นิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาเอง จากการอ่านหนังสือมากจนรวบรวมเนื้อหาขึ้นมาแต่งเป็นนิทาน Only Wolf
"Only Wolf"
หมาป่าตัวนี้เดิมทีมันมีฝูงของมัน แต่ด้วยนิสัยที่ไม่เหมือนกับตัวอื่นในฝูง จึงมักมีเรื่องขัดใจกับสมาชิกในฝูงบ่อยๆ
มันจึงไม่เป็นที่ชื่นชอบของฝูงเท่าใดนัก วันนึงเกิดทะเลาะกับผู้นำ มันจึงตัดสินใจปฏิเสธฝูงแล้วออกมาใช้ชีวิตตัวคนเดียว เมื่อก่อนตอนอยู่ในฝูงมันจะมีหมาป่าตัวหนึ่งที่คอยช่วยเหลือให้คำปรึกษาตลอด
แต่เมือมันเลือกปฏิเสธฝูงมันก็เลือกที่จะเดินจากไปโดยที่ก็ยอมละทิ้งความสัมพันธ์ตรงจุดนั้นไปด้วย มันละทิ้งคนที่หวังดีกับมันไป ละทิ้งคนที่ห่วงใย เอาใจใส่ดูแลมัน และเริ่มต้นการใช้ชีวิตโดดเดี่ยว วันนึงมันรู้สึกเบื่อความโดดเดี่ยวและการเป็นหมาป่าของมัน มันจึงได้ไปท้าทายอำนาจของเทพเจ้าโดยการขอต่อสู้กับเทพแห่งสงคราม และขอคำสัญญาว่าหากมันชนะ ต้องทำให้มันเป็นมนุษย์ สุดท้ายมันสามารถเอาชนะเทพเจ้าแห่งสงครามได้ แต่มันกลับไม่ได้ในสิ่งที่ขอ 100%
เทพเจ้าองค์นั้นประทานพรให้มันโดยการยอมให้มันเป็นมนุษย์ได้ แต่เฉพาะช่วงที่มีสงครามเท่านั้น ในช่วงที่ปกติมันต้องอยู่โดดเดี่ยวในป่าลึกในรูปลักษณ์ของหมาป่าหิน โดยที่ไม่มีใครจะมาเหลียวแล ในระหว่างที่มันโดนคำสาปนี้นั้น ใครบางคนที่เคยช่วยเหลือให้คำปรึกษามันขณะที่มันอยู่ในฝูงนั้น ได้คอยติดตามมันอยู่ห่างๆโดยไม่เคยแสดงตัว จนวันที่มันโดนคำสาปหมาป่าตัวนั้นก็คอยดูแลปกป้องรูปปั้นหินอยู่ไม่ห่าง only wolf เห็นแบบนั้นก็เกิดความรู้สึกเสียใจที่ครั้งนึงมันเคยทำร้ายความรู้สึกของคนที่รักมันด้วยการด่วนตัดสินใจไม่ฟังคำเตือนในวันนั้น มันเสียใจที่มันเลือกทำร้ายและทำลายความสัมพันธ์ให้จบลง ในขณะที่มันออกมาใช้ชีวิตสง่างามท่ามกลางความภาคภูมิใจของตัวเอง
แต่ท่ามกลางความภาคภูมิใจนั้นมันก็มีความโดดเดี่ยวอ้างว้างซ่อนอยู่ตลอด สิ่งที่มันคิดถึงตลอดเวลาเมื่อก่อนนั้น มันไม่เคยหันมองดูเลยว่าเค้าอยู่ข้างๆมันตลอด มันคิดเสมอว่ามันต้องเข้มแข็งให้ได้ด้วยตัวเอง และมันก็คิดเสมอว่าใครคนนั้นคงเกลียดมันไปแล้ว มันจึงใช้ชีวิตกระด้างขึ้น ทำตามใจตัวเองทุกอย่าง โดยที่ตลอดเวลามันไม่รู้เลยว่ามีสายตาแห่งความห่วงใยคู่หนึ่งจ้องมองมันอยู่เสมอ ในวันที่มันตัดสินใจปฏิเสธฝูง ใครคนนึงก็ตัดสินใจตามมันออกมา และติดตามมันมาตลอดแต่เพียงมันไม่เคยรู้ตัวเท่านั้น จนในวันนี้วันที่มันโดนคำสาปให้กลายเป็นหิน มันถึงได้รู้ว่าในขณะที่มันคิดว่าตัวเองโดดเดี่ยวนั้น แท้จริงแล้วมันไม่ได้โดดเดี่ยวอย่างที่คิดจริงๆ มันยังมีคนที่คอยห่วงใยติดตามมันเสมอ แต่คนที่โดดเดี่ยวจริงๆคือใครคนหนึ่งที่ตัดสินใจตามมันออกมาจากฝูงและยอมหลบๆซ่อนๆตัวเองจากสายตาของมันเพื่อติดตามดูแลมันต่างหากเป็นคนที่ต้องโดดเดี่ยวจริงๆ
