ต่อเนื่องจากกระทู้ที่แล้ว
http://pantip.com/topic/35883463
มีคนถาม จขกท ว่ามีวิธีการเลือกหุ้นอย่างไร ถ้าลงทุนแบบ DCA ไปเรื่อยเกิดเลือกหุ้นผิดขึ้นมากลายเป็นยิ่งทำยิ่งแย่
หลักๆเลย จขกท ใช้ 5 force เข้าไปจับครับ ถ้ามีครบ ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ DCA กันไปยาวๆได้เลย ว่าแต่ 5 force มีอะไรมั้ง
นี้เลยครับ เพื่อนๆ จขกท ช่วยกันทำมาแชร์ให้ได้อ่านกันง่ายๆ ภาษาไม่ยุ่งยากครับ
Link
https://www.facebook.com/investnotbet/posts/1873289039574865
1. อำนาจต่อรองจากผู้บริโภค
บริษัทที่ไม่มีอำนาจต่อรอง มักจะต้องลดราคาสินค้า หรือ เพิ่มคุณภาพ ซึ่งทำให้รายได้ลดลง บางทีลูกค้าสามารถต่อรองขอ credits นำสินค้าไปก่อนแล้วนำเงินมาจ่ายภายหลังได้อีกด้วย เรามาดูตัวอย่างบริษัทที่มีอำนาจต่อรองสูงตามรูปประกอบกันครับ บริษัทนี้มีระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ยไม่ถึงหนึ่งวัน แสดงว่ารับแต่เงินสดอย่างเดียว
สาเหตุที่ผู้บริโภคยอมซื้อเพราะอาจจะสะดวก ไม่ต้องเสียทั้งเวลาและค่าเดินทาง ของในร้านอาจจะมีราคาแพงกว่าหลายๆที่เสียด้วยซ้ำไป
2. อำนาจในการต่อรองของซัพพลายเออร์
บางครั้งซัพพลายเออร์สามารถรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างอำนาจนี้ขึ้นมา ทำให้บริษัทต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น ทางเลือกส่วนใหญ่ของผู้ประกอบการ คือการรวมกลุ่มกัน แล้วไปต่อรองซัพพลายเออร์เจ้าใหญ่ว่าถ้าไม่ลดราคาลงมา พวกเราจะย้ายไปซื้อเจ้าอื่น แต่สำหรับบริษัทที่มีอำนาจนี้สูงมาก ไม่จำเป็นต้องพึ่งคนอื่นเลย แถมซัพพลายเออร์ยังต้องมาประเคนของให้ บวกกับ credits ให้บริษัทด้วยซ้ำไป
ตัวอย่างหุ้นบริษัทเดิมตามรูปประกอบครับจะเห็นว่าระยะเวลาชำระเจ้าหนี้การค้า คือ 60วัน หรือสองเดือน เรารับเงินสดมาจากลูกค้า แล้วมีเวลาอีกสองเดือน ที่สามารถนำเงินนี้ไปหมุนต่อ ก่อนที่จะมาจ่ายเจ้าหนี้ มันช่างน่าอิจฉาบริษัทแบบนี้จริงๆ ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นได้ เพราะเขามีแบรนด์ที่ดี มีจำนวนสาขามากพอนั่นเอง
3. การคุกคามของผู้ประกอบการใหม่
ข้อนี้อธิบายง่ายๆเลย เมื่อบริษัทมีกำไรเกินหน้าเกินตาคนอื่น จะมีคนที่มองเห็นโอกาสที่จะเลียนแบบและเข้ามาทำเหมือนกับบริษัทนั้นๆ ถ้าการเข้ามาทำง่ายๆ ไม่นานก็จะคู่แข่งมากมาย ทำให้รายได้ กำไรลดลง จนถึงจุดที่คนเริ่มจะไม่สนใจทำ
ตัวอย่างง่ายๆที่เราเห็นสมัยก่อนก็คือร้าน ชานมไข่มุก ตอนเจ้าแรกมาเปิดที่สยามสแควร์ ขายแก้วละเป็นร้อย กำไรดีมาก คนต่อคิวรอซื้อ ไม่กี่เดือนผ่านไป มีคู่แข่งเพิ่มเป็นสิบๆเจ้า ราคาลดลงฮวบ เหลือแก้ว 40บาท เดียวนี้ในตลาดนัด บางที่ขายกันแทบไม่มีกำไร เหลือแก้วละ 25บาทด้วยซ้ำไป
