เรากับแฟนคบกันมาได้นานแล้วค่ะ จนถึงจุดที่แฟนถามว่า อยากแต่งหรือยัง อันที่จริงเค้าถามลอยๆ มาสองครั้งแล้วค่ะ เราก็มึนๆ ไม่ตอบ แต่ครั้งนี้คำถามเค้าแลดูจริงจัง เราเลยบอกว่า ขอป๊า ม๊า เราให้ได้ก่อนเถอะ
อันที่จริงเรารู้คำตอบของ ป๊า ม๊า อยู่แล้วแหละค่ะ เค้าคงแนวแบบ ตามใจสิ
แต่ความรู้สึกเราหลายๆ อย่างมันตีๆ กันค่ะ แบบ ทำไมต้องแต่งด้วยอะ? ตอนนี้มันก็โอเคนะ ต่างคนต่างทำงาน เจอกันบ้าง มีอิสระ อยากไปไหนก็ไป อยากเที่ยวไหนก็เที่ยว
เรากับเค้าไม่เคยมีอะไรกันค่ะ เราถือมาก แต่เราก็ไม่เคยห้ามเค้าเที่ยวนะคะ ซื้อกินเราก็ไม่ว่า รู้จักป้องกันก็พอ เราเคยถามเค้าด้วยซ้ำว่าเพื่อนเรามันอยู่ญี่ปุ่น ร้านอย่างว่า เพื่อนฝากถามว่าอยากได้ตุ๊กตาไหม มันเอามาให้ได้นะ
อีกอย่างที่เราแอบคิดไม่ได้คือ เรื่องทรัพย์สินของเราค่ะ เราเป็นลูกสาวคนเดียว ป๊า ม๊าให้หลักประกันชีวิตเราอยู่แล้ว อีกอย่างเราช่วยงานป๊ามาตลอด แต่เรายังไม่เคยขออะไรจากป๊าเลย ป๊าเคยบอกอยู่แหละว่ามีของจะให้เรา
ถ้าจะด่าเรางก วัตถุนิยม เงินสำคัญกว่าความรัก ช่วยฟังเหตุผลเราก่อนค่ะ
พื้นเพบ้านเราไม่ใช่คนรวย ป๊า ม๊า เราลำบากมามาก สู้กันสุดๆ จนมีวันที่ครอบครัวเราโอเค มีหลักทรัพย์นู้นนี่ เหนื่อยขนาดไหนกว่าจะส่งพวกเราพี่น้องเรียนจบ พวกท่านจบประถม แต่ส่งลูกๆ จนมีปริญญามาแปะฝาบ้านได้ มีงานมีการดีๆ ทำ
ไม่แปลกใช่ไหมคะ ที่การตัดสินใจหรืออะไรหลายๆ อย่างในชีวิตเรา เราจะมองความรู้สึกและผลประโยคของป๊า ม๊าเรามาก่อนสิ่งอื่นใด
เรากลัวค่ะ เรารับไม่ได้ไง ถ้าวันหนึ่งทรัพย์สินหรืออะไรที่ป๊า ม๊าตั้งใจให้เรามันจะต้องตกเป็นของคนอื่น เข้าใจประเด็นนี้นะคะ ลูกสาวแต่งออกเป็นของบ้านอื่น
เราไม่ไว้ใจแฟนเรา?? ใช่ค่ะ ส่วนหนึ่ง ขนาดคนที่เค้าแต่งงานมีลูกสามลูกสี่ อยู่กินกันมาเป็นสิบปี วันนี้ยังบอกว่า 'ไม่ใช่' ได้เลย ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันนี่คะ ว่าเค้าจะ 'หมดใจ' กับเราเมื่อไหร่ แล้วทำไมเราต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงกับอะไรที่ไม่มั่นคง
จะบอกว่าเราคิดแบบนี้แปลว่า เราไม่ได้รักแฟนเราหรอก อืมมมมม ไม่รู้สิคะ แล้วรักคืออะไรล่ะ ต้องรู้สึกแบบไหน ถึงจะบอกได้ว่า เฮ้ย ฉันรักเค้า
ณ จุดนี้ ที่คบกันมาหลายปี เค้าก็เป็นคนที่อยู่ใกล้เรามากที่สุดอะ แบบรู้สึกโอเคที่สุดน่ะค่ะ