"ในขณะที่มันโดนสาปเป็นหินหมาป่าตัวนี้จะมีคราบน้ำตาไหลจากดวงตามันตลอด มันได้แค่นึกเสียดายวันเวลาที่ผ่านมา นึกถึงความดีของคนนั้นที่มอบให้ สิ่งเดียวที่มันเสียใจคือการที่มันไม่เคยได้ดูแลใครคนนั้นอย่างเต็มที่ มันเลือกที่จะปฏิเสธทุกอย่าง และมองเห็นแค่ความคิดของตัวเอง จนลืมมองเห็นความรักความหวังดีจากคนอื่น เมื่อมันคิดได้ก็สายเสียแล้ว มันไม่อยากที่จะใช้ชีวิตตัวคนเดียวอีกต่อไป มันอยากที่จะดูแลใครสักคนตอบแทนความดีของเขาคนนั้น แต่ในวันที่มันคิดได้มันทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งๆเป็นหินรอวันที่มีสงครามเท่านั้น มันได้แต่มองดูความเป็นไปของชีวิตคนรักจนนาทีสุดท้าย โดยที่มันไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อมีสงครามเกิดขึ้นมันได้กลายร่างเป็นมนุษย์และออกมาต่อสู้อย่างน่าเกรงขาม แต่ในใจมันไม่เคยต้องการชัยชนะ มันหวังเพียงว่ามันจะจบชีวิตลงในสนามรบใดสนามรบหนึ่ง เพื่อนที่วันหนึ่งข้างหน้ามันจะได้เจอกับคนรักของมัน ณ ที่ใดที่หนึ่ง แต่มันเป็นได้แค่ความหวังเพราะความเป็นจริงนั้นมันได้รับพรให้มีชีวิตเป็นอมตะและได้รับชัยชนะจากสงครามทุกครั้ง มันได้เป็นมนุษย์สมความปรารถนาแต่มันไม่เคยมีความสุขกับชีวิต มันอ้างว้าง มันโดดเดี่ยว มันได้แต่คิดถึงใครคนนั้นที่จากมันไป"
กครั้งที่มีสงครามมันไม่หวังชัยชนะมันต่อสู้เพื่อความตายเท่านั้นแต่สิ่งที่มันได้รับคือชัยชนะและความเจ็บปวด เมื่อสงครามจบลงทุกครั้งมันต้องกลับไปเป็นรูปปั้นหินอยู่ในป่าลึกเช่นเดิม เป็นอย่างนี้อยู่เสมอมาโดยตลอด มันคือรูปปั้นหมาป่าที่มีความน่าเกรงขาม คือนักรบที่มีชื่อเสียงก้องไกล แต่ภายในจิตใจมันคือคนที่โดดเดี่ยวที่สุดมันมีแผลเหวะหวะจากความรู้สึก มันเริ่มเบื่อการเป็นเช่นนั้น มันคือหมาป่าที่สง่างาม มันคือตำนาน มีผู้คนกล่าวถึงมัน แต่...สิ่งเหล่านั้นไม่เคยมีความหมายกับชีวิตของมันเลยตั้งแต่วันที่มันได้สูญเสียคนรักไป มันจะมีประโยชน์อะไรกับอำนาจที่ได้รับหากในทุกๆวันมันก็ต้องอยู่โดดเดี่ยวตราบนานเท่านานเช่นนี้
ข้อคิดที่ได้: ชีวิตไม่ได้ต้องการต่อสู้หรือการเอาชนะสิ่งใดๆ แต่เพียงต้องการใครสักคนที่เข้าใจเรา และอยู่ข้างเราไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข
แต่งโดย ภัทรภรณ์ ละมุล เรียบเรียงโดย ภัคนันท์ นันกวน [/right
นิทาน only wolf ตำนานของหมาป่า
หมาป่าตัวนี้เดิมทีมันมีฝูงของมัน แต่ด้วยนิสัยที่ไม่เหมือนกับตัวอื่นในฝูง จึงมักมีเรื่องขัดใจกับสมาชิกในฝูงบ่อยๆ
มันจึงไม่เป็นที่ชื่นชอบของฝูงเท่าใดนัก วันนึงเกิดทะเลาะกับผู้นำ มันจึงตัดสินใจปฏิเสธฝูงแล้วออกมาใช้ชีวิตตัวคนเดียว เมื่อก่อนตอนอยู่ในฝูงมันจะมีหมาป่าตัวหนึ่งที่คอยช่วยเหลือให้คำปรึกษาตลอด
แต่เมือมันเลือกปฏิเสธฝูงมันก็เลือกที่จะเดินจากไปโดยที่ก็ยอมละทิ้งความสัมพันธ์ตรงจุดนั้นไปด้วย มันละทิ้งคนที่หวังดีกับมันไป ละทิ้งคนที่ห่วงใย เอาใจใส่ดูแลมัน และเริ่มต้นการใช้ชีวิตโดดเดี่ยว วันนึงมันรู้สึกเบื่อความโดดเดี่ยวและการเป็นหมาป่าของมัน มันจึงได้ไปท้าทายอำนาจของเทพเจ้าโดยการขอต่อสู้กับเทพแห่งสงคราม และขอคำสัญญาว่าหากมันชนะ ต้องทำให้มันเป็นมนุษย์ สุดท้ายมันสามารถเอาชนะเทพเจ้าแห่งสงครามได้ แต่มันกลับไม่ได้ในสิ่งที่ขอ 100%
เทพเจ้าองค์นั้นประทานพรให้มันโดยการยอมให้มันเป็นมนุษย์ได้ แต่เฉพาะช่วงที่มีสงครามเท่านั้น ในช่วงที่ปกติมันต้องอยู่โดดเดี่ยวในป่าลึกในรูปลักษณ์ของหมาป่าหิน โดยที่ไม่มีใครจะมาเหลียวแล ในระหว่างที่มันโดนคำสาปนี้นั้น ใครบางคนที่เคยช่วยเหลือให้คำปรึกษามันขณะที่มันอยู่ในฝูงนั้น ได้คอยติดตามมันอยู่ห่างๆโดยไม่เคยแสดงตัว จนวันที่มันโดนคำสาปหมาป่าตัวนั้นก็คอยดูแลปกป้องรูปปั้นหินอยู่ไม่ห่าง only wolf เห็นแบบนั้นก็เกิดความรู้สึกเสียใจที่ครั้งนึงมันเคยทำร้ายความรู้สึกของคนที่รักมันด้วยการด่วนตัดสินใจไม่ฟังคำเตือนในวันนั้น มันเสียใจที่มันเลือกทำร้ายและทำลายความสัมพันธ์ให้จบลง ในขณะที่มันออกมาใช้ชีวิตสง่างามท่ามกลางความภาคภูมิใจของตัวเอง
แต่ท่ามกลางความภาคภูมิใจนั้นมันก็มีความโดดเดี่ยวอ้างว้างซ่อนอยู่ตลอด สิ่งที่มันคิดถึงตลอดเวลาเมื่อก่อนนั้น มันไม่เคยหันมองดูเลยว่าเค้าอยู่ข้างๆมันตลอด มันคิดเสมอว่ามันต้องเข้มแข็งให้ได้ด้วยตัวเอง และมันก็คิดเสมอว่าใครคนนั้นคงเกลียดมันไปแล้ว มันจึงใช้ชีวิตกระด้างขึ้น ทำตามใจตัวเองทุกอย่าง โดยที่ตลอดเวลามันไม่รู้เลยว่ามีสายตาแห่งความห่วงใยคู่หนึ่งจ้องมองมันอยู่เสมอ ในวันที่มันตัดสินใจปฏิเสธฝูง ใครคนนึงก็ตัดสินใจตามมันออกมา และติดตามมันมาตลอดแต่เพียงมันไม่เคยรู้ตัวเท่านั้น จนในวันนี้วันที่มันโดนคำสาปให้กลายเป็นหิน มันถึงได้รู้ว่าในขณะที่มันคิดว่าตัวเองโดดเดี่ยวนั้น แท้จริงแล้วมันไม่ได้โดดเดี่ยวอย่างที่คิดจริงๆ มันยังมีคนที่คอยห่วงใยติดตามมันเสมอ แต่คนที่โดดเดี่ยวจริงๆคือใครคนหนึ่งที่ตัดสินใจตามมันออกมาจากฝูงและยอมหลบๆซ่อนๆตัวเองจากสายตาของมันเพื่อติดตามดูแลมันต่างหากเป็นคนที่ต้องโดดเดี่ยวจริงๆ
