ว่ากันว่า เมื่อหนังเปิดรอบฉายปฐมทัศน์ในปี 1973 ผู้คนมากมายที่ดูหนังเรื่องนี้มีผลกระทบกันแทบทุกคน บางคนถึงกับเป็นลม บางคนไข้ขึ้น บางคนถึงกับรับไม่ได้ที่หนังนำเสนอภาพรุนแรงออกมา และหากจะพูดถึงหนังผีที่หลายคนต่างยกย่องให้ขึ้นหิ้งและกล่าวขานถึงความน่ากลัวมาหลายทศวรรษ หมอผีเอ็กโซซิสต์ คงจะติดหนึ่งใน 5 หนังผีที่น่ากลัวที่สุดตลอดกาล ทั้งๆ ที่นับอายุของหนังเรื่องนี้แล้วก็มีระยะเวลามากว่า 40 ปี แต่ยังคงครองตำแหน่งนี้เอาไว้ได้

เรื่องราวพูดถึงนักแสดงสาว คริส แม็คนีลล์ (เอลเลน เบอสไตน์) ได้มาอยู่ที่จอร์จทาวน์ กรุงวอชิงตัน เพื่องานแสดงหนังของเธอ เธอได้ย้ายมาอยู่พร้อมกับลูกสาววัย 12 ขวบของเธอ เรแกน แมคนีล (ลินดา แบล์) ชีวิตของเขาทั้ง 2 กำลังมีความสุขหากแต่วันหนึ่งเธอสังเกตถึงอาการป่วยของเรแกนที่ผิดปกติ เมื่อส่งไปให้หมอตรวจกลับไม่พบอะไร แต่เรแกนแสดงอาการก้าวร้าว พูดคำหยาบและถ่อย และนานวันเข้า อาการของเรแกนยิ่งเป็นหนักเขาไปใหญ่จนในที่สุด คริสแน่แก่ใจแล้วว่า เรแกนถูกปีศาจเข้าสิง ...เธอจึงได้ขอความช่วยเหลือจากบาทหลวงแดเมียน (เจสัน มิลเลอร์) บาทหลวงที่เกือบจะลาออกจากการเป็นสาวกของพระเจ้า หลังจากมีปัญหารุมเร้าจากการที่แม่ของตัวเองตายจากไปโดยที่เขาไม่ได้ดูแลแม่ให้ดีเสียเลย และเขากำลังจะเสียศรัทธาให้กับพระเจ้า และอีกคนที่จะมาขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างของเรแกนคือบาทหลวงเมอร์ลิน (แม็ก วอน ไซโดว์) ผู้ที่เคยเผชิญหน้ากับปีศาจร้ายมาแล้ว
ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างมาจากนิยายชื่อเดียวกันของ วิลเลี่ยม ปีเตอร์ แบล็ตตี้ ที่พูดถึงการเข้าสิงของปีศาจ ...จริงๆ ในสายตาของผู้เขียงเองแล้ว เมื่อนำหนังเรื่องนี้มาเปิดดูในปัจจุบันก็อาจจะไม่มีปฎิกิริยาดังที่กล่าวไปข้างต้น แต่หากมองในสายตาของผู้ชมยุคนั้นแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันส่งแรงกระเพื่อมต่อวงการภาพยนตร์และศาสนาอย่างกว้างขวาง ทั้งที่หนังพูดถึงพระเจ้าและปีศาจในด้านโหดร้ายที่นำเสนอกันออกมาอย่างไม่ประณีประนอมคนดู หนึ่งในนั้นคงจะเป็นฉากที่เรแกน นำไม้กางเขนมาเสียบอวัยวะเพศของตัวเองจนเลือดนอง ก่อนจะหมุนหัวกลับหลังที่ช็อคคนดูอย่างมาก เรียกว่าคนที่เคร่งศาสนามากๆ มาดูหนังเรื่องนี้อาจถึงกับไม่ชอบและเกลียดหนังเรื่องนี้ได้เลย
ในงานเบื้องหลัง หนังเรื่องนี้ถูกวางตารางไว้ว่าจะถ่ายทำกันทั้งหมด 85 วัน แต่จริงๆ แล้วถ่ายทำกันจริงๆ ถึง 224 วัน!!
