[CR] นั่งรถไฟขบวนใหม่ เที่ยวหาดใหญ่และสงขลา แบกกระเป๋าเดินไปมา กินอยู่อย่างราชาปนยาจก

อันดับแรก ผมขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องชาวใต้ ที่กำลังประสบเหตุอุทกภัยอยู่ในขณะนี้ด้วยครับ

สวัสดีครับเพื่อนๆ สมาชิกทุกท่าน

ห่างหายไปนานสำหรับกระทู้เดินทางของผม (พูดยังกะตัวเองจะมีแฟนคลับ 555)
เพราะไม่มีตังค์และเวลาจะไปเที่ยวแล้ว เม่าตกอับ

กระทู้นี้ก็เหมือนๆ กระทู้ก่อนของผมครับ จะเรียกรีวิวได้ไม่ค่อยเต็มปากนัก ออกแนวบันทึกการเดินทางมากกว่า
แถมงวดนี้ยังมีสปอนเซอร์นิดๆ แบบไม่ได้ตั้งใจ(จริงๆ นะ) ซึ่งเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังอีกทีตามลำดับเวลาในกระทู้ครับ ว่าเป็นไงมาไง

คราวนี้ผมแบกกล้องใหญ่ไปด้วย ไม่ใช่มือโปรอะไรครับ อยู่ในช่วงกำลังหัดถ่าย
ไม่กล้าบอกยี่ห้อ/รุ่นของกล้องเลย กล้องดีมาก แต่คนถ่ายห่วย Facepalm
รูปก็จะปนๆ ไประหว่างกล้องมือถือ กับกล้องใหญ่นะครับ
ไม่ได้ตัดต่อ ตกแต่ง ปรับแสงอะไรทั้งนั้น (เพราะทำไม่เป็น 555)
นอกจากย่อรูปให้โพสต์ลงกระทู้ได้ และ USM กับใส่ลายน้ำนิดหน่อย
ดังนั้นอย่าคาดหวังว่ารูปกระทู้ผมจะสวยงาม วิ๊งๆ เหมือนกระทู้อื่น
จะออกมืดๆ ไปหน่อย ตามสไตล์ที่ผมชอบส่วนตัว (และเบลอนิดๆ ด้วยความห่วย 555)
บางรูปที่จ้าๆ นี่คือลืมตั้งค่ากลับ แล้วไม่ได้ถ่ายซ่อมนะครับ
แต่ที่แน่นอนเหมือนเดิม คือรูปเยอะมาก 555
ใครใคร่ปาด ปาดครับ ผมไม่ซีเรียส ผมจะทะยอยเอาลงทีละส่วน ไม่ลงทีเดียวหมด
ไม่ได้พิมพ์สดๆ พิมพ์เก็บไว้ใน Notepad แต่รูปมันเยอะมากครับ ขอแบ่งลง แล้วพักนิดนึง

บอกไว้ก่อนว่านี่ไม่ใช่กระทู้แรกของผม ไม่ได้ยืมล็อกอินใครมาโพส
ไม่มีบล็อก ไม่มีเพจ ไม่มี อตก. (IG นั่นแหละ...)
ไม่มีอะไรให้ฝากกดไปติดตามทั้งนั้นครับ
มีแต่กระทู้เก่าๆ เผื่อใครอยากไปอ่านการเดินทางอันวุ่นวายของผมย้อนหลัง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา ผมคิดอยากจะนั่งรถไฟขบวนใหม่ไปที่ไหนสักที่ ก่อนที่มันจะทรุดโทรมลงไปตามกาลเวลา ผมเลยตัดสินใจลงไปหาดใหญ่เมื่อวันที่ 2-7 ม.ค.
ที่เลือกไปหาดใหญ่ เพราะผมคิดว่าเชียงใหม่คงมีคนจองกันเต็มแน่ๆ น่าจะต้องจองข้ามเดือนข้ามปี ยิ่งช่วงอากาศหนาวๆ นี่ ไม่ต้องพูดถึง
กลับกันกับหาดใหญ่ ที่คนน่าจะไม่ลงกันมาแล้วหลังปีใหม่ บวกกับฝนที่ตกพรำๆ คงไม่ค่อยมีใครอยากเที่ยว อีกทั้งหาดใหญ่ยังมีตลาดกิมหยง ให้ผมไปซื้อขนมกลับมาตุนกินเอง และฝากคนอื่นเยอะแยะ

