♥♡ UTMF ไม่ใช่วิ่งระยะ 100 miles... แต่ดีต่อใจ ♥♡



สวัสดีค่ะ ออ.กลับมาเล่าต่อจากเรื่องเดิมที่เล่าไปคราวที่ไปวิ่งที่ยุโรปงาน UTMB
( ตามลิงค์นี้นะคะ ... http://pantip.com/topic/35819905 )
คราวนี้ถึงคราวของ UTMF (Ultra Trail Mt. Fuji = วิ่งระยะทาง 100 ไมล์ (168km)รอบภูเขาไฟฟูจิ)แล้ว

รายการแข่งนี้อยู่ถัดจากรายการเดิมไปเพียง 1 เดือน แต่โชคดีที่การแข่งครั้งก่อนที่เกิดข้อเท้าพลิกแล้วไม่รั้นไปต่อ
จึงทำให้อาการบาดเจ็บมีไม่มาก ไม่ถึงขั้นต้องกายภาพที่รพ.

หลังกลับจากยุโรปก็ไม่ได้ซ้อมวิ่งอะไรเพิ่มเลยค่ะ ใช้ชีวิตปกติ วิ่งวันละนิดหน่อย
ทั้งๆที่งานนี้คืองานใหญ่ที่รอคอยมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และมันจะเป็นการลงวิ่งระยะ 100 ไมล์ “ครั้งแรกในชีวิต”

บอกตามตรงจากใจเลยค่ะ
ออ.ไม่คาดหวังในความสำเร็จของงานนี้เลย เพราะร่างกายที่บาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเรื้อรัง มันทำให้ความมั่นใจที่เคยมีหายไปหมด
ตอนสมัครก็สมัครก่อนล่วงหน้าเกือบปี ซึ่งตอนนั้นก็มั่นใจว่าจะฟิตร่างกายทันแข่งอย่างแน่นอน อมยิ้ม08

แต่เมื่อวันแข่งขันใกล้เข้ามาถึงแล้วทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด การตัดสินใจเดินทางไปแข่งเป็นเรื่องของจิตใจล้วนๆ
ออ.ไปเพราะใจที่อยากไป อยากเห็นบรรยากาศ อยากเป็นส่วนหนึ่งในงาน
แม้จะรู้ทั้งรู้ว่ายังไงตัวเองก็ไม่มีทางพาร่างกายผ่านภูเขานับสิบลูก
ผ่านระยะทางที่แสนยากนับร้อยไมล์ไปจนถึงเส้นชัยได้แน่ๆ

ด้วยใจที่พยายามคิดในแง่ดี ก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้
...หรือบางทีมันอาจจะมีปาฏิหาริย์...

พลุ

ออ. จับทุกอย่างยัดลงเป้สะพายเพื่อความสะดวกในการเดินทางคนเดียว
แต่สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนใจไปใช้กระเป๋าลากใบใหญ่ๆแทน
เพราะข้าวของที่ออ.เตรียมไปยัดลงเป้ไม่ไหวจริงๆ อุปกรณ์ล้นออกมาเยอะมาก ทั้งๆทีคัดแต่ของที่จำเป็นแล้วทั้งนั้น


ออ.เดินทางไปคนเดียวค่ะ แม้จะเป็นคนที่ไม่ค่อยรู้อิโหน่อิเหน่อะไรเท่าไหร่
แต่ก็พอจะวางแผนอะไรเป็นบ้าง


นั่งเครื่องแป๊บเดียว หลับหนึ่งตื่นก็ถึงสนามบินนาริตะแล้วค่ะ ทุกอย่างราบรื่นดี


ออ ถึงญี่ปุ่นแล้วกะว่าจะอยู่ชินจุกุซักคืนนึงก่อนเดินทางไปคาวากูชิโกะ(เมืองแข่ง)
พอมาถึงก็เจอแจกพอร์ตเลยค่ะ ฝนตกตลอดวันตามพยากรณ์อากาศเป๊ะเลย
ยิ่งดูพยากรณ์วันถัดไปที่เหลือยิ่งเศร้าใจหนักกว่าเดิม  เพราะฝนจะตกทุกวันไปจนถึงวันแข่ง
ซึ่งนั่นหมายความว่าในป่าที่จะวิ่งเส้นทางคงเละตุ้มเป๊ะเป็นแน่



นึกถึงปีก่อนหน้าที่มาแข่ง ตอนนั้น ออ.ลงแข่งด้วยระยะเพียง 80 K คือครึ่งรอบฟูเขาไฟฟูจิ(ชื่องานเรียกอีกอย่างว่า STY)
ปีที่แล้วเป็นปีแรกที่ทางงานเลื่อนการแข่งขันมาเดือนกันยายนซึ่งเป็นฤดูฝน
วันแข่งก็ฝนตกตลอดอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ก็ยังอุตส่าห์วิ่งรอดมาได้
และปีนี้ก็ไม่ต่าง ฝนตกเหมือนเดิมแต่ดูท่าจะหนักกว่าปีที่แล้วซะด้วย อมยิ้ม08


