07.55 น.
ฉันเอนหัวพิงขอบหน้าต่างรถไฟปล่อยให้ลมหนาวๆพัดพาเม็ดฝนผ่านกระทบหน้าเบาๆ นกหลายตัวเกาะกลุ่มบินหายไปตรงทิวไม้ ถึงจะเป็นระยะทางสั้นๆไม่ไกลแต่ฉันก็เลือกที่จะขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพ
นานมากแล้วที่หัวใจไม่เคยเดินทาง เก็บตัวเงียบๆในกล่องอิเล็กทรอนิกส์เล็กๆ แล้วสมมุติว่าเดินทางไกลแสนไกล พอรู้ตัวอีกทีเราก็เป็นคนเหงาๆที่คว้าเงาในความฝัน ที่บางทีความฝันมันก็มืดจนหาเงาไม่เจอ
กลางปีที่แล้วฉันเริ่มมองสิ่งรอบตัวด้วยความคิดที่เปลี่ยนไป เริ่มมองชีวิตง่ายขึ้น เริ่มทำอะไรที่ทดสอบตัวเอง ฉันเดินขึ้นเดินลงสะพานที่นึงเพื่อไปถ่ายรูปมุมเดิมๆ ที่เดิมๆทุกวันเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งยากเย็นมากกับการเริ่มลงมือทำ
มันดูเป็นเรื่องไร้สาระแต่หลังจากนั้นฉันเริ่มหลงรักมัน ที่เดิมๆตรงนั้นกับผู้คนผ่านไปมา
1ปีผ่านไป...ฉันทำได้...มากกว่านั้นคือ....ฉันได้พบตัวเอง ได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง และเริ่มกล้าที่จะฝันต่อ
วันนี้....ฉันยังเดินอยู่ในทางที่ฝัน
และใช้หัวใจนำทางเสมอ บางครั้งอยากใช้สมองเหมือนกันแต่....ฉันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วคงเปลี่ยนไม่ได้ยังเหมือนเดิม เพียงแค่....มีหัวใจที่ไม่ใช่ดวงเดิม
วันนี้หัวใจ....มันเต็ม และเรียนรู้ที่จะใช้ให้มันนำทางมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง ฉันเป็นอิสระในความคิดและความรู้สึกมากขึ้น....กล้าที่จะรักษาสิทธิ์ให้ตัวเอง กล้าที่จะบอกความรู้สึกดีๆ กล้าที่จะบอกรัก กล้าที่จะผิดหวังและยอมรับมัน...ถึงมันจะเจ็บปวดบ้างแต่ฉันรับมันไหว
ชีวิต....เคยมีข้อแม้มามากมายแล้ว วันนี้ฉันเรียนรู้ที่จะวางข้อแม้ลง และตั้งใจดูแลสิ่งที่รักและรดน้ำความฝันให้ค่อยๆเติบโต ไม่อยากเสียดายอะไรถ้าสักวันไม่มีฉันอยู่ เพราะฉันได้ใช้เวลาที่มี....อย่างดีที่สุดแล้ว
07.55 น. ฉันบอก...รัก...เธอ
...................🌼....................
ฉันกดสวิสโทรศัพท์ดับลงพร้อมเรื่องราวสุดท้ายที่เธอเขียนไว้ เหม่อมองไปสองข้างทางที่ผ่าน....ภูเขาสูง ลมเย็นๆและนกหลายตัวกำลังกลับรัง
ฉันเลือกจะนั่งรถไฟกลับบ้านเหมือนเธอ และพาหัวใจเธอเดินทางกลับมาพร้อมกัน โทรศัพท์ที่แม่ของเธอส่งให้ เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายจากเธอ หลังจากส่งร่างกายเธอที่บริจาคเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอ....ไม่มีอะไรติดค้างบนโลกที่เธอจากไป
แต่สำหรับฉันแล้ว....ทุกสิ่งจบลงแค่เพียงเริ่มต้นเมื่อวาน วันที่คิดว่า....ยังมีเวลาอีกมากมาย
07.55 น. เวลาที่เธอ...บอก...รัก...ฉัน
วันนี้.........07.55 น. เวลาที่เธอ.....ตาย!
