ปัญหาเกี่ยวกับสามีที่เราจดทะเบียนสมรส และอยู่กินกันมา 11 ปี มีลูก 2 คน
เราทั้งคู่มีอาชีพรับราชการ ตัวสามีอายุ 44 รับราชการมาแล้ว 24 ปี เมื่อสามเดือนก่อนมีเหตุให้ต้องพักงาน
ซึ่งสาเหตุเราไม่ขอกล่าวถึง
ปัญหาเรื่องงานของสามีก็เรื่องหนึ่ง แต่ปัญหาใหญ่ที่เผชิญอยู่ขณะนี้คือเรื่องเงิน
ณ ขณะนี้ สามียังมีรายได้ แต่ไม่พอใช้หนี้กับสถาบันการเงิน ซึ่งถึงวันนี้ มีหนี้สินสองถึงสามรายการที่ค้างชำระมาสองเดือน
สามีบอกว่าจะแก้ปัญหาตรงนี้ด้วยการเอาที่ดินการเกษตรที่สามีซื้อไว้เมื่อ 6 ปีก่อน นำออกขาย เพื่อเอามาชำระหนี้บางรายการ
อันที่จริงที่แปลงนี้มีคนยื่นขอซื้อมาตั้งแต่ปีที่แล้วในราคาไร่ละ 300,000 บาท โดยสามีมองว่าในราคานี้ ยังไม่จำเป็นต้องขาย
เพราะตอนนั้นไม่มีความต้องการใช้เงินแต่อย่างใด
แต่ในคราวนี้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องการขายในราคาที่เสนอมา ผู้ซื้อกลับบ่ายเบี่ยงขอลดราคา
ในตอนนั้นเราและสามีรู้สึกไม่พอใจมาก เพราะผู้ซื้อนัดแล้วปล่อยให้คอยเก้อมา 3 ครั้ง แล้วค่อยบอกว่าขอลดราคา
อันที่จริง แม้ว่ายอดขายที่ดินจะลดลงจากเป้าที่ตั้งไว้ 3 หรือ 5 หรือ 10 เปอร์เซนต์ (กัดฟันเลือดซิบ) นั้นเรารับได้
แต่ผู้มีความต้องการซื้อที่ ที่มีเงินซื้อจริงๆ นั้นเรายังหาไม่ได้เลย
ส่วนตัวเราเองก็ไม่สามารถช่วยสามีชำระหนี้สินได้ เพราะเมื่อสองปีก่อน เราได้กู้เงินก้อนใหญ่มาสร้างบ้าน
เหลือใช้เดือนละไม่กี่บาท อาศัยประหยัดและรอเงินเดือนขึ้นปีละนิดหน่อยทำให้พอผ่านไปได้เท่านั้น
ธนาคารเริ่มทวงยิกๆ ที่ก็ยังขายไม่ได้
เราไม่อยากใช้วิธีเอาที่ไปจำนอง เพราะไม่มีเงินไปไถ่ถอนแน่นอน
เราคิดไปไกลว่า หรือสุดท้าย จะถูกฟ้องเป็นบุคคลล้มละลายทั้งคู่
เพราะถึงแม้จะยังมีบ้าน มีที่ แต่ราคาประเมินก็ต่ำกว่าราคาจริงมาก
เรื่องงานของสามีนั้น โอกาสที่จะกลับไปทำตำแหน่งเดิมมี 50 : 50
แต่โอกาสที่จะได้เงินเดือนเท่าเดิมนั้นเป็นศูนย์ สามีทำสายบริหาร ไม่ใช่สายวิชาชีพ
แถมอายุขนาดนั้นให้กลับไปทำงานเอกชนไม่รู้จะมีใครรับไหม
เรื่องส่วนตัวระหว่างเรากับสามีก็ยังมีปัญหา เพราะชีวิตคู่ไม่ได้รักกันหวานชื่นเหมือนคู่อื่น
ห่างเหิน และแทบไม่คุยกันมาหลายปีแล้ว
ถามว่าหย่าได้ไหม เราขอหย่ามาสองปีแล้วแต่สามีไม่ยอมหย่า
แต่ถ้าถามว่าทิ้งเขาได้ไหม อันนี้ไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ ตายก็ตายมันด้วยกันนี่แหละ
