An Unexpected Journey. เมื่อผมออกไปโบกรถเที่ยวกับคนแปลกหน้า

สวัสดีครับเพื่อนๆ สมาชิกทุกท่าน
ไม่กี่วันก่อน ผมได้มีโอกาสได้ไปโบกรถเที่ยวกับชาวต่างชาติ เป็นการท่องเที่ยวเมืองไทยในอีกแง่มุมนึง
เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์กับเพื่อนๆ สมาชิกครับ
ทีแรกตั้งใจจะทำเป็นกระทู้รีวิว แต่เรื่องมันไม่ใช่แค่เกี่ยวกะสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ที่พักโดยตรง เลยขอเล่าเป็นบันทึกการเดินทางดีกว่าครับ

สำนวนการเล่า อาจจะดูประหลาดๆ นิดนึงนะครับ เรื่องราวที่เกิดขึ้นระว่างทางมันเยอะมาก
และแน่นอน ผมเขียนเอง เล่าในมุมมองของตัวเอง ผมก็ต้องเป็นพระเอกของงาน แหะๆ เจ้าคิกคัก
(สรรพนามที่ใช้เรียกอีกคนอาจจะไม่รื่นหูนัก มีมันมีแกบ้าง เพราะถือว่าตอนเที่ยวด้วยกันนี่เป็นเพื่อนกันแล้ว บางทีก็เหมือนเอาเพื่อนมานินทาให้ฟังไปหน่อย ป่านนี้เจ้าตัวคงจามฮัดชิ้วๆ อยู่ที่ลาวแล้ว555)

ขอนุญาตเกริ่นที่มาที่ของการเดินทางครั้งนี้ก่อนนะครับ ซับซ้อนนิดนึง แต่ยาวมากๆ เลยขอซ่อนไว้ในสปอยล์ เผื่อใครอยากข้ามไปตอนเริ่มเดินทางเลยจะได้สะดวกหน่อย

อ้อ...อันนี้ล็อกอินผมเอง ไม่ได้ยืมใครมาทั้งนั้นครับ เม่าเนิร์ด
ไม่มีเพจให้แปะ
แต่ถ้าใครอยากอ่านกระทู้การเดินทางเก่าๆ ของผมก่อนหน้านี้ (มีกระทู้เดียวเอง พูดเหมือนเยอะ)
จะเข้าไปหาเองก็ได้
หรือจะเข้าตรงนี้ก็ได้ครับ ตามสะดวก
http://pantip.com/topic/32790301

คำเตือน : กระทู้ยาวมากครับ




[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

วันที่ 18 มีนาคม 2559
หลังจากที่ผมเดินทางกลับหอมาได้สักพัก ก็เจอข้อความเด้งเข้ามาในแชทเฟสบุค
เป็นของนายดอร์เจ้าเก่าชาวอิสราเอล ที่มาพักกับผมคืนนึง
มันชวนผมให้ลงไปเที่ยวใต้กับมันด้วย มันให้เหตุผลว่า ไหนๆ ผมก็ว่างแล้ว น่าจะลงไปเที่ยวพักผ่อนหน่อยนะ

ผมใช้เวลาตัดสินใจเกือบชั่วโมง ลังเลอยู่นาน คือถ้าไปเที่ยวมันก็จะเสียตังค์เยอะ
แต่นานๆ ทีจะได้ว่างยาวๆ แบบนี้อีก
ตอนตัดสินใจ อารมณ์ประมาณนี้เลยครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

สุดท้ายก็ตกลงว่าจะไปด้วย โดยกะว่าจะไปแค่เขื่อนเชี่ยวหลานสักสองสามคืน แล้วก็กลับ
เลยจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเมสเซนเจอร์ใบเล็กไป ไม่ได้ใช้เป้ใหญ่ เพราะคิดว่าไปแค่ไม่กี่วัน

ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่วัน ผมก็ด่าตัวเองในอดีต ที่ไม่เอาเป้ใหญ่มา...


วันที่ 19 มีนาคม 2559
ผมสะพายกระเป๋าของผม ไปรอเจอนายหัวที่สถานี MRT จตุจักร เพราะนายหัวแกอยากได้กระเป๋าเป้ใบใหญ่ขึ้น
เลยพากันไปเดินเลือกอยู่ที่จตุจักร เสร็จแล้วก็กลับไปเอาเสื้อผ้าและข้าวของของเขาที่ฝากไว้กับโฮสเทล และนั่งรถเมล์มุ่งหน้าสู่สายใต้
ซื้อตั๋วไปลงแถวบ้านตาขุน  ระหว่างทางรถก็จอดแวะแถวประจวบ ให้กินข้าวต้มตอนประมาณเที่ยงคืน





