หนังรักแห่งปีที่ไม่ควรพลาด Passengers คะแนน 9.5/10 [โครตอภิมหาสปอย]

ถ้าจะมีหนังรักสักเรื่องที่แฝงปรัชญาชีวิตได้อย่างลงตัว มีฉากหลังที่สวยงาม ด้วยห้วงจักรวาลอันกว้างไกล มีการเดินเรื่องที่เรียบง่าย นักแสดงไม่ต้องมาก บทรักไม่ต้องเยอะจนเลี่ยน แต่เน้นๆในทุกคำพูดและการแสดงออกทางอารมณ์ ผมยกให้เรื่องนี้เป็นหนึ่งในนั้น

คำเตือน1
- จากนี้ไปจะเป็นโครตอภิมหาสปอยล์ ใครยังไม่ดูและยังไม่อยากรับรู้อะไรก่อนดู ให้หลีกเลี่ยง

คำเตือน2
- ใครที่ดูแล้วอย่างฉาบฉวย ไม่เข้าถึงแก่นของหนัง ให้คะแนนแย่ๆ มีอคติกับหนัง อาจรับไม่ได้ ให้หลีกเลี่ยง

คำเตือน3
- ถ้าคุณชอบดูหนังไซไฟ แอคชั่นมันส์ๆ มีเอเลี่ยนวิ่งไปมา มีฉากยิง มีฉากตื่นเต้น โลดโพน เร้าใจ ให้หลีกเลี่ยง
- ถ้าคุณชอบดูหนังรัก แบบเยอะๆ หรือฟรุ้งฟริ้ง แบบหนังรักตลาดๆ หวานจนเลี่ยน ให้หลีกเลี่ยง
- ถ้าคุณชอบหนังดราม่าหนักๆ บีบเค้นหัวใจ น้ำตาไหลพราก ให้หลีกเลี่ยง
- ถ้าคุณชอบจับผิดหนัง มัวสนใจแต่ประเด็นเล็กๆน้อยๆ จนมองข้ามใจความสำคัญหรือแก่นของหนัง ให้หลีกเลี่ยง
- ฯลฯ
...
...

ถ้าคุณพร้อมแล้ว ก็มาเริ่มกันเลยแล้วกัน

ความสวยงามของฉากในหนัง
คุณจะรู้สึกเหมือนคุณได้หลุดเข้าไปอยู่ในห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ที่มีดวงดาวมากมายระยิบระยับสวยงามเกินจินตนาการ ที่เราเองชาตินี้คงไม่มีโอกาสที่จะไปอยู่ตรงนั้นได้จริงๆแน่นอน ไม่ใช่ภาพเมืองหรือภูมิประเทศที่สวยงามที่เราเคยได้เห็นในหนังรักทั่วๆไป แต่เป็นห้วงจักรวาลอันยิ่งใหญ่ มีดวงดาวนับล้านๆดวง ถ้าคุณกับแฟนเป็นคนที่ชอบดูดาวบนท้องฟ้าอยู่แล้ว การได้พาแฟนไปดูในโรงหนัง เหมือนคุณได้พาแฟนไปออกเดทด้วยการแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวอันสวยงามเลยทีเดียว

นักแสดง
เป็นหนังที่มีนักแสดงหลักๆแค่ 4 คน ทุกคนมีบทที่ต้องสื่อถึงอารมณ์ด้วยคำพูดที่สั้นกระชับแต่สื่อความหมายเชื่อมโยงจากเหตการณ์หนึ่งไปสู่อีกเหตุการณ์หนึ่งได้อย่างลงตัว และสอดประสานกันมาก หนังแสดงไม่ต้องเยอะ คำพูดไม่ต้องมากจนเยิ่นเย้อ การแสดงออกไม่ต้องแรงจนหนังเครียด แต่กลับเป็นการสอดประสานกันได้อย่างลงตัว นักแสดงทุกคนทำได้อย่างดี โดยเฉพาะนางเอก สุดยอดมาก พระเอกถ้าเทียบกับสองเรื่องที่เคยแสดงมา เรื่องนี้ถือว่าทำได้ดีทีเดียว เพราะมีหลายฉากที่ต้องเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองถ่ายทอดผ่านสีหน้าและท่าทางเพื่อสื่อถึงคนดูให้ได้ เรื่องนี้ถือว่าสอบผ่าน ส่วนนักแสดงอีกสองคนแม้บทจะไม่มาก แต่ก็เป็นตัวเดินเรื่องหลักที่เชื่อมโยงทั้งหมดเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นแกนหลักของเรื่อง ที่ขาดไม่ได้ และทำได้ดีเช่นกัน

