผมเอาคลิป Run ที่ดีกับ Run ที่แย่ตัดทิ้งไป เอา Run ที่ได้ค่ากลาง มาตัดต่อเปรียบเทียบกัน ได้ดังนี้ครับ
ซึ่งผลที่ได้จากการทดสอบออกมาเป้นตัวเลขระหว่างก่อนติดตั้งกับหลังติดตั้งและปรับจูนแบบละเอียดทั้งแก๊สและไฟจนคิดว่าดีแล้ว พบว่าแทบจะไม่ต่าง หรือต่างก็ต่างแบบไม่ได้ชัดเจนครับ ซึ่งผลออกมาแตกต่างจากที่ผมรู้สึกในตอนที่ใช้งานแบบปกติ ผมเองก็ยังนึกว่าการทดสอบ 0-100 และ 0-180 ผลน่าจะออกมาดีกว่าแบบชัดเจน ซึ่งก็ผิดคาดสำหรับผมด้วยเหมือนกันครับ แต่อย่าลืมว่าการใช้งานปกติเรากดคันเร่งแค่ผิวๆเบาๆ ในตอนที่เร่งแซงเราก็กดแค่ 30%-50% อย่างมาก แต่ตอนที่ทดสอบ 0-180 นี้ ผมกดเต็มโหลด 100% ครับ
สรุปผลการทดลอง
ผลการทดลองออกมาว่า การติดตั้ง TAP อาจไม่ได้ช่วยประหยัดแก๊ส และอาจไม่ได้ช่วยให้อัตราเร่งแบบโหลด 100% ดีขึ้นอย่างที่หลายๆคนเข้าใจครับ แต่โดยส่วนตัวผมพบว่าการใช้งานทั่วๆไปตอนที่ใช้โหลดน้อยๆมันเร่งติดเท้าดีขึ้น อาการสั่นในรอบต่ำลดลง แต่นั่นก็เป็นเพียงความรู้สึกที่อาจจะเอามาอ้างอิงไม่ได้ครับ
สุดท้ายนี้หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจครับ ถ้าผมเขียนผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ฝากติดตามผลงานที่เพจ Need For Slow ด้วยครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/
[CR] รีวิวความคุ้มค่าของการติดตั้ง TAP สำหรับรถใช้แก๊ส LPG
และผมได้ทราบมาว่าการใช้งาน LPG อาจทำให้เครื่องยนต์สึกหรอมากกว่าน้ำมัน ต้นเหตุหนึ่งมาจาก LPG มีอัตราการลามไฟที่ช้ากว่าน้ำมัน (หมายถึง เมื่อเทียบกับน้ำมันแล้ว ต้องใช้เวลานานกว่าที่จะเผาไหม้แก๊สจนหมด) เมื่อเผาหมดช้า ไม่หมดภายในห้องเผาไหม้ มีเหลือเล็ดรอดออกไปด้านนอก ก็มีส่วนทำให้บ่าวาล์วสึกหรอมากขึ้น เป็นเหตุให้ต้องมีการตั้งวาล์วบ่อยขึ้น จึงได้มีคนคิดค้น TAP - Timimg Advance Processor ขึ้นมาเพื่อให้หัวเทียนจุดระเบิดไวขึ้น จะได้เผาไหม้หมดจด ความร้อนไม่เหลือเร็ดรอดออกทำร้ายบ่าวาล์วนั่นเองครับ
ข้อมูลทั่วไปของรถ
ยี่ห้อ รุ่น ปี : โตโยต้า อัลติส 2004 E
เครื่องยนต์ : 2zz-ge 6MT
ระบบไอดี : กรองอากาศ ผ้า K&N
ระบบไอเสีย : ท่อร่วมไอเสียเดิม + ท่อเดิม 3 นิ้วกั้นกลาง + ท่อเลส 2.25 นิ้วทั้งเส้น + พักกลาง 2.5 นิ้วไส้เกลียว + พักกลาง 2.25 นิ้วไส้ตรง + พักปลายไส้เยื้อง 2.5 นิ้ว + ไซเลนเซอร์ 2.25 นิ้ว
* รถผมเป็นสเตปรถบ้าน เน้นขับง่าย นั่งสบาย ท่อเงียบ แอร์เย็น เพลงเพราะ มีถังแก๊ส มีตู้ซับ อาจจะไม่ถูกใจขาซิ่งสักเท่าไร ตรงนี้ต้องขออภัยครับ
หน้าตากล่อง TAP ยี่ห้อ ATD ตัว 32 bit ครับ
ช่างกำลังติดตั้งครับ มีการตัดต่อ 4 เส้น ถ้าจำไม่ผิด
ที่ผมกล่าวมาเบื้องต้น เป็นประโยชน์หลักๆที่ TAP หรือบางคนเรียกว่า "กล่องจูนไฟ" จะช่วยเซฟเครื่องยนต์ที่ใช้แก๊สให้สึกหรอช้าลงนะครับ แต่ประโยชน์รองลงมาของ TAP ที่ชาวเน็ตร่ำลือกันอีกเรื่องคือ รถจะประหยัดแก๊สมากขึ้น และ รถจะแรงขึ้น หลังจากใช้งาน TAP ครับ เป็นที่มาของการทดลองทั้งสองเรื่องครับ
ทดสอบการประหยัดเชื้อเพลิง
หลังจากติดตั้งและปรับจูนองศาการจุดระเบิดให้พอดี ช่างจูนบอกว่าควรไปปรับจูนแก๊สใหม่อีกรอบเนื่องจากช่วงรอบ 5000 ขึ้นไปแก๊สบางไปหน่อย แต่เนื่องจากผมอยากรู้ว่าถ้าจูนไฟอย่างเดียวกับระบบเดิมๆจะได้ผลเป็นอย่างไร หลังจากผมใช้งานไปประมาณสัปดาห์นึงจึงไปทดสอบอัตราการกินเชื้อเพลิง ได้ผลดังนี้ครับ
ระยะทางทดสอบ : 123 กม.