และพอหนังออกฉาย เคยมีกรณีผู้ชมหัวรุนแรงบางคนกล่าวหานักแสดงนำของเรื่องนี้อย่างลินดา แบล์ ว่าสรรเสริญซาตานจึงคิดจะขู่ฆ่า ทางบริษัทผู้สร้างหนังเรื่องนี้ถึงกับจัดบอร์ดี้การ์ดไว้คุมกันเธอถึง 6 เดือนนับตั้งแต่หนังออกฉาย
หนังไม่ได้มีลักษณะในเชิงตุ้งแช่หรือพยายามบิ้วอารมณ์คนดูให้ตกใจแบบที่หนังผีสมัยนี้ทำกัน หนังเน้นไปที่เนื้อหาเชิงดราม่าเรื่องราวของครอบครัวแม็คนีลที่ขาดพ่อมาเลี้ยงดู หรือจะเป็นตัวของบาทหลวงแดเมียนที่กำลังหมดศรัทธาต่อพระเจ้าและแม่ที่เพิ่งตายจากไปโดยที่เขารู้สึกผิด เหล่านี้ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวให้ดำเนินไปมากกว่าจะเน้นเรื่องราวของผีสิงและปีศาจ ซึ่งนั้นเป็นเพียงเปลือกนอกที่เหมือนสะท้อนจิตใจของตัวละครค่อยๆ ถูกกัดกร่อนทำลายไป หากดูไป ง่วงหาวหงาวนอนก็ไม่ต้องแปลกใจไปเพราะหนังอาจถูกกาลเวลาทำร้ายไปบ้าง ซึ่งอย่างที่กล่าวไปข้างต้น เมื่อนำมาเปิดดูในยุคนี้อาจดูจืดๆ ไปหน่อยแต่หากนับคุณภาพเนื้อหาและงานสร้างแล้ว นับว่าล้นแก้วจริงๆ
หากพูดถึงไฮไลต์เด็ดจริงๆ คงเป็นช่วงครึ่งหลังของหนังที่แสดงให้เราเห็นถึงร่างของเรแกนที่ถูกผีร้ายเข้าครอบงำอย่างน่าสยอดสยอง และช่วงไคลแม็กซ์ของการไล่ผีที่น่าตื่นเต้นและขนลุกไปกับเทคนิคต่างๆ ที่น่าตื่นตาในช่วงสมัยนั้นกับการไล่ผีที่สมจริงในหนังที่ช่วยเพิ่มพูนความสยองให้เรายิ่งขึ้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อเข้าฉาย หลายประเทศถึงกับต่อแถวซื้อตั๋วกันยาวหลายกิโล จนทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า $400 ล้าน แต่หากปรับเงินเฟ้อแล้วจะมีมูลค่าสูงถึง $ 865 เลยทีเดียว ซึ่งเพราะหนังได้รับความนิยมอย่างมากเลยมีตัวหนังถึง 2 เวอร์ชั่น ฉบับแรกเป็นฉบับเดียวกันที่ฉายในโรง มีความยาว 122 นาที และฉบับที่สองในปี 2000 เพิ่มบางฉากที่ไม่เคยมีมาก่อนในฉบับโรงปี 1973 เข้ามาพร้อมบูรณะภาพและเสียงใหม่ให้คมชัดยิ่งขึ้น เรียกฉบับนี้ว่า Version You've Never Seen ซึ่งผู้ที่เข้ามาตัดต่อและบูรณะเสียงใหม่ก็ยังคงเป็นวิลเลี่ยม เฟรดกิ้น นำกลับมาฉายโรงอีกครั้งและก็ประสบความสำเร็จเช่นเคย ซึ่งหนึ่งในฉากที่น่าจดจำที่ถูกเพิ่มเข้ามาคือฉากท่าแมงมุมไต่ลงบันไดของเรแกน
หลังจากหนังภาคแรกประสบความสำเร็จระดับปรากฏการณ์ทั้งคำวิจารณ์ที่ดีเยี่ยมและรายได้ที่มหาศาล ทางสตูดิโอจึงให้ทำภาคต่ออกมาอีก 4 ภาคคือ
Exorcist II: Th
tic ฉายในปี 1977,
The Exorcist III ฉายในปี 1990,
Exorcist: The Beginning ฉายในปี 2004 และ
Dominion: Prequel to the Exorcist ในปี 2005 แต่ทุกภาคสู้ความสยองและคลาสสิคเท่าภาคแรกไม่ได้เลย และหลายๆ ภาคมีคำวิจารณ์แง่ลบเสียส่วนใหญ่
จาก The Exorcist ภาคแรกตั้งแต่ปี 1973 มาปีนี้ก็ยืนยาวมากว่า 40 ปีแล้ว นอกจากความสยองที่อยู่ยงคงกระพันมากับหนังแล้ว อีกอย่างที่ยังคงอยู่ไม่หายไปคือ ความเชื่อในเรื่องพระเจ้าและปีศาจ ที่ไม่ว่ายุคสมัยใด คนเราก็ยังคงเชื่อเรื่องพระเจ้า เพราะศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และการสิงร่างของปีศาจร้ายนั้นมีอยู่จริง
ความยาว: ต้นฉบับฉายโรงปี 1973 122 นาที, ฉบับตัดต่อใหม่ปี 2000 132 นาที
Exorcist ภาค 2 สำหรับผมก็ไม่ได้แย่หรือยี้เกินไป เพียงแต่มันขาดเสน่ห์แบบภาคแรกไปและการกำกับของจอห์น บัวเเมน ที่ขึ้นชื่อเรื่องการตั้งกล้องถ่ายภาพมุมสวยก็ทำออกมาโอเคแต่สิ่งที่ชอบที่สุดก็คงจะเป็น เพลงที่ประพันธ์ของ Ennio Morricone
Exorcist ภาค 3 แม้จะเป็นการกลับมาที่อาจจะยังไม่เต็มตัวเต็มตรีนแต่วิลเลี่ยมส์ ฟรีดกิ้นและเจสัน มิลเลอร์ที่กลับมาก็พอทำให้หนังดูมีความน่าสนใจขึ้นบ้างและฉาก Jump Scare ที่เล่นเอาสะดุ้งโหย่ง
[CR] The Exorcist (1973) ตำนาน "หมอผีเอ็กโซซิสต์"
เรื่องราวพูดถึงนักแสดงสาว คริส แม็คนีลล์ (เอลเลน เบอสไตน์) ได้มาอยู่ที่จอร์จทาวน์ กรุงวอชิงตัน เพื่องานแสดงหนังของเธอ เธอได้ย้ายมาอยู่พร้อมกับลูกสาววัย 12 ขวบของเธอ เรแกน แมคนีล (ลินดา แบล์) ชีวิตของเขาทั้ง 2 กำลังมีความสุขหากแต่วันหนึ่งเธอสังเกตถึงอาการป่วยของเรแกนที่ผิดปกติ เมื่อส่งไปให้หมอตรวจกลับไม่พบอะไร แต่เรแกนแสดงอาการก้าวร้าว พูดคำหยาบและถ่อย และนานวันเข้า อาการของเรแกนยิ่งเป็นหนักเขาไปใหญ่จนในที่สุด คริสแน่แก่ใจแล้วว่า เรแกนถูกปีศาจเข้าสิง ...เธอจึงได้ขอความช่วยเหลือจากบาทหลวงแดเมียน (เจสัน มิลเลอร์) บาทหลวงที่เกือบจะลาออกจากการเป็นสาวกของพระเจ้า หลังจากมีปัญหารุมเร้าจากการที่แม่ของตัวเองตายจากไปโดยที่เขาไม่ได้ดูแลแม่ให้ดีเสียเลย และเขากำลังจะเสียศรัทธาให้กับพระเจ้า และอีกคนที่จะมาขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างของเรแกนคือบาทหลวงเมอร์ลิน (แม็ก วอน ไซโดว์) ผู้ที่เคยเผชิญหน้ากับปีศาจร้ายมาแล้ว
ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างมาจากนิยายชื่อเดียวกันของ วิลเลี่ยม ปีเตอร์ แบล็ตตี้ ที่พูดถึงการเข้าสิงของปีศาจ ...จริงๆ ในสายตาของผู้เขียงเองแล้ว เมื่อนำหนังเรื่องนี้มาเปิดดูในปัจจุบันก็อาจจะไม่มีปฎิกิริยาดังที่กล่าวไปข้างต้น แต่หากมองในสายตาของผู้ชมยุคนั้นแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันส่งแรงกระเพื่อมต่อวงการภาพยนตร์และศาสนาอย่างกว้างขวาง ทั้งที่หนังพูดถึงพระเจ้าและปีศาจในด้านโหดร้ายที่นำเสนอกันออกมาอย่างไม่ประณีประนอมคนดู หนึ่งในนั้นคงจะเป็นฉากที่เรแกน นำไม้กางเขนมาเสียบอวัยวะเพศของตัวเองจนเลือดนอง ก่อนจะหมุนหัวกลับหลังที่ช็อคคนดูอย่างมาก เรียกว่าคนที่เคร่งศาสนามากๆ มาดูหนังเรื่องนี้อาจถึงกับไม่ชอบและเกลียดหนังเรื่องนี้ได้เลย
ในงานเบื้องหลัง หนังเรื่องนี้ถูกวางตารางไว้ว่าจะถ่ายทำกันทั้งหมด 85 วัน แต่จริงๆ แล้วถ่ายทำกันจริงๆ ถึง 224 วัน!!
และพอหนังออกฉาย เคยมีกรณีผู้ชมหัวรุนแรงบางคนกล่าวหานักแสดงนำของเรื่องนี้อย่างลินดา แบล์ ว่าสรรเสริญซาตานจึงคิดจะขู่ฆ่า ทางบริษัทผู้สร้างหนังเรื่องนี้ถึงกับจัดบอร์ดี้การ์ดไว้คุมกันเธอถึง 6 เดือนนับตั้งแต่หนังออกฉาย
หนังไม่ได้มีลักษณะในเชิงตุ้งแช่หรือพยายามบิ้วอารมณ์คนดูให้ตกใจแบบที่หนังผีสมัยนี้ทำกัน หนังเน้นไปที่เนื้อหาเชิงดราม่าเรื่องราวของครอบครัวแม็คนีลที่ขาดพ่อมาเลี้ยงดู หรือจะเป็นตัวของบาทหลวงแดเมียนที่กำลังหมดศรัทธาต่อพระเจ้าและแม่ที่เพิ่งตายจากไปโดยที่เขารู้สึกผิด เหล่านี้ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวให้ดำเนินไปมากกว่าจะเน้นเรื่องราวของผีสิงและปีศาจ ซึ่งนั้นเป็นเพียงเปลือกนอกที่เหมือนสะท้อนจิตใจของตัวละครค่อยๆ ถูกกัดกร่อนทำลายไป หากดูไป ง่วงหาวหงาวนอนก็ไม่ต้องแปลกใจไปเพราะหนังอาจถูกกาลเวลาทำร้ายไปบ้าง ซึ่งอย่างที่กล่าวไปข้างต้น เมื่อนำมาเปิดดูในยุคนี้อาจดูจืดๆ ไปหน่อยแต่หากนับคุณภาพเนื้อหาและงานสร้างแล้ว นับว่าล้นแก้วจริงๆ
หากพูดถึงไฮไลต์เด็ดจริงๆ คงเป็นช่วงครึ่งหลังของหนังที่แสดงให้เราเห็นถึงร่างของเรแกนที่ถูกผีร้ายเข้าครอบงำอย่างน่าสยอดสยอง และช่วงไคลแม็กซ์ของการไล่ผีที่น่าตื่นเต้นและขนลุกไปกับเทคนิคต่างๆ ที่น่าตื่นตาในช่วงสมัยนั้นกับการไล่ผีที่สมจริงในหนังที่ช่วยเพิ่มพูนความสยองให้เรายิ่งขึ้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อเข้าฉาย หลายประเทศถึงกับต่อแถวซื้อตั๋วกันยาวหลายกิโล จนทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า $400 ล้าน แต่หากปรับเงินเฟ้อแล้วจะมีมูลค่าสูงถึง $ 865 เลยทีเดียว ซึ่งเพราะหนังได้รับความนิยมอย่างมากเลยมีตัวหนังถึง 2 เวอร์ชั่น ฉบับแรกเป็นฉบับเดียวกันที่ฉายในโรง มีความยาว 122 นาที และฉบับที่สองในปี 2000 เพิ่มบางฉากที่ไม่เคยมีมาก่อนในฉบับโรงปี 1973 เข้ามาพร้อมบูรณะภาพและเสียงใหม่ให้คมชัดยิ่งขึ้น เรียกฉบับนี้ว่า Version You've Never Seen ซึ่งผู้ที่เข้ามาตัดต่อและบูรณะเสียงใหม่ก็ยังคงเป็นวิลเลี่ยม เฟรดกิ้น นำกลับมาฉายโรงอีกครั้งและก็ประสบความสำเร็จเช่นเคย ซึ่งหนึ่งในฉากที่น่าจดจำที่ถูกเพิ่มเข้ามาคือฉากท่าแมงมุมไต่ลงบันไดของเรแกน
หลังจากหนังภาคแรกประสบความสำเร็จระดับปรากฏการณ์ทั้งคำวิจารณ์ที่ดีเยี่ยมและรายได้ที่มหาศาล ทางสตูดิโอจึงให้ทำภาคต่ออกมาอีก 4 ภาคคือ Exorcist II: Th
จาก The Exorcist ภาคแรกตั้งแต่ปี 1973 มาปีนี้ก็ยืนยาวมากว่า 40 ปีแล้ว นอกจากความสยองที่อยู่ยงคงกระพันมากับหนังแล้ว อีกอย่างที่ยังคงอยู่ไม่หายไปคือ ความเชื่อในเรื่องพระเจ้าและปีศาจ ที่ไม่ว่ายุคสมัยใด คนเราก็ยังคงเชื่อเรื่องพระเจ้า เพราะศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และการสิงร่างของปีศาจร้ายนั้นมีอยู่จริง
ความยาว: ต้นฉบับฉายโรงปี 1973 122 นาที, ฉบับตัดต่อใหม่ปี 2000 132 นาที
Exorcist ภาค 2 สำหรับผมก็ไม่ได้แย่หรือยี้เกินไป เพียงแต่มันขาดเสน่ห์แบบภาคแรกไปและการกำกับของจอห์น บัวเเมน ที่ขึ้นชื่อเรื่องการตั้งกล้องถ่ายภาพมุมสวยก็ทำออกมาโอเคแต่สิ่งที่ชอบที่สุดก็คงจะเป็น เพลงที่ประพันธ์ของ Ennio Morricone
Exorcist ภาค 3 แม้จะเป็นการกลับมาที่อาจจะยังไม่เต็มตัวเต็มตรีนแต่วิลเลี่ยมส์ ฟรีดกิ้นและเจสัน มิลเลอร์ที่กลับมาก็พอทำให้หนังดูมีความน่าสนใจขึ้นบ้างและฉาก Jump Scare ที่เล่นเอาสะดุ้งโหย่ง