ออ.อยู่ชินจุกุก็ฝนตกตลอด เดินกางร่มเล่น ละอองฝนจับที่ตัว
ลมพัดมาเล่นเอาหนาวจนต้องรีบกลับไปอาบน้ำนอนพักที่โรงแรม
ไม่ได้shoppingอะไรมากมาย แค่เดินเอาบรรยากาศก่อนจะรีบเข้านอนเพราะตอนเช้าต้องนั่งรถไปยังเมืองแข่งแล้ว

ฝนตกฝนตก

ตื่นแต่เช้าก็ลากกระเป๋าออกจากโรงแรม หลงทางนิดหน่อยก่อนไปถึง bus station ที่จะพาออ.ไปยังจุดหมาย
หลงอยู่นานแต่ก็มาทันเวลารถออกพอดีเลยล่ะค่ะ


นั่งหลับมาจนถึง ลงที่สถานีปลายทางด้วยความที่เห็นว่า 2 K
ไปถึงโรงแรมไม่ไกลเท่าไหร่ เลยเดินลากกระเป๋าไปละกัน เป็นการประหยัดค่าTaxi


ระหว่างทาง ออ ก็ live ผ่านทาง FB ไปด้วยนะ สนุกดีค่ะ แต่เล่นเอาเหนื่อยใช้ได้เลย (โชคดีที่วันเดินทางมาฝนไม่ตก และนั่นคือวันเดียวที่ฝนไม่ตก)
ลากกระเป๋ามาจนถึงโรงแรมได้เพราะ ออ.ค่อนข้างคุ้นเคยกับเส้นทางอยู่บ้างเพราะเคยมาแข่งเมื่อปีที่แล้ว

ดอกไม้

กลับมาครั้งนี้เหมือนทุกอย่างง่ายขึ้น ดีใจที่ได้กลับมา อีกทั้งการมาครั้งนี้มีพี่ๆคนไทยที่สนิทกันมาแข่งกันอีกเพียบเลย

มาถึงโรงแรมก็เย็นแล้วค่ะ ทานข้าวเย็นที่โรงแรมเค้าจัดให้ 2 ชุด ก็เลยชวนน้องภูมิ น้องในทีมที่มาอยู่รอ support ออ.ในวันแข่งให้มาทานเป็นเพื่อนกัน
ก่อนนัดเจอกันพรุ่งนี้เช้าเพื่อไปรับ BIB และเช็คอุปกรณ์สำหรับงานวิ่ง


พระอาทิตย์
เช้าวันใหม่ ภูมิมารอที่หน้าโรงแรมแต่เช้า 2 พี่น้องพากันเดินไปบริเวณงานที่อยู่ไม่ห่างจากโรงแรมมากนัก
บรรยากาศคึกคัก ฝนยังทำท่าว่าจะตก เมฆนี่ครึ้มเลย และออ.ก็เจอกลุ่มคนไทยที่นี่กันเกือบครบ


พี่ๆคนไทยที่เหลือพักอยู่บ้านเช่าหลังนึงค่ะ ซึ่งก็บังเอิญอยู่ใกล้กับโรงแรมที่ออ.พักมาก
ใกล้จนตกใจเลยล่ะ (คือมองจากโรงแรม ออ.เห็นหลังคาบ้านเช่าเลย) ห่างกันประมาณ500เมตรได้มั้ง
บ้านนั้นเป็นบ้านของพี่ๆทีม King UD ทีมที่เก่งที่สุดของไทยตอนนี้ล่ะ
ใครที่ติดตามการวิ่งเทรลคงรู้จักดีคือ พี่สัญญา รัชชี่  ลุงJAN  Alexis และน้องตัง

นอกเหนือจากนั้นก็มีพี่ป๋อมผู้จัดการทีมและคุณแม่ของรัชชี่ แม่ครัวหลักประจำบ้านเลยค่ะ
ออ.ชวนแม่มานอนด้วยกันที่โรงแรม ให้แม่ไปแช่ออนเซนซะหน่อย แถมยังได้นอนคุยกันตามประสาสาวๆอมยิ้ม22
ปล่อยให้บ้านนั้นมีแต่หนุ่มๆไปดีกว่า และแม่ก็จะตื่นแต่เช้ากลับไปบ้านทำอาหารให้หนุ่มๆในบ้านทานทุกวัน