ถ้าคนเคยเล่นเกมจะเคยเห็นคนขายวาร์ป แรกๆจะมีคนขายไม่กี่คน เนื่องจากพวกนี้เก็บเลเวลเร็ว แล้วหาของมาเปิดวาร์ปขายได้เร็ว โกยกำไรแรกๆได้มาก พอเวลาผ่านไปไม่นาน ขายวาร์ปเป็นอะไรที่ง่าย คนก็แห่มาทำกันจนเต็มเมือง
4. การคุกคามของสินค้าทดแทน
เรื่องนี้แอดมินว่ามันเป็นเรื่องของการปรับตัว คนอาจจะอธิบายในหลายรูปแบบ แค่แอดมินคิดว่าเจ้าของธุรกิจควรมองภาพใหญ่ให้ทัน และปรับตัวให้เร็ว อย่ายึดติด ยิ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ ยกตัวอย่าง กล้องฟิล์ม ถูกทดแทนด้วย ดิจิตอล ผ่านไปไม่นาน กล้องดิจิตอล เกือบเอาตัวไม่รอด เจอ กล้องจากมือถือมาตีตลาด บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกที่ขายฟิล์มก็ล้มละลายไม่เป็นท่า ส่วนบริษัทกล้องดิจิตอลที่มาทดแทนกล้องฟิล์ม ก็มีช่วงเวลากอบโกยได้ระยะหนึ่งก่อนที่ มือถือจะสามารถถ่ายรูปได้ ภายหลังกล้องดิจิตอลก็ต้องปรับตัว ให้สามารถแชร์ลงมือถือได้ผ่าน bluetooth โชว์คุณภาพของภาพถ่ายที่ดีกว่า จนกลับมามียอดขายที่โตได้
เรามาดูตัวอย่างในเกมกันสักนิด เช่น ดาบในเกมแรกๆจะมีไม่กี่ชนิด หลังๆ จะมีดาบให้เลือกมากมาย แล้วแต่จุดประสงค์ในการใช้ดาบนั้นๆ ดาบที่ดีควรเป็นดาบที่ไปได้ทุกที่ ถือเล่มเดียวพอ
5. การแข่งขันท่ามกลางคู่แข่งที่มีอยู่
ปัจจัยนี้มันเกิดจาก สี่ข้อแรกรวมกัน ถ้าบริษัทที่อยู่ในสภาวะที่สี่ข้อแรกอ่อนแอ บริษัทจะต้องเจอคู่แข่งการค้ามากมาย ยิ่งมีมาก กำไรก็แทบจะไม่ต้องพูดถึง สงคราม red ocean ก็เกิด มาร์จิ้นสินค้าบางเฉียบ ช่างเป็นธุรกิจที่ไม่น่าทำเสียเลย ธุรกิจสื่อสารของไทยเป็นตัวอย่างที่ดีในข้อนี้ ตอนมีผู้เล่นสามราย ทุกรายก็แข่งขันกันหนักอยู่แล้ว แต่โดยรวมแล้วทุกคน enjoy กำไรของตัวเอง แต่ละรายมีลูกค้ามากพอที่จะทำกำไรได้ แถมยังเป็นธุรกิจที่มี barrier of entry สูงด้วย อยู่มาวันหนึ่งมีการประมูลคลื่นทำให้สามารถมีผู้เล่นรายใหม่เกิดขึ้นได้ ธุรกิจสื่อสารก็แปลก เพียงมีผู้เล่นเพิ่มมาแค่รายเดียว ทุกอย่างที่เคย enjoy อาจจะพังพินาศในทันที สงครามราคาที่ร้อนแรงอยู่แล้ว อาจจะทวีคูณขึ้นมาก กำไรที่เคยได้กันมากๆ อาจจะหายไปกับการ ตัดราคาแข่ง โปรโมชั่นดึงลูกค้า ค่าโฆษณาที่สูงขึ้น ต่างๆนานา
ตัวอย่างในเกม จะเห็นพ่อค้าแม่ค้าในตลาดแย่งกันออกโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม มีวิธีดึงลูกค้ามากมาย
สุดท้ายนี้ ฝากเพจ #มาลงทุนไม่ได้มาเล่นๆ ด้วยนะครับ ^^
https://www.facebook.com/investnotbet/ 
