" คนไทยต้องช่วยเหลือกัน "
" ความสุขเกิดจากการให้(ที่ไม่สิ้นสุด) "
เราคงเคยได้ยินประโยคข้างต้น บ่อยๆ ผ่านสื่อโฆษณาบ้าง ผ่านคนรอบข้างบ้าง ผ่านหนังสือบ้าง ผมก็เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าการให้
มันทำให้เรามีความสุขได้จริงๆ หรือการช่วยเหลือผู้อื่นก็เช่นกัน มันทำให้เรารู้สึกภาคภูมิใจไม่ต่างจากการทำบุญ เหมือนเราอิ่มบุญยังไงอย่างงั้น
แต่ว่าในทางปฏิบัติดูเหมือนจะไม่ง่ายแบบนั้นครับ เราทุกคนคงเคยเจอประสบการณ์ที่เราต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่น แต่เขาไม่ให้ความช่วยเหลือเรา โดยยกเหตุผลต่างๆนาๆ ซึ่งก็มีเหตุผลบ้าง หรือบ้างครั้งเหตุผลที่ได้ยินอาจจะไม่ค่อยเนียน คือ เรารู้ว่าเขาปฏิเสธเราทางอ้อม
ในความจริงการช่วยเหลือมีความยากมากกว่าการพูด เพราะในเรื่องต่างๆที่เราต้องการความช่วยเหลือนั้น คนที่เราไปขอให้เขาช่วยมักจะมีเกณฑ์ มีข้อแม้บางอย่างที่เป็นอุปสรรคในการช่วยเหลือ ผมไม่ได้หมายความว่าทุกการช่วยเหลือมันยากขนาดนั้น แต่อยากจะบอกเล่าอีกมุมนึงที่ตรงข้ามกัน
โดยปกติถ้าการช่วยเหลือไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลได้ผลเสีย หรือ การได้เปรียบเสียเปรียบ มันก็คงจะไม่ปัญหาอะไร แต่ถ้าการช่วยเหลือไปเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ เรื่องธุรกิจ ภาพลักษณ์บางอย่างของผู้ที่เราต้องการให้เขาช่วย แน่นอนเขาคงต้องคิดหนักแน่
การช่วยแบบหลังนี้ จริงๆก็คือข้อตกลงทางธุรกิจ ความร่วมมือทางธุรกิจอะไรทำนองนี้ แต่สำหรับผมจะเรียกว่าการช่วยเหลือก็ไม่ผิดนัก แต่เป็นการช่วยเหลือที่ใหญ่กว่ามาก เท่านั้นเอง คือเป็นการขอความร่วมมือ ที่ต่างฝ่ายต่างขอบางอย่างต่อกัน
สมมุติว่าเราขายสินค้าบางอย่างและต้องการทำโฆษณา เราอยากจะให้เขาช่วยโฆษณาให้เรา แต่เขาปฏิเสธเพราะ เนื้อหาไม่ตรงกับแนวทางของเขา จริงอยู่เราก็ต้องดูตัวเองก่อนว่าเราควรจะโฆษณาที่ไหนยังไงถึงจะตรงกลุ่มเป้าหมายของเรา
แต่จริงๆแล้ว การโฆษณามันสามารถพูดคุยปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกันได้ แน่นอนว่าเราคงพร้อมจะปรับเพื่อจะได้ลงโฆษณา แต่บางครั้งผู้ให้โฆษณาอาจจะไม่อยาก หรือ คิดมากคิดเยอะ และสุดท้ายก็ปฏิเสธเราด้วยเหตุผลที่ดูดีบ้าง ดูแย่บ้าง
บางคนอาจจะบอกว่า "คุณก็ต้องดูตัวเอง/ดูงาน /ดูสินค้าของคุณก่อน ว่ามันดีแค่ไหน" ผมเห็นด้วยครับ แต่ลองนึกดูว่า หากมีผู้ต้องการลงโฆษณา 10 ราย ผู้ให้โฆษณาอาจจะเลือก1-2 รายที่ดีที่สุด ดังนั้น อีก8-9รายอาจจะพบกับอุปสรรคต่อไป ตรงนี้เองผมเพียงอยากชี้ให้เห็น ถึงอุปสรรคของการช่วยเหลือที่เกี่ยวกับธุรกิจหรือเรื่องที่ใหญ่ขึ้น
นอกจากนั้นการโฆษณายังมีเรื่องของเงินมาเกี่ยวข้อง บางครั้งผู้ให้โฆษณาก็เรียกเงินที่เกินความเป็นจริง ทั้งที่ผลตอบรับอาจจะแย่กว่าที่คิด ถ้าแบบนี้ค่อนข้างเอาแต่ได้ไปสักนิด