ดอกไม้

บรรยากาศรับ BIB สนุกสนาน  มีงาน Expo ขายของมากมายออ.ตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะทำใจไว้เรียบร้อยแล้ว
shopping พูดคุยกับพี่ๆให้หายกังวล ตกเย็นก็ไปนั่งเล่นที่บ้านของทีม King UD พร้อมฝากน้องภูมิให้มาพักอยู่ในบ้านด้วยซะเลย



นี่คือเสื้อ Finisher ที่นักวิ่งที่วิ่งจบทุกคน จะได้รับ ออ.ได้แต่มองตาละห้อย ร้องไห้


ตกเย็นก็กลับเข้าโรงแรมพร้อมแม่ แล้วก็เตรียมตัวเข้านอนรอแข่งวันพรุ่งนี้บ่ายโมง
ก่อนนอนแม่ลงไปแช่ออนเซนด้วยล่ะค่ะ ออ ก็จัดของจัด จัดกระเป๋าเพื่อเตรียมแข่งวันพรุ่งนี้


สิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุดในการแข่งขัน มันคือสารพัดยา ที่ออ.จะพกติดตัวไปด้วย
ยิ่งกลัวเจ็บยิ่งต้องพกเยอะ เทปพันข้อเท้า ยาดม แอลกอฮอล์แผ่น เม็ดเกลือ สเปรย์ยา ฯลฯ กลัวที่สุดก็ข้อเท้าพลิกนี่แหละค่ะ


จนถึงตอนที่ออ. เอา BIB มานั่งมอง  แอบใจหายเหมือนกันค่ะ
ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะมีโอกาสมีชื่อตัวเองอยู่บน BIB สีฟ้าแผ่นนี้
ทั้งๆที่เคยบอกตัวเองไว้เมื่อปีที่แล้วว่า ยังไงก็คงไม่ลงวิ่ง 100 ไมล์แน่ๆ
แต่สุดท้าย มันก็มีวันนี้จนได้


พระอาทิตย์
เช้าวันแข่งมาถึง  แม่ตื่นแต่เช้ากลับบ้านไปทำกับข้าวแล้ว ออ.เองก็แต่งตัวรอออกไปแข่ง


มองออกไปนอกหน้าต่าง ฝนตกปรอยๆตลอดเวลา  ห่อเหี่ยวใจมาก ไม่อยากจะนึกว่าบนเขาจะเป็นยังไงเลย

น้องภูมิมารอที่หน้าโรงแรมช่วยถือ bag drop (ถุงที่ใส่อาหาร ของใช้ต่างๆที่ออ.ตั้งใจจะฝากไว้ตามจุด check point) ไปให้
ภูมิจะเป็น supporter ให้ ออ ตามจุดต่างๆ
Supporter คือ คนที่จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือเราเมื่อเราไปถึงจุด CP แล้ว
ซึ่งส่วนตัว ออ เองก็ไม่เคยมี supporter มาก่อนเลยค่ะ มีน้องภูมิมาช่วยครั้งนี้ก็น่าจะอุ่นใจดี
ออ บอกภูมิไว้ว่า พี่ไม่รู้จะไปได้กี่กิโลนะ
แต่จะพยายามไปหาน้องให้ได้ทุกจุดที่น้องรอ



ใกล้เวลาแข่งเข้าไปทุกที

ออ.ก็ลัลล้าไปตามเรื่องตามราว แม้จะหวั่นๆแต่ก็ช่างมันเถอะ

จนสุดท้ายพอใกล้เวลาแข่ง ทางงานแข่งก็ประกาศเลื่อนเวลาแข่งออกไปอีก 2 ชั่วโมงเพราะสภาพฝนที่ตกหนัก ทำให้เส้นทางการแข่งมีปัญหา
พวกเราจึงต้องเดินกลับมารอที่บ้านพัก แม่ทำกับข้าวให้พวกเรากินเพิ่มอีกออ น่ะนิสัยเสีย กินไปซะเยอะเลยค่ะ  กินเข้าไปเยอะทีนี้ก็ไม่ย่อย


ใกล้ถึงเวลาแข่ง ทางงานประกาศว่า
“ทางงานลดระยะทางการแข่งจาก 168 Kmให้เหลือเพียง 47 Km เนื่องจากเส้นทางแข่งไม่สามารถใช้ได้”
นั่นคือ “ข่าวดี”หรือ “ข่าวร้าย”กันแน่