เคยบอกนะคะว่าถ้าวันหนึ่งเจอกับคนที่ โอเคมากกว่าเรา ไปได้นะ เราไม่รั้ง ไม่ทะเลาะ ไม่ด่าทอ ยังเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิมด้วย
เค้าเคยหายไปกับเพื่อนผู้หญิงที่ทำงานพักหนึ่ง ไม่ติดต่อเราประมาณเดือนหรือสองเดือนนี่แหละค่ะ เรารู้เรื่องนะ เราก็รอนะว่าจะมาคุยไหมว่าจะเลิกหรือยังไง แต่เค้ากลับมาแล้วขอโทษ สารภาพกับเราว่าแบบไปไหนกับใครยังไง ตัดพ้อว่าเรา เย็นชา ไม่คิดจะแสดงออกว่าหึง ว่าหวงเลยหรอ
เราก็แบบ อ้าววว คือไร เราต้องบุกไปที่ทำงาน กระชากหัวผู้หญิงคนนั้นมาตบ?? ร้องไห้ตัดพ้อต่อว่า ไม่อะ เราจะไม่ทำแบบนั้น เรารู้สึกไหม ก็รู้สึกนะ ก็ไม่ชอบหรอก หน่วงๆ เหมือนกัน แต่แบบถ้าใจเค้าไม่ได้อยู่ที่เรา รั้งไว้แล้วได้อะไร ไม่ค่ะ เราจะได้ยื้อแย่งผู้ชายกับใคร
เราถามตัวเองตอบตัวเอง เราได้คำตอบให้กับตัวเองว่า ก็แค่เรารักตัวเองมากกว่า
อีกอย่างคือเราอยากมีเวลาให้ป๊า ม๊า เราด้วย เรามีความสุขนะคะ ที่เวลาเรากลับบ้านแล้วนั่งๆ นอนๆ ดูทีวี อ่านหนังสือ ทำสวน เข้าครัว กับป๊า ม๊า ถ้าหยุดยาวก็ลากกันไปนอนเล่นโง่ๆ อยู่ริมทะเล
ถ้าเรามีครอบครัว เวลาที่เราจะให้ป๊าม๊าเราต้องหายไปแน่ๆ ค่ะ
ตอนนี้เรามีนๆ กับชีวิต แบบเอาไงดีฟะ ไล่ให้ไปขอกับป๊า ม๊าเพื่อถ่วงเวลาไปงั้นเอง
ตอนตัดสินใจจะแต่งงานนี่คิดกันยากไหมคะ
อันที่จริงเรารู้คำตอบของ ป๊า ม๊า อยู่แล้วแหละค่ะ เค้าคงแนวแบบ ตามใจสิ
แต่ความรู้สึกเราหลายๆ อย่างมันตีๆ กันค่ะ แบบ ทำไมต้องแต่งด้วยอะ? ตอนนี้มันก็โอเคนะ ต่างคนต่างทำงาน เจอกันบ้าง มีอิสระ อยากไปไหนก็ไป อยากเที่ยวไหนก็เที่ยว
เรากับเค้าไม่เคยมีอะไรกันค่ะ เราถือมาก แต่เราก็ไม่เคยห้ามเค้าเที่ยวนะคะ ซื้อกินเราก็ไม่ว่า รู้จักป้องกันก็พอ เราเคยถามเค้าด้วยซ้ำว่าเพื่อนเรามันอยู่ญี่ปุ่น ร้านอย่างว่า เพื่อนฝากถามว่าอยากได้ตุ๊กตาไหม มันเอามาให้ได้นะ
อีกอย่างที่เราแอบคิดไม่ได้คือ เรื่องทรัพย์สินของเราค่ะ เราเป็นลูกสาวคนเดียว ป๊า ม๊าให้หลักประกันชีวิตเราอยู่แล้ว อีกอย่างเราช่วยงานป๊ามาตลอด แต่เรายังไม่เคยขออะไรจากป๊าเลย ป๊าเคยบอกอยู่แหละว่ามีของจะให้เรา
ถ้าจะด่าเรางก วัตถุนิยม เงินสำคัญกว่าความรัก ช่วยฟังเหตุผลเราก่อนค่ะ
พื้นเพบ้านเราไม่ใช่คนรวย ป๊า ม๊า เราลำบากมามาก สู้กันสุดๆ จนมีวันที่ครอบครัวเราโอเค มีหลักทรัพย์นู้นนี่ เหนื่อยขนาดไหนกว่าจะส่งพวกเราพี่น้องเรียนจบ พวกท่านจบประถม แต่ส่งลูกๆ จนมีปริญญามาแปะฝาบ้านได้ มีงานมีการดีๆ ทำ
ไม่แปลกใช่ไหมคะ ที่การตัดสินใจหรืออะไรหลายๆ อย่างในชีวิตเรา เราจะมองความรู้สึกและผลประโยคของป๊า ม๊าเรามาก่อนสิ่งอื่นใด
เรากลัวค่ะ เรารับไม่ได้ไง ถ้าวันหนึ่งทรัพย์สินหรืออะไรที่ป๊า ม๊าตั้งใจให้เรามันจะต้องตกเป็นของคนอื่น เข้าใจประเด็นนี้นะคะ ลูกสาวแต่งออกเป็นของบ้านอื่น
เราไม่ไว้ใจแฟนเรา?? ใช่ค่ะ ส่วนหนึ่ง ขนาดคนที่เค้าแต่งงานมีลูกสามลูกสี่ อยู่กินกันมาเป็นสิบปี วันนี้ยังบอกว่า 'ไม่ใช่' ได้เลย ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันนี่คะ ว่าเค้าจะ 'หมดใจ' กับเราเมื่อไหร่ แล้วทำไมเราต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงกับอะไรที่ไม่มั่นคง
จะบอกว่าเราคิดแบบนี้แปลว่า เราไม่ได้รักแฟนเราหรอก อืมมมมม ไม่รู้สิคะ แล้วรักคืออะไรล่ะ ต้องรู้สึกแบบไหน ถึงจะบอกได้ว่า เฮ้ย ฉันรักเค้า
ณ จุดนี้ ที่คบกันมาหลายปี เค้าก็เป็นคนที่อยู่ใกล้เรามากที่สุดอะ แบบรู้สึกโอเคที่สุดน่ะค่ะ
เคยบอกนะคะว่าถ้าวันหนึ่งเจอกับคนที่ โอเคมากกว่าเรา ไปได้นะ เราไม่รั้ง ไม่ทะเลาะ ไม่ด่าทอ ยังเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิมด้วย
เค้าเคยหายไปกับเพื่อนผู้หญิงที่ทำงานพักหนึ่ง ไม่ติดต่อเราประมาณเดือนหรือสองเดือนนี่แหละค่ะ เรารู้เรื่องนะ เราก็รอนะว่าจะมาคุยไหมว่าจะเลิกหรือยังไง แต่เค้ากลับมาแล้วขอโทษ สารภาพกับเราว่าแบบไปไหนกับใครยังไง ตัดพ้อว่าเรา เย็นชา ไม่คิดจะแสดงออกว่าหึง ว่าหวงเลยหรอ
เราก็แบบ อ้าววว คือไร เราต้องบุกไปที่ทำงาน กระชากหัวผู้หญิงคนนั้นมาตบ?? ร้องไห้ตัดพ้อต่อว่า ไม่อะ เราจะไม่ทำแบบนั้น เรารู้สึกไหม ก็รู้สึกนะ ก็ไม่ชอบหรอก หน่วงๆ เหมือนกัน แต่แบบถ้าใจเค้าไม่ได้อยู่ที่เรา รั้งไว้แล้วได้อะไร ไม่ค่ะ เราจะได้ยื้อแย่งผู้ชายกับใคร
เราถามตัวเองตอบตัวเอง เราได้คำตอบให้กับตัวเองว่า ก็แค่เรารักตัวเองมากกว่า
อีกอย่างคือเราอยากมีเวลาให้ป๊า ม๊า เราด้วย เรามีความสุขนะคะ ที่เวลาเรากลับบ้านแล้วนั่งๆ นอนๆ ดูทีวี อ่านหนังสือ ทำสวน เข้าครัว กับป๊า ม๊า ถ้าหยุดยาวก็ลากกันไปนอนเล่นโง่ๆ อยู่ริมทะเล
ถ้าเรามีครอบครัว เวลาที่เราจะให้ป๊าม๊าเราต้องหายไปแน่ๆ ค่ะ
ตอนนี้เรามีนๆ กับชีวิต แบบเอาไงดีฟะ ไล่ให้ไปขอกับป๊า ม๊าเพื่อถ่วงเวลาไปงั้นเอง