เรื่องมันมีอยู่ว่า (เหตุการณ์จริง ชื่อตัวละครจำลอง) อาจยาวนิดนึงนะครับ
1.นางเอได้ไปเรียนและซื้อสูตรอาหารชนิดหนึ่งจากแม่ค้าทางภาคเหนือ
2.นางเอได้นำสูตรที่เรียนมาปรับปรุงรสชาติใหม่เล็กๆน้อยๆ (หากชิมของนางเอและแม่ค้าทางภาคเหนือแทบไม่รู้ถึงความต่างมากนักรวมถึงรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน)
3.กิจการของนางเอรุ่งเรืองดีมากมีแม่ค้าคนอื่นๆรับมาจำหน่ายมากมายรวมถึงญาติผมคนหนึ่งก็ไปรับมาจำหน่ายเช่นกัน
4.ทุกๆครั้งนางเอมักจะเสนอให้นำป้ายร้านค้าซึ่งเป็นร้านชื่อนางเอพร้อมเบอร์โทรศัพท์ของนางเอให้ญาติผมติดหน้าร้านตอนขายของ ซึ่งญาติผมมองว่าไม่ควรติดเนื่องจากชื่อร้านและเบอร์โทรไม่ใช่ของเรา ญาติผมก็เอาป้ายร้านของตนเองมาติดตามปกติทุกครั้งที่ออกร้านขาย ซึ่งนางเอรับทราบก็ไม่ได้ว่าอะไร
5.ลักษณะสินค้าที่รับมาจากนางเอไม่มีการบรรจุและติดฉลากอะไรคือรับมาเป็นจำนวนกิโลกรัมแล้วญาติผมก็นำมาตักใส่ถุงแบ่งขาย
6.ต่อมานางเอกิจการรุ่งเรืองดีมากจึงลงทุนสร้างโรงงานขนาด SME เพื่อให้ผ่าน อย.และสามารถจดชื่อยี่ห้อเป็นของตนเองได้
7.ในตลาดเดียวกันที่ญาติผมนำสินค้าไปแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่าย ก็มีคู่แข่งเป็นสินค้าตัวเดียวกัน รูปร่างเหมือนกันมาจำหน่ายแต่เค้ารับมาจากแม่ค้าทางภาคเหนือโดยตรง ซึ่งก็ไม่มีปัญหากัน เพราะเจ้าของตลาดจัดพื้นที่ขายห่างไกลกันมากและลูกค้าใครลูกค้ามันและเค้าก็ไม่ได้มาขายเป็นเจ้าประจำ
8.นางเอก็จำหน่ายขายส่งแบบเดิมมาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ขึ้นราคาต่อกิโลกรัมสูงมากจนญาติผมเริ่มไม่มีกำไรเพราะหากนำไปขึ้นราคาก็คงจะขายไม่ออก
9.ญาติผมจึงขอลดราคานางเอไปแต่นางเอไม่ยอมอ้างว่ามีหนี้เยอะทำไมไม่ช่วยๆกันบ้าง
10.ญาติผมจึงตัดสินใจไม่รับสินค้าจากนางเอมาจำหน่ายต่อ แต่ได้นำสินค้าจากแม่ค้าทางภาคเหนือมาจำหน่ายแทนเนื่องจากรสชาติคล้ายกัน หน้าตาเหมือนกันแต่ราคาส่งถูกกว่ากันมากๆ
11.นางเอทราบว่าญาติผมไม่สั่งสินค้าจากเขามาจำหน่ายจึงได้แจ้งญาติผมว่าจะเข้ามาขายในตลาดเดียวกันแทน ซึ่งญาติผมก็ตกลงและได้บอกไปว่าได้รับสินค้าจากทางแม่ค้าทางภาคเหนือมาจำหน่ายแทน
12.นางเอโมโหบันดานโทสะตำหนิกับทางญาติผมอย่างรุนแรงว่าห้ามนำสินค้าเดียวกันมาจำหน่ายในพื้นที่ 3 จังหวัด(รวมจังหวัดที่ญาติขาย) ไม่งั้นทางนางเอจะแจ้งตำรวจจับ เพราะเขาจดไว้หมดแล้วว่าห้ามจำหน่ายซ้ำ
13.ญาติผมไม่รู้กฏหมายจึงได้เครียดและนอนไม่หลับจนผมโทรไปสอบถามถึงได้ทราบเรื่องดังกล่าวมา
สิ่งที่ผมอยากทราบและสงสัย
1.คำที่นางเอบอกว่าจดไว้หมดแล้วผมตั้งประเด็นว่าน่าจะจดเครื่องหมายการค้ามากกว่าสิทธิบัตร เนื่องจากสินค้าดังกล่าวเป็นอาหารพื้นบ้านที่คนไทยรู้จักกันมาตั้งแต่โบราณ นางเอไม่ใช้ผู้คิดค้นจึงไม่น่าจะจดสิทธิบัตรได้ ผมจึงสงสัยว่ามันจะมีการจดแบบไหนอีกที่จะสามารถผูกขาดตลาดได้
2.หากนางเอยืนยันจะแจ้งตำรวจจริงทางญาติผมควรทำอย่างไรดี ญาติผมกลัวที่จะต้องเสียเวลาในการทำมาหากินไปกับเรื่องการขึ้นโรงพักและขึ้นศาลครับ
ขอบคุณทุกๆท่านล่วงหน้าครับ
