ใครเคยมีคนอุปการะ ช่วยเหลือค่าใช้จ่าย แล้วต้องเริ่มต้นทำงานหาเงินเอง ปรับตัวกันนานไหมคะ

คนอุปการะในที่นี้ หมายถึง พ่อแม่ผู้ปกครอง เสี่ยเลี้ยง แฟน สามี ที่เคยให้เงินเราใช้สบาย ๆ ค่ะ

ประสบการณ์ของเรา (มีทั้งดีและไม่ดีนะคะ)
     เริ่มต้นมาเราเป็นลูกกำพร้า เราอยู่กับแม่แต่แม่ยากจน และแม่ก็ไม่ทำงาน พ่อทิ้งเงินและสมบัติไว้ให้บ้างซึ่งแม่ก็ทยอยใช้และขายจนหมด  พอเราอยู่ประถมแม่ก็เงินหมด ยากจนและขาดแคลนจริง ๆ ไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์การเรียน  มีญาติทางพ่อคนหนึ่งที่เขาช่วยเหลือ  แม่ให้เราไปหาญาติคนนี้ เขาให้เงินเราครั้งละ 300 บาท ถ้ามีค่าใช้จ่ายจำเป็นก็ขอพิเศษได้  แต่เราไม่ชอบขอ  เราเกรงใจเขาและอายด้วย
    เราพยายามเรียนให้เก่ง ก็ได้ทุนเรียนมาตลอดตั้งแต่ประถมจนจบ ม.6  เข้ามหาวิทยาลัยก็ได้ทุนเรียนฟรี  ประหยัดทุกอย่างค่ะ  รับจ้างอาจารย์ทำงานด้วย เรียนดีได้เกียรตินิยม  มีทุนพัฒนาอาจารย์จากมหาวิทยาลัยอื่นให้คนที่ได้เกรดเฉลี่ยสูงสุดของสาขาเรียนต่อ ป.โทและ ป.เอก จบแล้วไปเป็นอาจารย์ให้เขา  แต่เราไปเรียนไม่ได้เพราะต้องทำงานหาเงิน
    
    เราก็เริ่มทำงาน เอาเงินให้แม่ 80% ของเงินเดือน แม่มีหนี้สินค่ะ เราเหลือไว้ใช้เอง 20%  เพื่อนที่ทำงานมีรถยนต์ หรืออาศัยนั่งรถยนต์มาด้วยกัน  เรารู้สึกแปลกแยกและด้อยกว่าเขา  เราขึ้นรถเมล์ รถก็จอดบ้างไม่จอดบ้าง  ก็ทำงานไปได้ปีกว่า ๆ  เราก็เปลี่ยนงาน  ได้งานที่มั่นคงขึ้น
    ทำงานแห่งที่สองนี้ เราได้เรียนต่อ และได้เงินเดือนระหว่างเรียนด้วย  ความเป็นอยู่ทางบ้านก็ดีขึ้น  แม่เราสุขภาพจิตดีขึ้น ระหว่างที่เรียนนี้เราได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่งในเว็บไซต์ที่มีห้องสนทนาภาษาอังกฤษคุยรวมกันหลายคน และส่งข้อความส่วนตัวกันก็ได้  ผู้ชายคนนี้ชื่อ N

    เรารักผู้ชายคนนี้มาก ๆ  คุยกันทุกวัน  คุยเรื่องเพลง หนัง วรรณกรรม ปรัชญา การเมือง หนังสือ  เริ่มขอ email และเขียนเมลคุยกันทุกวัน  
    เราอายุ 27 เขาอายุ 44  เป็นคนไทย ทำงานบริษัท เป็นคนมีสติปัญญา มีความรู้ มีกาลเทศะ และรสนิยมดี  เราไม่ถามข้อมูลส่วนตัวกันและกันมากนัก  ก็คุยกันอย่างนี้ทุกวันมาหลายปี  เราเรียนจบแล้วก็ทำงานที่เดิม ก็ยังคุยกันเรื่อยมา
    ที่พัฒนาขึ้น คือ ให้เบอร์โทรศัพท์กัน และส่งของขวัญให้กันทางไปรษณีย์ในเทศกาลและโอกาสพิเศษ

    เราทำงานและรับงานพิเศษทำด้วย  รายได้มากขึ้นแต่ก็ยังต้องประหยัดสุด ๆ เพราะเราต้องรับภาระหลายอย่าง  เรื่องฐานะและความขัดสนของเรา เราไม่เคยบอกคุณ N เลยแม้แต่นิดเดียว   เรารู้สึกว่าเขาไม่ได้ยากจนเหมือนเรา  เราอยากรู้สึกเท่าเทียมกับเขาค่ะ