ความรักและปรัชญาชีวิต
ถือว่าเป็นหนังรักที่มีปรัชญาชีวิตสอดแทรกเยอะมาก ให้แง่คิดดีๆมากมาย ทั้งในแง่ของการใช้ชีวิต ในแง่ของความสัมพันธ์กับคนอื่น ในแง่ของการใช้ชีวิตคู่ และอื่นๆอีกมากมาย ที่คงหยิบยกมาพูดไม่หมด ก็ขอลองพูดในบางประเด็นแล้วกัน

ชีวิตและการเดินทางของชีวิต
หนังพยายามปูพื้นให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้ชีวิตของคนเรา ซึ่งจะทำให้เราได้แง่คิด และย้อนกลับมาดูตัวเราเอง ว่าเราเองก็เป็นเช่นนั้นหรือเปล่า ชีวิตคนเรายืนยาวไม่เกินร้อยปี การใช้ชีวิตของเรา ก็เปรียบเหมือนกับการเดินทางจากโลกไปยังดาวที่เป็นจุดหมายปลายทาง ถ้ามองในแง่ของการเดินทางของชีวิตคนเรา หลายคนอาจจะกำลังรู้สึกไม่เคยพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ และพยายามทุกวิถีทางที่จะหลีกหนีออกไปให้ไกล เพื่อมองหาที่ใหม่หรือสิ่งใหม่ที่เชื่อว่าน่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่ก็เหมือนยิ่งดิ้นรนแสวงหา ก็ยิ่งเหมือนห่างไกล และไม่มีอะไรมายืนยันให้เราได้ว่าสิ่งที่เราเลือกที่จะไปจะดีกว่าที่เราอยู่ในปัจจุบันจริงหรือเปล่า ตอนนี้เราอาจจะก่นด่าสิ่งรอบตัวเราชะตาชีวิตของเรา โดยมองข้ามว่าจริงๆแล้ว ความสุขของชีวิตมันเกิดขึ้นจากตัวเราเอง เกิดจากภายในจิตใจของเราเองต่างหาก อยู่ที่ว่าเราจะอยู่และยอมรับในสิ่งที่เป็นได้มากแค่ไหน และเราสามารถที่จะมีความสุขกับสิ่งที่มีได้หรือเปล่า บางครั้งแค่มีเพียงใครสักคนที่เรารักและเขาก็รักเรา แค่เพียงเท่านี้ แม้จะมีอีกหลายสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่มันก็อาจจะเพียงพอแล้วสำหรับชีวิตของเรา เราสามารถที่จะเลือกและมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข และถ้ามองในแง่ของเป้าหมายชีวิต จากหนังก็อาจจะเปรียบได้กับคนเราบางครั้งตั้งเป้าหมายกับชีวิต อยากให้ตัวเองเดินทางไปสู่เป้าหมายนั้นให้เร็วที่สุด โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัว ไม่ได้สนใจชีวิตในปัจจุบันหรือคนรอบข้างเรา รวมถึงคนที่เรารักหรือรักเรา ก็คล้ายๆกับ เรานอนหลับจำศีล เพื่อรอที่จะตื่นเมื่อถึงเป้าหมายแล้วเท่านั้น ชีวิตคนเราระหว่างทางไม่ใช่จะมีแต่ความทุกข์เพียงอย่างเดียว แต่มันก็ยังมีมุมที่สวยงาม ที่หนังพยายามแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการให้เวลากับปัจจุบัน สิ่งดีๆที่สวยงามที่พระเอกและนางเอกได้รับระหว่างการเดินทาง ขณะที่คนอื่นยังคงนอนอยู่ เป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่า เราควรใช้เวลาที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีคุณค่าที่สุด ขณะเดียวกันเราก็อาจจะยังคงอยู่บนเส้นทางที่จะมุ่งไปสู่เป้าหมายหรือละทิ้งมันไปก็ได้ ซึ่งที่สุดแล้วเราอาจจะได้หรือไม่ได้สิ่งที่ต้องการก็ตาม แต่เราก็จะมีความสุขกับชีวิตตลอดช่วงการเดินทางของชีวิตของเรา
  
