ป๊าดติโธ่! "โมโกจู"


"ป๊าดติโธ่" เป็นคำอุทานในภาษาอีสาน แปลว่า รู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่พบเห็น เช่น กระทาชายหนุ่มที่เดินพามาดเท่ๆ ของตัวเองไปยังบาร์ เมื่อเขาพบกับอนงค์นางสวยเลอค่า เขาก็จะอุทานออกมาว่า ป๊าดติโธ่!

ส่วน "โมโกจู" เป็นชื่อยอดเขาแห่งหนึ่งในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ มาจากภาษากะเหรี่ยง แปลว่า คล้ายฝนกำลังจะตก

มี 2 เหตุผลด้วยกันที่ผมต้อง "ป๊าดติโธ่ โมโกจู" คือ

1.เป็นยอดเขาที่ทางอุทยานแห่งชาติเปิดให้ไปพิชิต โดยมีระยะทางที่ไกล (แถมยังทรหด) ที่สุดในสยามประเทศ ไป-กลับ ราวๆ 60 กิโลเมตร กับระยะเวลา 5 วัน 4 คืน และก็เป็นยอดเขาที่ขึ้นชื่อว่าบรรดานักเดินป่าโหยหามากที่สุดในลำดับต้นๆ

2.ที่ยากกว่าการพาตัวเองขึ้นไปเหยียบบนยอดเขาโมโกจูนั้น คือ การจองทริปเดินป่ากับทางอุทยานแห่งชาติผ่านอีเมล์ ที่มีสถิติหลุดเล็ดรอดออกมาบอกว่า ถ้าหากคุณส่งอีเมล์ช้าไป 3 วินาที ก็แทบจะบอกเลิกลาศาลา และรอไปวัดดวงปีหน้ากันได้เลย แต่ไอ้ที่ว่ายากนั้น ผมก็ผ่านมันมาได้สำเร็จ หึหึ


ตำป่าโมโกจู

"อี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ ตุ๊บ!"

เสียงอินโทรจากราวบันไดเหล็กของรถทัวร์สายเชียงใหม่ - กำแพงเพชร ที่อยู่ในสภาพเหมือนกับหมอนวดสาวรุ่นป้า ก่อนต่อมาจะหักมุมปิดท้ายด้วยเสียงที่ให้ความรู้สึกราวกับค้อนปอนด์ทุบลงหัวน้องหมูในโรงฆ่าสัตว์

ผมสะดุ้งตื่น ในขณะที่กำลังหลับฝันหวานบนเบาะรถทัวร์ พร้อมกับความสงสัยว่า ใครเอาของอะไรมาปาใส่ไหล่ตัวเอง

กล่องสตรอว์เบอร์รี่สด ที่น่าจะซื้อมาจากกาดหลวง เชียงใหม่ วางกองที่พื้นในสภาพที่ไม่ค่อยสมประกอบ สันนิษฐานคงตกมาจากด้านบนตรงชั้นเก็บของผู้โดยสาร

ผมงัวเงียลุกขึ้นไปหยิบ แล้วยัดมันเก็บเข้าที่ เพราะต้องมีภารกิจต้องไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ต่อ แต่หลังจากนั้นอีกไม่กี่นาที

"อี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ ตุ๊บ!"

กล่องเดิม แบบเดิม ตกใส่ไหล่ นี่มันแมวน้ำอะไรฟะ!

พี่ต้อม หรือ คุณชายศุภชัย สหายร่วมทริปพิชิตโมโกจู ผู้ที่ใช้เวลาในการตัดสินตอบรับคำชวนผมไม่ถึงนาที บอกผมว่า

"เอามันวางไว้ข้างล่างนี่แหละ ถ้าเอาไว้ด้านบนอีกเหมือนเดิม กว่าจะถึงกำแพงเพชร พี่ว่ามันได้เป็นแยมสตรอว์เบอร์รี่แน่นอน

..........