เราจะสังเกตได้ว่า เรื่องการโฆษณามีทั้งอุปสรรคในเรื่องเนื้อหา ทั้งเรื่องเงิน หรืออุปสรรคที่เกิดจากสินค้าของเราเอง มาเกี่ยวข้อง นี้ยังไม่รวมอุปสรรคอื่นอีกมาก
ในเรื่องอื่นๆก็เช่นกัน บางครั้งเราหันไปทางไหน ก็ไม่มีใครช่วยเหลือเรา หากเป็นสถานการณ์นี้คงแย่น่าดู
หรือการทำงานบางอย่างอาจจำเป็นต้องใช้เงิน บางครั้งเขาไม่ช่วยเหลือเราเพราะเราจ่ายน้อยกว่าเจ้าอื่น หรือเราอาจจะไม่มีเงินทุนมากพอก็ได้
บางครั้งเรื่องใกล้ๆตัวที่เราขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง บางทีเขาไม่สะดวก เขาไม่ว่าง เพราะเขาต้องทำหน้าที่ของตัวเองก่อน นี้ก็เป็นอุปสรรคอย่างนึงเช่นกัน
มุมมองที่ผมพยายามเล่าสู่กันฟังก็เป็นอีกมุมนึงเท่านั้น ที่สะท้อนถึงอีกด้านของความช่วยเหลือที่ในทางปฏิบัติไม่ได้ง่ายอย่างที่พูดเท่าไหร่นัก
แต่ก่อนอื่น เราคงต้องช่วยเหลือตัวเองก่อนจริงไหมครับ สมมุติว่าไม่มีใครช่วยเราจริงๆ แล้วเราหวังพึ่งพาคนอื่นมาโดยตลอดมันก็คงไม่เป็นผลดีกับเราในระยะยาว ถ้าเราต้องสู้ไปคนเดียว
การช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆอาจจะไม่ง่ายเหมือน คำพูด/ข้อความที่เราได้ยินกัน เราจึงต้องพึ่งตนเองให้ได้ก่อนทำตัวเองให้ดีที่สุด ให้เต็มที่เสียก่อน แล้วค่อยหาความช่วยเหลืออื่นๆต่อไป อย่างน้อยก็เพื่อให้เราไม่ลำบากในยามที่ไม่มีใครค่อยช่วย เพราะ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
--------------------------------------
โลกตรงข้าม
ขอขอบพระคุณครับ
คนไทยต้องช่วยเหลือกัน "พูดง่ายทำยาก" จริงๆนะ
" ความสุขเกิดจากการให้(ที่ไม่สิ้นสุด) "
เราคงเคยได้ยินประโยคข้างต้น บ่อยๆ ผ่านสื่อโฆษณาบ้าง ผ่านคนรอบข้างบ้าง ผ่านหนังสือบ้าง ผมก็เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าการให้
มันทำให้เรามีความสุขได้จริงๆ หรือการช่วยเหลือผู้อื่นก็เช่นกัน มันทำให้เรารู้สึกภาคภูมิใจไม่ต่างจากการทำบุญ เหมือนเราอิ่มบุญยังไงอย่างงั้น
แต่ว่าในทางปฏิบัติดูเหมือนจะไม่ง่ายแบบนั้นครับ เราทุกคนคงเคยเจอประสบการณ์ที่เราต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่น แต่เขาไม่ให้ความช่วยเหลือเรา โดยยกเหตุผลต่างๆนาๆ ซึ่งก็มีเหตุผลบ้าง หรือบ้างครั้งเหตุผลที่ได้ยินอาจจะไม่ค่อยเนียน คือ เรารู้ว่าเขาปฏิเสธเราทางอ้อม
ในความจริงการช่วยเหลือมีความยากมากกว่าการพูด เพราะในเรื่องต่างๆที่เราต้องการความช่วยเหลือนั้น คนที่เราไปขอให้เขาช่วยมักจะมีเกณฑ์ มีข้อแม้บางอย่างที่เป็นอุปสรรคในการช่วยเหลือ ผมไม่ได้หมายความว่าทุกการช่วยเหลือมันยากขนาดนั้น แต่อยากจะบอกเล่าอีกมุมนึงที่ตรงข้ามกัน
โดยปกติถ้าการช่วยเหลือไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลได้ผลเสีย หรือ การได้เปรียบเสียเปรียบ มันก็คงจะไม่ปัญหาอะไร แต่ถ้าการช่วยเหลือไปเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ เรื่องธุรกิจ ภาพลักษณ์บางอย่างของผู้ที่เราต้องการให้เขาช่วย แน่นอนเขาคงต้องคิดหนักแน่