การผิดหวังและการเยียวยาหัวใจ
หนังแสดงให้เห็นถึงความทุกข์ความสิ้นหวังของทั้งพระเอกและนางเอกเอง เสมือนชีวิตพังทะลาย มืดมนมองไม่เห็นทางออกของชีวิต แต่เราก็สามารถเยียวยาหัวใจได้ หนังจะมีสอดแทรกแง่คิด คำพูดดีๆ ที่ทำให้เห็นมุมมอง ที่แตกต่างออกไป ไม่ว่าจะคำพูดแนะนำดีๆจากคนรอบตัว เช่น จากหุ่นแอนดรอยเอง หรือจากลูกเรือ รวมถึงการเข้าใจและยอมรับความเป็นจริง และการมองหาสิ่งใหม่ ที่สำคัญกว่า ก็สามารถจะช่วยเยียวยาจิตใจของเราได้ การตายไม่ใช่คำตอบหรือทางสิ้นสุดของปัญหา เราไม่ควรสิ้นหวังหรือถอดใจ ถ้าเราตาย เราอาจจะพลาดช่วงเวลาดีๆที่รอเราอยู่ในอนาคตก็ได้ คนเราเมื่อผิดหวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องสิ้นหวัง หรือผิดหวังไปในทุกๆเรื่อง ขอเพียงเราเข้าใจ ปรับตัวและพร้อมที่จะมีความสุขไปกับมัน

มุมมืดของจิตใจคน
หนังพยายามให้เห็นว่าแม้แต่คนที่เคยเป็นคนดี หรือเราเคยมองว่าดี ก็ยังมีด้านมืดของจิตใจ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เขาสิ้นหวังถูกบีบคั้นจิตใจอย่างรุนแรง เขาก็อาจจะทำอะไรที่แม้ตัวเขาเองจะพยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะห้ามใจตัวเอง แต่ที่สุดแล้ว คนเราที่เป็นคนธรรมดาที่มีโลภโกรธหลง ก็อาจจะทำอะไรที่ไม่ดีลงไปก็ได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง แม้จะมาสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำไปในภายหลัง มันก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว

ความโกรธเกลียดและการให้อภัย
หนังแสดงให้เห็นถึงความโกรธเกลียดของนางเอกที่มีต่อพระเอกเมื่อรู้ความจริงอย่างถึงที่สุด แล้วก็นำไปสู่การให้อภัยของนางเอกที่มีต่อพระเอกในภายหลัง ซึ่งนี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สำคัญ ที่ให้แง่คิดสำหรับการใช้ชีวิตคู่ การทำผิดพลาดย่อมมีเกิดขึ้นได้ แต่การสำนึกผิด การยอมรับผิด การพยายามทำดีไถ่โทษ และการให้อภัย กลับเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า ที่จะช่วยให้ความรัของเรายืนยาวต่อไปได้ เพราะความรักที่เรามีให้กันมันมีค่ามากกว่านั้น

ความรักโรแมนติก
คุณจะได้เห็น ฉากรักโรแมนติกที่คอยสอดแทรกอยู่ในหนังเป็นระยะๆ ไม่เยอะหรือมากจนเว่อร์เกินไป แต่ค่อยๆทะยอยมาทีละนิดละหน่อย แบบให้พอหอมกรุ่น กลมกล่อมกำลังดี เช่น ฉากพระเอกทำตึกจำลอง พระเอกชวน dinner และการตอบรับของนางเอก ฉากช่วงเวลาที่พระเอกกับนางเอก sweet กันอย่างเต็มที่ พากันออกไปแหวกว่ายท่ามกลางหมู่ดาว การว่ายน้ำด้วยกัน และอื่นๆอีกมากมาย บรรยายไม่หมด แม้กระทั่งฉากจบ ที่มีบ้านไม้เล็กๆท่ามกลางต้นไม้ใหญ่และเหล่าพันธ์พืชและสัตว์มากมายบนยาน ซึ่งในความเป็นจริงของชีวิตคนเรา ความรักโรแมนติกกับคนที่เรารัก เราเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรที่เยอะหรือเว่อร์วังเสมอไป แค่การได้เติมเต็มและหยอดความหวานให้กันทีละเล็กละน้อยอย่างสม่ำเสมอต่างหาก ที่ทำจะให้รักเรายืนยาวและมีความสุขได้ เราจะได้เห็นฉากรักโรแมนติกที่จับต้องได้ หลายฉากจะทำให้คุณหวนรำลึกถึงสมัยที่คุณจีบแฟนคุณใหม่ๆ ช่วงเวลาที่คุณมีความสุขด้วยกันในอดีต เมื่อดูแล้วคุณจะรู้สึกฉ่ำๆในหัวใจ และทำให้คุณอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตไปด้วยกันกับใครคนนั้น จนกว่าความตายจะพรากเราจากกัน ผมดูแล้วเกิดไอเดียบรรเจิดอยากทำอะไรหวานๆโรแมนติกแบบนี้ให้แฟนมากมาย แค่นึกตามก็มีความสุขแล้ว

ส่วนแง่คิดเรื่องอื่นๆที่บรรยายได้ไม่หมดก็ได้แก่
การเสียดสีในประเด็นของการแบ่งชนชั้นทางสังคม
ความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัวเรา การให้กำลังใจ การให้แง่คิด
ความซื่อสัตย์กับคนที่เรารัก การปิดบัง และผลที่จะตามมา
การเสียสละ เพื่อคนที่เรารัก หรือเพื่อคนส่วนใหญ่
การอยู่กับปัจจุบัน มากกว่าที่จะไปลุ้นกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
ฯลฯ

สรุปคะแนนเต็ม 10 ผมให้ 9.5  และย้ำเลยว่าเป็นหนังรักแห่งปีที่ไม่ควรพลาดที่จะไปดูในโรงหนังจริงๆ

สำหรับ 0.5 ที่หายไป คือประเด็นความไม่สมจริงเล็กๆน้อยในบางเรื่อง เช่น พระเอกเก่งเวอร์ ช่างอะไรจะทำได้ทุกอย่าง ซ่อมได้หมด รู้ในทุกระบบ ใช้เครื่องมือเป็นทุกชิ้น เตียงพยาบาลที่มีเตียงเดียวสำหรับคน 5000 คน (ในหนังจำเป็นต้องมีเตียงเดียว เพราะจะมี key ของหนังอยู่ด้วย เพียงแต่หาเหตุผลอื่นรองรับยังไม่ค่อยได้ว่า ในความเป็นจริง แม้จะมีเทคโนโลยีสุดยอด คนบนนั้นจะมีเวลาตื่นและอยู่บนยานไม่นานก่อนถึงที่หมายก็ตาม แต่เตียงเดียวสำหรับ 5000 คนมันก็ดูไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลเท่าไหร่) เป็นต้น

คุณได้ไปดูหรือยัง ???
แลกเปลี่ยนความเห็นกันได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่