วันที่ 20 มีนาคม 2559
ผมกะนายหัวตื่นด้วยการปลุกของพนักงานบนรถ
น้องเขาบอกว่า เมื่อกี้ลืมไปว่าพวกพี่จะลงบ้านตาขุน ตอนนี้รถเลยมาได้ 1-2 กิโลแล้ว เดินเอาหน่อยนะ...
และพวกผมก็โดนทิ้งไว้กลางทาง



เราสองคนเลยเดินย้อนมาจนถึงทางแยกที่จะไปเขื่อน นายหัวตัดสินใจว่า จะเดินเข้าไปเรื่อยๆ
หรือไม่ก็ลองโบกรถเข้า เพราะรถสองแถวข้างหน้านั้นแพงมาก (อันหลังผมห็นด้วย)
ยืนรอไม่นานพวกผมก็โบกได้รถคันแรก เป็นรถของพี่แม่ค้าร้านก๋วยเตี๋ยวบนเขื่อน



เป็นประสบการณ์การโบกรถครั้งแรกของผมเลยครับ ไม่คิดว่าจะโบกได้
(ไม่นับตอนผมบวช แล้วเดินจะไปวัดที่จะเข้าปริวาส แล้วมีโยมที่ผ่านมาอาสารับผมขึ้นไปด้วย)

และแล้วพวกเราก็มาถึงเขื่อนจนได้



ทีแรก นายหัวเราจะปูผ้า แล้วนอนบนนั้นแหละคืนนี้ แต่ผมคิดว่า จนท.คงไม่อนุญาตหรอก
จนเมื่อสิ่งนี้ผ่านมา ทำให้นายหัวเปลี่ยนใจ...

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แล้วเราสองคนก็เดินลงมาจากบนเขื่อน เพื่อจะพยายามไปหาที่พักของอุทยานครับ กะจะเช่าเต้นท์นอนกันที่นี่คืนนี้ (พวกเราไม่ได้เอาเต้นท์มา)
ลงมาก็โบกรถเข้าไปที่ทำการของอุทยาน







พอเข้าไป พี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็แนะนำว่าตรงนี้มีที่กางเต้นท์ จะเอามาเองหรือจะเช่าก็ได้ แต่แถวนี้ไม่มีอะไรให้ดูเลย
แนะนำให้ไปอีกจุด แถวๆ คลองแสง ติดอ่างเก็บน้ำและมีท่าเรือด้วย
แล้วพี่เขาก็พาพวกเรามาส่งตรงที่ทำการแถวคลองแสงครับ



ปรากฏว่าที่นี่ไม่มีเต้นท์ให้เช่าเหมือนที่แรก แต่พี่เจ้าหน้าที่ก็พยายามช่วยเหลือ ถามเพื่อนๆ เขาด้วยกันเองว่ามีใครมีเต้นท์ส่วนตัวไหม เอามาให้น้องๆ เขาเช่าหน่อย
พี่ที่นั่นเลยเสนอให้นอนที่ศาลาใหญ่ริมอ่างเก็บน้ำ มีน้ำ/ไฟ ให้ใช้ แต่ไม่มีเครื่องนอน และยังไม่ได้ทำความสะอาด



ทีแรกพวกเราก็ตั้งใจจะค้างแรมกันที่นี่ครับ ทำความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถูนิดหน่อย แล้วก็จะนอนบนโต๊ะใหญ่กัน
ผลัดกันไปอาบน้ำทั้งคู่ (ทั้งสองคนอาบน้ำครั้งล่าสุดก็เมื่อวานตอนเช้าครับ ครบ 24 ชม.พอดี...)
ผมกวาดศาลาไปได้ครึ่งนึง นายหัวก็เปลี่ยนแผนกะทันหัน
แกไม่นอนที่นี่แล้วคืนนี้ อยากจะไปต่อแถวชายหาดที่ไหนก็ได้ แล้วแวะเที่ยวระหว่างทาง เพราะแกเห็นว่ามีถ้ำและน้ำตกเยอะแยะ…

อ้าวเฮ้ย...เดี๋ยวๆๆๆๆ

คือผมตั้งใจจะมาเที่ยวที่นี่ ค้างสักคืนสองคืน แล้วก็กลับ กทม.
แต่แผนเปลี่ยนแล้วเรียบร้อย อุตส่าห์มาด้วยกันขนาดนี้แล้ว ผมก็ต้องไปกับมันครับ อยู่เที่ยวคนเดียวที่นี่ต่อ แลดูจะแพงกว่าเที่ยวที่อื่นสองคน
สุดท้ายผมก็ลาพี่ๆ เจ้าหน้าที่อุทยาน ตั้งใจแต่แรกว่าจะขอบริจาคเงินเข้าอุทยานนิดนึงง
ในฐานะที่พวกผมใช้น้ำ/ไฟ ของหลวงไปแล้ว แต่พี่ๆ ไม่รับ บอกไม่เป็นไร (ขอบคุณมากครับ)


ถามว่าไปจะไปทะเลกันยังไง

"โบกไปครับ"
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่