การช่วยแบบหลังนี้ จริงๆก็คือข้อตกลงทางธุรกิจ ความร่วมมือทางธุรกิจอะไรทำนองนี้ แต่สำหรับผมจะเรียกว่าการช่วยเหลือก็ไม่ผิดนัก แต่เป็นการช่วยเหลือที่ใหญ่กว่ามาก เท่านั้นเอง คือเป็นการขอความร่วมมือ ที่ต่างฝ่ายต่างขอบางอย่างต่อกัน
สมมุติว่าเราขายสินค้าบางอย่างและต้องการทำโฆษณา เราอยากจะให้เขาช่วยโฆษณาให้เรา แต่เขาปฏิเสธเพราะ เนื้อหาไม่ตรงกับแนวทางของเขา จริงอยู่เราก็ต้องดูตัวเองก่อนว่าเราควรจะโฆษณาที่ไหนยังไงถึงจะตรงกลุ่มเป้าหมายของเรา
แต่จริงๆแล้ว การโฆษณามันสามารถพูดคุยปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกันได้ แน่นอนว่าเราคงพร้อมจะปรับเพื่อจะได้ลงโฆษณา แต่บางครั้งผู้ให้โฆษณาอาจจะไม่อยาก หรือ คิดมากคิดเยอะ และสุดท้ายก็ปฏิเสธเราด้วยเหตุผลที่ดูดีบ้าง ดูแย่บ้าง
บางคนอาจจะบอกว่า "คุณก็ต้องดูตัวเอง/ดูงาน /ดูสินค้าของคุณก่อน ว่ามันดีแค่ไหน" ผมเห็นด้วยครับ แต่ลองนึกดูว่า หากมีผู้ต้องการลงโฆษณา 10 ราย ผู้ให้โฆษณาอาจจะเลือก1-2 รายที่ดีที่สุด ดังนั้น อีก8-9รายอาจจะพบกับอุปสรรคต่อไป ตรงนี้เองผมเพียงอยากชี้ให้เห็น ถึงอุปสรรคของการช่วยเหลือที่เกี่ยวกับธุรกิจหรือเรื่องที่ใหญ่ขึ้น
นอกจากนั้นการโฆษณายังมีเรื่องของเงินมาเกี่ยวข้อง บางครั้งผู้ให้โฆษณาก็เรียกเงินที่เกินความเป็นจริง ทั้งที่ผลตอบรับอาจจะแย่กว่าที่คิด ถ้าแบบนี้ค่อนข้างเอาแต่ได้ไปสักนิด
เราจะสังเกตได้ว่า เรื่องการโฆษณามีทั้งอุปสรรคในเรื่องเนื้อหา ทั้งเรื่องเงิน หรืออุปสรรคที่เกิดจากสินค้าของเราเอง มาเกี่ยวข้อง นี้ยังไม่รวมอุปสรรคอื่นอีกมาก
ในเรื่องอื่นๆก็เช่นกัน บางครั้งเราหันไปทางไหน ก็ไม่มีใครช่วยเหลือเรา หากเป็นสถานการณ์นี้คงแย่น่าดู
หรือการทำงานบางอย่างอาจจำเป็นต้องใช้เงิน บางครั้งเขาไม่ช่วยเหลือเราเพราะเราจ่ายน้อยกว่าเจ้าอื่น หรือเราอาจจะไม่มีเงินทุนมากพอก็ได้
บางครั้งเรื่องใกล้ๆตัวที่เราขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง บางทีเขาไม่สะดวก เขาไม่ว่าง เพราะเขาต้องทำหน้าที่ของตัวเองก่อน นี้ก็เป็นอุปสรรคอย่างนึงเช่นกัน
มุมมองที่ผมพยายามเล่าสู่กันฟังก็เป็นอีกมุมนึงเท่านั้น ที่สะท้อนถึงอีกด้านของความช่วยเหลือที่ในทางปฏิบัติไม่ได้ง่ายอย่างที่พูดเท่าไหร่นัก
แต่ก่อนอื่น เราคงต้องช่วยเหลือตัวเองก่อนจริงไหมครับ สมมุติว่าไม่มีใครช่วยเราจริงๆ แล้วเราหวังพึ่งพาคนอื่นมาโดยตลอดมันก็คงไม่เป็นผลดีกับเราในระยะยาว ถ้าเราต้องสู้ไปคนเดียว
การช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆอาจจะไม่ง่ายเหมือน คำพูด/ข้อความที่เราได้ยินกัน เราจึงต้องพึ่งตนเองให้ได้ก่อนทำตัวเองให้ดีที่สุด ให้เต็มที่เสียก่อน แล้วค่อยหาความช่วยเหลืออื่นๆต่อไป อย่างน้อยก็เพื่อให้เราไม่ลำบากในยามที่ไม่มีใครค่อยช่วย เพราะ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
--------------------------------------
โลกตรงข้าม
ขอขอบพระคุณครับ