"ในขณะที่มันโดนสาปเป็นหินหมาป่าตัวนี้จะมีคราบน้ำตาไหลจากดวงตามันตลอด มันได้แค่นึกเสียดายวันเวลาที่ผ่านมา นึกถึงความดีของคนนั้นที่มอบให้ สิ่งเดียวที่มันเสียใจคือการที่มันไม่เคยได้ดูแลใครคนนั้นอย่างเต็มที่ มันเลือกที่จะปฏิเสธทุกอย่าง และมองเห็นแค่ความคิดของตัวเอง จนลืมมองเห็นความรักความหวังดีจากคนอื่น เมื่อมันคิดได้ก็สายเสียแล้ว มันไม่อยากที่จะใช้ชีวิตตัวคนเดียวอีกต่อไป มันอยากที่จะดูแลใครสักคนตอบแทนความดีของเขาคนนั้น แต่ในวันที่มันคิดได้มันทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งๆเป็นหินรอวันที่มีสงครามเท่านั้น มันได้แต่มองดูความเป็นไปของชีวิตคนรักจนนาทีสุดท้าย โดยที่มันไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อมีสงครามเกิดขึ้นมันได้กลายร่างเป็นมนุษย์และออกมาต่อสู้อย่างน่าเกรงขาม แต่ในใจมันไม่เคยต้องการชัยชนะ มันหวังเพียงว่ามันจะจบชีวิตลงในสนามรบใดสนามรบหนึ่ง เพื่อนที่วันหนึ่งข้างหน้ามันจะได้เจอกับคนรักของมัน ณ ที่ใดที่หนึ่ง แต่มันเป็นได้แค่ความหวังเพราะความเป็นจริงนั้นมันได้รับพรให้มีชีวิตเป็นอมตะและได้รับชัยชนะจากสงครามทุกครั้ง มันได้เป็นมนุษย์สมความปรารถนาแต่มันไม่เคยมีความสุขกับชีวิต มันอ้างว้าง มันโดดเดี่ยว มันได้แต่คิดถึงใครคนนั้นที่จากมันไป"
กครั้งที่มีสงครามมันไม่หวังชัยชนะมันต่อสู้เพื่อความตายเท่านั้นแต่สิ่งที่มันได้รับคือชัยชนะและความเจ็บปวด เมื่อสงครามจบลงทุกครั้งมันต้องกลับไปเป็นรูปปั้นหินอยู่ในป่าลึกเช่นเดิม เป็นอย่างนี้อยู่เสมอมาโดยตลอด มันคือรูปปั้นหมาป่าที่มีความน่าเกรงขาม คือนักรบที่มีชื่อเสียงก้องไกล แต่ภายในจิตใจมันคือคนที่โดดเดี่ยวที่สุดมันมีแผลเหวะหวะจากความรู้สึก มันเริ่มเบื่อการเป็นเช่นนั้น มันคือหมาป่าที่สง่างาม มันคือตำนาน มีผู้คนกล่าวถึงมัน แต่...สิ่งเหล่านั้นไม่เคยมีความหมายกับชีวิตของมันเลยตั้งแต่วันที่มันได้สูญเสียคนรักไป มันจะมีประโยชน์อะไรกับอำนาจที่ได้รับหากในทุกๆวันมันก็ต้องอยู่โดดเดี่ยวตราบนานเท่านานเช่นนี้
ข้อคิดที่ได้: ชีวิตไม่ได้ต้องการต่อสู้หรือการเอาชนะสิ่งใดๆ แต่เพียงต้องการใครสักคนที่เข้าใจเรา และอยู่ข้างเราไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข