สาเหตุที่ควรส่งลูกไปแลกเปลี่ยน

จขกท.เป็นเด็กนักเรียนจากโรงเรียนรัฐบาลทั่วไปที่ชอบภาษาอังกฤษ ตอนนี้จขกท.อายุ 16 สอบโครงการแลกเปลี่ยนโครงการหนึ่งผ่านและอยากบอกถึงสาเหตุที่ว่าทำไมจขกท.ถึงอยากไปแลกเปลี่ยนและทำไมพ่อ(เราขอเรียกว่า ป๊า แล้วกัน)ของจขกท.จึงให้ไป
.
.
.
เมื่อวันอาทิตย์เราได้ไปประชุมเรื่องโครงการแลกเปลี่ยนโครงการหนึ่งกับป๊า ในห้องประชุมพี่วิทยากรก็ถามคำถามว่า
พี่วิทยากร: มีท่านผู้ปกครองคนไหนรู้จักโครงการ...มาก่อนไหมค่ะ?
ป๊า: (ยกมือ)
พี่วิทยากร: ท่านผู้ปกครองทางด้านหลัง ไม่ทราบว่ารู้จักได้ยังไงค่ะ?
ป๊า: ลูกไปสองคนแล้วครับ
แล้วทุกคนในห้องประชุมก็หันมามองเรา ป๊า ม๊า ที่นั่งแถวๆหลังห้องประชุม หลังจากนั้นพี่วิทยากรก็พูดถึงลักษณะโครงการไปเรื่อยๆ จนจบการประชุม

พอออกมาด้านนอก ก็มีผู้ปกครองที่จำหน้าป๊าได้เดินมาถามป๊าเรื่องค่าใช่จ่าย/ไปแล้วดีขึ้นไหม/ทำไมถึงยอมส่งไป ไม่ห่วงหรอ? แล้วดูสิ่งที่ป๊าตอบ...ค่าใช้จ่ายรวมๆก็ประมาณ 7-8 แสนรวมค่าโครงการ ค่ากินแล้ว ไปแล้วกลับมาก็ดี ดูโตขึ้น แล้วตอนแรกป๊าไม่ได้ตอบว่าทำไมถึงส่งไป ไม่ห่วงหรอ เขาก็ถามซ้ำ ป๊าเลยตอบว่า ก็ห่วงแต่ถ้าเลี้ยงให้อยู่ในสายตามากๆ เด็กมันก็จะโตขึ้นโดยที่ไม่มีทักษะการเอาชีวิตรอด รู้แต่ตำรา ทำงานไม่เป็น การที่ส่งไปเพราะต้องการเปิดโลกว่ามีสิ่งทีน่ากลัว มีปัญหาให้แก้และงานที่ต้องทำด้วยตัวเองให้ได้ ไม่ใช่เวลามีปัญหาก็รอคนอื่นมาช่วย พอทำไม่ได้ก็เลิกแล้วให้คนอื่นมาทำให้ต่อ ถ้าเป็นแบบนั้นเด็กที่โตขึ้นมาก็จะเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อ ดูแลตัวเองไม่ได้ คิดเองไม่เป็น เป็นหัวหน้าคนไม่ได้คงเป็นได้แค่ลูกน้องเขา อีกอย่างการส่งไปทำให้เด็กมีประสบการณ์ที่เราไม่มี ทุกวันนี้โลกพัฒนาไปไกลเกินกว่าที่คนมีความรู้ ประสบการณ์แบบเราจะทำงานเป็นเจ้าของธุรกิจเองได้ถ้าไม่ได้มีรากฐานมาก่อน ที่สำคัญการส่งไปทำให้เด็กมีครอบครัวและเพื่อนใหม่ ทำให้เหมือนมีเกราะอีกชั้นหนึ่งว่าโตขึ้นแล้วเขาจะรู้ว่าควรคบหรือ ติดต่อกับคนประเภทไหนได้บ้าง