5 forces model ฉบับ เกมเมอร์ XD
http://pantip.com/topic/35883463
มีคนถาม จขกท ว่ามีวิธีการเลือกหุ้นอย่างไร ถ้าลงทุนแบบ DCA ไปเรื่อยเกิดเลือกหุ้นผิดขึ้นมากลายเป็นยิ่งทำยิ่งแย่
หลักๆเลย จขกท ใช้ 5 force เข้าไปจับครับ ถ้ามีครบ ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ DCA กันไปยาวๆได้เลย ว่าแต่ 5 force มีอะไรมั้ง
นี้เลยครับ เพื่อนๆ จขกท ช่วยกันทำมาแชร์ให้ได้อ่านกันง่ายๆ ภาษาไม่ยุ่งยากครับ
Link https://www.facebook.com/investnotbet/posts/1873289039574865
1. อำนาจต่อรองจากผู้บริโภค
บริษัทที่ไม่มีอำนาจต่อรอง มักจะต้องลดราคาสินค้า หรือ เพิ่มคุณภาพ ซึ่งทำให้รายได้ลดลง บางทีลูกค้าสามารถต่อรองขอ credits นำสินค้าไปก่อนแล้วนำเงินมาจ่ายภายหลังได้อีกด้วย เรามาดูตัวอย่างบริษัทที่มีอำนาจต่อรองสูงตามรูปประกอบกันครับ บริษัทนี้มีระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ยไม่ถึงหนึ่งวัน แสดงว่ารับแต่เงินสดอย่างเดียว
สาเหตุที่ผู้บริโภคยอมซื้อเพราะอาจจะสะดวก ไม่ต้องเสียทั้งเวลาและค่าเดินทาง ของในร้านอาจจะมีราคาแพงกว่าหลายๆที่เสียด้วยซ้ำไป
2. อำนาจในการต่อรองของซัพพลายเออร์
บางครั้งซัพพลายเออร์สามารถรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างอำนาจนี้ขึ้นมา ทำให้บริษัทต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น ทางเลือกส่วนใหญ่ของผู้ประกอบการ คือการรวมกลุ่มกัน แล้วไปต่อรองซัพพลายเออร์เจ้าใหญ่ว่าถ้าไม่ลดราคาลงมา พวกเราจะย้ายไปซื้อเจ้าอื่น แต่สำหรับบริษัทที่มีอำนาจนี้สูงมาก ไม่จำเป็นต้องพึ่งคนอื่นเลย แถมซัพพลายเออร์ยังต้องมาประเคนของให้ บวกกับ credits ให้บริษัทด้วยซ้ำไป
ตัวอย่างหุ้นบริษัทเดิมตามรูปประกอบครับจะเห็นว่าระยะเวลาชำระเจ้าหนี้การค้า คือ 60วัน หรือสองเดือน เรารับเงินสดมาจากลูกค้า แล้วมีเวลาอีกสองเดือน ที่สามารถนำเงินนี้ไปหมุนต่อ ก่อนที่จะมาจ่ายเจ้าหนี้ มันช่างน่าอิจฉาบริษัทแบบนี้จริงๆ ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นได้ เพราะเขามีแบรนด์ที่ดี มีจำนวนสาขามากพอนั่นเอง
3. การคุกคามของผู้ประกอบการใหม่
ข้อนี้อธิบายง่ายๆเลย เมื่อบริษัทมีกำไรเกินหน้าเกินตาคนอื่น จะมีคนที่มองเห็นโอกาสที่จะเลียนแบบและเข้ามาทำเหมือนกับบริษัทนั้นๆ ถ้าการเข้ามาทำง่ายๆ ไม่นานก็จะคู่แข่งมากมาย ทำให้รายได้ กำไรลดลง จนถึงจุดที่คนเริ่มจะไม่สนใจทำ
ตัวอย่างง่ายๆที่เราเห็นสมัยก่อนก็คือร้าน ชานมไข่มุก ตอนเจ้าแรกมาเปิดที่สยามสแควร์ ขายแก้วละเป็นร้อย กำไรดีมาก คนต่อคิวรอซื้อ ไม่กี่เดือนผ่านไป มีคู่แข่งเพิ่มเป็นสิบๆเจ้า ราคาลดลงฮวบ เหลือแก้ว 40บาท เดียวนี้ในตลาดนัด บางที่ขายกันแทบไม่มีกำไร เหลือแก้วละ 25บาทด้วยซ้ำไป
