การเดินทางก็ง่ายดายมากครับ จากถนนพระราม2เข้ามาเพียง 20นาทีก็ถึงแล้วหล่ะครับ
โดยเพื่อนที่ขับรถไปเอง ถ้ามาเส้นพระราม2จากฝั่งในกรุงเทพ พอถึงบิ๊กซีพระราม2(ตรงข้ามกับเซ็นทรัลพระราม2)ก็ให้ชิดซ้ายไว้ แล้วจะเจอแยกซ้ายมือ ให้เลี้ยวเข้าไปแล้วขับไปเรื่อยๆโดยจะผ่านขนส่งบางขุนเทียน และร้านอาหารทะเลมากมาย ให้ขับเลยไปเรื่อยๆให้หมดเลยครับ
เพราะเรากำลังจะไปที่พักผ่อนที่เป็นส่วนตัวกันนนน
แต่เพื่อนๆที่นั่งรถโดยสาร เดินทางเอง ก็หารถตู้ที่ไปพระราม2ได้เลยครับบอกคนขับว่า ลงป้ายปากทางหัวกระบือครับ
หรือถ้ากลัวพี่คนขับลืมเราก็นั่งสังเกตบิ๊กซี ฝั่งซ้ายมือ หรือ เซ็นทรัล ฝั่งขวามือพอผ่านไป ก็รอให้เลยไป 1 สะพานลอย
ก็บอกให้เขาจอดป้ายหัวกระบือครับ ถ้าไม่รถตู้ก็จะมี 140 จากอนุสาวรีย์ไปลงปากทางหัวกะบือได้เลยครับ
แล้วก็นั่งรอรถสองแถวคันสีฟ้าหัวรถเป็นสีแดง เขียนว่า โรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์-พระราม2 สายเดียวเท่านั้นที่ไปถึงเลย ให้ไปลงหน้าโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ครับ แล้วโทรหาน้าเล็กเลย
หรือใครตกหล่นอยู่ที่บิ๊กซีพระราม2 ก็รอรถสองแถวคันสีฟ้าหัวรถสีขาวเขียนว่า บางบอน เทคโน ลูกวัวแล้วไปลงที่ ปากทางลูกวัว จากนั้นโทรหาน้าเล็กได้เลยครับน้าเขาไปรับเรา ใจดีมาก
พอเดินทางมาถึงก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี นั่งเอนกายพักเหนื่อยสักพักก็จะมีอาหารทะเลมาให้ทานอย่างเต็มอิ่ม(ไม่มีภาพครับ)
มื้อแรกมีเมนู ทอดมันกุ้ง ปูผัดผงกระหรี่ ยำกุ้งอะไรสักอย่างใส่น้ำพริกเผาจำชื่อไม่ได้ แต่อร่อยมาก ต้มยำรวมมิตรทะเลน้ำข้น หอยแมลงภู่อบสมุนไพร ตบด้วยผลไม้ ท้องแทบแตกครับ

พออิ่มได้สักพักน้าเล็กก็เดินมาชวนพวกเราไปเดินเล่นกันครับ ซึ่งจะพาพวกเราขึ้นรถ ขับไปสักประมาณ 15-20 นาทีก็ถึงจุดหมายแล้วครับ
น้าเล็กพาพวกเราไป 2 ที่ครับ ที่แรกจอดตรงศาลมัจฉานุซึ่งคนเยอะแล้วก็ยังร้อนอยู่ น้าเล็กเลยบอกว่าเดี๋ยวพาไปอีกที่นึงก่อนแล้วค่อยกลับมาที่นี่
ก็เลยได้ไปที่ศูนย์อนุรักษ์ชายฝั่ง บรรยากาศดีมากครับ มีแดดแต่ก็มีร่มไม้เป็นระยะครับ มีทางเดิน ซึ่งเดินชมธรรมชาติป่าไม้ชายเลนได้รอบๆเลย