ในความคิดของจขกท. เราคิดว่าการที่เราได้ไปแลกเปลี่ยน เราจะได้อะไรหลายๆอย่างที่ตอนเราอยู่ไทยไม่ได้ เช่นได้ครอบครัวใหม่ ได้เพื่อนใหม่ ได้วัฒนธรรมตามแบบที่มันควรจะเป็นไม่ใช่แบบที่ถูกดัดแปลงแล้ว ได้เปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับคนบางเชื้อชาติ เหมือนกับหลายๆคนชอบติดภาพคนผิวสีน่ากลัว ชอบใช้ความรุนแรง แต่เอาจริงๆเราเคยรู้จักคนผิวสี 2-3 คน ทุกคนเฟรนลี่ ตลก น่ารัก กล้าได้กล้าเสีย ซึ่งการที่จะเป็นโฮสต์แฟมิลี่ได้ไม่ว่าจะคนขาวหรือผิวสี ทางโครงการก็ต้องมีตรวจสอบอะไรหลายๆอย่างมาแล้วว่าปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อเด็กที่จะไปแลกเปลี่ยน ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองที่บ้านมีฐานะหน่อยก็ควรจะให้ลองไปแลกเปลี่ยนดูนะค่ะ หรือเดี๋ยวนี้แต่ละโครงการก็จะมีทุนให้อยู่แล้วสำหรับบางครอบครัวที่มีปัญหาทางด้านการเงิน อีกอย่างที่จะได้หลังจากการไปแลกเปลี่ยนคือ ความเป็นตัวเอง ความเข้าใจตัวเอง เพราะเราต้องอยู่กับตัวเองมากขึ้น เราต้องคอยเช็คตัวเราเองว่าโอเคหรือป่าว? และสิ่งที่แน่นอนที่สุดที่จะได้หลังจากกลับจากการแลกเปลี่ยนคือ ทักษะภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาที่สาม เช่น ภาษาจีน ฝรั่งเศษ เยอรมัน ที่เราจะมีมากกว่าเด็กในรุ่นเดียวกันแน่นอนเพราะการไปแลกเปลี่ยนจะไปประมาณ 10-12 เดือน ซึ่งเราต้องใช้ภาษาที่ไม่ใช่ภาษาไทยตลอดเวลา ภาษาไทยอาจจะได้ใช้เวลาโทรกลับมาหาที่บ้านบ้าง และที่สำคัญเราจะได้ประสบการณ์ที่เด็กรุ่นเดียวกันไม่มีทางเข้าใจ เหมือนอย่างพี่ของจขกท.ตอนจะกลับพายุเข้า ทำให้เครื่องบินภายในประเทศดีเลห์ ทำให้พี่ของจขกท.ตกเครื่องที่จะบินกลับไทย ตอนนั้นป๊า ม๊า และ คนที่บ้านก็เป็นห่วงพี่ของจขกท.มาก โทรหาตลอด ติดต่อเจ้าหน้าที่โครงการ ซึ่งพอทางเจ้าหน้าที่ทราบข่าวก็ติดต่อทางสนามบิน ติดต่อพี่ของจขกท. แล้วช่วยจองตั๋วที่เร็วที่สุดที่จะบินกลับไทย พอถึงไทยพี่ของจขกท.ก็บอกว่าสนุกดีเพราะคงไม่ได้ตกเครื่องบ่อยๆ ในความคิดจขกท.สำหรับเหตุการณ์ตกเครื่องของพี่จขกท. จขกท.คิดว่าถ้าเราไม่ได้เป็นคนตกเครื่องเราก็จะไม่เข้าใจอารมณ์และสถานการณ์ว่าเราควรจะทำยังไงเวลาเราตกเครื่อง เหตุการณ์บางอย่างเราอาจจะเห็นแค่ภาพแต่ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมว่าตอนนั้นรู้สึกอย่างไรจนกระทั่งเราอยู่ในเหตุการณ์เอง. จขกท.ก็มีเรื่องจะแบ่งปันแค่นี้แหละ แชร์ไปให้ถึงพ่อแม่นะทุกคนที่อยากไป จขกท.เป็นกำลังใจให้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

มีอะไรถามได้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่