คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ขอตอบโดยไม่ได้มีข้ออ้างอิงทางวิชาการใด ๆ นะครับ แต่เป็นความคิดเห็นของตัวเองล้วน ๆ
ผมก็เคยสงสัยมาก่อนเหมือนกันว่า ภาษาต่าง ๆ มนุษย์เริ่มมีการเรียนรู้อย่างไร กว่าจะมาเป็่นตำราเหมือนทุกวันนี้
ยิ่งไปดูหนัง ดูสารคดีที่ชาวต่างชาติไปถ่ายทำเรื่องราวเกี่ยวกับชนเผ่าต่าง ๆ ในทุกมุมโลก ก็น่าทึ่ง ว่าเขาไปศึกษาภาษานั้น ๆ มาจากไหนจึงสามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่องเหมือนเกิดที่เดียวกัน ??
ผมจะเริ่มที่ตัวผมแล้วกัน เป็นประสบการณ์ตรงในการเรียนรู้ภาษาแบบธรรมชาติ คือผมเกิดภาคใต้ อยู่จังหวัดชายแดน เป็นไทยพุทธ เกิดมาผมก็พูดภาษาไทย (ภาษาถิ่นใต้) แต่เมื่อโตขึ้นหน่อยก็มีเหตุจำเป็นให้ต้องใช้อีกหนึ่งภาษาคือ ภาษายาวี ซึ่งเป็นของชาวมุสลิม เนื่องจากในตลาดมีพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของเป็นชาวมุสลิมเยอะมาก และเมื่อเราต้องไปซื้อของตอนแรก ก็สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง อาศัยภาษามืออย่างเดียว อยากได้อะไร ก็ชี้มือไป ส่วนราคาเขาพูดบอกเราเป็นภาษาไทยพอฟังรู้เรื่องและเข้าใจได้ จนในที่สุดเราก็ได้ของตามที่เราต้องการ
ต่อมาเหตุการณ์มันเกิดซ้ำ ๆ อยู่แบบนี้หลายสิบปี ผมเรียนจากเรียนรู้เป็นคำ ๆ มาก่อน โดยไม่มีใครสอนและก็ไม่ได้ถามใคร เส้นทางกลับบ้านก็เป็นป้มน้ำมันของชาวมุสลิมอีก พอรถยางรั่วก็ต้องเข้าอู่ชาวมุสลิมเช่นกัน อาศัยที่ได้คลุกคลีและสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมแบบนี้เป็นระยะเวลานานหลายปี วันหนึ่งผมก็เริ่มพูดภาษายาวีได้ คือแค่พูดได้อย่างเดียว แต่เขียนไม่ได้และอ่านไม่ออก เริ่มจากประโยคง่าย ๆ ก่อน พอเรามีคลังศัพท์ในหัวต่อไปถ้าไม่เข้าใจคำไหน ก็ถามเขาไปตรง ๆ เขาก็บอกให้เราฟัง เราก็จำมาใช้ จนทุกวันนี้ผมพูดภาษานี้ได้ และรวมไปถึงภาษามาลายู ซึ่งเป็นภาษากลางที่ใช้ในประเทศมาเลเซียด้วย (ศึกษาเพิ่มเติมภายหลัง)
จากประสบการณ์ตรงนี้ อธิบายได้ว่า มนุษย์น่าจะเริ่มเรียนภาษาจากเป็นคำ ๆ มาก่อน แล้วต่อมาจึงเป็นวลี และเป็นประโยค โดยอนุมานจากที่ตัวเองได้สัมผัสมาโดยแทบไม่ต้องมีใครสอนก็ว่าได้
ในยุคแรก ๆ ที่มีการค้ากับต่างชาติ ผมคิดว่าไม่น่าจะต่างกัน คนที่พูดได้ก็อยู่ในกลุ่มพ่อค้า คนทำธุรกิจ เมื่อมีการบันทึกบอกเล่าต่อ ๆ กันมา เลยออกมาเป็นตำราให้เราได้ศึกษากันในปัจจุบัน
ที่ถามว่า เริ่มจากคำศัพท์ hand มือ head หัว จนสื่อสารกันได้รู้เรื่อง เขาทำกันอย่างไร ผมคิดว่าน่าจะไม่แตกต่างจากประสบการณ์ที่ผมเริ่มเรียนรู้ภาษายาวีมากนัก คือเรียนโดยวิธีธรรมชาติ ไม่ต้องใช้ไวยากรณ์และก็นำมาสอนต่อแก่คนรุ่นหลัง ๆ ต่อไป
ขอย้ำอีกครั้งว่า บอกเล่าจากประสบการณ์จริงเท่านั้น โดยไม่ได้อ้างอิงหลักวิชาการใด ๆ ทั้งสิ้น
ผมก็เคยสงสัยมาก่อนเหมือนกันว่า ภาษาต่าง ๆ มนุษย์เริ่มมีการเรียนรู้อย่างไร กว่าจะมาเป็่นตำราเหมือนทุกวันนี้
ยิ่งไปดูหนัง ดูสารคดีที่ชาวต่างชาติไปถ่ายทำเรื่องราวเกี่ยวกับชนเผ่าต่าง ๆ ในทุกมุมโลก ก็น่าทึ่ง ว่าเขาไปศึกษาภาษานั้น ๆ มาจากไหนจึงสามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่องเหมือนเกิดที่เดียวกัน ??