07.55 น.
ฉันเอนหัวพิงขอบหน้าต่างรถไฟปล่อยให้ลมหนาวๆพัดพาเม็ดฝนผ่านกระทบหน้าเบาๆ นกหลายตัวเกาะกลุ่มบินหายไปตรงทิวไม้ ถึงจะเป็นระยะทางสั้นๆไม่ไกลแต่ฉันก็เลือกที่จะขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพ
นานมากแล้วที่หัวใจไม่เคยเดินทาง เก็บตัวเงียบๆในกล่องอิเล็กทรอนิกส์เล็กๆ แล้วสมมุติว่าเดินทางไกลแสนไกล พอรู้ตัวอีกทีเราก็เป็นคนเหงาๆที่คว้าเงาในความฝัน ที่บางทีความฝันมันก็มืดจนหาเงาไม่เจอ
กลางปีที่แล้วฉันเริ่มมองสิ่งรอบตัวด้วยความคิดที่เปลี่ยนไป เริ่มมองชีวิตง่ายขึ้น เริ่มทำอะไรที่ทดสอบตัวเอง ฉันเดินขึ้นเดินลงสะพานที่นึงเพื่อไปถ่ายรูปมุมเดิมๆ ที่เดิมๆทุกวันเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งยากเย็นมากกับการเริ่มลงมือทำ
มันดูเป็นเรื่องไร้สาระแต่หลังจากนั้นฉันเริ่มหลงรักมัน ที่เดิมๆตรงนั้นกับผู้คนผ่านไปมา
1ปีผ่านไป...ฉันทำได้...มากกว่านั้นคือ....ฉันได้พบตัวเอง ได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง และเริ่มกล้าที่จะฝันต่อ
วันนี้....ฉันยังเดินอยู่ในทางที่ฝัน
และใช้หัวใจนำทางเสมอ บางครั้งอยากใช้สมองเหมือนกันแต่....ฉันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วคงเปลี่ยนไม่ได้ยังเหมือนเดิม เพียงแค่....มีหัวใจที่ไม่ใช่ดวงเดิม
วันนี้หัวใจ....มันเต็ม และเรียนรู้ที่จะใช้ให้มันนำทางมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง ฉันเป็นอิสระในความคิดและความรู้สึกมากขึ้น....กล้าที่จะรักษาสิทธิ์ให้ตัวเอง กล้าที่จะบอกความรู้สึกดีๆ กล้าที่จะบอกรัก กล้าที่จะผิดหวังและยอมรับมัน...ถึงมันจะเจ็บปวดบ้างแต่ฉันรับมันไหว
ชีวิต....เคยมีข้อแม้มามากมายแล้ว วันนี้ฉันเรียนรู้ที่จะวางข้อแม้ลง และตั้งใจดูแลสิ่งที่รักและรดน้ำความฝันให้ค่อยๆเติบโต ไม่อยากเสียดายอะไรถ้าสักวันไม่มีฉันอยู่ เพราะฉันได้ใช้เวลาที่มี....อย่างดีที่สุดแล้ว
07.55 น. ฉันบอก...รัก...เธอ
...................🌼....................
ฉันกดสวิสโทรศัพท์ดับลงพร้อมเรื่องราวสุดท้ายที่เธอเขียนไว้ เหม่อมองไปสองข้างทางที่ผ่าน....ภูเขาสูง ลมเย็นๆและนกหลายตัวกำลังกลับรัง
ฉันเลือกจะนั่งรถไฟกลับบ้านเหมือนเธอ และพาหัวใจเธอเดินทางกลับมาพร้อมกัน โทรศัพท์ที่แม่ของเธอส่งให้ เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายจากเธอ หลังจากส่งร่างกายเธอที่บริจาคเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอ....ไม่มีอะไรติดค้างบนโลกที่เธอจากไป
แต่สำหรับฉันแล้ว....ทุกสิ่งจบลงแค่เพียงเริ่มต้นเมื่อวาน วันที่คิดว่า....ยังมีเวลาอีกมากมาย
07.55 น. เวลาที่เธอ...บอก...รัก...ฉัน
วันนี้.........07.55 น. เวลาที่เธอ.....ตาย!