ว่าด้วยเรื่องของการเดินทาง รถไฟขบวนใหม่สายใต้นี่ เริ่มวิ่งหลังสายอื่นๆ นานพอสมควรครับ เดาว่าเป็นสายสุดท้ายที่เปิดเลยมั้ง
สำหรับเลขขบวน เผื่อใครอยากจะจองรถไฟขบวนใหม่ลงใต้ (แต่ตอนนี้น้ำท่วมทางรถไฟ ไปไม่ได้นะครับ)

กรุงเทพ-หาดใหญ่ คือขบวนที่ 31 ออกจากสถานีกรุงเทพ 14:45 ถึงหาดใหญ่ 06:35 เช้าของอีกวัน
หาดใหญ่-กรุงเทพ คือขบวนที่ 32 ออกจากหาดใหญ่ 18:45 ถึงกรุงเทพ 10:30 ของอีกวัน

เนื่องจากหอผมอยู่ใกล้สถานีรถไฟศาลายา ความตั้งใจแรกของผม คือนั่งรถไฟชั้น 1 ตอนขาไป แล้วอาบน้ำบนรถไฟ ถึงหาดใหญ่แล้วจะได้เก็บกระเป๋า ไปเที่ยวต่อได้เลย
ขากลับค่อยนั่งชั้นสอง ที่ไม่มีห้องอาบน้ำ ถึงแล้วก็รีบเดินกลับหอมาอาบน้ำ ไม่ต้องเดินไปเจอใครมากนัก
แต่ชั้น 1 ในวันที่ 2 นั้นเต็มหมด ผมเลยต้องสลับการเดินทาง เป็นไปด้วยชั้นสอง กลับด้วยชั้นหนึ่ง (คือยังไงก็อยากจะนั่งชั้นหนึ่งสักรอบ พอให้รู้ว่ามันเป็นยังไง)

ราคาค่าตั๋วโดยสาร ศาลายา-หาดใหญ่ เตียงบน จะอยู่ที่ 843 บาทสำหรับชั้นสอง และ 1,368 บาท สำหรับชั้นหนึ่งครับ
ซึ่งผมก็ได้จองตั๋วไว้ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ก่อนวันเดินทาง

สำหรับเรื่องที่พัก จริงๆ ก็ไม่ได้ขี้เหนียวอะไรหรอกครับ แต่ผมจะชอบนอนโฮสเทลมากกว่ารีสอร์ท หรือโรงแรมหรู คงใช้บริการในโรงแรมได้ไม่คุ้ม
เพราะเอาไว้เป็นแค่ที่ซุกหัวนอน อีกทั้งยังได้เจอกับนักเดินทางอื่นๆ เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทางได้ง่าย
ถ้านอนโรงแรม มันจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า การเข้าไปทักคนแปลกหน้าเพื่อคุยกัน จะรู้สึกแปลกๆ กว่าในโฮสเทล ที่ส่วนใหญ่พร้อมที่จะคุยกันข้ามเตียง หรือกลางห้องนั่งเล่นได้ง่ายกว่า
ตอนแรกผมตั้งใจไว้ว่า จะหาโฮสเทลถูกๆ นอนสักที่ แต่นึกขึ้นได้ว่า ผมเป็นสมาชิกเว็บ Couchsurfing มาได้สักพัก
reference ก็มีมากพอสมควรจากการโฮสต์นักท่องเที่ยวทั้งหลายที่มาเที่ยวกรุงเทพ แต่ยังไม่เคยลองเป็น guest สักที
เลยลองหาโฮสต์ที่หาดใหญ่ดู (เผื่อฟลุค)
เปิดไปเจอสมาชิกที่แอคทีฟอยู่จริงๆ แค่ 4-5 คน ผมก็ค่อยๆ ไล่ส่งรีเควสไปหาแต่ละคน สองสามคนแรก ส่งไปแล้วเงียบหาย คือเห็นเขาล็อกอินแล้วไม่ตอบ
คนนึงก็ตอบ แต่ปฏิเสธ ทั้งหมดนี่คือโฮสต์ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ที่หาดใหญ่นะครับ
สุดท้ายแล้วก็ได้หยุดที่คุณเต้ ซึ่งน่าจะเป็นโฮสต์คนไทยแค่คนเดียวที่ยังแอคทีฟอยู่ ได้ตอบรับคำขอของผม ให้ผมเข้าไปพักด้วย