ความเร็วทดสอบ : 110 กม./ชม.
รอบเปลี่ยนเกียร์ : 3000 รอบ
สภาพการจราจร : Before โล่งมาก ผ่อนความเร็ว-เบรค น้อยครั้ง, After ค่อนข้างโล่ง ต้องผ่อนและเบรคบ่อยกว่านิดหน่อย
หลังจากนั้นผมได้ไปจูนแก๊สใหม่อีกรอบ และไปจูนไฟใหม่อีกรอบ (ขับเนียนขึ้นอีกเยอะเลย) ใช้รถไปอีกประมาณ 5 พัน กม. ไปเที่ยวเหนือมาครับ หลังจากนั้นก็มาเก็บข้อมูลใหม่อีกรอบ โดยผมยังใช้น้ำมันเครื่องชุดเดิม ซึ่งน่าจะไกล้ระยะเปลี่ยนถ่ายแล้ว และผมได้ไปสลับยางมาก่อนจะไปทดสอบครับ อาจสร้างผลคลาดเคลื่อนได้อีกเล็กน้อย ผลการทดลองสรุป 3 ครั้ง ได้ออกมาแบบนี้ครับ
จากผลการทดลอง ทำให้ผมคิดว่าการใช้กล่องจูนไฟ หรือกล่อง TAP กับรถผม ไม่ได้ช่วยให้ประหยัดขึ้นแต่อย่างใดครับ ยิ่งหลังจูนแก๊สใหม่ ที่ผมคิดว่าน่าจะจูนหนากว่าเดิม ยิ่งประหยัดแก๊สน้อยลง
ทดสอบอัตราเร่ง
ความรู้สึกหลังจากการจูน TAP ในการใช้งานปกติสำหรับผมแล้วถือว่าดีขึ้นชัดเจนครับ อาการเต้นในรอบต่ำลดลง แตะคันเร่งเท่าเดิมแต่อัตราเร่งมาไวติดเท้าดีขึ้นชัดเจน แรงดึงอะไรต่างๆรู้สึกได้ว่ามากขึ้นกว่าเก่า ยิ่งตอนที่ไปเที่ยวเหนือ ได้ทดสอบอัตราเร่งกันหลายรอบมากจากการเข้าโค้ง การขึ้นเน้นต่างๆ รู้สึกได้ว่ามันดีขึ้นกว่าเดิม อาจจะไม่มากมาย แต่รู้สึกได้ชัดครับ แต่นั่นเป็นเพียงความรู้สึกครับ เรามาว่ากันที่การทดสอบออกมาเป็นตัวเลขชัดๆกันเลยดีกว่า
ก่อนติดตั้ง TAP ได้ผลดังนี้
Run 1 - 10.40, 28.87
Run 2 - 10.07, 28.11
Run 3 - 9.92, 28.05
เฉลี่ย - 10.13, 28.34
หลังติดตั้ง TAP ได้ผลดังนี้ (หลังไปเที่ยวเหนือ)
Run 1 - 10.08, 27.76
Run 2 - 9.67, 26.30
Run 3 - 10.70, 29.50
เฉลี่ย - 10.15, 27.85
ผมเอาคลิป Run ที่ดีกับ Run ที่แย่ตัดทิ้งไป เอา Run ที่ได้ค่ากลาง มาตัดต่อเปรียบเทียบกัน ได้ดังนี้ครับ
ซึ่งผลที่ได้จากการทดสอบออกมาเป้นตัวเลขระหว่างก่อนติดตั้งกับหลังติดตั้งและปรับจูนแบบละเอียดทั้งแก๊สและไฟจนคิดว่าดีแล้ว พบว่าแทบจะไม่ต่าง หรือต่างก็ต่างแบบไม่ได้ชัดเจนครับ ซึ่งผลออกมาแตกต่างจากที่ผมรู้สึกในตอนที่ใช้งานแบบปกติ ผมเองก็ยังนึกว่าการทดสอบ 0-100 และ 0-180 ผลน่าจะออกมาดีกว่าแบบชัดเจน ซึ่งก็ผิดคาดสำหรับผมด้วยเหมือนกันครับ แต่อย่าลืมว่าการใช้งานปกติเรากดคันเร่งแค่ผิวๆเบาๆ ในตอนที่เร่งแซงเราก็กดแค่ 30%-50% อย่างมาก แต่ตอนที่ทดสอบ 0-180 นี้ ผมกดเต็มโหลด 100% ครับ
สรุปผลการทดลอง
ผลการทดลองออกมาว่า การติดตั้ง TAP อาจไม่ได้ช่วยประหยัดแก๊ส และอาจไม่ได้ช่วยให้อัตราเร่งแบบโหลด 100% ดีขึ้นอย่างที่หลายๆคนเข้าใจครับ แต่โดยส่วนตัวผมพบว่าการใช้งานทั่วๆไปตอนที่ใช้โหลดน้อยๆมันเร่งติดเท้าดีขึ้น อาการสั่นในรอบต่ำลดลง แต่นั่นก็เป็นเพียงความรู้สึกที่อาจจะเอามาอ้างอิงไม่ได้ครับ
สุดท้ายนี้หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจครับ ถ้าผมเขียนผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ฝากติดตามผลงานที่เพจ Need For Slow ด้วยครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/