รถทัวร์ของ บ.ศรีทะวงศ์ นอกจากจะไม่เปิดเพลงหมอลำกวนใจ ขับรถได้นิ่งไม่สั่นไหว ราวกับจอมยุทธ์ฝึกสมาธิ รถทัวร์บริษัทนี้ยังมีศิลปะในการเสิร์ฟเครื่องดื่ม

ใครที่เป็นคอน้ำอัดลมจะรู้ดีว่าน้ำอัดลมจะอร่อยก็ต่อเมื่อกินตอนมันแช่เย็น พร้อมกับเทใส่น้ำแข็ง จุดนี้ ศรีทะวงศ์ ใส่ใจ เมื่อบรรจงเสิร์ฟมาในแก้วขนาดพอเหมาะในเวลาเที่ยง เพื่อเพิ่มความสดชื่นแก่ผู้โดยสารทั้งหลาย ในขนาดที่รถทัวร์บางบริษัท แจกน้ำอัดลมมายังกับว่าโลกของเราไม่มีน้ำแข็งและตู้เย็น

ว่าแล้วก็ขอกระทืบมือเรื่องนี้ให้กับ "ศรีทะวงศ์ " ซัก 10 รอบใหญ่ๆ

..........

บทสนทนาระหว่างผมกับคุณชายศุภชัย ณ สถานีขนส่งผู้โดยสาร กำแพงเพชร

"ฝรั่งคนนั้นสวยนะ ที่มาเที่ยวคนเดียว"

"พอได้อยู่นะพี่ หน้าตาดี เป็นผู้หญิงมาเที่ยวคนเดียวแบบนี้ จะขอความช่วยเหลือใคร ก็ง่ายดีนะ ลองหนังหน้าแบบเราไปยืนโบกรถ ชาติหน้าก็ไม่น่าจะมีคนจอดให้"

"แต่พี่ว่าเขาไม่ได้มาคนเดียวแล้ว นั่นไงแฟน ดีแล้วที่เขาปลอดภัย"

ไม่รู้ว่าไอ้ที่ปลอดภัยเนี่ย หมายถึง ปลอดภัยจากเราสองคนรึเปล่า

..........


รถสองแถวของโชเฟอร์ในวัยปลดเกษียณ ที่คุณลุงดูค่อนข้างจะงอแงมากกว่ารถตัวเอง พาผมกับคุณชายศุภชัย มายังที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ พร้อมกับกล้วย 1 หวี (ที่คุณลุงมอบให้) ข้าวมันไก่ 2 ห่อ ไก่ย่าง และตำป่าที่คุณชายศุภชัย มือกีตาร์ผู้มีลีลาพริ้วไหวแห่งวง "Songto" ในยุคบุกเบิกของร้าน Warm Up บอกว่าเพิ่งเคยได้ลิ้มรสเป็นครั้งแรก ผมอธิบายในฐานะไอ้หนุ่มเลือดปลาร้าบอก "ตำป่า" คือ ตำมั่ว ที่ใส่เครื่องเคราเยอะกว่าเดิม มีต้นกำเนิดและเป็นที่นิยมในแถบอีสาน

และก่อนที่จะไปสำราญกันในป่ากับเช้าวันที่ 10 ธันวา จนถึง 14 ธันวา นี่ก็คือเรื่องตำป่าก่อนมาโมโกจู

ทั้งแซบ ทั้งนัว และมั่วในคราเดียวกัน


รวมทีมฮีโร่ (มัยซิน)

กลุ่มพวกเราเหมือนทีม The Avengers ที่ต่างคนก็ต่างมา (จะมีแค่บางคนที่รู้จักกันมาก่อนแล้วอย่าง เช่นผมกับคุณชายศุภชัย) ต่างบุคลิกกัน แต่ต้องมาใช้ชีวิตในป่าด้วยกันตั้ง 5 วัน  4 คืน เพื่อทำภารกิจพิชิตยอดเขาโมโกจู และนี่ก็คือตัวละครทั้ง 12 คน ที่ผมจะพาทุกคนไปรู้จัก