    ต่อมาวันหนึ่ง เราถูกข่มขืน  มันเป็นวันที่เราอยากตาย คนที่ข่มขืนเราคือคนที่เราไปรับงานมาทำ  มันซ้อมเราด้วย เราถูกมันทำร้าย  เราหนีมันมาได้ในสภาพสะบักสะบอม  ไม่กล้ากลับบ้าน  รู้สึกสิ้นหวังและหมดศรัทธากับการทำความดี  เราเดินเข้าไปร้านขายยาฝั่งตรงข้ามพันธ์ทิพย์ประตูน้ำ ขอซื้อยาคุมฉุกเฉิน ถามคนขายว่ากินยังไง  คนขายหาน้ำให้เรากินด้วย  เขาถามว่า หนูโอเคหรือเปล่า  เราขอบคุณ กินยาและเดินออกมา  ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะฆ่าตัวตายหรือจะเดินไปทางไหนดี ก็เดินไปเรื่อย ๆ  จนผ่านร้านอินเทอร์เน็ต  เราเข้าไป เขียนเมลถึงคุณ N บอกเขาว่าเราถูกข่มขืน กินยาแล้ว เขียนสั้น ๆ แค่นี้

   หลังจากนั้น เราได้พบคุณ N เป็นครั้งแรก  เขาหน้าตาดีและสุภาพ  เขาพาเราไปกินข้าวดูหนังคงเพื่อให้ลืมความทุกข์  ช่วงนั้นเราเลื่อนลอยมาก วันหนึ่งเราก็ขอเปิดห้องโรงแรม อยากมีอะไรกับคุณ N
   ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรนำพาชีวิตเราไปสู่จุดนั้นได้   คุณ N เช่าคอนโดให้เราอยู่ ให้เงินเราใช้ เราได้กินอาหารดี ๆ พาเราไปกินของอร่อย ๆ เสมอ  คุณ N ไม่ใช่พนักงานบริษัทธรรมดา  เขาซื้อรถยนต์ให้เรา  บอกว่าไม่อยากให้เรานอนดึก ไม่ต้องทำงานพิเศษแล้วให้พักผ่อน กินให้อ้วน ๆ เรามีความสุขมาก  แม่และครอบครัวเราสบายขึ้น  เงินที่คุณ N ให้เราแบ่งส่วนหนึ่งซื้อสลากออมสิน เราอยู่คอนโดกับคุณ N หลายปี มีเงินเก็บหลายแสนบาทค่ะ

   เราเป็นคนไม่สวยและหุ่นก็ไม่ดี  ในเรื่องเพศสัมพันธ์  เขาก็สอนเราหลาย ๆ อย่างซึ่งไม่ใช่เพื่อให้เราตอบสนองเขา  แต่เขาอยากให้เรามีความสุขและรู้จักหลาย ๆ แบบ   คุณ N เป็นคนมีเงินมากและเพอร์เฟ็คในเรื่องนั้นมาก   เขาใช้ชีวิตแบบเพลย์บอยมาตลอดชีวิต  เมื่ออยู่กับเราเขาจึงไม่มีความตื่นเต้นแปลกใหม่ในเรื่องเพศแล้ว  มีแต่ความรัก

    ทุกอย่างย่อมมีจุดสิ้นสุด เมื่อถึงวัยและวันที่อิ่มตัว  เราบอกเลิกเช่าคอนโด และปฏิเสธที่จะรับเงินจากคุณ N ต่อไป  คุณ N ก็ต้องเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณจะได้มั่นคงมาก ๆ ด้วย  
    แต่การที่เราปล่อยตัวให้เคยชินกับการเป็นผู้รับ  ได้เงินจำนวนมากอย่างง่าย ๆ มาหลายปี  ทำให้เราเสียนิสัย  เราจากคุณ N มา มีเงินเก็บหลายแสน  เราก็ยังซื้อกระเป๋า ซื้อรองเท้า สกินแคร์แบรนด์เนมเหมือนเคย  เรายังให้เงินช่วยเหลือคนที่ลำบาก ให้อย่างง่าย ๆ  ให้แม่และช่วยเหลือครอบครัวครั้งละมาก ๆ  พวกเขาก็เคยชินด้วยว่าเราเคยให้มาก  ถ้าให้น้อยลงจะเป็นเรื่องแปลก
    ตอนนี้เราใช้เงินใกล้หมดแล้ว  เรากลับมาทำงานหนัก รับงานพิเศษ นอนดึก แต่ก็ไม่สามารถหารายได้มากเท่ากับ หรือใกล้เคียงกับที่คุณ N เคยให้  แต่เราจะพยายามต่อไป  เราได้วิธีคิด มุมมองที่มีประโยชน์จากคุณ N มาเยอะมาก  ซึ่งเราสามารถนำมาปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ไม่น้อยกว่าการหาเงิน
    เพียงแต่มันต้องใช้เวลา   และต้องใช้ความขยัน อดทน

    เพื่อน ๆ ล่ะคะ  มีประสบการณ์ที่มีคนช่วยเหลืออุปการะ แล้วต้องปรับตัวทำงานหาเงินเองกันอย่างไรบ้างคะ

   ปล. ตอนนี้เรากับคุณ N ก็ยังเขียนอีเมลคุยกันทุกวันอยู่ค่ะ  เขาก็สนับสนุนให้เรายืนด้วยขาตัวเอง
   ขอบคุณที่รับฟังและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่