เรื่องแผนการเดินทาง ผมไม่ได้วางแผนอะไรไว้เลยครับ
เพราะจุดประสงค์หลักของผมในทริปนี้ก็คือ แค่อยากนั่งรถไฟใหม่ แค่นั้นจริงๆ
ก็เลยกะว่าจะเดินสำรวจเมืองหาดใหญ่ไปเรื่อยๆ แล้วก็ขอคำแนะนำที่กิน ที่เที่ยวจากคนพื้นที่เอา (แต่ก็เน้นกินมากกว่าเที่ยว 555)
พยายามไม่อ่านรีวิวอะไรทั้งนั้น เพื่อจะได้ไม่ต้องมีอคติในการเลือกกิน เลือกเที่ยว ไปแบบหัวโล่งๆ เลย
ดังนั้น แม้ว่าผมจะพักแบบถูกที่สุด คือไม่เสียตังค์ค่าที่พัก แต่การเดินทางและการกินผมจัดเต็ม ไม่มีกั๊ก
ออกแนวลูกผสมระหว่างราชากับยาจก 555

เกริ่นมามากพอแล้ว เข้าเรื่องกันจริงๆ ดีกว่า

วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2560

ผมเริ่มต้นที่สถานีรถไฟศาลายา มารอตั้งแต่บ่ายสามนิดๆ ก่อนเวลาบนตั๋วเกือบๆ สี่สิบนาที



และแล้วรถไฟขบวนที่ผมรอคอย ก็มาถึงสถานีศาลายา เวลาประมาณ 15:50 น. ช้ากว่ากำหนดประมาณ 5 นาที



สภาพภายนอกรถไฟครับ ที่ตัวตู้โดยสารเป็นสีเทาเงินๆ คาดด้วยแถบสีแดงและชมพู แลดูใหม่
ผมได้ตู้ที่ 8 ถัดจากตู้สะเบียงประมาณ 2 ตู้



เมื่อขึ้นรถมา ก็เดินหาที่นั่งของตัวเอง และรอตรวจตั๋ว
พบกับคุณลุงคนนึงที่เป็นเจ้าของเตียงล่าง นั่งอยู่ก่อนแล้ว
สภาพภายในตู้ ถ่ายจากที่นั่งของผมครับ



ริมหน้าต่าง จะมีช่องไว้ใส่น้ำที่แจกฟรีคนละขวด กับโต๊ะไฮโดรลิกที่ปรับเก็บได้ (กระเป๋านั่น/น้ำ/PB นั่นของลูงนะครับ ไม่ใช่ของผม ลุงแกจองที่หมดเลย 555)



มาสำรวจห้องน้ำกันหน่อย
ถ้าจำไม่ผิด ชั้นสองแต่ละตู้จะมีห้องน้ำ 3 ห้อง ห้องปัสสาวะชาย 1 ห้อง และห้องแบบชักโครกอีก 2 ห้อง และอ่างล้างมือพร้อมกระจกด้านนอกสองอ่าง (ข้างในห้องก็มีอ่างและกระจกเหมือนกันครับ)
สภาพผมว่าดีมาก คล้ายๆ ในเครื่องบินเลย
ตรงส่วนของห้องน้ำ จะมีประตูกั้นแยกจากส่วนห้องโดยสาร กลิ่นก็มีเล็ดลอดไปบ้างครับ นิดเดียวจริงๆ ถ้าเทียบกับรถไฟฟรีชั้นสามนะ





อันนี้ห้องปัสสาวะชายครับ



อันนี้ในห้องส้วมนั่งราบ
มีทั้งสายฉีด และกระดาษทิชชู่
ปุ่มกดชักโครกมีไฟด้วย เก๋ดี



พอรถจอดสถานีราชบุรี คุณลุงที่นั่งตรงข้ามผมก็รีบลุกไปที่ประตู
ทีแรกผมก็สงสัยว่าทำไม พอเห็นแกกลับมาพร้อมกล่องโฟมสองกล่อง ก็นึกได้ ว่าสถานีนี้มีก๋วยเตี๋ยว
ความเห็นส่วนตัว จากการนั่งรถไฟอยู่บ้าง ผมว่าผมชอบสายใต้เรื่องอาหารมากกว่าสายอื่น คือรู้สึกว่ามันถูก อร่อย และดูสะอาดกว่า
ตอนผมไปหัวหินด้วยรถไฟฟรีผมก็ซื้อกิน ทั้งสถานีนี้และสถานีปากท่อ(คหสต. ผมว่าสถานีปากท่ออร่อยกว่าราชบุรี) แต่ขบวนนี้ไม่จอดปากท่อ เลยตามลุงไปบ้าง จัดมาสองกล่องเหมือนลุง
แล้วผมก็จัดการกางโต๊ะออกมา มันค่อยๆ ขยับพร้อบกับเสียงไฮโดรลิกเบาๆ ดูไฮเทคดี ทั้งๆ ที่มันไม่มีอะไร 555

ก๋วยเตี๋ยวสถานีราชบุรีครับ กล่องละ 10 บาท



อันนี้กล้วยฉาบ ขายบนรถไฟ
ทีแรกผมไม่คิดว่าจะมีอะไรมาเดินขายบนรถแล้วนะ
ก็อร่อยดีครับ ฉาบด้วยน้ำตาลโตนด (คนขายว่างั้นนะ)
ไม่ใส่น้ำตาลเยอะมาก พอหวานๆ ติดลิ้น
ถุงละ 40 สามถุงร้อย



ค่ำแล้วก็ถึงเวลากางเตียง
อันนี้ไม่ใช่เตียงผมนะ




ปิดม่านนอนกันหมด



ถึงจะกินก๋วยเตี๋ยวราชบุรีแล้ว แต่ผมก็อยากไปสำรวจ และลองซื้ออะไรกินจากตู้เสบียงด้วย
ตู้เสบียงอยู่ถัดจากผมไปสองตู้ครับ เห็นว่าปิดประมาณสี่ทุ่มครึ่ง (บ้างก็ว่าห้าทุ่มครับ คงแล้วแต่สาย)
ทางเดิน



คนค่อนข้างเยอะครับ ตอนเย็น




อาหารที่ขายข้างบน จะไม่มีการปรุงสดครับ
จะเป็นอาหารกล่อง อาหารแช่แข็ง
แล้วก็มีขนม ยาอม ยาหม่อง ขายที่ตู้เสบียงนี้ด้วย

ผมสั่งข้าวหมูอบ เดาว่าอันนี้ไม่ใช่แบบแช่แข็ง เป็นอาหารกล่องธรรมดา แต่เขาเอาไปอุ่นใหม่ด้วยไมโครเวฟให้ร้อนอีกที
สังเกตได้ว่าฝากล่องเบี้ยวไปเลย คิดว่าบรรจุภัณฑ์นี้ไม่สามารถเข้าไมโครเวฟได้...
ราคาแพงเอาเรื่องอยู่ครับ กล่องละ 60 บาท



สำรวจรถกันต่อ
อันนี้จอดที่สถานีหัวหินครับ รถเปิดประตูพอดี
ถ่ายจากตู้เสบียง



ประตูขึ้นลงที่ตู้โดยสาร



บันไดขึ้นลงครับ
ปรับระดับได้ด้วย



ปุ่มเปิดปิดประตูขึ้นลง เดาว่าปกติควบคุมจากระบบกลางโดยคนขับนะครับ อันนี้คงไว้แบบเปิดปิดเองแบบฉุกเฉิน



ปุ่มเปิดประตูระหว่างตู้
แตะเบาๆ มันก็เปิดครับ ไม่ต้องกดแรง
เห็นไฟแล้วนึกถึง Iron man



ขึ้นเตียงนอนครับ ผมจองเตียงบนไว้
ผมกลัวคนขโมยกระเป๋าผม เลยเอามานอนด้วย แต่จริงๆ จะยัดไว้ใต้เตียงล่างก็ได้
ขออภัยที่ให้เห็นรูปเท้า อันนี้จะแสดงให้เห็นว่ามันเบียดแค่ไหน
ผมสูง 185 ครับ นอนตรงๆ ไม่ได้ ต้องนอนทะแยงมุม และงอขานิดนึง



น้ำที่แจกฟรีครับ



ราวกั้นไม่ให้ตก ผมว่ามันเตี้ยมากเลย
ผมกลัวจริงๆ ว่าจะกลิ้งตกลงไป เลยนอนตะแคงซ้าย เอาหลังชนผนังไว้ เผื่อพลิกตัวจะได้ไม่ร่วง
อ้อ เขามีหมอนกับผ้าห่มที่ซักใหม่ๆ ใส่ถุงไว้อย่างดีครับ
ชื่อสินค้า:   รถไฟไทย
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่