เช หรือ เจ๊ เธอเหมือนกับลิโอเนล เมสซี่ หรือไม่ก็ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่กองหลังทุกคนอยากจะเอาไม้หน้าสามฟาดเพื่อหยุดเธอ ก่อนออกเดินในแต่ละครั้งของวัน เธอจะเป็นคนแรกที่บอกกับทุกคนว่า "ไปๆๆ" แล้วเธอก็จะหายวับไปก่อนใครเพื่อน และกว่าจะรู้ตัวอีกที เธอก็หายตัวไปยังกับผี หนีไปอยู่นำหน้าสุดของคณะ

เช บอกทุกคนว่า ใครก็ตามที่ถ่ายภาพใบหน้าของเธอแล้วเอาไปเผยแพร่ในที่สาธารณะ เธอจะจ้างทนายมาฟ้อง ฉะนั้น การที่กระเป๋าสตางค์ผมยังคงทำตัวสนิทกับธนบัตรใบละยี่สิบมากกว่าใบสีเทาๆ การเปิดเผยใบหน้าของเธอ จึงเป็นสิ่งที่ผมควรหลีกเลี่ยง และปล่อยให้มันเป็นปริศนาต่อไปสำหรับแฟนคลับของเธอ


โด หรือ โด แคมปิ้ง ชื่อหลังอันเป็นฉายาที่ผมมอบให้เขา ไอ้หนุ่มเมืองแพร่ ที่ทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า แต่ทว่ามีความรู้เรื่องอุปกรณ์เดินป่าเป็นที่หนึ่ง อุปกรณ์เดินป่า ไม่ว่าจะเป็นเป้ ไฟฉาย รองเท้า เต็นท์ เครื่องกรองน้ำ  โด แคมปิ้ง สามารถอธิบายถึงคุณสมบัติแต่ละยี่ห้อให้เพื่อนๆ ฟังได้อย่างแจ่มแจ้งถึงข้อดีและข้อเสีย ทั้งๆ ที่จะว่าไปแล้ว นี่คือการเดินป่าครั้งแรกในชีวิตของเขา แต่ความรู้อัดแน่นราวกับผ่านสมรภูมิรบมานับครั้งไม่ถ้วน และโดก็มักจะพูดประโยคนี่ทุกครั้งหลังจากร่ายยาวถึงคุณสมบัติเสร็จว่า "ผมก็แค่พอรู้น่ะพี่"


ก้อย นอกจากจะเป็นเหมือน นิค ฟิวรี่ ที่ต้องไปตามหาสมาชิกและรวมทีม The Avengers แล้ว เธอคือเชฟมือทองของคณะเรา และความสุขของเธอคือ การที่ได้เห็นเพื่อนๆ อิ่มหนำสำราญกับเมนูบนจานที่เธอยกมาเสิร์ฟ ในหัวของเธอแต่ละวัน เธอจะนึกถึงแต่เมนูอาหารที่จะทำให้เพื่อนกิน กับวัตถุดิบที่มี ใครอยากกินอะไร ถ้ามีวัตถุดิบให้ทำ เธอสามารถจัดให้ได้ นอกจากนี้เป้ของเธอยังเป็นกระเป๋าโดราเอมอน ที่เต็มไปด้วยขนมและของกินสารพัด

พี่เก่ง เขาเหมือนโทนี่ สตาร์ค สำหรับผม ที่มีอุปกรณ์เดินป่าเพียบพร้อม และเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ สิ่งที่ผมตื่นตาตื่นใจมากที่สุดคือ Solar Cell หรือ เครื่องชาร์จไฟด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ที่แกพกมันมาด้วย ให้ตายเถอะ นี่มันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก แต่สิ่งที่น่าเศร้าใจสำหรับโทนี่ สตาร์ค ของผมคือ การที่อุปกรณ์เครื่องแต่งกายอันรัดกุมของพี่เก่งที่ดูจะปลอดภัยกว่าใคร กลับโดน "เห็บลม" มหันตภัยร้ายในป่าถล่มเสียราบคาบ ในขนาดที่บางคนแต่งตัวเย้ยหยันมัน กลับเดินตัวปลิว