เกิดวิกฤตปัญหาครั้งใหญ่ในชีวิต จะแก้ปัญหาในทางไหนได้บ้าง
เราทั้งคู่มีอาชีพรับราชการ ตัวสามีอายุ 44 รับราชการมาแล้ว 24 ปี เมื่อสามเดือนก่อนมีเหตุให้ต้องพักงาน
ซึ่งสาเหตุเราไม่ขอกล่าวถึง
ปัญหาเรื่องงานของสามีก็เรื่องหนึ่ง แต่ปัญหาใหญ่ที่เผชิญอยู่ขณะนี้คือเรื่องเงิน
ณ ขณะนี้ สามียังมีรายได้ แต่ไม่พอใช้หนี้กับสถาบันการเงิน ซึ่งถึงวันนี้ มีหนี้สินสองถึงสามรายการที่ค้างชำระมาสองเดือน
สามีบอกว่าจะแก้ปัญหาตรงนี้ด้วยการเอาที่ดินการเกษตรที่สามีซื้อไว้เมื่อ 6 ปีก่อน นำออกขาย เพื่อเอามาชำระหนี้บางรายการ
อันที่จริงที่แปลงนี้มีคนยื่นขอซื้อมาตั้งแต่ปีที่แล้วในราคาไร่ละ 300,000 บาท โดยสามีมองว่าในราคานี้ ยังไม่จำเป็นต้องขาย
เพราะตอนนั้นไม่มีความต้องการใช้เงินแต่อย่างใด
แต่ในคราวนี้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องการขายในราคาที่เสนอมา ผู้ซื้อกลับบ่ายเบี่ยงขอลดราคา
ในตอนนั้นเราและสามีรู้สึกไม่พอใจมาก เพราะผู้ซื้อนัดแล้วปล่อยให้คอยเก้อมา 3 ครั้ง แล้วค่อยบอกว่าขอลดราคา
อันที่จริง แม้ว่ายอดขายที่ดินจะลดลงจากเป้าที่ตั้งไว้ 3 หรือ 5 หรือ 10 เปอร์เซนต์ (กัดฟันเลือดซิบ) นั้นเรารับได้
แต่ผู้มีความต้องการซื้อที่ ที่มีเงินซื้อจริงๆ นั้นเรายังหาไม่ได้เลย
ส่วนตัวเราเองก็ไม่สามารถช่วยสามีชำระหนี้สินได้ เพราะเมื่อสองปีก่อน เราได้กู้เงินก้อนใหญ่มาสร้างบ้าน
เหลือใช้เดือนละไม่กี่บาท อาศัยประหยัดและรอเงินเดือนขึ้นปีละนิดหน่อยทำให้พอผ่านไปได้เท่านั้น
ธนาคารเริ่มทวงยิกๆ ที่ก็ยังขายไม่ได้
เราไม่อยากใช้วิธีเอาที่ไปจำนอง เพราะไม่มีเงินไปไถ่ถอนแน่นอน
เราคิดไปไกลว่า หรือสุดท้าย จะถูกฟ้องเป็นบุคคลล้มละลายทั้งคู่
เพราะถึงแม้จะยังมีบ้าน มีที่ แต่ราคาประเมินก็ต่ำกว่าราคาจริงมาก
เรื่องงานของสามีนั้น โอกาสที่จะกลับไปทำตำแหน่งเดิมมี 50 : 50
แต่โอกาสที่จะได้เงินเดือนเท่าเดิมนั้นเป็นศูนย์ สามีทำสายบริหาร ไม่ใช่สายวิชาชีพ
แถมอายุขนาดนั้นให้กลับไปทำงานเอกชนไม่รู้จะมีใครรับไหม
เรื่องส่วนตัวระหว่างเรากับสามีก็ยังมีปัญหา เพราะชีวิตคู่ไม่ได้รักกันหวานชื่นเหมือนคู่อื่น
ห่างเหิน และแทบไม่คุยกันมาหลายปีแล้ว
ถามว่าหย่าได้ไหม เราขอหย่ามาสองปีแล้วแต่สามีไม่ยอมหย่า
แต่ถ้าถามว่าทิ้งเขาได้ไหม อันนี้ไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ ตายก็ตายมันด้วยกันนี่แหละ