และแล้วผมก็เห็นทรายอยู่ลิบๆคิดในใจว่าป่าชายเลนมันมีทรายด้วยหรอ?ก็เลยออกนอกเส้นทางไปสักนิดกระโดดลงจากสะพานปูนลัดเข้าไปหาทราย พอไปดูใกล้ๆ เลยเข้าใจว่าที่จริงแล้วมันคือ เปลือกหอยละเอียดมากๆๆๆ น้าเล็กบอกว่าเมื่อก่อนมีเยอะกว่านี้อีก แต่ด้วยปัญหาน้ำเซาะชายฝั่งทำให้ตอนนี้เหลือน้อยเต็มทีแล้ว อนาคตอีก2-3ปีข้างหน้าอาจจะไม่มีให้เห็นกันอีก ซึ่งน้าเล็กได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมาตลอด แล้วบอกว่าชายฝั่งหายไปเร็วมาก ไม้ที่เห็นปักเรียงๆกันอยู่ ก็เพราะเป็นการชลอคลื่นลดการกัดเซาะนั่นเอง
เดินเล่นไปสักพักน้าเล็กก็เรียกเรากลับไปที่ศาลมัจฉานุ ซึ่งตอนนี้แดดก็เริ่มร่มลงแล้วเพราะพระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้วก็เดินทางกลับไปกินอาหารมื้อเย็นกันครับเพราะที่กินเมื่อตอนกลางวันก็เริ่มย่อยลงไปบ้างแล้ว
มื้อเย็นจะเป็นอาหารเบาๆครับ แต่สำหรับผมมันไม่เบาเลยแหล่ะ มีหอยเชลล์ย่างเนย ซึ่งน้าเล็กจะเตรียมเนยที่ปรุงไว้กับชีสให้เราใส่เอาเองตอนย่าง ปลาหมึกย่างพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด(เปรี้ยวเผ็ดอร่อยมาก)หอยนางรมทรงเครื่อง ปลากระพงนึ่งมะนาว และก็ยังมีหมูมาให้ย่างเสริมอีกกลัวพวกเราไม่อิ่ม
ตัวจะแตกแล้วครับน้า จุดเตาย่างกันเองกับเพื่อนๆ มันสนุกตรงนี้แหล่ะครับ ยังไม่พอยังมีลอดช่องมาปิดท้ายอีกช่วยกันเก็บของเสร็จก็อาบน้ำเตรียมเข้านอน เอารูปบนบ้านที่ถ่ายตอนไปถึงมาให้ชมกันครับมีแบบนอนพื้น นอน เตียง และนอนเต็นท์ครับ ใครสนใจแบบไหนก็เลือกนอนได้เลยครับตื่นเช้ามากับอากาศที่เย็นสบาย พร้อมกับเสียงนกร้องในป่า ช่วงนี้น่าเที่ยวมากที่สุดเลยครับยุงน้อย อากาศเย็นสบาย
แต่ตอนเช้าคุณอาจจะต้องตื่นเช้าสักหน่อย เพราะชาวบ้านแถวนั้นตื่นเช้ามากคุณจะได้สินเสียงเรือสัญจรภายในคลองแต่เช้าเลย
อาบน้ำทำภารกิจส่วนตัวเสร็จก็ลงมานั่งเล่นข้างล่างครับมีกาแฟ โอวัลติน ขนมปังให้ทานครับเลือกมุมทานตามสบายแล้วก็ออกไปเดินเล่นริมบ่อครับ ซึ่งถามน้าเล็กว่าเลี้ยงอะไร ก็ได้คำตอบว่าเป็นบ่อกุ้งธรรมชาติใช้เปิดน้ำเข้า-ออก
เวลาน้ำเข้าก็จะมีกุ้งที่มาจากทะเลและอาศัยอยู่ตามคลอง ไหลเข้าบ่อมาพร้อมกับน้ำ และในเวลาเปิดน้ำออก
ก็จะดักพวกกุ้งปลาไว้ซึ่ง ก็จะได้กุ้งปลาไปขายและนำมาทำอาหารในแต่ละวัน
และในบ่อยังเลี้ยงหอยแครงไว้อีกด้วย ซึ่งตอนที่ผมไป หอยเอาขึ้นจะหมดแล้ว รอปล่อยลูกหอยชุดใหม่อยู่
ปกติน้าจะหาหอยจากในบ่อมาให้หรือใครอยากหาเองก็ลงบ่อหรือไม่ก็พายเรือหาได้เลยครับ
แล้วก็กลับมากินมื้อเช้าครับ เมนูก็คือ ไข่เจียวกุ้งสับ หมึกมะนาว ปลากระพงทอดราดน้ำปลา ผัดฉ่าทะเล ผลไม้
แล้วเราก็เก็บของเตรียมกลับ น้าเล็กจะไปส่งพวกเราขึ้นรถครับ