ผมจะเริ่มที่ตัวผมแล้วกัน เป็นประสบการณ์ตรงในการเรียนรู้ภาษาแบบธรรมชาติ คือผมเกิดภาคใต้ อยู่จังหวัดชายแดน เป็นไทยพุทธ เกิดมาผมก็พูดภาษาไทย (ภาษาถิ่นใต้) แต่เมื่อโตขึ้นหน่อยก็มีเหตุจำเป็นให้ต้องใช้อีกหนึ่งภาษาคือ ภาษายาวี ซึ่งเป็นของชาวมุสลิม เนื่องจากในตลาดมีพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของเป็นชาวมุสลิมเยอะมาก และเมื่อเราต้องไปซื้อของตอนแรก ก็สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง อาศัยภาษามืออย่างเดียว อยากได้อะไร ก็ชี้มือไป ส่วนราคาเขาพูดบอกเราเป็นภาษาไทยพอฟังรู้เรื่องและเข้าใจได้ จนในที่สุดเราก็ได้ของตามที่เราต้องการ
ต่อมาเหตุการณ์มันเกิดซ้ำ ๆ อยู่แบบนี้หลายสิบปี ผมเรียนจากเรียนรู้เป็นคำ ๆ มาก่อน โดยไม่มีใครสอนและก็ไม่ได้ถามใคร เส้นทางกลับบ้านก็เป็นป้มน้ำมันของชาวมุสลิมอีก พอรถยางรั่วก็ต้องเข้าอู่ชาวมุสลิมเช่นกัน อาศัยที่ได้คลุกคลีและสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมแบบนี้เป็นระยะเวลานานหลายปี วันหนึ่งผมก็เริ่มพูดภาษายาวีได้ คือแค่พูดได้อย่างเดียว แต่เขียนไม่ได้และอ่านไม่ออก เริ่มจากประโยคง่าย ๆ ก่อน พอเรามีคลังศัพท์ในหัวต่อไปถ้าไม่เข้าใจคำไหน ก็ถามเขาไปตรง ๆ เขาก็บอกให้เราฟัง เราก็จำมาใช้ จนทุกวันนี้ผมพูดภาษานี้ได้ และรวมไปถึงภาษามาลายู ซึ่งเป็นภาษากลางที่ใช้ในประเทศมาเลเซียด้วย (ศึกษาเพิ่มเติมภายหลัง)
จากประสบการณ์ตรงนี้ อธิบายได้ว่า มนุษย์น่าจะเริ่มเรียนภาษาจากเป็นคำ ๆ มาก่อน แล้วต่อมาจึงเป็นวลี และเป็นประโยค โดยอนุมานจากที่ตัวเองได้สัมผัสมาโดยแทบไม่ต้องมีใครสอนก็ว่าได้
ในยุคแรก ๆ ที่มีการค้ากับต่างชาติ ผมคิดว่าไม่น่าจะต่างกัน คนที่พูดได้ก็อยู่ในกลุ่มพ่อค้า คนทำธุรกิจ เมื่อมีการบันทึกบอกเล่าต่อ ๆ กันมา เลยออกมาเป็นตำราให้เราได้ศึกษากันในปัจจุบัน
ที่ถามว่า เริ่มจากคำศัพท์ hand มือ head หัว จนสื่อสารกันได้รู้เรื่อง เขาทำกันอย่างไร ผมคิดว่าน่าจะไม่แตกต่างจากประสบการณ์ที่ผมเริ่มเรียนรู้ภาษายาวีมากนัก คือเรียนโดยวิธีธรรมชาติ ไม่ต้องใช้ไวยากรณ์และก็นำมาสอนต่อแก่คนรุ่นหลัง ๆ ต่อไป
ขอย้ำอีกครั้งว่า บอกเล่าจากประสบการณ์จริงเท่านั้น โดยไม่ได้อ้างอิงหลักวิชาการใด ๆ ทั้งสิ้น
แสดงความคิดเห็น
ชาวตะวันตก ที่เข้ามาอาณาจักรไทย กลุ่มแรกๆนี่เค้าทำยังไง ถึงสื่อสารกับคนไทยยุคนั้นจนเข้าใจได้ครับ
อย่างเราโตมา เราก็ได้เรียนภาษาอังกฤษ และรู้ว่าคำนั้นๆแปลว่าอะไร เช่น เรารู้ว่า Yes แปลว่าใช่ No แปลว่าไม่
แต่พอผมลองจิตนาการว่า ผมคือคนไทยในยุคที่ไม่เคยมีชาวตะวันตกเข้ามาในย่านนี้มาก่อน
แล้ววันดีคืนดี มีคนหัวทอง รูปร่างหน้าตาไม่เคยเห็น ล่องเรือมาเกยแผ่นดินไทยยุคนั้น
พวกนั้นลงมา ก็คงพูดภาษาของเขา แต่คงจะไม่รู้แบบคนยุคนี้หรอก ฝรั่งคงพูด เฮลโหล่ คนไทยยุตนั้นก็คงเกาหัวแกรกๆ
........แล้วเค้าทำยังไง ถึงทำให้คนไทยยุคต่อๆมาเข้าใจในภาษาของเขาได้แบบว่า นี่แฮนด์แปลว่ามือนะ เฮดคือหัวนะ
แบบที่คนปัจจุบันเข้าใจโดยทันทีว่าแปลว่าอะไรแบบนี้จนถึงขนาดเราสื่อสารกับเขาแล้วเอามาสอนต่อๆกันมาได้น่ะครับ