ถ้าคนเคยเล่นเกมจะเคยเห็นคนขายวาร์ป แรกๆจะมีคนขายไม่กี่คน เนื่องจากพวกนี้เก็บเลเวลเร็ว แล้วหาของมาเปิดวาร์ปขายได้เร็ว โกยกำไรแรกๆได้มาก พอเวลาผ่านไปไม่นาน ขายวาร์ปเป็นอะไรที่ง่าย คนก็แห่มาทำกันจนเต็มเมือง
4. การคุกคามของสินค้าทดแทน
เรื่องนี้แอดมินว่ามันเป็นเรื่องของการปรับตัว คนอาจจะอธิบายในหลายรูปแบบ แค่แอดมินคิดว่าเจ้าของธุรกิจควรมองภาพใหญ่ให้ทัน และปรับตัวให้เร็ว อย่ายึดติด ยิ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ ยกตัวอย่าง กล้องฟิล์ม ถูกทดแทนด้วย ดิจิตอล ผ่านไปไม่นาน กล้องดิจิตอล เกือบเอาตัวไม่รอด เจอ กล้องจากมือถือมาตีตลาด บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกที่ขายฟิล์มก็ล้มละลายไม่เป็นท่า ส่วนบริษัทกล้องดิจิตอลที่มาทดแทนกล้องฟิล์ม ก็มีช่วงเวลากอบโกยได้ระยะหนึ่งก่อนที่ มือถือจะสามารถถ่ายรูปได้ ภายหลังกล้องดิจิตอลก็ต้องปรับตัว ให้สามารถแชร์ลงมือถือได้ผ่าน bluetooth โชว์คุณภาพของภาพถ่ายที่ดีกว่า จนกลับมามียอดขายที่โตได้
เรามาดูตัวอย่างในเกมกันสักนิด เช่น ดาบในเกมแรกๆจะมีไม่กี่ชนิด หลังๆ จะมีดาบให้เลือกมากมาย แล้วแต่จุดประสงค์ในการใช้ดาบนั้นๆ ดาบที่ดีควรเป็นดาบที่ไปได้ทุกที่ ถือเล่มเดียวพอ
5. การแข่งขันท่ามกลางคู่แข่งที่มีอยู่
ปัจจัยนี้มันเกิดจาก สี่ข้อแรกรวมกัน ถ้าบริษัทที่อยู่ในสภาวะที่สี่ข้อแรกอ่อนแอ บริษัทจะต้องเจอคู่แข่งการค้ามากมาย ยิ่งมีมาก กำไรก็แทบจะไม่ต้องพูดถึง สงคราม red ocean ก็เกิด มาร์จิ้นสินค้าบางเฉียบ ช่างเป็นธุรกิจที่ไม่น่าทำเสียเลย ธุรกิจสื่อสารของไทยเป็นตัวอย่างที่ดีในข้อนี้ ตอนมีผู้เล่นสามราย ทุกรายก็แข่งขันกันหนักอยู่แล้ว แต่โดยรวมแล้วทุกคน enjoy กำไรของตัวเอง แต่ละรายมีลูกค้ามากพอที่จะทำกำไรได้ แถมยังเป็นธุรกิจที่มี barrier of entry สูงด้วย อยู่มาวันหนึ่งมีการประมูลคลื่นทำให้สามารถมีผู้เล่นรายใหม่เกิดขึ้นได้ ธุรกิจสื่อสารก็แปลก เพียงมีผู้เล่นเพิ่มมาแค่รายเดียว ทุกอย่างที่เคย enjoy อาจจะพังพินาศในทันที สงครามราคาที่ร้อนแรงอยู่แล้ว อาจจะทวีคูณขึ้นมาก กำไรที่เคยได้กันมากๆ อาจจะหายไปกับการ ตัดราคาแข่ง โปรโมชั่นดึงลูกค้า ค่าโฆษณาที่สูงขึ้น ต่างๆนานา
ตัวอย่างในเกม จะเห็นพ่อค้าแม่ค้าในตลาดแย่งกันออกโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม มีวิธีดึงลูกค้ามากมาย
สุดท้ายนี้ ฝากเพจ #มาลงทุนไม่ได้มาเล่นๆ ด้วยนะครับ ^^
https://www.facebook.com/investnotbet/