พี่หน่อย สมาชิกในคณะที่โดนปรามาสจากลูกหาบและเจ้าหน้าที่ว่า "นายไม่รอดแน่เพื่อน" เมื่อดูจากหุ่น แต่พอลงสนามจริง นี่มัน ดีเอโก้ มาราโดน่า ชัดๆ ทั้งพริ้วไหว และรวดเร็วเวลาอยู่กับบอล โดยเฉพาะตอนที่แกรู้ตัวว่า "ตูดันลืมบุหรี่ไว้ในเต็นท์" แล้วต้องเดินกลับมาเอากับระยะทาง 9 กิโลเมตร ขอบอกเลยว่าไวยิ่งกว่าสายฟ้าฟาด!


พี่ต้อม หรือ คุณชายศุภชัย สถาปนิก และมือกีตาร์แห่งวง "songto" เจ้าของบาร์ร็อคที่หนักกะโหลกที่สุดของเมืองเชียงใหม่ เปรียบเสมือนพี่ชายผมคนนึง แกเป็นคนที่ไร้สาระ แต่มีสาระอยู่ในตัว เหมือนกับเหล้าที่เรากินแล้วจะไม่ให้อะไร แต่มันดันมอบสิ่งดีๆ ให้จากรสชาติที่หมักบ่มเป็นเวลาหลายสิบปี และมิตรภาพดีๆ หลังแก้วเหล้า สิ่งที่ผมประทับใจในตัวแกทุกครั้งที่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน คือ ไม่ว่าจะเจอขยะที่ไหน ที่ทิ้งไว้เกลื่อนกลาด แกจะเป็นคนเดินไปเก็บขยะพวกนั้นเอาไปทิ้งให้มันถูกที่ อันนี้ถือว่าเป็นจิตสำนึกที่ดีของนักท่องเที่ยวที่ควรกระทืบมือให้เป็นอย่างยิ่ง

เฟิร์น ทันตแพทย์สาว ที่หลายคนในคณะเพิ่งทราบว่าเธอเป็นหมอฟัน หลังจากเดินป่ามาด้วยกันหลายวัน (ลูกหาบบางคนถึงกับปวดฟันขึ้นมาดื้อๆ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย) เฟิร์น เป็นคนที่ไปเที่ยวแล้วไม่ค่อยชอบถ่ายภาพ เธอเคยบอกผมว่า ถ้าให้เธอไปเที่ยวกับพวกช่างภาพ ที่เอาแต่ลั่นชัตเตอร์อย่างเดียว เธอยอมนอนแคะสะดือเล่นที่โรงแรมยังจะดีกว่า


มะพร้าว ศัลยแพทย์ ที่ดูจากหุ่นและฝีมือการทำอาหารของเขาแล้ว ผมว่าเขาควรที่จะวางมีดผ่าตัด แล้วหันมาจับตะหลิวแทน อาหารหลายๆ มื้อ อันแสนเอร็ดอร่อยๆ ส่วนหนึ่งก็มาจากฝีมือเขา และถ้าฝ่ายหญิงมีก้อยเป็นเชฟมือทองที่ถูกส่งเข้าประกวด ผมว่ามะพร้าวนี่แหละ คือตัวแทนฝ่ายชายที่พวกเราจะส่งเขาไปดวลตะหลิวกัน


โอ๊ต ศัลยแพทย์ อีกคนที่ยอมโดดงานมาเที่ยวป่า  ประโยคติดหูของสมาชิกทุกคนจนถึงขั้นโดเก็บไปฝัน คือ " Gopro Take A Photo" ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน ถ้าหากเขาอยากจะเก็บภาพความประทับใจจากกล้อง Gopro ที่เพิ่งถอยมาใหม่ เพื่องานนี้โดยเฉพาะ ประโยคดังกล่าวก็จะหลุดออกจากปาก เพื่อสั่งการเจ้ากล้องอัจฉริยะให้ทำงาน แต่บางครั้งไอ้เจ้ากล้องตัวนี้ก็ทำให้โอ๊ตหัวเสีย เมื่อสั่งมันแล้ว มันยิ้มไม่ทำงาน และโอ๊ตก็จะต่อท้ายคำสั่งด้วยประโยคว่า "สัส เอ้ย ยิ้มไม่ถ่าย"