รบกวนผู้รู้กฏหมายไขความกระจ่างเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าครับ
1.นางเอได้ไปเรียนและซื้อสูตรอาหารชนิดหนึ่งจากแม่ค้าทางภาคเหนือ
2.นางเอได้นำสูตรที่เรียนมาปรับปรุงรสชาติใหม่เล็กๆน้อยๆ (หากชิมของนางเอและแม่ค้าทางภาคเหนือแทบไม่รู้ถึงความต่างมากนักรวมถึงรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน)
3.กิจการของนางเอรุ่งเรืองดีมากมีแม่ค้าคนอื่นๆรับมาจำหน่ายมากมายรวมถึงญาติผมคนหนึ่งก็ไปรับมาจำหน่ายเช่นกัน
4.ทุกๆครั้งนางเอมักจะเสนอให้นำป้ายร้านค้าซึ่งเป็นร้านชื่อนางเอพร้อมเบอร์โทรศัพท์ของนางเอให้ญาติผมติดหน้าร้านตอนขายของ ซึ่งญาติผมมองว่าไม่ควรติดเนื่องจากชื่อร้านและเบอร์โทรไม่ใช่ของเรา ญาติผมก็เอาป้ายร้านของตนเองมาติดตามปกติทุกครั้งที่ออกร้านขาย ซึ่งนางเอรับทราบก็ไม่ได้ว่าอะไร
5.ลักษณะสินค้าที่รับมาจากนางเอไม่มีการบรรจุและติดฉลากอะไรคือรับมาเป็นจำนวนกิโลกรัมแล้วญาติผมก็นำมาตักใส่ถุงแบ่งขาย
6.ต่อมานางเอกิจการรุ่งเรืองดีมากจึงลงทุนสร้างโรงงานขนาด SME เพื่อให้ผ่าน อย.และสามารถจดชื่อยี่ห้อเป็นของตนเองได้
7.ในตลาดเดียวกันที่ญาติผมนำสินค้าไปแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่าย ก็มีคู่แข่งเป็นสินค้าตัวเดียวกัน รูปร่างเหมือนกันมาจำหน่ายแต่เค้ารับมาจากแม่ค้าทางภาคเหนือโดยตรง ซึ่งก็ไม่มีปัญหากัน เพราะเจ้าของตลาดจัดพื้นที่ขายห่างไกลกันมากและลูกค้าใครลูกค้ามันและเค้าก็ไม่ได้มาขายเป็นเจ้าประจำ
8.นางเอก็จำหน่ายขายส่งแบบเดิมมาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ขึ้นราคาต่อกิโลกรัมสูงมากจนญาติผมเริ่มไม่มีกำไรเพราะหากนำไปขึ้นราคาก็คงจะขายไม่ออก
9.ญาติผมจึงขอลดราคานางเอไปแต่นางเอไม่ยอมอ้างว่ามีหนี้เยอะทำไมไม่ช่วยๆกันบ้าง
10.ญาติผมจึงตัดสินใจไม่รับสินค้าจากนางเอมาจำหน่ายต่อ แต่ได้นำสินค้าจากแม่ค้าทางภาคเหนือมาจำหน่ายแทนเนื่องจากรสชาติคล้ายกัน หน้าตาเหมือนกันแต่ราคาส่งถูกกว่ากันมากๆ
11.นางเอทราบว่าญาติผมไม่สั่งสินค้าจากเขามาจำหน่ายจึงได้แจ้งญาติผมว่าจะเข้ามาขายในตลาดเดียวกันแทน ซึ่งญาติผมก็ตกลงและได้บอกไปว่าได้รับสินค้าจากทางแม่ค้าทางภาคเหนือมาจำหน่ายแทน
12.นางเอโมโหบันดานโทสะตำหนิกับทางญาติผมอย่างรุนแรงว่าห้ามนำสินค้าเดียวกันมาจำหน่ายในพื้นที่ 3 จังหวัด(รวมจังหวัดที่ญาติขาย) ไม่งั้นทางนางเอจะแจ้งตำรวจจับ เพราะเขาจดไว้หมดแล้วว่าห้ามจำหน่ายซ้ำ
13.ญาติผมไม่รู้กฏหมายจึงได้เครียดและนอนไม่หลับจนผมโทรไปสอบถามถึงได้ทราบเรื่องดังกล่าวมา
สิ่งที่ผมอยากทราบและสงสัย
1.คำที่นางเอบอกว่าจดไว้หมดแล้วผมตั้งประเด็นว่าน่าจะจดเครื่องหมายการค้ามากกว่าสิทธิบัตร เนื่องจากสินค้าดังกล่าวเป็นอาหารพื้นบ้านที่คนไทยรู้จักกันมาตั้งแต่โบราณ นางเอไม่ใช้ผู้คิดค้นจึงไม่น่าจะจดสิทธิบัตรได้ ผมจึงสงสัยว่ามันจะมีการจดแบบไหนอีกที่จะสามารถผูกขาดตลาดได้
2.หากนางเอยืนยันจะแจ้งตำรวจจริงทางญาติผมควรทำอย่างไรดี ญาติผมกลัวที่จะต้องเสียเวลาในการทำมาหากินไปกับเรื่องการขึ้นโรงพักและขึ้นศาลครับ
ขอบคุณทุกๆท่านล่วงหน้าครับ