สำหรับ ออ. มันมีความเสียดายปนความสบายใจอยู่นะ
เพราะถ้าให้ ออ ไป 168 Km ก็ไม่รู้จะเอาปัญญาที่ไหนไปสู้
แม้ใจจะพร้อมไปแต่ร่างกายที่มันออดๆแอดๆมาเกือบปีมันคงต้านทานไม่ไหว
พี่ๆหลายคนที่ตั้งใจมา เสียดายมากที่ลดระยะ ออ.ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่า “เท่าไหร่ก็เท่านั้น”
ในเมื่อให้วิ่ง 47 ออ.ก็จะวิ่ง 47 และจะวิ่งให้มีความสุขที่สุดก็แล้วกัน

ฝนตก

แม้จะวิ่งระยะลดลง แต่ข้าวของที่ออ.เตรียมไปก็ไม่ได้น้อยลงเลยค่ะ
ออ.ยังคงพกของสำคัญติดตัวไว้ตลอดเพื่อความไม่ประมาท  เสื้อแขนยาว  ผ้าห่มฉุกเฉิน  ขนมนมเนย  เจลให้พลังงาน ยาดม พระที่พ่อให้ไว้ติดตัว(สำคัญต่อใจมาก) และที่ขาดไม่ได้คือ สเปรย์พ่นข้อเท้าและหัวเข่า(จุดที่ออ. จะเจ็บอยู่เป็นประจำเวลาวิ่ง)

ไหนๆก็พูดถึงอาการเจ็บบ่อยแล้วและก็มีแต่คนถามว่าบรรเทาอาการเจ็บตามจุดต่างๆยังไง
ออ.ขออนุญาตพูดถึงสเปรย์ที่ ออ ใช้เลยแล้วกันนะคะ
ออ.ใช้ยูนิเรนสเปรย์ค่ะ ขวดสีขาวๆขุ่นๆ ขนาดไม่ใหญ่มาก
เคยถามเภสัชกรที่ร้านขายยา เค้าแนะนำให้ใช้  ตอนไปหาหมอ หมอก็ใช้ตัวนี้มาใช้เลยก็ใช้มาเรื่อยๆ
จะฉีดตอนมีอาการปวดเท่านั้นค่ะ สักพักที่ตัวยาซึมเข้าไป อาการจะดีขึ้น ออ.พกติดไป 2 ขวดกันหายระหว่างทาง หรือบางครั้งก็เอาไว้แบ่งนักวิ่งบางคนที่มีอาการเจ็บไปขวดนึง เก็บไว้ให้ตัวเองขวดนึง

พาพันไฟท์ติ้ง



พอถึงเวลาวิ่งก็วิ่งไปตามทางเรื่อยๆ คนเบียดเสียดกันมาก ออ.วิ่งไม่เร็ว อีกอย่างไม่ได้วิ่งนานก็เลยวิ่งยากหน่อย
คนแข่งเยอะ เส้นทางที่เข้าป่าก็แคบ ทางงานก็ค่อยๆทะยอยคนเข้าป่าไปเป็นกลุ่มๆ
ออ.ก็รอไปตามคิวค่ะ ถือว่าได้พักไปด้วย และตอนที่หัวใจเต้นแรงๆ แอบคิดนะว่า เออ 47 ก็โอเคอยู่นะ 555อมยิ้ม07


เรื่องวิ่งนี่แทบไม่มีอะไรจะเล่าเลย ในความทรงจำคือทุกอย่างเละตุ้มเป๊ะ
เหมือนเหยียบไปบนปลักควายตลอดทาง มันคือขี้โคลนเละๆตลอดทาง
บางจุดเหยียบจมลงไปถึงข้อเท้าเลยค่ะ บางคนดึงเท้าออกมาได้แต่เท้าตัวเอง รองเท้าฝังอยู่ในโคลน 555
เละเทะ โคลนเกาะเท้าหนักมาก บางที่ชันๆนี่ ออ นั่งยองๆให้ตัวเองสไลด์ไหลไปตามเขาเลยล่ะ  ลื่นหงายหลังวูบๆนับครั้งไม่ถ้วน


พอหลุดมาวิ่งตรงถนนก็ดีหน่อย แต่สักพักก็กลับไปในป่าอีก
จุดที่วิ่งง่ายอย่างถนนก็ไม่ง่ายไปแล้วเพราะเท้าที่เกร็งๆลื่นๆมาตลอดทางมันปวดไปหมด  
ออ.ก็ฉีดสเปรย์ไปด้วย วิ่งไปด้วย นับถอยหลังให้ครบ 47 ไวๆจะได้กลับไปนอนให้สบายใจซักที
ผ่าน 30 K มาได้นี่ ออ.คึกหนักมาก ยิ่งเหลือ10 K สุดท้าย อาการปวดเริ่มหายนี่เห็นอันดับตัวเองขึ้นมา 61 อันดับ (นั่นหมายถึงแซงไป 61 คน)
คงเป็นเพราะทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว

พาพันรีบ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่