เคียว อดีตพลหทารที่มีหน้าที่ตัดหญ้า มากกว่าฝึกยิงปืน เขาคือคนที่มีเรื่องเล่าขำๆ หลังอาหารมื้อค่ำให้เพื่อนๆ ได้หัวเราะกัน แถมยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการขับขี่รถบิ๊กไบค์ แต่สิ่งที่ผมคิดว่าเขาไม่น่าจะเหมาะกับเจ้าสองล้อคู่ใจรุ่นใหญ่หลายร้อยซีซี คือ วันสุดท้ายผมเห็นเขาลงทุนขี่เจ้า Honda Nova Tena มอเตอร์ไซค์ 2 จังหวะ ที่ได้รับความนิยมเมื่อซัก 20 ปีที่แล้ว ของเจ้าหน้าที่ ออกไปซื้อเครื่องดื่มสีอำพัน และมันก็เข้ากันกับเคียวมากๆ

แบงค์ เป็นเหมือนคู่หูเคียวยังกับ B1 และ B2 ในกล้วยหอมจอมซน เป็นคนพูดน้อย แต่เน้นหัวเราะเป็นหลัก จนเฟิร์นสงสัยว่า ทำไมนายหัวเราะมากผิดปกติ และคำตอบที่เฟิร์นได้รับก็คือ.....


ส่วนผม หนุ่ม หรือ รพินทร์ ไพรวัลย์ อดีตผมคือ ร้อยตำรวจเอกประจำหน่วยตระเวนชายแดนกองพลเสือดำ ผมเคยเป็นนักเรียนนายทหารจากเยอรมนี 1 ปี ที่แซนด์เฮิร์ตซ์ ที่อังกฤษ 3 ปี และ 2 ปี ในเวสปอยท์ ที่อเมริกา ปัจจุบันผมลาออกจากราชการ ใช้ชีวิตเป็นพรานป่า ฟังวิทยุธานินท์ ล่าสัตว์ หาหน่อไม้ ตลอดจนเพาะเห็ดฟางขาย ผมใช้ชีวิตแบบสันโดษและเรียบง่าย มีเข้าสู่โลกออนไลน์บ้าง รวมทั้งการผจญภัยในป่าไปวันๆ ธรรมชาติอันบริสุทธิ์นี่แหละ ที่ยังทำให้โลกนี่ยังน่าอยู่สำหรับผม

ภารกิจอันยิ่งใหญ่ของผมในครั้งนี้ คือภารกิจที่ไม่ธรรมดา มันคือความท้าทายและน่าเร้าใจที่สุด นี่คือการเดินทางไปยังดินแดนที่อยู่ไกลโพ้น และเต็มไปด้วยอันตราย การได้ไปยืนอ่านหนังสือ I Roam Alone บนหินเรือใบ คือสิ่งที่ผมโหยหามาทั้งชีวิต และนี่คือภารกิจเสี่ยงตายของผม ที่ต้องเดินทางพร้อมทั้งคณะไปยังจุดหมายปลายทาง และทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงก่อนวันคืน 12 ธันวาคม 2559 โดยตามลายแทงระบุว่า ต้องรอนแรมในป่าถึง  5 วัน ด้วยกัน

พวกเราเดินทางในครั้งนี้ โดยเสียค่าจ้างรายวันให้กับลูกหาบ วันละ 550 บาท ซึ่งแพงกว่าค่าแรงขั้นต่ำตามนโยบายรัฐบาล เดินป่าแค่ 5 วัน ลูกหาบก็สามารถเที่ยวหมอนวดได้แบบสบายๆ การเดินทางเริ่มต้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ หมุดแรกคือ แคมป์แม่กระสา ก่อนวันต่อมาจะออกเดินทางผ่านอดีตหมู่บ้านมูเซอกลางป่าลึก และมุ่งหน้าไปยังยอดเขาโมโกจู
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่