JJNY : เปิดร่างประกาศดิจิทัล กฎหมายเสริมเขี้ยวพ.ร.บ.คอมพ์ นักวิชาการชี้กระทบธุรกิจออนไลน์ ต่างชาติไม่มาลงทุน

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับแก้ไข ประกาศใช้ ใน 120 วัน หลังจากสนช.ลงมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา จากนั้นภายใน 60 วัน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จะต้องออกประกาศกระทรวงดิจิทัลฯ อีก 5 ฉบับ เพื่อใช้ประกอบกับมาตรา 11, 15, 17/1, 20 และ 20/1 ซึ่งเป็นข้อห่วงกังวลของฝ่ายไม่เห็นด้วยอย่างพลเมืองเน็ต และองค์กรสิทธิมนุษยชน

เช่น มาตรา 15 ของพ.ร.บ.คอมพ์ ฉบับแก้ไข เนื้อหาระบุว่า ผู้ให้บริการใด ให้ความร่วมมือ ยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำผิด ให้รัฐมนตรีเป็นผู้ออกประกาศกำหนดขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการแพร่หลาย และการนำข้อมูลออกจากระบบคอมพิวเตอร์ ถ้าผู้ให้บริการพิสูจน์ได้ว่าปฏิบัติตามประกาศ ก็ไม่ต้องรับโทษ

ส่วนเนื้อหาของร่างประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่อง ขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ และการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ พ.ศ. …. ฉบับวันที่ 18 พ.ย. สอดคล้องกับมาตรา 15 มีสาระสำคัญดังนี้ ข้อ 4 การให้บริการของผู้ให้บริการดังต่อไปนี้ ไม่ถือว่าเป็นการกระทําที่ผิดกฎหมาย ในฐานการร่วมมือ ให้ความยินยอม หรือเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 15 ในส่วนที่ว่าด้วย การให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือเครือข่ายในระบบคอมพิวเตอร์ที่ ดูแลควบคุมเนื้อหาข้อมูลโดยผู้ให้บริการแต่ละราย โดยผู้ให้บริการประเภทนี้ได้แก่ ผู้ให้บริการการจัดเก็บข้อมูลประเภท คอมพิวเตอร์, Clouding, Data Center ฯลฯ และ การให้บริการทางเทคนิคเพื่อเป็นที่ตั้งหรือที่พักของแหล่งข้อมูล โดยผู้ให้บริการประเภทนี้ได้แก่ เว็บไซต์ หรือสื่อประเภทโซเชียลมีเดีย

ทั้ง 2 การบริการนี้มีข้อกำหนดว่า ทันทีที่ผู้ให้บริการได้รับการแจ้งถึงการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดกฎหมาย ตามมาตรา 14 ผู้ให้บริการต้องรีบดําเนินการระงับการแพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ผิดกฎหมาย ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ที่ตนเองดูแลควบคุมหรือเป็นเจ้าของตามที่ระบุไว้ในข้อ 5

ข้อ 5 ว่าด้วย การจัดเตรียมมาตรการดังต่อไปนี้เพื่อแจ้งเตือน หรือระงับการเผยแพร่หรือนำข้อมูลนั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ ของผู้ให้บริการ มี 2 ส่วนคือ 1.ขั้นตอนการแจ้งเตือน ผู้ให้บริการจะต้องจัดหามาตรการแจ้งเตือน เป็นลายลักษณ์อักษร ดำเนินการหรือวิธีการเพื่อแจ้งเตือนเพื่อให้ ผู้ให้บริการระงับ การแพร่หลายหรือลบข้อมูลที่ผิดกฎหมายออกจากระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมดูแล โดยหนังสือแจ้งตือนต้องระบุข้อมูลของผู้ใช้บริการ ทั้ง ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ตลอดจนต้องมี แบบฟอร์มข้อร้องเรียน เพื่อให้ผู้ใช้บริการหรือบุคคลภายนอก แจ้งผู้ให้บริการเพื่อระงับหรือลบการเผยแพร่ข้อมูลผิดกฎหมาย

2.เมื่อผู้ให้บริการได้รับข้อร้องเรียนตามแบบฟอร์ม ต้องดําเนินการ ดังนี้ (1) ดําเนินการลบหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลเพื่อไม่ให้แพร่หลายต่อไปโดยทันที (2) จัดทําสําเนาข้อร้องเรียนรวมถึงรายละเอียดข้อร้องเรียนของบุคคลที่ร้องเรียน ดังกล่าวส่งให้กับผู้ใช้บริการซึ่งอยู่ในความควบคุมดูแลของผู้ให้บริการโดยทันที (3) ระงับซึ่งการแพร่หลายข้อมูลดังกล่าวโดยรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้แต่ต้อง ไม่เกิน 3 วันทําการ นับแต่วันที่ได้รับข้อร้องเรียนดังกล่าว

ด้านนายคณาธิป ทองรวีวงศ์ อาจจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.เซนต์จอห์น กล่าวว่า หากเนื้อหาของประกาศกระทรวงดีอี ไม่ปรับเนื้อหาจากร่างประกาศทีเปิดเผย จะส่งผลให้เกิดปัญหาหลายด้านคือ
1. เพิ่มภาระต้นทุนให้ผู้ให้บริการต้อง ต้องแบกรับภาระต้นทุนเพิ่มจากการสร้างระบบการแจ้งเตือนตามประกาศ
2.เกิดการกลั่นแกล้งกันได้ง่าย เพราะใครสามารถเป็นผู้แจ้งร้องเรียนก็ได้ กระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวกับออนไลน์โดยตรง ถ้ามีการใช้กติกาตรงนี้ไปรายงานความผิดกลั่นแกล้งกัน
3.ข้อมูลที่ถูกแจ้งเตือนแล้วต้องถูกลบออก หากสุดท้ายแล้วศาลสั่งว่าไม่ผิดก็ไม่มีส่วนของการเยียวยาว่า จะทำอย่างไรกับข้อมูลที่หายไป ทำให้ขาดการถ่วงดุล และ
4.กระทบต่อเสรีภาพทางการสื่อสาร จะกลายเป็นการสร้างประเพณีใหม่ของการเซ็นซอร์ตัวเองโดยผู้ให้บริการ เพราะจะมีการระงับข้อมูล ลบข้อมูล เพื่อป้องกันตัวเองไว้ก่อน เมื่อมีรายงานเข้ามา เนื่องจากเพื่อเป็นการป้องกันตัวไม่ให้ผิดตามมาตรา 15 ที่ใช้คำว่า ใครรู้เห็นเป็นใจ จะต้องผิดไปด้วย

“ประกาศฉบับนี้ กินความถึงเอกชนผู้ให้บริการทั้งด้าน จัดเก็บข้อมูล เว็บไซต์ ตลอดจน โซเชียลมีเดีย สำหรับ ผู้ให้บริการในประเทศไทยคงไม่มีปัญหาการปฏิบัติตาม แต่ผู้ให้บริการของต่างประเทศเขามีระบบตรงนี้ตามกฎหมายของเขาอยู่แล้ว คงไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ และสำหรับเอกชนจากต่างประเทศที่มาลงทุนในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องอาจจะตระหนักถึงปัญหาแล้วมีการชะลอหรือย้ายการลงทุนได้”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่